THE FLASH หลายๆคนคงจะรู้จักตัวละครนี้กันดีในแง่ของตัวที่ไวเหนือแสง และ สาวก DC น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเป็นหนังที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เปลี่ยนบท เปลี่ยนคนกำกับกันบ้าง จนกว่าจะมีวันนี้ครับและแน่นอนว่าตอนนี้เข้าโรงเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับการเป็นหนังที่ปิดความเป็น DCEU ส่งท้ายจักรวาลเก่า และ เข้าสู่ยุคของ James Gunn นั้นเอง แน่นอนว่าเป็นหนังที่หลายๆคนรอคอยกันเยอะมาก และ ได้รับกระแสตอบรับดี เพราะว่ามีการเล่าในแง่ของ Multiverse เข้ามาครั้งแรกของ หนัง DC แบบโรง หลังจากที่เคยเล่นกันไปใน Series The Flash บ้างแล้ว แต่ไม่เกี่ยวข้องกันครับ แต่บอกเลยว่าเรื่องนี้ ไม่ว่าใครก็ควรดู และ เป็นการเอานักแสดงเก่าๆมาร่วมจอ รวมถึง มีหลายๆตัวละครที่ ลับ และ ว้าว มากกกก ไม่เชื่อว่าจะมาได้หลากหลายฉาก และ เรียกเสียงฮือฮา ปรบมือ ในโรงที่ไปดูได้เลย !

เนื้อเรื่องต้องบอกเลยว่าดี ทั้งเรื่องของบท และ เนื้อหา การเล่าเรื่องตอนแรกที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะด้วยความที่เป็นหนังที่ปิดจักรวาล และ แอคชั่น แต่เรื่องกลับเล่าประเด็นครอบครัว ตัวละคร และ เรียกน้ำตาได้ในฉากสรุป บอกเลยว่ามันทำได้ดีกว่าที่คิดเยอะมากจริงๆครับ มีแอคชั่น ดราม่า และ ฮา แบบจังหวะดีมากๆเรื่องนึงที่เคยเจอในหนัง Superhero หลายๆเรื่องที่เป็นแบบคนแสดง รวมถึงการกระจายบท แต่ละตัวละคร และ ฉากว้าวๆ เซอร์ไพรส์หลายๆที่ แต่แน่นอนว่า ด้วยข้อจำกัดของหนังก็มีบางส่วนที่ยังแอบรู้สึกว่าง่ายไป การสรุปปม หรือ แก้ไขปัญหาช่วงสุดท้ายเหมือนง่ายไป และ ตัดไวไปนิดหน่อย ไปเน้นประเด็นตัวละครเป็นหลักทำให้มันจบง่ายไปนิดในแง่ของตัวร้าย ซึ่งต้องบอกตรงๆว่า เน้นไปที่ตัวละคร ครอบครัว และ ปมปัญหาของตัวละครมากกว่าจะไปเน้นตัวร้ายนั้นเองครับ ซึ่งถ้ามองภาพรวมถือว่าน่าสนใจ ทำได้ดี ลงตัวไปหมด ติดแค่การสรุปประเด็นจบช่วงท้ายเท่านั้น แค่ช่วงครั้งแรกของหนังคือดีมากๆ กับ การสรุปประเด็นการแก้ไขต่างๆบางช่วงตอนท้ายก็ดีเช่นกันครับ ถือว่าดีกว่าที่คาดหวังไว้อยู่นะ

และในแง่ของตัวละคร นักแสดง ต้องขอชื่นชม ERZA MILLER ที่รับหน้าที่ 2 คนได้แบบไร้ที่ติ เหมือนคนละคน และ แสดงดราม่าได้แบบดีมากกก ไม่คิดว่าจะดีแบบนี้ รวมถึงความเป็น 2 ตัวละครก็ทำได้ดีจริงๆครับ ในการรีวิวหนังแน่นอนว่าเราจะตัด อะไรที่นอกจอไป แม้ว่าตัวจริงๆอาจจะมีปัญหา หรือ ได้รับการบำบัดอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแสดงหนังของเค้าทำได้ดีเกินคาดมากๆ อีกทั้ง ตัวละครอื่นๆในเรื่องทั้ง Michael Keaton และ Sasha Calle , Ben Affleck ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แม้จะออกมาไม่เยอะ แต่ะสนใจและจัดเต็มในหลายๆฉาก รวมถึงตัวละครว้าวๆที่เสริมเข้ามาให้พอเรียกเสียงอือฮาได้ ทำให้ขอชื่นชมทีมนักแสดง และเน้นๆไปที่ ERZA เลยจริงๆครับว่าเอาอยู่

มาถึงส่วนที่ผมเน้นและพูดถึงในทุกๆเรื่องคือ งานภาพ และ เสียง จริงๆ CGI เป็นจุดนึงที่เรื่องนี้ผมทำใจไว้เลยตั้งแต่ก่อนเข้า เพราะมันเน้นไปที่ฉากกลางวันทุกครั้ง และ เป็นตัวละครที่ Slowmotion เยอะ CGI เยอะมากที่สุดตัวนึง และ ทำให้มันมีหลายๆฉากเราพอรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างครับ อาจจะด้วยความที่เน้นไปทางCGI หลายๆสถานที่ก็เป็นไปได้ทำให้มันมีส่วนที่ลอยอยู่บ้าง เพราะเป็นกลางวันทั้งหมดจริงๆ ทำยากกว่ากลางคืน และ เน้นช้า ซึ่งพอเข้าใจได้ แต่ช่วงแรกของหนัก หรือ ฉากเปิดตอนวิ่งคือดีเทลดีมากๆครับ แต่ช่วงครึ่งหลังของหนังเหมือนไม่สนใจ CGI แล้ว จัดเต็มเนื้อหา เซอร์ไพรส์ และ ความว้าวๆมาทดแทน จริงๆไม่ได้ติดนะไม่มีผลอะไรเพราะหนังมันไปไวมากๆครับหลายๆฉาก ถ้าไม่มานั่งจับผิดอะไรก็ไม่ค่อยรู้สึกนะ ส่วนนี้ ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้งานละเอียดมาก ส่วนเรื่องของเพลงะ  Batman Theme ของ Elfman ช่วยหนังได้เยอะมาก เสียดายไม่มีเพลงประจำตัวของ THE FLASH ให้ติดหูเลย แต่เสียง EFFECT ประกอบ หรือ ดีเทลเสียงต่างๆทำได้ดีครับ เพิ่มบรรยากาศได้แต่เพลงหลายๆจังหวะไม่มีติดหู

และมี END CREDIT สุดท้าย 1 ตัว และ ฉากก่อนจบคือว้าวมากกกกกกก แนะนำครับ เรื่องนี้มันเป็นหนังที่ลงตัวที่สุดเท่าที่ผมดูมาในหลายๆเรื่องของDC MARVEL อาจจะติดแค่เรื่อง CGI นิดหน่อยถ้าไม่จับผิดอะไรก็ไม่ขัดใจเลย แต่ทั้ง การแสดง เนื้อหา การมีตัวละครว้าวๆเสริมมา หรือจะเป็นการเล่าประเด็นดราม่า และ ตัวละครที่เราคิดถึงกลับมา มันลงตัวไปหมด หรือ จะเป็นความฮาแบบจังหวะดี ไม่ยัดเกินไป และ ตลกแบบตามจังหวะหนัง ตามตัวละครของมันคือลงตัวไปหมดจริงๆครับ อันนี้อยากให้ลองดูกันเลย ทั้งแฟน DC MARVEL หรือ คอหนังทั่วไป ไม่ต้องดูเรื่องอะไรมาก่อนหน้าก็สามารถเพลินได้ แต่ถ้าอยากให้อิน ลองติดตาม BATMAN ยุคก่อนๆทั้ง KEATON และคนอื่นๆ รวมถึง JUSTICE LEAGUE ของ SNYDER ก็จะยิ่งอินมากขึ้นไปอีกครับ บอกเลยว่าน่าประทับใจ และ คุ้มมาก