รัฐบาลญี่ปุ่นมอบเงินอุดหนุน 1.2 แสนล้านเยน (ราว 2.9 หมื่นล้านบาท) ให้แก่ Toyota สำหรับสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตรถ EV ในอนาคต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง
รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเห็นว่าเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานในแบตเตอรี่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นอกจากนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยังเพิ่มเงินสนับสนุนด้านการจัดเก็บแบตเตอรี่อีก 3.3 แสนล้านเยน (ราว 8 หมื่นล้านบาท) ให้แก่ทาง Toyota อีกด้วย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ Toyota ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด EV และรักษาความเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ Toyota ในอนาคต
หนึ่งในไฮไลท์ของนวัตกรรมที่ Toyota เผยออกมาคือ แผนการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ทางบริษัทตั้งเป้าพัฒนาให้รถ EV ของตัวเองสามารถวิ่งได้ 900 – 1,100 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งภายในปี 2028 ด้วยการพัฒนาแบตเตอรี่ EV ประเภทใหม่ๆ
ภายในปี 2027 ทางบริษัทตั้งเป้าเปิดตัวแบตเตอรี่ใหม่สองเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรกเน้นประสิทธิภาพ โดยใช้โครงสร้างทาง NCM เหมือนกับใน bZ4X แต่ว่าทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น 20% และมีต้นทุนลดลง 20%
เวอร๋ชั่นที่สองจะใช้โครงสร้าง LFP สองขั้วแบบเดียวกับที่ Rivian และ Ford กำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งจะให้พลังงานรถวิ่งได้ไกลขึ้น 20% ด้วยต้นทุนที่ลดลง 40%
ทั้งนี้เจ้า bZ4X รถ EV รุ่นปัจจุบันของ Toyota มีระยะวิ่งอยู่ที่ 405 กม. ตามมาตรฐาน EPA หากนำแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่มาใช้จะทำให้ระยะการวิ่งเพิ่มขึ้น 20% คือสามารถวิ่งได้ 482 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั่นเอง
นอกจากนั้นทาง Toyota ยังเผยว่าได้ค้นพบการผลิตแบตเตอรี่ EV โดยใช้แบต solid-state ได้แล้ว ซึ่งจะถูกผลิตจริงในปี 2027-2028 ทำให้ตัวแบตสามารถให้พลังงานรถให้วิ่งได้ไกลขึ้น 20% และใช้เวลาชาร์จน้อยลงมากๆ นั่นเอง