เดือนสิงหาคมแบบนี้เป็นเวลาที่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มปีการศึกษาใหม่ และบัณฑิตจบใหม่สดๆ ร้อนๆ ก็อยู่ในช่วงหางานหรือเริ่มปรับตัวกับงานแรกในชีวิต เป็นจังหวะที่หลายคนกำลังอยากได้แล็ปท็อปเครื่องใหม่ให้เป็นเหมือน milestone เล็กๆ ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ซึ่งถ้าจะซื้อแล็ปท็อปทั้งที เราไม่แนะนำให้ดูแค่ราคาหรือความต้องตาต้องใจเท่านั้น เพราะมันต้องเอาให้คุ้มไม่ใช่ว่าใช้ได้แค่ปีสองปีก็ต้องเปลี่ยนอีก ใครตั้งท่าจะเลือกคอมฯ แล้วยังไม่เชี่ยวเรื่องสเปก วันนี้เรามีไกด์มาให้ รับรองว่าไม่มีการเลือกพลาด

สตรีมคอนเทนต์ออนไลน์เต็มตา แค่จอใหญ่ไม่พอ ยังต้องรู้จักคำว่า “Bezel”

“หน้าจอ” คือปัจจัยแรกๆ ที่นึกถึงเวลาจะเลือกแล็ปท็อป เพราะต้องเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และลักษณะการใช้งานของเรา ไม่ว่าจะใช้คอมฯ ทำโปรเจกต์ที่อาจารย์สั่งมา ใช้เล่นอินเทอร์เน็ต เลื่อนดูฟีดทวิตเตอร์เวลาว่าง สตรีมคอนเทนต์บันเทิง หรือสตรีมไลฟ์โอปป้าในแฟนมีตติ้งออนไลน์ ก็ต้องเลือกหน้าจอที่ใหญ่สะใจให้ฟินกันไปข้าง วิธีดูขนาดหน้าจอแยกได้เป็นสองส่วนหลักๆ คือ Display กับ Bezel โดย Display คือขอบเขตการแสดงผลของหน้าจอ พื้นที่บนหน้าจอที่เราจะใช้งาน ส่วน Bezel คือขอบที่อยู่รอบจอแสดงผล หมายความว่าถึงแล็ปท็อปบางรุ่นจะใช้จอแบบกระจกทั้งหมด ไม่มีจอพลาสติกหรือโลหะอยู่รอบๆ แต่ขอบเขตการแสดงผลอาจจะไม่ได้เต็มจอแบบ Full View ก็ได้ เพราะต้องมีส่วนของ Bezel ล้อมรอบอยู่ดี ดังนั้น ถ้าอยากทำงานหรือท่องโลกความบันเทิงให้เต็มตา ต้องดูขนาดขอบจอหรือ Bezel ให้บางที่สุด หรือง่ายๆ คือ ต้องดูที่สัดส่วนหน้าจอเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง (screen-to-body ratio) ว่าหน้าจอคอมฯ เครื่องไหน “จอใหญ่” จริงๆ กันแน่

และหนึ่งในนั้นที่อยากแนะนำ สำหรับแล็ปท็อปราคาดี จอสวย ที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ก็คือ HUAWEI MateBook D 15 2021 รุ่น 10th Gen Intel® Core™ processor ที่ราคาไม่ถึง 20,000 บาท แต่ให้จอ HUAWEI FullView Display มาแบบจัดเต็มถึง 15.6 นิ้ว สัดส่วนหน้าจอกว้าง 87% เมื่อเทียบกับตัวเครื่อง โดยมี Bezel หรือขอบจอบางแค่ 5.3 มม. ยกความคมชัดมาให้แบบ Full HD 1920×1080 พิกเซล ดูคอนเทนต์บันเทิงได้สบายตา ชัดเจนถึงใจไม่ว่าจะใช้เล่น เรียน หรือทำงาน และยังสามารถวางใจเรื่องการปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า เพราะจอมีเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้าและลดการกะพริบของภาพซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองระดับโลกโดย TÜV Rheinland ท่องโลกอินเทอร์เน็ต เรียน หรือ ทำงานนานแค่ไหนก็หายห่วง

แค่น้ำหนักเบาไม่พอ วัสดุต้องแบบไหนถึงใช่

บางคนอาจคิดว่าใครเลือกคอมฯ แค่ดีไซน์ภายนอก เท่ากับว่าเป็นคนดูคอมฯ ไม่เป็น แต่ความจริงแล้วเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้ดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะการออกแบบไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องความสวยงามถือไปไหนก็น่ามองอย่างเดียว แต่ถ้าแล็ปท็อปไม่ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบนัก เช่น อาจจะเลือกใช้วัสดุไม่เหมาะสม น้ำหนักมากเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เมื่อต้องพกพาไปใช้งาน ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องนึกถึงความทนทานกับอายุการใช้งานด้วย ดังนั้น วัสดุที่ใช้ประกอบแล็ปท็อป ความหนาบาง และน้ำหนักจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงด้วย และต้องพูดว่าอลูมิเนียมเป็นหนึ่งในวัสดุที่เราแนะนำ เพราะมีความคงทนกว่าพลาสติก แถมน้ำหนักเบา ขณะเดียวกันก็เพิ่มความหรูหราให้ตัวเครื่อง ส่วนน้ำหนักของเครื่องที่ขนาดจอ 15 นิ้ว ถ้าอยู่ที่กิโลครึ่งก็กำลังดี ช่วยรักษาสุขภาพของเราได้ด้วย อย่าง HUAWEI MateBook D 15 2021 ก็มีบอดี้อลูมิเนียมทนทานที่บางเพียง 16.9 มม. และน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 1.53 กก. เท่านั้น เสริมทั้งความมั่นใจและความคล่องตัวให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่มีสี Space Gray สุดคลาสสิกอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีสี Mystic Silver ออกใหม่ เหมาะสำหรับคนชอบลุคคลีนๆ ให้ความหรูหราและมินิมอลในเวลาเดียวกัน

ยุคแห่งการทำงาน เรียน และท่องโลกความบันเทิงแบบ Multi-tasking ร่วมเปิดโลก Ecosystem ของแต่ละแบรนด์

สุดท้ายที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดเวลาจะหาแล็ปท็อปที่ราคาดี คือเทคโนโลยีหรือฟีเจอร์เฉพาะที่แอบซ่อนอยู่ของแต่ละแบรนด์ โดยเราต้องสังเกตลักษณะการใช้งานของตัวเองก่อน อย่างถ้าใช้เรียนออนไลน์เป็นหลัก แต่ละคลาสที่เข้าเรียนทั้งต้องตั้งใจฟัง ดูเอกสารประกอบเนื้อหา จดบันทึก หาข้อมูลเพิ่มเติม และปรึกษาเพื่อนในชั้นส่วนตัว มีหลากหลายอย่างที่ต้องทำในเวลาเดียวกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ลองดูว่าแล็ปท็อปแต่ละแบรนด์ที่เล็งไว้ มีฟีเจอร์ล้ำๆ ที่ช่วยทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้พร้อมกันอย่างราบรื่นหรือไม่ เพราะในโลกยุคนี้ที่คนเราทำงานหรือเรียนออนไลน์เป็นหลักนั้น นับเป็นยุคแห่งการทำอะไรแบบ multi-tasking จริงๆ  ซึ่งอย่างหัวเว่ยก็จะมีฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration ที่เป็นการทำงานระหว่างสมาร์ทโฟน EMUI 11.0 และ PC Manager 11.0 ขึ้นไป แค่แตะสมาร์ทโฟนลงบนแล็ปท็อป ก็จะสามารถแคสหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ไปแสดงบนจอแล็ปท็อปได้ทันที และสามารถควบคุมด้วยเม้าส์และคีย์บอร์ดได้ง่ายๆ  รวมถึงส่งไฟล์ต่างๆ ระหว่างดีไวซ์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ยังไม่พอ เพราะเทคโนโลยีล่าสุด HUAWEI Share 3.0 จะช่วยเพิ่มความ Multi-tasking ให้เต็มแม็กซ์ขึ้นไปอีก โดยสามารถเปิด แอปฯ หน้าจอได้พร้อมกัน เท่ากับว่าจะเปิดแอปฯ เรียนออนไลน์บนโทรศัพท์ หาข้อมูลเพิ่มเติมจากแอปฯ ข่าวสาร หรือโซเชียล และยังดึงแอปฯ แชทขึ้นมาปรึกษาเพื่อนได้อีก จอพร้อมกันทีเดียว และอย่าลืมว่าพอใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนผ่านแล็ปท็อป ก็ยังสามารถเปิดโปรแกรมจดโน้ตบนแล็ปท็อป แคปฯ ภาพจากสไลด์อาจารย์มาแปะ แล้วก็อปข้อความและไฟล์จากหน้าจอแล็ปท็อปไปแชร์เพื่อนในแอปฯ แชทได้ทันทีอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ทั้งสองร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ

Bonus: เกร็ดเล็กๆ ที่เทคโนโลยีจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะ

แล็ปท็อปเดี๋ยวนี้มักใส่ลูกเล่นเล็กๆ ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้ปุ่มเปิดเครื่องทำหน้าที่เป็นจุดสแกนลายนิ้วมือที่เดียวกันไปเลย เพื่อล็อกอินเข้าใช้งานแทนการใส่พาสเวิร์ด หรือการซ่อนกล้องไว้ที่ปุ่มคีย์บอร์ดซึ่งนอกจากจะได้ความปลอดภัยแล้วยังลดพื้นที่จากการที่กล้องอยู่บนขอบจอได้พร้อมๆ กัน ทำให้ได้ขอบจอหรือ Bezel ที่บางเฉียบขึ้นอีกระดับ รวมถึงอีกประเด็นสำคัญคือพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าแล็ปท็อปใช้พอร์ต USB-C เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ดีไวซ์อื่นๆ ที่เราใช้อยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งลงตัว พกสายชาร์จเพียงอันเดียวก็หมดห่วง

จุดนี้ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความใส่ใจในการออกแบบและการคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานอย่างแท้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้ มาพร้อมแล้วใน HUAWEI MateBook D 15 ที่สามารถล็อกอินเข้าเครื่องผ่าน Fingerprint Power Button ได้ มีกล้องสำหรับประชุมงานเป็นแบบ recessed camera ที่ซ่อนอยู่ในปุ่มบนคีย์บอร์ด เก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน และยังใช้สายชาร์จ USB-C น้ำหนักเพียง 160 กรัม รองรับการชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge™ 65W ชาร์จเพียง 15 นาทีก็ใช้ต่อได้อีก ชั่วโมง ทั้งยังชาร์จสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ได้ด้วยสายเดียวกันนี้