VinFast ตั้งเป้าจะส่งมอบรถยนต์ได้ 40,000 ถึง 50,000 คันในปี 2023 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอ ซึ่งคิดเป็น 7 เท่าของยอดขายรถยนต์ EV ในเวียดนามจำนวน 7,400 คันในปีที่แล้ว
แต่ทว่าบริษัทส่งมอบรถยนต์ได้เพียง 11,315 คันในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดย 7,100 คันขายให้กับ Green and Smart Mobility บริษัทแท็กซี่เวียดนามที่ควบคุมโดยบริษัทแม่ Vingroup
ในขณะเดียวกัน Tesla คู่แข่งจากสหรัฐฯ และ XPeng จากจีน ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ 889,015 คันและ 300,145 คัน ตามลำดับ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
นักวิเคราะห์มองว่าเป้าหมายข้างต้นของ Vinfast เป็นเป้าหมายที่ไม่สมจริง ทำให้ในตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทลดลงมากกว่า 50% แล้วเมื่อเทียบกับราคา IPO
ทาง Vinfast ออกมาให้ความเห็นว่าทางบริษัทกำลังเพิ่มการผลิตเพื่อบรรลุเป้าหมายการส่งมอบในตลาดสากล รวมทั้งจะขยายตัวไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการผลิตได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า รถของ VinFast ไม่ได้มีราคาที่แข่งขันได้ ตัวอย่างเช่น VinFast VF9 มีราคาเริ่มต้นที่ 83,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Tesla Model X มีราคาเริ่มต้นที่ 68,590 ดอลลาร์ ซึ่งในประเทศอื่นความแตกต่างของราคารถ Vinfast กับคู่แข่งเจ้าตลาดก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไรนัก
แต่ทาง Vinfast ออกมากล่าวว่า ทางบริษัทได้วิจัยด้านการตั้งราคารถของตัวเองแล้วอย่างสมเหตุสมผล พร้อมระบุว่ารถของผู้ผลิตเจ้าอื่นที่มีราคาถูกกว่านั้นไม่ใช่คู่แข่งของตน แต่ก็ไม่ได้ระบุว่ารุ่นอะไร
ในไตรมาสที่สอง VinFast รายงานขาดทุนสุทธิ 526.7 ล้านดอลลาร์ ปรับปรุงขึ้น 8.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
VinFast คาดว่าจะทำกำไรให้ได้ภายในสิ้นปี 2024 คือสิ่งที่ Pham Nhat Vuong ผู้ก่อตั้งของบริษัทกล่าวกับนักลงทุนในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัทในเดือนพฤษภาคม
