ช่วงเวลาที่ผ่านมา อุปกรณ์ต่างๆนั้นก็ได้มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายๆอย่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง เสียง หรือ หน้าจอและแบตเตอรี่ก็ตาม.

วันนี้ผม iTechHangOut จะพามาย้อนประวัติของนิยามคำว่า

มี 2 ย่อมดีกว่า 1

โดยในสิ่งแรกของการพัฒนา จาก 1 เพิ่มมาเป็น 2 เราจะเห็นได้จากการเริ่มต้นพัฒนากล้องคู่ โดยริเริ่มมาจากกล้องคู่ที่ใช้งานในการถ่าย 3D ในปี 2011 กัยสมาร์ทโฟน 2 ยี่ห้อนั่นก็คือ HTC Evo 3D และ LG optimus 3D ซึ่งใช้ในการถ่ายรูปภาพให้ออกมาเป็น 3 มิติ และในปัจจุบันกล้องคู่ได้พัฒนาออกมาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำ เซนเซอร์วัตรระยะ / เพิ่มกล้อง ขาว-ดำ เข้ามาเพื่อเก็บแสงได้ดียิ่งขึ้น / เลนส์วายด์ที่มีมุมมองกว้างกว่าปกติ / กล้องเลนส์เทเลที่ช่วยในการถ่ายภาพละลายหลัง.

สาระน่ารู้ ตอนที่ 1.1 กล้องคู่ ? มันทำงานยังไงกันแน่นะ ?

การเวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงปี 2013 ที่เป็นการกำเนิดของลำโพงคู่ ที่เป็นตัวบ่งบอกได้ชัดเจนที่สุดว่า มี 2 ย่อมดีกว่า 1 มากน้อยแค่ไหน. โดยในรุ่นแรกที่พัฒนาลำโพงคู่ออกมานั้นคือ HTC One โดยการทำงานของลำโพงคู่ในครั้งนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยในการขับกำลังเสียงและ ถือเป็นครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ที่ลำโพงของสมาร์ทโฟนนั้นสามารถขับเบสออกมาเป็นลูกให้คนได้รับรู้อีกเช่นกัน จนมาในปัจจุบันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่รับแนวทางการใช้งานลำโพงคู่ไปใช้เช่น Apple, Sony, Motorola, Google

ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2013 นั้น Apple ได้มีการพัฒนาแฟลช LED ขึ้นมา โดยเรียกว่า Dual Tone LED Flash ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนโดยการใช้แฟลชนั้นทำให้มีภาพมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น. และการใช้งานในรูปแบบนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่หลายๆแบรนด์นั้นได้นำไปใช้เป็นแนวทางหลักเป็นที่เรียบร้อยอีกเช่นกัน. สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีการใช้งาน Dual Tone นั้นก็คือ iPhone 5s ผู้ให้กำเนิด Dual Tone และการใช้งานครั้งแรกของหน่วยประมวลผล 64 Bit อีกเช่นกัน.

 

และมาในปี 2015 อาจมีหลายคนที่ไม่รู้ว่า ในปีนี้ถือเป็นปีแห่งเทคโนโลยีพัฒนาเพิ่มมาขึ้นหลายอย่าง.

  • อย่างแรกของปีนี้คือ การพัฒนาของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน ที่เป็นการริเริ่มใช้งาน แบตเตอรี่ 2 ก้อนในสมาร์ทโฟนครั้งแรก โดยความสามารถของการเพิ่มแบตเตอรี่มาเป็น 2 ก้อนก็คือ ช่วยลดอาการของแบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ และอัตราการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น. แต่ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีผู้ใดนำมาพัฒนาต่อ สำหรับสมาร์ทโฟนที่ริเริ่มการใช้งาน แบต 2 ก้อนในครั้งนี้ก็คือ Innos D6000 ที่มีแบตเตอรี่รวมกันถึง 6,000 mAh เลยทีเดียว. ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนก็ยังคงใช้งานแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ก็เป็นเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ด้วยเช่นกัน. 
  • ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น ได้ถือกำเนิดสมาร์ทโฟนสำหรับการฟังเพลงแบบจริงจังขึ้นมา นั่นก็คือ Marshall London ผู้ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีการใส่พอร์ต 3.5 mm มาให้ถึง 2 พอร์ตเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเชื่อมต่อลำโพงหรือแม้กระทั่งหูฟังนั่นเอง โดยทางผู้พัฒนาได้มีการบอกว่าการใช้งานในรูปแบบนี้นั้นช่วยให้การทำงานของเสียงนั้นอยู่ในระดับ Higher Resolution กันเลยทีเดียว. แต่….. ในปัจจุบันนี้การพัฒนาด้านหูฟังกลับมาใช้พอร์ตในรูปแบบของ Type C และ Lightning แทนซึ่งมีการส่งสัญญาณที่คุณภาพดีกว่า 3.5 mm นั่นเอง 
  • และสิ่งที่สร้างกระแสฮือฮา ได้มากที่สุดในปี 2015 นั้นก็คือการพัฒนาของหน้าจอ ที่มีการเลือกใช้หน้าจอ 2 หน้าจอในอุปกรณืตัวเดียวนั่นเอง ซึ่งริเริ่มโดย LG V10 ที่นำจอที่ 2 เข้ามาเพื่อใช้งานสมาร์ทโฟนที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบ Multitask ที่รวดเร็วกว่าปกติ จนมาถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีจอคู่นั้นได้มีการใช้งานในสมาร์ทโฟนหลากหลายยี่ห้อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น LG V20 , LG Q8 , HTC U Ultra , Meizu Pro 7 ถือว่าเป็นอีกเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาต่ออย่างเรื่อยๆ และดูเป็นอะไรที่สามารถใช้งานได้จริงอีกเช่นกัน. 

 

สำหรับข้อดีของการมีคู่นั้นก็มีดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย จริงมั้ยครับ ? และในปัจจุบันนั้นเองการพัฒนายังไม่หยุดหย่อนและเพิ่มความสามารถไปอีกเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านลำโพงคู่ที่นับว่า ตอนนี้ใครสายฟังเพลงหรือดูหนัง เลือกซื้อสมาร์ทโฟนทีนึง ก็ต้องขอแบบมีลำโพงคู่ไม่งั้นไม่สะใจ.

หรือแม้กระทั่งกล้องก็อีกเช่นกัน ที่มีหลายคนที่เลือกซื้อกล้องคู่เป็นหลัก จนไม่รู้ว่ากล้องคู่นั้นทำงานยังไง และก็โดนการมาของ บิดาที่เป็นการบ่งบอกของกล้องอีกครั้งว่า “มี 1 นั้นดีกว่า 2.”

รวมไปถึงหน้าจอคู่ที่ยังมีการพัฒนากันต่อไปอีก ไม่ว่าจะเป้นจอคู่ทั้งหน้า และจอคู่ที่แยกด้านหน้าและหลังออกจากกันก็ตมที

นี่แหละครับ ข้อดีของการมีคู่.

Written icrEAm