บริษัทให้คำปรึกษาอย่าง McKinsey ได้เผยในรายงานล่าสุดว่า บริษัทเครือข่ายไร้สายส่วนใหญ่กำลังจะทุ่มทุนไปกับการพัฒนา 5G แต่ถึงกระนั้นในอีก 10 ปีเครือข่าย 5G จะยังไม่สามารถใช้งานอย่างครอบคลุมได้

โดย McKinsey ได้คาดการณ์ว่าการพัฒนา 5G ในระลอกที่หนึ่งจะใช้งบประมาณ 7-9 แสนล้านกอลลาร์สหรัฐ ฯ (ประมาณ 22-28 ล้านล้านบาท) ซึ่งในปี 2030 จะครอบคลุมการใช้งานของประชากรเพียง 25% ของโลกเท่านั้น โดยผู้ที่สามารถใช้งานได้ส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคที่ร่ำรวยและพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ฯ, จีน และยุโรปเท่านั้น

เครือข่าย 5G จะสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้เร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่า และจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้ต่อหนึ่งจุดกระจายสัญญาณก็เพิ่มขึ้น 100 เท่า ทั้งนี้การจะทำให้อุปกรณ์หนึ่ง ๆ สามารถใช้งาน 5G ได้นั้นจำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบราคาสูง ทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้มันสามารถใช้งานได้แค่ในบางพื้นที่เท่านั้น

แต่ก็ยังมีเครือข่าย 5G ที่ประหยัดกว่าอยู่เหมือนกัน แต่ต้องแลกมาด้วยความเร็วที่ช้ากว่า 5G ปกติเล็กน้อยก็คือ การใช้ 5G ในความถี่ band เดียวกับ 4G นั่นเอง ซึ่ง 5G ประเภทนี้จะครอบคลุมประชากรถึง 80% ของโลกในปี 2030 และใช้งบประมาณในการลงทุนเพียง 4-5 แสนล้าน (ประมาณ 12-16 ล้านล้านบาท) เท่านั้น ถึงแม้ว่าเครือข่าย 5G ชนิดนี้จะเร็วกว่า 4G เพียงแค่เล็กน้อย แต่ว่าสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า และมีดีเลย์ในการส่งข้อมูลน้อยกว่าด้วย

5G

ในรายงานยังเผยอีกว่าก่อนปี 2030 เครือข่าย 5G low-band และ mid-band จะครอบคลุมประชากรถึง 80% ซึ่งคิดเป็นจำนวนประชากรกว่า 7 พันล้านคน ทั้งนี้คุณภาพ 5G ที่ประชากรเหล่านี้สามารถใช้ได้นั้นจะด้อยกว่า

ปัจจุบันมีประชากรโลกกว่า 40% ที่ไม่สามารถใช้งานเครือข่ายไร้สายได้ ซึ่งในปี 2030 จำนวนดังกล่าวจะลดลงเหลือเพียง 20% เท่านั้น และจะส่งผลให้ GDP ของโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 – 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (ประมาณ 47-63 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว

ในส่วนของผลกระทบของเครือข่าย 5G นั้นจะมี 4 ด้านหลัก ๆ ด้วยกันประกอบด้วยสมาร์ทโฟน, สาธารณสุข, การผลิตและการค้าปลีก, GDP ของโลกเพิ่มขึ้นดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า ซึ่งผลกระทบอื่น ๆ ที่เด่นชัดได้แก่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ลดลง, การแพทย์ทางไกลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นที่นิยมมากขึ้น, สายการผลิตจะถูกปรับให้เหมาะสมกว่าเดิม นอกจากนั้น 4 ด้านที่กล่าวไปนั้นคิดเป็น 30% ของ GDP โลกเลย

GIZCHINA