Apple เปิดตัว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่มีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้วและ 6.7 นิ้ว มาพร้อมกับ Dynamic Island, ชิป A16 Bionic เหมือนใน iPhone 14 Pro และพอร์ต USB Type-C (2.0) ตามที่คาดไว้

iPhone ใหม่ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วและ 6.7 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงสุด 2000 nits, รีเฟรชเรท ด้วยอัตราการรีเฟรช 60Hz ตัวหน้าจอใช้ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่ง และมีเกาะ Dynamic Island แบบเดียวกับ iPhone 14 Pro แล้ว

iPhone 2 รุ่น ซึ่งได้แก่ iPhone 15 Plus และ iPhone 15 โดยมีมือที่ถือ iPhone แต่ละรุ่นอยู่ และเมื่อถือไว้ในมือ iPhone 15 Plus มีความสูงกับความกว้างมากกว่า iPhone 15 ทั้งสองรุ่นมีดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมด มี Dynamic Island อยู่ตรงกลางใกล้กับด้านบน และมีมุมมน

กล้องหลังมีจำนวน 2 ตัวคือ กล้องหลัก 48MP พร้อมเซ็นเซอร์รวม quad-pixel เป็นพิกเซลใหญ่เดียวเทียบเท่ากับ 2.44 µm 12MP ที่มี OIS แบบ sensor-shift + กล้อง Ultra Wide 12MP

สำหรับเทคโนโลยี quad-pixel นั้นช่วยให้ถ่ายซูมแบบรักษาความชัดได้ 2x และถ่าย 4K โดยไม่มีการซูมดิจิทัล

ตัวกล้องมาพร้อมโหมด auto portrait ใหม่ ที่จะปรับโฟกัสให้อัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องกดสลับไปยังโหมด portrait เอง นอกจากนั้นตัวเครื่องยังมาพร้อมบริการโทร Emergency SOS ผ่านดาวเทียมซึ่งให้บริการฟรีเป็นเวลา 2 ปี

ครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนที่ สีถูกผสมผสานกับกระจกด้านหลังที่ถูกเสริมแข็งด้วยกระบวนการ dual-ion exchange และขัดเจียด้วยอนุภาค nanocrystalline ทำให้ตัวเครื่องดูหรูหรา บอดี้แบบด้าน

ขอบของตัวเครื่องใช้อลูมิเนียมระดับยานอวกาศที่ให้ความรู้สึกดีขึ้นในมือของผู้ใช้ และสุดท้าย iPhone 15 series มาพร้อมพอร์ต USB-C แทนที่พอร์ต Lightning และยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe เหมือนเดิม

สเปกของ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus

  • iPhone 15 – หน้าจอ OLED 6.1 นิ้ว (2556×1179 พิกเซล) 460 ppi Super Retina XDR display, ความสว่างสูงสุด 1600 นิตต์ (2000 นิตต์ ขณะใช้งานกลางแจ้ง), HDR, True Tone, เคลือบ Ceramic Shield
  • iPhone 15 Plus – หน้าจอ OLED 6.7 นิ้ว (2796×1290 พิกเซล) 460 ppi Super Retina XDR display, ความสว่างสูงสุด 1600 นิตต์ (2000 นิตต์ ขณะใช้งานกลางแจ้ง), HDR, True Tone, เคลือบ Ceramic Shield
  • ชิป A16 Bionic ขนาด 4 นาโนเมตร 6-core (2 cores ประสิทธิภาพและ 4 cores ประสิทธิภาพต่ำ) สถาปัตยกรรม 64-bit, GPU 5-core, Neural Engine 16-core
  • ตัวเลือกความจุ 128GB, 256GB, 512GB
  • iOS 17
  • ตัวเครื่องกันน้ำและฝุ่น (IP68)
  • ซิมคู่ (nano + eSIM)
  • กล้องหลัง
    • ความละเอียดสูง 48MP (f/1.78) พร้อม sensor-shift OIS รุ่นที่สองของการป้องกันรั่วภาพแบบเซ็นเซอร์, Telephoto 2x, 100% Focus Pixels, Photonic Engine, ถ่ายวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision ที่ 4K 60 fps, การบันทึกวิดีโอ Slo-mo 1080p ที่ 240 รูปต่อวินาที, Cinematic mode ที่ 4K HDR ที่ 30 fps
    • กล้อง Ultra Wide กว้าง 120 องศา 12MP (f/2.4)
    • True Tone flash
  • กล้องหน้า TrueDepth 12MP (ƒ/1.9), การโฟกัสโดยอัตโนมัติด้วย Focus Pixels, Retina Flash, ถ่ายวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision ที่ 4K ที่ 60 fps, ถ่าย Slo-mo 1080p ที่ 120 fps
  • กล้อง TrueDepth สำหรับการจดจำใบหน้า Face ID, ลำโพงสเตอริโอ
  • ขนาดเครื่องรุ่น 15: 147.6 x 71.6 x 7.80 มิลลิเมตร; น้ำหนัก: 171 กรัม
  • ขนาดเครื่องรุ่น15 Plus: 160.9 x 77.8 x 7.80 มิลลิเมตร; น้ำหนัก: 201 กรัม
  • รองรับ 5G (sub-6 GHz) พร้อม MIMO 4×4, LTE ระดับ Gigabit, 802.11ax Wi-Fi 6 พร้อม MIMO 2×2, Bluetooth 5.3, ชิป Ultra Wideband รุ่นที่สองสำหรับการรับรู้ทางพื้นที่, NFC พร้อมโหมดอ่าน, GPS พร้อม GLONASS
  • แบตเตอรี่ชาร์จแบบลิเธียมไอออนสำหรับการชาร์จ MagSafe 15W, การชาร์จเร็วด้วย USB-C 2.0, ใช้งานได้สูงสุด 20 ชั่วโมง (iPhone 15) / 26 ชั่วโมง (iPhone 15 Plus) ในการเล่นวิดีโอ

iPhone 15 และ 15 Pro มาในสีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน และสีดำ ในตัวเลือกความจุ 128GB, 256GB และ 512GB

  • iPhone 15 ความจุ 128GB – 32,900 บาท
  • ความจุ 256GB – 36,900 บาท
  • ความจุ 512GB – 45,900 บาท
  • รุ่น 15 Plus ความจุ 128GB – 37,900 บาท
  • ความจุ 256GB – 41,900 บาท
  • ความจุ 512GB – 50,900 บาท

สามารถกดจอง iPhone 15 ผ่านทางเว็บไซต์ Apple ได้ในวันที่ 15 กันยายนนี้ เวลา 19.00 กดจองได้เลย และ วางขายหน้าร้าน TIER 1 วันที่ 22 กันยายนนี้

SOURCE1, SOURCE2