รายงานล่าสุดจาก Sina Finance ได้เปิดเผยอันดับรายได้ของแบรนด์รถยนต์ในประเทศจีนสำหรับปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ BYD มีรายได้สูงที่สุด นำหน้า Mercedes-Benz ที่อยู่อันดับที่สอง ส่วน Tesla ที่แม้จะได้ประโยชน์จากกระแส EV บูมในจีน อยู่ในอันดับที่หก
ความสำเร็จของ BYD ส่วนใหญ่มาจากการตั้งราคาที่แข่งขันได้ โดยรถ BYD มีราคาเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 15,100 ยูโร (ประมาณ 530,000 บาท) อีกทั้งขยายตลาดโดยการนำเสนอรถ EV และปลั๊กอินไฮบริด ส่งผลให้มียอดขาย 3.49 ล้านคันในปี 2567
อันดับผู้ผลิตรถยนต์ในจีน ในแง่ของรายได้ที่เกิดจากยอดขาย ได้แก่
อันดับ | ผู้ผลิตรถยนต์ | ราคาเฉลี่ยต่อคัน | รายได้จากยอดขาย |
---|---|---|---|
1 | BYD | 15,100 ยูโร | 52.36 พันล้านยูโร |
2 | Mercedes-Benz | 53,600 ยูโร | 38.30 พันล้านยูโร |
3 | Volkswagen | 17,800 ยูโร | 37.76 พันล้านยูโร |
4 | Toyota | 21,000 ยูโร | 33.07 พันล้านยูโร |
5 | BMW | 42,300 ยูโร | 29.47 พันล้านยูโร |
6 | Tesla | 30,500 ยูโร | 20.10 พันล้านยูโร |
7 | Aito | 50,000 ยูโร | 19.29 พันล้านยูโร |
8 | Li Auto | 37,900 ยูโร | 19.02 พันล้านยูโร |
9 | Honda | 18,700 ยูโร | 16.04 พันล้านยูโร |
10 | Geely | 11,400 ยูโร | 11.90 พันล้านยูโร |
11 | Chery | 13,200 ยูโร | 9.37 พันล้านยูโร |
12 | Land Rover | 126,600 ยูโร | 9 พันล้านยูโร |
13 | Buick | 22,900 ยูโร | 8.92 พันล้านยูโร |
14 | Nio | 42,500 ยูโร | 8.74 พันล้านยูโร |
15 | Changan | 10,100 ยูโร | 8 พันล้านยูโร |
ราคาขายรถเฉลี่ยต่อคันของ Tesla อยู่ที่ 30,500 ยูโร (ประมาณ 1 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าแบรนด์พรีเมียมอย่าง Mercedes-Benz และ BMW แต่ยังคงสูงกว่าคู่แข่งในประเทศหลายราย สิ่งนี้ทำให้ราคาสูงเกินไปสำหรับลูกค้าจำนวนหนึ่งในตลาด
นอกจากนั้น Tesla ยังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสตาร์ทอัพ EV ในท้องถิ่น เช่น BYD, Nio และ Li Auto ซึ่งกำลังได้รับส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยรถยนต์ที่เป็นนวัตกรรมและราคาไม่แพง