หลังจากที่ตลาดคริปโทเคอเรนซี่ประสบกับขาลงอย่างรุนแรงในเดือนนี้ ราคาของบิตคอยน์ก็ลดลงอย่างมากจนเหลือที่ราว 7.5 แสนบาท (จาก ATH หรือ all time high ที่ประมาณ 2 ล้านบาท) การใช้พลังงานขุดบิตคอยน์ก็ลดลงถึง 1 ใน 3 จากเดือนที่แล้ว
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ที่รักสิ่งแวดล้อมที่กังวลว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าในการขุดบิตคอยน์จะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะพลังงานไฟฟ้าจำนวนมากถูกใช้ไปกับอุปกรณ์ประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานสูงในการประมวลผลยืนยันการทำธุรกรรมในบล็อคเชนเพื่อให้ได้บิตคอยน์มาครอบครอง
ซึ่งพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ถูกใช้ในกระบวนการดังกล่าวมากจนเทียบเท่ากับการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศขนาดกลางเลยทีเดียว
การใช้พลังงานในการขุดบิตคอยน์ลดลงจาก 204 (เททระวัตน์-ชั่วโมง) ต่อปีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน เหลือเพียง 132 TWh ต่อปีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งแม้ว่าพลังงานที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์จะลดลง แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังมากอยู่ดี เพราะใกล้เคียงกับประมาณการใช้พลังงานของประเทศอาร์เจนตินาทั้งประเทศในหนึ่งปีเลยทีเดียว
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อราคาบิตคอยน์ร่วง แรงจูงใจหรือผลตอบที่นักขุดบิตคอยน์จะได้นั้นก็มีมูลค่าลดลงแม้ว่าจะได้บิตคอยน์ลดลง ทำให้การเลิกขุดอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่าทนขุดแบบขาดทุนต่อไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาราคาของบิตคอยน์จะร่วงลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ราคา ATH แต่การใช้พลังงานขุดก็ไม่ได้ลดลงมากนัก เนื่องจากหากราคายังไม่ลดลงต่ำกว่า 9 แสนบาท การขุดบิตคอยน์จะยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะได้กำไรไม่มาก เพราะนักขุดหลายคนลงทุนซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ไปแล้ว ตราบใดที่ยังไม่ขาดทุนหนักพวกเขาก็ต้องการขุดบิตคอยน์ต่อไปเพื่อคืนทุนนั่นเอง
นอกจากนั้นไม่ใช่แค่นักขุดบิตคอยน์ที่มีการขุดที่น้อยลง เพราะ เหรียญอีเธอเรียม (Ethereum) ที่ใช้กระบวนการขุดในลักษณะคล้ายกันก็มีราคาลดลงในเดือนนี้ ส่งผลให้พลังงานที่ใช้ในการขุดอีเธอเรียมลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากเดือนที่แล้ว