Ford กำลังลงทุน 4.4 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท) ในยุโรป หวังที่จะพลิกสถานการณ์ เนื่องจากกำลังดิ้นรนที่จะตามให้ทันคลื่นของรถยนต์ไฟฟ้าจีนและรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดอื่นๆ ที่เข้าสู่ตลาด
ด้วยผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Ford กำลังปรับโครงสร้างธุรกิจในยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Ford กล่าวว่ามีแผนจะลดตำแหน่งงานอีก 4,000 ตำแหน่งในยุโรปภายในปี 2027 เนื่องจากความต้องการที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆ ที่เข้าสู่ตลาด รวมถึงแบรนด์จีนอย่าง BYD และ MG

เงินทุน 4.4 พันล้านยูโรข้างต้น จะถูกนำไปใช้เพื่อลดหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทลูกในเยอรมนีอย่าง Ford-werke GmbH และให้ทุนสนับสนุนแผนธุรกิจระยะยาว ซึ่งหน่วยธุรกิจในเยอรมณีของ Ford มีหนี้สินประมาณ 5.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท)
รองประธานบริษัท Ford Motor Company คือนาย John Lawler อธิบายว่า “ด้วยเงินทุนใหม่สำหรับบริษัทลูกในเยอรมนีของเรา เรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของเราในยุโรป และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของเราด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่” รวมทั้งจำเป็นต้อง “ลดความซับซ้อนของโครงสร้าง ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ”
เขายังเสริมว่า หากต้องการแข่งขัน ทางการยุโรปจำเป็นต้องกำหนดวาระทางการเมืองที่ชัดเจน เพื่อส่งเสริมการหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Ford ได้ลงทุนอย่างหนักในยุโรปเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท) เพื่ออัพเกรดโรงงานผลิตในเมืองโคโลญจน์เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

โรงงานดังกล่าวผลิตรถยนต์สองรุ่น ได้แก่ Ford Explorer ไฟฟ้าและ Capri และแม้ว่า Ford จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สี่สำหรับยุโรป (รวมถึง Mustang Mach-E) ในเดือนธันวาคม แต่ Puma Gen-E กำลังถูกผลิตในโรมาเนีย