มือถือหลายรุ่นในปัจจุบันโดยเฉพาะรุ่นที่ราคาค่อนข้างสูงมีฟีเจอร์การชาร์จไร้สายที่แค่วางมือถือบนแท่นชาร์จ หรือแม้กระทั่งวางทับมือถือเครื่องอื่นก็สามารถทำการชาร์จได้แล้ว แต่ก็มีข้อกังวลว่าชาร์จแบตด้วยการชาร์จไร้สายบ่อยๆจะทำให้แบตเสื่อมเร็วหรือไม่

ในความเป็นจริงแล้วการชาร์จแบตเตอรี่ทุกรูปแบบล้วนทำให้แบตเสื่อมลงทีละเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่จะมีปัจจัยอื่นๆ อย่างความร้อนระหว่างการชาร์จที่ทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้น เพราะ ในกรณีนี้การชาร์จไร้สายพลังงานไฟฟ้าไม่สามารถถูกส่งเข้าตัวมือถือได้ทั้งหมด ทำให้พลังงานที่ส่งเข้ามือถือไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน มือถือที่ใส่เคสหนาอาจทำให้เกิดความร้อนมากขึ้นจนทำให้แบตเสื่อมเร็วได้

แต่โดยปกติแล้วแท่นชาร์จมือถือส่วนใหญ่จะมีระบบระบายความร้อนในตัวอยู่แล้วทำให้ความร้อนที่เกิดจากการชาร์จน้อยลง ส่วนแท่นชาร์จไร้สายที่ใช้ในรถยนต์หรือแท่นชาร์จในที่สาธารณะที่อาจไม่มีระบบระบายความร้อนนั้นจะเป็นการชาร์จความเร็วต่ำอยู่ที่ประมาณ 5W เท่านั้น จึงทำให้ไม่เกิดความร้อนระหว่างการชาร์จมากนัก

นอกจากนั้นแม้ว่าจะชาร์จแบบมีสาย แต่พลังงานที่ถูกส่งมาจากปลั๊กไฟจะไม่ถูกชาร์จเข้ามือถือครบ 100% โดยจะสูญเสียพลังงานไปในส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์การชาร์จ เช่น ลวดทองแดงในหัวชาร์จและในตัวมือถือ ซึ่งการออกแบบที่ดีจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานในส่วนนี้ได้

ในกรณีที่สภาพแวดล้อมในสถานที่ชาร์จมือถือมีอุณหภูมิสูง แบตเตอรี่มือถือในปัจจุบันมักมีระบบตรวจจับอุณหภูมิมาให้อยู่แล้ว ทำให้เมื่ออุณหภูมิระหว่างการชาร์จสูงเกินกว่าที่กำหนด ระบบจะลดความเร็วในการชาร์จหรือหยุดการชาร์จไปเลยเพื่อยืดอายุของแบตเตอรี่นั่นเอง โดยระบบดังกล่าวใช้ได้ทั้งในการชาร์จมีสายและการชาร์จไร้สายเลย

3 เทคนิคง่ายๆ ที่สามารถยืดอายุแบตมือถือได้คือ

1.พยายามรักษาปริมาณแบตเตอรี่ให้อยู่ในระหว่าง 20% – 80%

2.พยายามรักษาระดับอุณหภูมิมือถือระหว่างการชาร์จ โดย Apple แนะนำให้รักษาระดับอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส

3.ไม่ชาร์จด้วยความเร็วสูงหากไม่จำเป็น เพราะยิ่งชาร์จเร็วยิ่งทำให้เกิดความร้อนมาก หากมีเวลาชาร์จด้วยความเร็วต่ำจะดีต่อแบตเตอรี่ที่สุด

SOURCE