Apple ถูกปรับเป็นเงินรวมทั่วโลกมากกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมาสำหรับการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด แต่จำนวนดังกล่าวเทียบเท่ากับกระแสเงินสดฟรี (free cash flow) เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ข้อมูลจาก Tech Fines Tracker ที่รวบรวมโดยบริษัท Proton เผยว่าในปี 2024 Google เป็นบริษัทที่ถูกปรับมากที่สุด รองลงมาคือ Apple
Tracker นี้ครอบคลุมค่าปรับที่เรียกเก็บสำหรับการละเมิดกฎหมายใดๆ เช่น การละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และการละเมิดความเป็นส่วนตัว Proton กล่าวว่าค่าปรับทั้งหมดที่เรียกเก็บจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีนั้นสูงกว่า 8.2 พันล้านดอลลาร์
แม้ว่าจำนวนนี้จะมากสำหรับมาตรฐานของคนส่วนใหญ่ แต่ Proton ตั้งข้อสังเกตว่าแต่ละบริษัทจะสามารถชำระเงินจำนวนดังกล่าวจากกระแสเงินสดฟรี (รายได้ลบด้วยค่าใช้จ่ายจำเป็น) ได้ภายในเวลาตั้งแต่หนึ่งวันถึงเพียงหนึ่งสัปดาห์กว่า ดังนี้
- Amazon 57.4 ล้านดอลลาร์
สามารถจ่ายได้ด้วยกระแสเงินสดฟรี ในเวลา 1 วัน 51 นาที
- Apple 2.1 พันล้านดอลลาร์
สามารถจ่ายได้ด้วยกระแสเงินสดฟรี ในเวลา 7 วัน 2 ชั่วโมง 28 นาที
- Google 2.9 พันล้านดอลลาร์
สามารถจ่ายได้ด้วยกระแสเงินสดฟรี ในเวลา 16 วัน 21 ชั่วโมง 25 นาที
- Meta 1.4 พันล้านดอลลาร์
สามารถจ่ายได้ด้วยกระแสเงินสดฟรี ในเวลา 9 วัน 19 ชั่วโมง 15 นาที
- Microsoft 1.6 พันล้านดอลลาร์
สามารถจ่ายได้ด้วยกระแสเงินสดฟรี ในเวลา 7 วัน 21 ชั่วโมง 49 นาที
ค่าปรับที่ใหญ่ที่สุดของ Apple ในปีนี้คือ 2 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดย EU สำหรับการละเมิดกฎหมายการแข่งขันเกี่ยวกับการสตรีมเพลง
Jurgita Miseviciute หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Proton กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่บริษัทเทคโนโลยี ไม่ว่าจะก่อตั้งขึ้นที่ใด ก็สามารถเติบโตได้และไม่ถูกขัดขวางโดยผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาด ซึ่งทำได้โดยการมีการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันที่เข้มแข็ง
ทั้งนี้ Proton ใช้วิธีการคำนวณตัวเลขจากรายงานข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และระบุว่าอาจมีการพลาดการเก็บข้อมูลค่าปรับบางส่วน อีกทั้งการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนคดีความจะไม่รวมในตัวเลขข้างต้น เว้นแต่รัฐบาลจะเป็นโจทก์