S-Class ถือว่าเป็นตระกูลรถหรูที่หลายๆคนนั้นน่าจะรู้จักกันมาดี รวมถึงตัวแบรนด์ Mercedes-Benz เองก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นความหรูหรา และ ชื่อชั้นแบรนด์นั้นไม่ธรรมดามาตั้งแต่ยุคก่อนๆ ยิ่งในตัว W140 เองนั้นเรียกได้ว่าเป็นรถเจ้าพ่อกันเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงรหัส W223 กันแล้วเราจะเห็นเลยว่าตัวรถค่าย Mercedes-Benz นั้นมีการพยายามปรับเปลี่ยนให้ตัวรถมีความสปอร์ต วัยรุ่นขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับเจนก่อนๆ จะถูกมองว่ารถคนมีอายุ หรือ เน้นแนวหรูๆมากกว่า แต่ครั้งนี้การเปลี่ยนดีไซน์ยุคใหม่บอกเลยว่า ทันสมัย สปอร์ต และ ตัวรถดูเพรียวบางขึ้นเยอะ
Mercedes-Benz S CLass ในรุ่นที่เรารีวิวรหัส S350D EXCLUSIVE รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM656 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ 2-Stage กำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง และ 0-100 km/h ภายใน 6.4 วินาที เท่านั้นถือว่า สเปกไม่ธรรมดา และ เป็นดีเซล น่าจะยุคท้ายๆแล้วครับเพราะว่าในอนาคตเราอาจจะไม่เห็นดีเซลล้วนๆแบบนี้อีกแล้ว จะไปทางไฟฟ้า หรือ PHEV กันซะส่วนใหญ่ ทำให้รุ่นนี้อาจจะเหมาะสำหรับใครที่ยังเน้นความเดิมๆ ใช้งานไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าอะไรได้ดี รวมถึงทางด้านออฟชันการใช้งาน ระบบช่วยเหลือแน่นๆจัดเต็ม และ ภายในก็หรูหรา สมราคา สามารถปรับเบาะนอนได้แบบสบายๆครับ รวมถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลมก็ให้มาแบบจัดเต็ม เมื่อเทียบกับ AMG จะแตกต่างกับแค่ในเรื่องการตกแต่ง ภายนอก และ ภายในเท่านั้นรวมถึงบรรดาออฟชันก็เท่ากันครับไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED หน้าจอมาตรวัด Digital Instrument Clusters ขนาด 12.3 นิ้วรวมถึง หน้าจอกลาง MBUX7 แบบ Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว เบาะนั่งด้านหลังแบบ Rear Seat Comfort Package ปรับด้วยไฟฟ้า ฟังก์ชันการนวด 6 โปรแกรม หน้าจอ Rear Tablet ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว หน้าจอผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 11.6 นิ้ว 2 หน้าจอ และ ระบบเสียง Burmester® 3D-Surround ลำโพง 15 ตำแหน่ง รวมถึง บรรดา ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Package จัดเต็ม และ บรรดา Adaptive Cruise และ รักษารถให้อยู่กึ่งกลางเลน ทำให้รถสามารถเลี้ยวตามโค้งอะไรได้ง่ายขึ้น และ ทำงานได้ค่อนข้างเนียนเอาเรื่อง
- ราคาสำหรับ Mercedes-Benz S 350 d Exclusive 7,050,000 บาท อัปเดตต้นปี 2023
EXTERIOR
งานออกแบบภายนอก S-Class มีความทันสมัยมากขึ้นเยอะมากตัวรถเข้าสู่ยุคใหม่เราจะเห็นการออกแบบแนวๆนี้ในหลากหลายรุ่น ซึ่งเอาจริงมองผ่านๆก็คล้ายทั้ง C-Class และ E-Class เหมือนกัน แต่ที่ทำให้ S-Class โดดเด่นกว่าน่าจะเป็นโลโก้ ตราดาว แบบลอยขึ้นมาซึ่งในยุคหลังๆเราจะไม่เห็นโลโก้ลอยแบบนี้กันแล้วครับในรุ่นอื่นๆ ส่วนทางด้านตัวรถใหญ่ขึ้นทุกมิติ มาพร้อมกับ ความยาว 5,288 มิลลิเมตร และ กว้าง 1,953 มิลลิเมตร รวมถึงสูง 1,504 มิลลิเมตร และมี ระยะฐานล้อ wheelbase 3,216 มิลลิเมตร จะเห็นว่าใหญ่กว้างขึ้นพอสมควรครับ
ในรุ่นนี้เราจะไม่ได้การตกแต่งแบบ AMG เพราะว่าเป็นรุ่นย่อยแบบ EXCLUSIVE นั้นเองแต่การขับขี่ ฟีเจอร์การใช้งานทุกอย่าง ออฟชันตัวรถนั้นจะเหมือนกับ AMG แต่จะเปลี่ยนในแง่ของ พวงมาลัย วัสดุตกแต่งภายใน ล้อ กัน ชนหน้าหลังเท่านั้นครับแต่ถ้ารุ่น PHEV เราจะได้ออฟชันที่เริ่มแตกต่างกันอีกทีนึง ส่วนสัดส่วนงานออกแบบมองว่าสวยลงตัว และ ดูวัยรุ่นขึ้น แต่ก็ยังมีกลิ่นอาย S-Class อยู่บ้างเช่นกันในแง่ของความเรียบๆในส่วนไฟท้าย หรือเส้นสายข้างๆ อีกทั้งตัวรถมาพร้อมกับช่วงล่างถุงลม และ สามารถยกสูง หรือ ปรับแข็งอ่อนได้สบายๆและนุ่มนวลอย่างมาก
ในด้านหน้าเราจะเห็นว่ากระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมกับโลโก้ตราดาวลอยขึ้นมาแบบที่สื่อถึงความหรูหรา พร้อมเส้นสายโครเมียมจัดเต็ม และในส่วนกระจังหน้าเราจะเห็นการแทรกกล้องหน้า และ ส่วนของ เซนเซอร์ Radar ต่างๆมาแบบเนียนๆตรงกลางนั้นเองครับ ส่วนกันชนล่างแบบ EXCLUSIVE ไม่มีไฟตัดหมอกอะไรแล้วเพราะว่าไฟหน้าเดิมๆของเค้าก็สามารถตัดหมอกและสว่างเข้มเพียงพอแล้วนั้นเอง ส่วนด้านหน้าเส้นสายเรียบๆ เน้นโครเมียมแนวยาวและไฟท้ายแบบแหลมขึ้นทรงใหม่ทำให้รถดูกว้าง และ เสริมด้วยโครเมียมส่วนล่างและปลายท่อหลอกเป็นการตกแต่ง
แต่ที่เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบคือดีเทลในส่วนไฟท้ายที่คล้ายกับแท่งคริสตัลวางแนวตั้ง ทั้งบน และ ล่าง เสริมด้วยความสว่างหลากหลายระดับ และ มีไฟ Welcome Light ด้วยเป็นจุดที่สวยมากๆในไฟท้ายรุ่นนี้และไฟเลี้ยวแบบวิ่งก็ใส่เข้ามาให้ซึ่งถือว่างานออกแบบข้างในดูดีอย่างมากครับ รวมถึงไฟหน้าเองก็ให้ Multibeam LED มาครบๆ หลบหลีกคันข้างหน้าได้ แต่ยังไม่ถึง Digital Light แบบ EQS นั้นเองครับ ส่วนรูปทรงไฟหน้า เทคโนโลยีต่างๆจะเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น AMG หรือ EXCLUSIVE นั้นเองครับ รวมถึง S580E ก็ได้ไฟหน้าแบบนี้เช่นกันนะ
มือจับประตูแบบ Seamless Door เนียนไปกับตัวรถพร้อมกับซ่อนเมื่อล็อกรถ แถม เป็นสวิตช์ไฟฟ้าด้วยเช่นกันงานออกแบบสวย มีไฟรอบๆและไฟเวลากลางคืน ถือว่าดูดีแต่การใช้งานจริงๆก็อาจจะมีจังหวะจะเปิดแล้วกดเข้าไปบ้างเหมือนกันต้องแตะเพื่อดึงมือจับอาจจะลำบากนิดๆครับ และเราจะเห็นการเสริมโครเมียมเข้ามาตรงกรอบประตูหนาๆทำให้ตัวรถดูภูมิฐานมากกว่าเดิมและเข้ากับมือจับได้ดี ส่วนทางด้านล้อให้มาในแบบ Multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับเบรกแบบเจาะรูด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายว่าไม่มีเขียน Mercedes-Benz ตรงคาลิเปอร์เบรกมาให้ครับ
INTERIOR
งานออกแบบภายในยุคใหม่ของ Mercedes-Benz นั้นหวือหวาสวยงามมากรวมถึงแสงสีก็เช่นกันครับ และคันนี้ได้ภายในสีขาวครีมเข้ามาบอกเลยว่าหรูหราเกินราคา และตัวเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมกับคอนโซลกลางแบบลายไม้ทั้งหมดซึ่งเราจะไม่ค่อนเห็นในรุ่นอื่นๆยุคนี้ครับยกเว้นรถสายหรูจริงๆ อีกทั้งสีขาวก็มาถึงตรงวัสดุ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน หุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control และทางด้านหน้าจอกลางขนาดใหญ่ พร้อมกับระบบสแกนนนิ้วต่างๆให้มาทั้งหมดถือว่าเส้นสายภายในเรียบแต่หรู จะแตกต่างกับ EQS ที่จะเน้นไปทางเทคโนโลยี ความหวือหวาของหน้าจอที่มากกว่านั้นเองครับ แต่ส่วนตัวชอบการเล่นสีขาวของวัสดุหนัง
หน้าจอกลางแบบ OLED ขนาด 12.8 นิ้ พร้อม ระบบจดจำผู้ขับขี่ ด้วยการสแกนลายนิ้วมือรองรับการใช้งาน Apple Carplay ครบและแน่นอนว่าแบบไร้สายเช่นกันส่วนตัว UX UI ถือว่าทำได้ดีหน้าตาหวือหวา มีมิติ และมีคีย์ลัดต่างๆให้มาครบทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดที่หลายๆค่ายยุคนี้อาจจะไม่ค่อยใส่มาแต่ค่ายนี้คีย์ลัด การออกแบบปุ่มคือดูดีและใช้งานได้จริงครับ ไม่ Minimal เกินไปด้วย ส่วนทางด้านช่องแอร์กลางแบบ 4 ช่องและใช้ทรงเหลี่ยมคลาสสิก
และทางด้านไฟ Ambient Light เองนั้นมีมาให้ด้านบนหลังคาด้วยเช่นกัน ตรงส่วนของการควบคุมไฟ และ ระบบหลังคากระจกนั้นเองครับ แต่รุ่นนี้จะไม่ได้ Gesture Control แบบรุ่น S580e นะครับ แต่สั่งงานแบบสัมผัสปกติได้เหมือนเดิม ส่วนด้านหน้าจอคนขับรองรับการแสดงผล 3 เลนถนนเวลาใช้งาน ACC สวยงามและจับระยะได้เนียน
BACK SEAT
แน่นอนว่า S-Class เราต้องพูดถึงเบาะหลังกันเป็นหลักและในรุ่นนี้ก็มีเบาะนั่งแบบ Rear Seat Comfort Package และเบาะนั่งด้านหลังฝั่งซ้ายแบบ Exclusive พร้อมที่รองรับขาทำให้เรานอนแบบเบาะ FisrtClass ได้สบายๆในการเดินทาง พร้อมกับที่รองขาและระบบนวดทำให้ฟีลลิ่งมันดีมากๆและสำหรับตัวผมที่สูง 180 ก็สามารถนอนได้แบบสบายๆในระยะส่วนขาตามภาพด้านล่าง อีกทั้งมีหน้าจอส่วนตัว และ หูฟัง รวมถึงการควบคุมผ่าน Tablet ตรงกลางรถได้เช่นกันทำให้เราดูอะไรส่วนตัว และ สถานะตัวรถได้รวมถึงสั่งงานตัวรถแอร์ได้ทั้งหมดเลยครับ
เราจะเห็นว่าที่รองขานั้นออกมารองรับส่วนบริเวณน่องได้ทันทีและมีที่รองเท้าเสริมเข้ามาในการนั่งคนตัวสูงก็สามารถรองรับได้สบายๆครับ แต่ด้วยเบาะสีขาวอาจจะทำให้เลอะได้ง่ายถ้าใช้งานไปและใส่รองเท้าครับส่วนนี้ แต่ตำแหน่งการนั่ง ความนุ่มของเบาะ และ ที่รองศรีษะแบบหมอนนุ่มๆทำให้มันสบายขึ้นเยอะอีกทั้งมีระบบนวดทั้งร้อน และ ปกติรองรับได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นน่อง หรือ หลัง แถมด้านหลังยังมีไฟ Ambeint Light เสริมเข้ามาดูใส่ใจดีเทลมากๆ
TECHNOLOGY
ทางด้านเทคโนโลยีคันนี้ถือว่าแน่นมากๆและยังมีความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นถุงลมคนนั่งหลังก้ใส่เข้ามาให้ทั้งหมดรวมถึงบรรดาระบบช่วยจอด และ แจ้งเตือนที่มีทั้งแสงสีเสียง รวมถึงบนหน้าจอก็ทำได้สวยงามเช่นกันครับ ทำให้ระบบช่วยเหลือคันนี้ใส่มาให้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant System
- ระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC
- ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping Assist
- ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และเตือนเมื่อปล่อยมือ Active Steering Assist with Hands-off Warning
- ระบบหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน Emergency Stop Assist
- ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อพบตรวจรถยนต์ จักรยานยนต์ และคนข้ามถนน Active Brake Assist
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Active Blind Spot Assist
- ระบบเตือนขณะเปิดประตูรถ Exit Waring
- ระบบตรวจจับเครื่องหมายจราจร Trafic Sign Assist
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENSION ASSIST
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE SYSTEM
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับด้านข้าง PRE-SAFE SYSTEM Impulse Side System
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง PRE-SAFE Rear System
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
- ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
- ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
- ระบบช่วยจอดแบบอัตโนมัติ Active Parking Assist
DRIVING
ส่วนทางด้านการขับขี่นั้นเองคันนี้เน้นความนุ่มนวล เนียน นั่งสบาย และ เงียบทุกอย่างคือคุณภาพแน่นๆทั้งหมดกับเรือธงของค่ายแบบนี้ ช่วงล่างเซตมานุ่มนิ่งแม้จะเป็น Sport ก็ตามแต่ก็ยังมีความนุ่มแอบย้วยนิดๆตามขนาดตัวรถและทรงตัวรถในความเร็วสูงๆและโยกไวๆ แต่เวลาเจอรอยต่อถนน ถนนไม่เรียบมันกลับทำได้ดีนิ่งจนไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อยครับ อีกทั้งพวงมาลัยเซตมาได้น้ำหนักดีในความเร็วสูงทางตรงนิ่งและไว้ใจได้ รวมถึงอัตราเร่งแม้จะเป็นดีเซลแต่ก็ไม่ธรรมดาเหยียบมาได้ทันใจในตีนต้น และ ตีนปลายเองก็ทำได้ดีเพราะว่ารุ่นนี้มี มอเตอร์เล็กๆเสริมในช่วงเร่งแซง หรือ สตาร์ตรถด้วยเช่นกันครับ ส่วนอัตราเร่ง 0-100 ทดสอบจริงได้ 7.5 วินาที และ 80-120 ได้ 5.7 วินาที รวมถึงอัตราสิ้นเปลือง ในเมือง 12-13 กิโล/ลิตร และ นอกเมือง 14-15 กิโล/ลิตร ถือว่าประหยัดและเดินทางไกลสบายเลยทีเดียวครับ และ อัตราเร่งก็เหลือๆในการใช้งาน ถือว่าเป็นรุ่นที่ขับสบาย นั่งสบาย และ ประหยัด
MERCEDES-BENZ S350D EXCLUSIVE
” S-Class ยังคงทำได้ดี คุณภาพแน่น นุ่มนวล หรูหรา นั่ง-นอนสบาย และใช้ดีเซล ”
ถ้ามองในแง่ของความสบายใจในการใช้งานรถยนต์หลายๆคนมักจะมองไปที่เครื่องยนต์ดีเซล ดูแลง่าย ไม่จุกจิก ไม่ต้องยุ่งกับระบบไฟฟ้า แม้ว่ากระแสหลังจากนี้จะหายากมากๆแล้วก็ตามครับ แต่S350d ยังคงมีให้เลือกซื้ออยู่พร้อมได้เบาะหลังแบบปรับนอนได้ อีกทั้ง ออฟชันแน่นๆทั้งคัน นั่งสบาย นุ่มนวล และ ประหยัดจึงเป็นรุ่นที่น่าสนใจมากๆคันนึงในตลาดตอนนี้ ถ้าอยากได้เครื่องดีเซล และ หรู ใหญ่โตแบบนี้ครับ แม้ว่าราคาจะแอบแรงไปเมื่อมองเทียบกับคู่แข่งที่จะได้ PHEV กันแล้ว แต่ก็ถ้ามองในตลาดดีเซลแบบนี้หลายเป็น S350D แทบจะไม่มีคู่แข่งเลยก็ต้องเป็นจุดที่ได้เปรียบหลักๆครับ รวมถึงงานออกแบบภายนอก ภายในหรูหรา และ สปอร์ตไปในตัวไม่ดูเป็นผู้บริหารมากเกินไป