ความนิยมของการขุดบิตคอยน์ภายในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ ฯ ต้องหยุดลงเนื่องจากสภารัฐนิวยอร์ก (state senate) ได้ผ่านร่างกฏหมายระงับไม่ให้ใช้พลังงานจากโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลบางแห่งในการขุดบิตคอยน์เป็นเวลา 2 ปี เพื่อศึกษาผลกระทบที่การขุดคริปโทเคอเรนซี่มีต่อสิ่งแวดล้อม
โดยความเห็นต่อกฎหมายดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองข้างคือ ข้างหนึ่งกังวลว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมคริปโทเคอเรนซี่ของรัฐนิวยอร์ก ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งกังวลว่าการไม่มีกฎหมายมาจำกัดการขุดบิตคอยน์จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวยังมีโอกาสลุ้นด่านสุดท้ายที่การตัดสินของผู้ว่าราชการรัฐนิวยอร์กคือ Kathy Hochul ว่าจะตัดสินใจอนุมัติหรือปัตตกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีรายงานจาก The New York Times เผยว่าเธอได้รับเงินบริจาคประมาณ 1.3 ล้านบาทจากผู้บริหารบริษัทที่ดูแลโรงงานที่เคยผลิตอลูมิเนียมซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ขุดคริปโทเคอเรนซี่ จึงอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเธอได้
ทั้งนี้การที่รัฐนิวยอร์กเป็นหนึ่งในแหล่งขุดคริปโทเคอเรนซี่ที่สำคัญเป็นเพราะ ทางการจีนสั่งห้ามขุดบิตคอยน์เมื่อปีที่แล้ว ผู้ที่ขุดบิตคอยน์ในประเทศจีนจึงย้ายฐานการขุดบิตคอยน์มายังรัฐนิวยอร์คที่มีพลังงานที่ผลิตจากน้ำค่อนข้างมาก และมีโรงงานพลังงานฟอสซิลที่เลิกทำการผลิตแล้วที่พร้อมกลับมาใช้งานใหม่เพื่อขุดบิตคอยน์
ด้วยเหตุที่การใช้พลังงานฟอสซิลเพิ่มขึ้นโดยมีบิตคอยน์เป็นตัวเร่ง ทำให้คนบางกลุ่มเกิดความกังวลถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา กฎหมายฉบับใหม่จึงสั่งห้ามออกใบอนุญาตการขุดคริปโทเคอเรนซี่ที่ใช้พลังงานสูงหรือ proof-of-work แบบเดียวกับที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์และอีเทอเรียม เพราะวิธีการขุดดังกล่าวเมื่อคำนวณการขุดทั่วโลกแบบเทียบกับการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศต่าง ๆ แล้ว มันจะใช้พลังงานไฟฟ้าต่อปีมากเป็นอันดับ 32 ของโลก
อย่างไรก็ดีกฎหมายข้างต้นไม่มีผลต่อการขอใบอนุญาตขุดคริปโทเคอเรนซี่ที่ทำขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และการขอใบอนุญาตที่กำลังดำเนินเรื่องอยู่ในขณะที่กฎหมายฉบับบังคับใช้ รวมทั้งไม่มีผลต่อการขุดคริปโทเคอเรนซี่โดยใช้พลังงานสะอาด หรือการขุดคริปโทเคอเรนซี่ด้วยวิธีการอื่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่า