Smartwatch เป็นที่นิยมมากขึ้นแต่เป็นของทางฝั่ง iOS ซะส่วนใหญ่แน่นอนตลาดฝั่ง Wear OS ค่อนข้างเงียบเหงามานานและไม่มีตัวดีๆเจ๋งๆมาให้เราสัมผัสเท่าไรนักนับจาก Moto 360 เปิดตัวและเงียบหายไปนานแล้ว แต่แน่นอนว่า เมื่อมี TICWATCH แบรนด์จากทาง Mobvoi ประเทศจีนที่แต่ก่อนเป็นผู้พัฒนาด้าน Ai ของ Wechat นั้นเองครับ และ ได้ลองทำนาฬิกามาขายจนยอดขายสูงมากขึ้นไปเป็นรองแค่ Applewatch เลยในตอนนั้น และในวันนี้ก็มีรุ่นใหม่ที่อัพเกรดความสวยงามไปอีกขั้น ฟีเจอร์ดีกว่าเดิม มีหน้าจอ 2 อันที่ช่วยประหยัดแบต และแน่นอนดีไซน์ดูดีงามมากกว่าเดิมครับ นั้นก็คือ ตัว TICWATCH PRO นั้นเอง ตัวนี้ จะน่าสนใจอะไรยังไงไปรับชมกันได้

Ticwatch เป็นอีกแบรนด์ที่เริ่มมาทำ Smartwatch ในยุคหลังๆ โดยจุดเด่นที่ดีไซน์และ ราคาไม่แพงเกินไป โดยในตัว Pro มาพร้อมการแก้ไขเรื่องของ แบตเป็นหลัก โดยมีจอที่ 2 มา Stanby ที่เคลมไว้เลยว่า 30 วันได้ถ้าเปิดโหมดจออันนี้ตลอดครับ รวมถึง ดีไซน์ วัสดุทำออกมาได้ดีสวยงามขึ้นเยอะมาก มาพร้อม Wear OS ด้วยที่หน้าตาปรับเปลี่ยนใหม่สวยงามขึ้น และค่อนข้างครบเครื่อง ทั้งกันน้ำ, มี GPS ลำโพง ไมค์ในตัวมาครบทุกอย่าง เป็นรุ่นที่น่าเล่นสุดแล้วในบรรดา AndroidWear ยุคหลังๆทั้งหมดครับ

Ticwatch เปิดราคามาที่ 9900 บาทในประเทศไทย แต่ก็มีโปรโมชั่นมาหลากหลายที่อาจจะเจอแค่ 9000 หรือแล้วแต่ร้านได้เลยครับอันนี้มาพร้อมกับ 2 สีหลักๆคือ ตัวเรือนสีเงินแบบในตัวรีวิว จะหรูมาห และก็สีดำจะออกสวยแบบดุๆหน่อย แล้วแต่คนชอบกันเลยครับ  มีอะไรยังไงก็ไปสอบถามติดตามเพจกันได้นะครับสำหรับ — Ticwatch 

UNBOX 

สำหรับตัวกล่องตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรครับมาพร้อมสีดำเป็นหลัก ส่วนในตัวอุปกรณ์ก็มีมาให้ใช้งานแบบพอดีครับ

  • ตัวเรือน Ticwatch Pro พร้อมสายหนังผสมซิลิโคนด้านสัมผัสใน
  • แท่นชาร์จ
  • คู่มือ

DESIGN

การออกแบบเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นจากเดิมมันดูแน่นหนาแข็งแรงสวยหรูมากขึ้นสำหรับตัวนี้ มีขนาดและน้ำหนักพอสมควรเหมาะกับผู้ชายมากกว่าครับ ตัวเรือนมีมา 2 สีคือ ดำ กับ เงิน ตัวที่รีวิวนั้นจะเป็นสีเงิน สแตนเลสปัดเงาดูดีเลยแหละเก็บงานได้คมสวยครับ และส่วนฐานสีดำทำมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์เลยทีเดียวครับทำให้มันน้ำหนักเบา หน้าตาโดยรวมแอดมินชอบนะดูไม่หรูเกินไปและยังพอใส่ออกกำลังได้ครับการออกแบบ แบบนี้ใส่ได้หลายสถานการ์ณ

หน้าปัดตัวนี้มีความเจ๋งอยู่ที่ มันมีจอ 2 พาแนลซ้อนกันอยู่ครับ จอหลักคือ AMOLED ขนาด 1.39 ความละเอียด 400*400 และ จอที่ 2เป็น LCD FSTN อยู่ด้านบนสุด จอนี้จะเป็นขาวดำ และประหยัดแบตมากๆครับ สู้แสงได้ดีมาก เน้นใส่ออกกำลัง แถมแบตจะอึดถึง 30 วันถ้าใช้แต่โหมดนี้นะครับ รอบๆจอเป็นเลขวินาทีพร้อมขีดแบ่งมีมิติสวย

ด้านหลังกันบ้างด้านฐานนาฬิกาตัวนี้ เป็นวัสดุเดียวกับด้านหน้าปัดครับเงางามสวยจริงๆ จะเป็นที่อยู่ของตัววัดชีพจรตรงกลาง รอบๆเขียนบอกสเปค การกันน้ำและแถบแม่เหล็กไว้สำหรับชาร์จไฟเข้านะครับยังไม่มีชาร์จไร้สายมาให้ ส่วนของการแกะนั้นต้องใช้น็อตทั้ง 4 มุมครับ ทั้งฝาหลังขึ้นรูปชิ้นเดียวกันหมด ความแข็งแรงไว้ใจได้เลย ลำโพงนั้นซ่อนอยู่ในส่วนล่างของส่วนฐานด้านหลังครับจะยิ่งออกมาตรงๆเวลาเราใส่ เรื่องของความดังในการคุยก็พอได้ยินครับ

ด้านข้างขวาตัวนี้มีปุ่มควบคุมหลักๆมา 2 ปุ่มครับ และ เป็นรูไมค์อยู่ตรงกลาง บอดี้เป็น คาร์บอนไฟเบอร์นะครับ และเป็นสแตนเลสประกบบนล่างเพิ่มความแข็งแรงไปอีก

ด้านซ้ายตัวเรือนไม่มีอะไรเลยครับเรียบๆ เมื่อดูแบบนี้จะเห็นว่ามีความหนาพอสมควรครับสำหรับ Ticwatch หนากว่า Moto 360 ที่แอดมินใช้งานแบบรู้สึกได้เลยแต่ที่แปลกคือน้ำหนักแทบไม่ต่างกันครับ

ตัวข้อต่อสายทั้งหน้าและหลังทำมาพอดีกับตัวสายครับ จะเห็นว่าตัวสายมีสลักพิเศษทำให้เปลี่ยนสายได้ง่ายขึ้นมาแน่นอนว่า สลักแบบนี้ ทำให้เราเปลี่ยนสายได้ไวขึ้นและสะดวกขึ้นมากครับ

มาดูกันที่ตัวสายกันบ้างตัวนี้เป็นสายแบบ Hybrid สายที่ผสมระหว่างชั้นของหนังแท้กับซิลิโคนครับ ส่วนของหนังแท้จะอยุ่ด้านนอกให้ดูสวยงาม ส่วนด้านสัมผัสกับผิวหนังจะเป็น ซิลิโคนที่ช่วยระบายความร้อน กันเหงื่อได้ดีและ ทนต่อความชื้นได้ดีกว่าหนังนั้นเอง

สายหนังแท้สีดำผิวสัมผสไปข้างแข็งนิดหน่อย ตัวสายมีล็อคมาให้หลายระยะข้อมมือใหญ่เล็กใสได้หมดครับ สำหรับตัวสายคล้องเห็บปลายสายมีมาให้ 2 อันปกติสามารถล็อคไว้ตำแหน่งใหล้ตัวล็อคได้ครับ

SPEC  TICWATCH PRO 

  • หน้าจอ OLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 400 x 400 + หน้าจอ 1.39 นิ้วแบบ FSTN
  • CPU : Snapdragon Wear 2100
  • RAM : 512MB
  • ความจุ : 4GB
  • GPS : AGPS
  • รองรับ NFC, Google Pay
  • การเชื่อมต่อ : BT 4.2 / WiFi 802.11 b/g/n/ 2.4 GHz
  • เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Magnetic Sensor, PPG Heart Rate sensor, Ambient Light Sensor, Low Latency Off-Body Sensor
  • แบตเตอรี่ : 415 mAh
  • มาตรฐานกันน้ำ IP68 (กันน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาที)

SOFTWARE UI 

ทางด้าน Software นั้นมีให้โหลด 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้คือ Mobvoi Ticwatch และ Wear OS ครับผมเราก็ต้องหาโหลดมาไว้ก่อนในตัวเครื่องแล้วก็ทำการเชื่อมต่อตามขึ้นตอนครับ โดยแอพ Wear OS จะทำหน้าที่เชื่อมต่อจัดการต่างๆให้กับนาฬิกา ส่วนตัว Mobvoi Ticwatch จะเป็นดูส่วนข้อมูลรายละเอียดดาต้าจากการใช้งานทั้งหลาย

หน้าตาแอพ Wear OS จากทาง Google จะจัดการหน้าตา Watchface ต่างๆแจ้งเตือนตั้งค่า และ ดูแบต แคปหน้าจอนาฬิกาอะไรพวกนี้ครับ  การตั้งค่านั้นก็เลือกได้ว่าซิงค์อะไรบ้าง แจ้งเตือนยังไง เปิดหน้าจอตลอดเวลาไหม เอียงเพื่อปลุกหน้าจอต่างๆครับ  ส่วนอันนี้เป็นแอพของทาง MOBVOI Ticwatch ครับจะบอกอุปกรณ์ที่เราต่อ บอกรายละเอียดการวิ่งเดินนับก้าว แคล ระยะทาง อะไรทั้งหลายที่นาฬิกาเก็บข้อมูลออกมาได้ครับซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้พอสมควรเลยแหละ 

ส่วนอันนี้เป็นการใช้งานการออกกำลัง ขี่จักรยานมันจะบอกเวลาบนนาฬิกาและ ระยะทางเส้นทางทุกอย่างครับบอกชีพจรและอะไรมากมายมี  GPS ในตัวเราไม่ต้องพกมือถือไปก็ใช้งานได้ปกติเลยครับ Standalone ได้เลยตัวนี้

ทำยังไงให้พิมพ์ไทย พูดไทยได้ ! **** เซฟเก็บไว้เลย !! 

** เปลี่ยนภาษา พิมพ์พูด Ticwatch  ให้เป็นไทย – ปรับเมนูมือถือมาไทยก่อน – จากนั้นปรับเปน Eng – แล้วมา Voice type ลบภาษาไทยออก — ปรับ เมนูเป็นไทยอีกรอบ *ต้องเชื่อม BT ตลอดในการปรับ  ถ้าไม่ติดไม่มาลองปิดเปิดเครื่องและลองใหม่ทั้ง มือถือและนาฬิกาครับ ยังไงก็ได้แน่นอน สลับๆไปมาลองดู

WATCH FEATURE 

สำหรับฟีเจอร์ต้องบอกว่ามันทำได้เยอะแบบเยอะมากครับเป็นปกติของ Wear OS เลยนี้แหละข้อดีของมันปรับแต่งได้ค่อนข้างหลากหลายโหลดแอพผ่านนาฬิกาได้เลยรองรับอะไรหลายๆอย่าง แอพต่างๆมากมายทั้ง รองรับการโทรเข้าออก เครื่องคิดเลข แอพสแกนบัตรเช่น Starbucks หรือ  จะเป็นคุยกับ Google Assistant และอีกมากมายที่แอพเราจะโหลดครับ ต้องบอกว่ามันเยอะมากจริงๆพิมพ์ยังไงก็คงไม่ครอบคลุมทั้งหมดครับ แต่แน่นอนฟีเจอร์เด่นหลักๆที่ใช้งานประจำก็รองรับสบาย ทั้งรับสายผ่านนาฬิกา ควบคุมเพลง Spotify วัดชีพจร นับก้าว ออกกำลัง เปลี่ยนหน้าตานาฬิกาและสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย แจ้งเตือนไลน์ Facebook แบบไทยพร้อมตอบกลับได้เลย

Calling ผ่านตัวนาฬิกา 

สำหรับการรับสาย โทรออกนั้นก็ทำได้ดีในเรื่องของการออกแบบปุ่มต่างๆ ฟีเจอร์ในการใช้งาน ประวัติการโทร แป้นกด รายชื่อมาครบ สามารถกดโทรออกผ่านนาฬิกาได้เลยส่วนตอนสายเข้าก็แจ้งเตือนมาพร้อมครับสามารถกดรับได้เลย แต่จุดนี้ต้องบอกว่ามันดีเลมากเลยแหละบางทีก็ 3-4 วิถึงจะมา บางทีก็ไวครับ อันนี้น่าจะมีแก้ไขในอนาคตอีกทีนะ

เมื่อรับสายก็มีตัวเลือกว่าจะพักสาย ปิดเสียง แป้นหมายเลข เพิ่มลดเสียงลำโพงนาฬิกาต่างๆครับ โดยถ้าก่อนรับสายนั้นมันก็มีตัวเลือกส่งข้อความด่วนไปให้ ใช้ในโอกาศที่เรานั้นไม่สามารถรับสายได้ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้เช่นกันครับส่วนเรื่องคุณภาพโดยรวมของสายเข้า ออกไมค์ ได้ยินชัดเจนดีครับถ้าไม่ใช่ในห้างหรีอคนเยอะ แต่ถ้าคนเยอะตามรถไฟฟ้าในห้างคนเยอะๆเสียงจะค่อนข้างเบาต้องเอามาใกล้ๆหูเราหน่อยครับ แต่คนรับก็ยังตัดเสียงได้พอสมควรในระยะแบบในภาพครับ แต่จะเป็นฝั่งเรามากกว่าที่ได้ยินอาจจะไม่ชัดนั้นเอง

HeartRate 

การวัดชีพจรตัวนี้ก็มีมาให้แน่นอนครับสำหรับการวัดเมื่อกดวัดจะรอสักพักก็ถือว่าแม่นพอสมควรตัวนี้ใกล้เคียงกับ Miband 2 เลยแหละห่างกันไม่ถึง 2 หน่วยและส่วนใหญ่จะได้เท่ากันครับสำหรับชีพจรก็มีวัดอยู่เรื่อยๆมันจะคอยเก็บของเราไปทั้งวันหรือจะกดวัดเองก็ได้ไม่มีปัญหาครับ ส่วนเรื่องเวลากดนั้นมันจะจับแบบ Realtime ไปซักพักนึงจะบอกชีพจรของเราไปซํก 70 วิครับแบบหน้าจอติดตลอดอัพเดทแบบ Realtime ก็ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน แถมเลื่อนขึ้นมาดูก็ได้เช่นกันว่าวันนี้วัดไปได้เท่าไรบ้างรวมถึงค่าเฉลี่ยครับผม

Watchface 

สำหรับหน้าตาหน้าปัดต้องบอกว่าของที่มีมาให้ก็เยอะแล้วแต่เราก็สามารถโหลดจากแอพนอกเพิ่มได้สบายมากทั้ง Facer Watchmaker ต่างๆครับแต่จริงๆที่มันมีมาให้ก็สวยแล้วนะมีหลากหลายแบบมากมายเลยแหละ แต่ถ้าพวกแอพนอกก็จะสวยกว่าเดิมเช่น หน้าตาแบรนด์ดังๆมาใส่ได้ มีอนิเมชั่นสวยๆ หรือจะ แตะสัมผัสเพื่อจับเวลาอะไรแบบนี้ได้

Notification 

การแจ้งเตือนอะไรพวกนี้ไม่ต้องห่วงเลยจากที่ใช้งานค่อนข้างไวครับมือถือกับนาฬิกามาพร้อมกันเลย ดีกว่าการแจ้งเตือนคนโทรเข้าพอสมควร และรองรับไทยทั้งหมดรวมถึงการตอบกลับแบบเสียง แบบวาดตัวอักษรไทย สระอะไรได้ทั้งหมด ซึ่งจุดนี้ทำได้ดีนะสำหรับแจ้งเตือนต้องบอกว่า Wear OS ทำจุดนี้ได้โอเคเลยแหละ และตอบกลับง่ายด้วย เรื่องของการจับเสียงที่เราตอบกลับไป ค่อนข้างแม่นและตรงมากๆอันนี้ยกผลดีให้ทาง Google เลยแม่นขึ้นเรื่อยๆ

ESSENTIAL MODE 

สำหรับโหมดนี้จะเป็นโหมดที่จะตัดฟีเจอร์ Smartwatch ทิ้งไปครับ เน้นออกกำลังแบตอึด 1 เดือนอ่านไม่ผิดครับ 1 เดือนจริงๆเราใช้มันเป็นนาฬิกาปกติที่สามารถ วัดชีพจร นับก้าวได้ ดูเวลาวันที่ปกติเลย แน่นอนว่า จะตัดการเชื่อมต่อทั้งหมดระหว่างมือถือและนาฬิกาครับ หน้าจอจะเป็นขาวดำ สู้แสงได้ดีอ่านได้ชัดโดยเป็นจอ LDC FSTN ครับ  จากที่แอดมินลองนั้นต้องบอกว่า แบตโคตรอึดเลย 1 วันเปิดโหมดนี้ ลดไปแค่ 1-2 % กดจับชีพจรปุ่มล่างนะครับ ขีดข่างล่างน่าจะบอกแบต เต็มคือ 5 ก้อนนะครับ ส่วนการออกจากโหมดนี้คือกด Power ค้างไว้เพื่อเปิดปิดใหม่นั้นเอง

SCREEN

หน้าจอแน่นอนเป็นสิ่งหลักๆที่มันคือความสำคัญสำหรับนาฬิกาต้องดูชัดดูได้ชัดเจนในหลายๆสภาพแสงครับแน่นอนจอตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ 2 แบบ และมีขนาด 1.4 นิ้ว ความคมชัดพอสมควรเลยแหละ ความละเอียด 400 x 400 + หน้าจอ 1.39 นิ้วแบบ FSTN สำหรับสีของตัวจอทำได้สวยและคมชัดไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ครับ สู้แสงได้ตามภาพเลยแอดมินยืนกลางแจ้งแดดลงมาโดนเต็มๆในทุกภาพที่เอามาให้ชมกันนะ ต้องบอกว่าทำได้ดีครับ เมื่อเราเจอแดดแล้วหันหน้าจอสู้แสงเงาสะท้อนตรงๆเวลาจัดๆก็ยังพอมองออกครับในส่วนหน้าจอต้องบอกว่ายกข้อดีให้กับจอ OLED ที่สู้แสงได้ดีคมชัด เรื่องของจอภาพไม่ต้องห่วงครับไว้ใจได้สบายและยังคงสีสวยและไม่เพี้ยนด้วย

สำหรับ จอที่ 2 ที่ไว้สแตนบาย เวลาจอหลักดับนั้นจะเป็นขาวดำแบบในภาพเลย และประหยัดแบตมากๆรวมถึงมองชัดกว่าตัวจอปกติอย่างมากครับจอแบบนี้ทำให้เรามอัดทุกสภาพแสงจริงๆแอดมินชอบแนวคิดนี้นะคือมองชัดจริงประหยัดแบตกว่าจอปกติ ลดฟีเจอร์ลงไปเน้นแค่เวลา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของนาฬิกาครับ แต่แบตอึดขึ้นไหมด้วย การสลับ 2 จอไปมานั้นต้องบอกว่าไม่ได้อึดมากแบบที่คิดครับ แต่ถ้าใช้โหมด ขาวดำ Essential อย่างเดียวนั้นอึดแน่นอน

TOUCH

ระบบสัมผัสด้วยตัว Hardware ต้องบอกครับว่าทำได้ดีอยู่แล้วสำหรับระบบสัมผัสทัชได้ไวและแม่นลื่นนิ้วไม่ติดขัดอะไรเท่าไรครับใช้งานหลายๆครั้งไม่เจอค้างหรือทัชไม่ติดเท่าไรเลย แต่เรื่องที่น่าสนใจคือระบบ Software ของมันด้วยตัวการตอบสนอง ค่อนข้างแอบหน่วงครับ น่าจะมีผลมาจากตัว Wear OS + CPU ที่ค่อนข้างมีอายุจึงทำให้การใช้งานไม่ลื่นไหล ไม่ไวเท่าไรนักครับ แน่นอนหลายๆตัวที่เป็น Wear os แอบเจอปัญหานี้ เพราะ CPU มันก็ยังไมยอมอัพเดทใหม่ๆมาซะทีครับจากทาง SNAPDRAGON แต่จากที่ใช้งานไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงหรือเจออาการ ค้าง ต้องรีสตาร์ทอะไรครับแต่มันไม่ไวทันใจแค่นั้นในบางจังหวะที่ใช้บางแอพหรือบางฟีเจอร์เท่านั้นเอง

BATTERY

สำหรับเรื่องแบตอายุการใช้งานแอดมินจะแยกเป็น 2 แบบหลักๆคือใช้โหมด ปกติ กับ Essential ครับอย่างแรกเลยคือโหมดปกติก่อน จากที่แอดมินใช้งานมาทั้งวัน ร่วมหลายวันมากๆทั้ง ใช้หน้าจอเดิม ทั้ง Watchmaker ต่างๆและเล่นแบบปกติใช้คุยอะไรบ้าง เฉลี่ยแล้วทุกวันที่ใช้งาน กลับบ้านจะเหลือ 15-25 เปอร์ครับแน่นอน เริ่มใช้ 9 โมง ถึง 2 ทุ่ม โดยประมาณ จึงสรุปได้ว่าแบตตัวนี้ได้ 1 วันแบบพอดีแต่ไม่น่าถึง 2 วันยกเว้นคนที่ใช้งานน้อยหรือไม่ได้ซิงค์ตลอดเวลาครับ เพราะแอดมิน ซิงค์ตลอดเวลาเลยที่ทดสอบ  ส่วน Essential นั้นจากที่ลอง วัดชีพจรเรื่อยๆเปิดโหมดนี้ใช้งานเท่ากับปกติ กลับบ้านเหลือ 99% ครับแน่นอนโหมดนี้ ตัดทุกอย่างไม่เชื่อมต่อ ใช้จอได้แค่ ขาวดำ

SPEAKER 

สำหรับลำโพงตัวนี้แน่นอนว่ามีมาให้ครับส่วนเรื่องของความดังนั้นต้องบอกว่าใช้งานได้แม้จะไม่ได้ดังมากแต่ก็คุยพอรู้เรื่องแต่ต้องเอานาฬิกามาใกล้ๆหน่อยครับในสถานที่ข้างนอกแต่ในสถานที่ทั่วไปเงียบๆ ในบ้าน หรือ เดินในสวนวิ่งได้ยินพอสมควรเลยแหละครับ ถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาใช้งานได้จริงและได้ยินชัดครับ

TICWATCH PRO มันคือ Wear OS ที่น่าเล่นที่สุดในตอนนี้ ! 

จริงๆ Wear OS มันเป็นระบบที่น่าเล่นเลยแหละแต่หา Hardware ลงตัวใช้งานดีๆมันยากรวมถึง Snap ก็ไม่ยอมทำรุ่นใหม่มาซะที จะเล่นบางรุ่นราคาก็สูงเกินไป มาถึงเจ้า Ticwatch Pro ราคาสมเหตุผล น่าเล่น ฟีเจอร์ ระบบโอเคเลยลงตัว วัสดุคุณภาพ Hardware ก็ทำได้ดีเลยแหละ ดีไซน์ลงตัว มีลำโพง GPS ใช้งานได้ดีครับเทียบกับราคาที่จ่ายไปถือว่าน่าเล่นเลยแหละ และมีข้อสังเกตนิดหน่อยตรง ไม่มีที่ใส่ซิม หรือ พวกแบตไม่อึดมากนัก และความไวบางจุดครับแต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็ถือว่าสบายเลยแหละสำหรับแอดมินนะ หลังจากลอง Smartwatch  มาหลายๆตัวครับ

ข้อดี

  • แบตโคตรอึดในโหมด Essential Mode
  • 2 หน้าจอคึอแนวคิดที่ดีและแปลกใหม่ ใช้ได้จริง
  • ดีไซน์สวยงามและดูดี อีกทั้งยังใช้วัสดุที่ผิวสัมผัสได้ดีมาก
  • สายหนัง + ซิลิโคน คือดูดีมากและสวยงาม ออกแบบได้ดี
  • หน้าจอทั้ง 2 โหมดสู้แสงได้ดีและคมชัดสวยงาม
  • ไมค์ในการรับเสียงทำได้ดีในสภาพข้างนอก
  • หน้าตา Watchface เลือกได้หลากหลาย รวมถึงแอพนอก
  • วัดชีพจร และ ก้าวเดินมีความแม่นยำ
  • มี  GPS ในตัว
  • รองรับภาษาไทย ทั้ง เขียน พูด และสั่งงาน อ่านไลน์ตอบไลน์

ข้อสังเกตุ

  • การแจ้งเตือนเวลามีคนโทรมา Delay พอสมควร
  • แบต ในโหมดปกติได้ 1 วัน เต็มที่ 2 วันครับน่าจะอึดได้กว่านี้
  • หนาและมีน้ำหนักสำหรับคนข้อมือเล็ก
  • ไม่สามารถใส่ซิมได้
  • Snap 2100 อาจจะไม่ไว ลื่นไหล มากนัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะงับ ขอขอบคุณทาง  Ticwatch Thailand ด้วยนะครับ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

Review By Nineztr