Oneplus หลังจากที่ลุยตลาดไทยอย่างทางการรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่ 2 แล้วสำหรับที่นำเข้ามาขายครับแน่นอนว่ารุ่นแรกนั้นก็ถือว่ากระแสตอบรับดีพอสมควรทั้งจาก สาวก และ ผู้ใช้งานทั่วไปครับในราคาที่ไม่แพง คุณภาพงานประกอบ วัสดุที่จัดเต็มและอีก 1 จุดเด่นเลยคือ ระบบที่ลื่นไหล เร็ว แรง และมีความเสถียรอย่างมาก เลยทำให้แบรนด์นี้มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆและกระแสก็ไม่เลวเลยจริงๆ และในรุ่นนี้เป็นการอัพเกรดจากรุ่นเดิมมาเล็กน้อยแต่ความน่าสนใจนั้นจะเล็กน้อยตามไหมต้องมารับชมรีวิวกันได้เลย สำหรับ Oneplus 6T นักฆ่าเรือธงที่คุ้นเคยว่าจะน่าเล่นขนาดไหนกัน
สำหรับทาง Oneplus 6T นั้นเปิดตัวมาเป็นรุ่นต่อยอดจาก รุ่นก่อนหน้าหรือจะเรียกว่า Minorchange ก็ได้เปลี่ยนนิดหน่อย พัฒนานิดหน่อยมากระตุ้นตลาดท้ายปี หลักๆเลยนั้นก็จะเป็น ระบบสแกนนิ้วใต้หน้าจอที่เปลี่ยน และ หน้าจอติ่งเป็นแบบหยดน้ำเล็กลง และรวมถึงการพัฒนาระบบที่ดีขึ้น และ กล้องหลังที่มีคุณภาพดีขึ้นรวมถึงถ่ายกลางคืน Nightmode นั้นเองครับส่วนทางด้าน สเปคก็ไม่ค่อนแตกต่างเท่าไรเลย ทั้ง CPU กล้องหน้า หลัง ลำโพงต่างๆแต่รุ่นนี้ได้ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปแล้วนะครับเป็นสิ่งที่แอบเสียดายเลยแหละ อาจจะเป็นยุคไร้ 3.5มม กันจริงๆแล้ว
สำหรับราคานั้นจะเปิดมาที่ 6GB / 128GB สี Mirror Black : ราคา 18,999 บาท 8GB / 128GB สี Mirror Black : ราคา 20,999 บาท 8GB / 256GB สี Midnight Black : ราคา 22,999 บาท OnePlus 6T McLaren Edition จะวางจำหน่ายทาง AIS, JD Central ในวันที่ 20 ธันวาคม 2561
UNBOX
สำหรับในตัวกล่อง Oneplus นั้นตัวนี้ให้มาครบเช่นเคยพร้อมใช้งาน แต่ครั้งนี้มีสติกเกอร์มาให้ด้วย การออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์ได้เช่นเดิมทั้ง โทนสีขาว แดง เป็นคู่สีที่แอดมินชอบมาก แดง-ขาว-ดำ ดูแตกต่างกว่าค่ายอื่น !
- ตัวเครื่อง Oneplus 6T
- ตัวสายชาร์จ Dash Charge
- Adaptor Dash Quickcharge
- ตัวเคส TPU สีดำใส
- คู่มือ
- สติกเกอร์ โลโก้ ต่างๆ
- ตัวแปลง TYPE-C – 3.5 มม.
- ที่จิ้มซิม
- ฟิลม์พลาสติก ติดมาแล้วบนตัวเครื่อง
- สติกเกอร์จากทาง Oneplus
DESIGN
สำหรับการออกแบบทั้งตัวเครื่องตัว เหมือนรุ่น 1+6 ทุกประการแต่ก็มีพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยเช่น ติ่งหน้าจอแบบหยดน้ำครับทำให้ขนาดได้จอเต็มขึ้นนิดหน่อยในขนาดที่เท่าเดิมจากรุ่น 1+6 ครับ แต่ส่วนอื่นๆเหมือนกันมากๆเลย แต่จะพบว่า มีความหนากว่า 1+6 และ หนักกว่า นิดหน่อยครับ หน้าจอมาพร้อมหน้าจอแบบ หน้าจอ Full Optic AMOLED ขนาด 6.41 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 FULLHD+ ขอบล่างก็บางลงนิดหน่อยครับเต็มตามากกว่าเดิม
ด้านหน้าขอบบน มีติ่งหยดน้ำมาแล้ว เป็นที่อยู่ของ เซนเซอร์ ลำโพง และ กล้องหน้าครับ และ ข้างๆก็เป็น ไอคอน แจ้งเตือน และ สถานะ แบต ต่างๆครับ รวมถึงเวลา ทำให้ไม่ไปกินพื้นที่ข้างล่างครับ และไม่มีไฟแจ้งเตือนละนะ
ด้านล่าง ปุ่มในจอเช่นเดิม และ แน่นอนว่าพยายามทำให้บางเท่าที่จะทำได้แล้วเพราะจอ นั้นต้องมี ชิ้นส่วน พาแนล เชื่อมต่อต่างๆ ทำให้ไม่บางเท่าอีกค่ายได้นั้นเองครับ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะทำให้แพง และ ตัวเครื่องหนา ครับผม
ด้านขอบล่างเครื่องดีไซน์ปัดเงา ลาก่อน 3.5มม.หายไปแล้ววว ช่องแบบ TYPE-C และ ลำโพงหลัก 1 ข้างด้านขวาของภาพนะครับ เพราะอีกข้างนั้นเป็นแค่ช่องทำให้สวยและใส่พวกไมค์ลงไปในรูพวกนั้นแทนนั้นเองครับ
ของขอบบน ไม่มีอะไรมาก มีแค่รูไมค์ตัดเสียง แค่นั้น ตัวเครื่องจะมีความโค้งลงเล็กน้อย และ ความเงาของมันสำหรับ
ด้านซ้าย จะเป็นช่องใส่ ถาดซิม Dualsim -Nano รองรับ 4G Dual Active และ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะเห็นความบางของมันและ ดีไซน์กระจกหลังโค้งมาทำให้ขอบดูบางกว่าเดิม และ มีปุ่มเอกลักษณ์ Slider ที่จะสลับเปลี่ยนการแจ้งเตือน เงียบ สั่น ต่างๆ พร้อมกับปุ่ม Power ระยะห่างทั้ง 2 ปุ่มนั้นเมื่อดูดีๆจะมากกว่า 1+6 นิดหน่อยครับ
สำหรับด้านหลัง ดีไซน์เดิมจาก 1+6 ทั้งหมดแต่ ไม่มีแสกนนิ้วแล้วสวยขึ้นเยอะเลย ! มาพร้อม กล้องหลังคู่ และ ไฟแฟลช เรียงกันไปครับ ตำแหน่งเดิม พร้อมโลโก้ และ เขียน Design by Oneplus ในล่างสุดของเครื่อง เล็กๆครับ
SPEC
- หน้าจอ Full Optic AMOLED ขนาด 6.41 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 FULLHD+
- กระจก Corning Gorilla Glass 6
- ระบบปฏิบัติการ Android 9 OXYGEN OS
- CPU Snapdragon 845 2.8 GHz– GPU Adreno 630
- RAM 6GB และ 8GB LPDDR4X
- ROM 128GB และ 256GB UFS 2.1
- ไม่รองรับ microSD Card
- กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX519 + 20MP เซ็นเซอร์ Sony IMX376K ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมกันสั่น OIS, EIS, HDR, บันทึกวิดีโอ 4K@60fps, สโลโมชั่น 720p@480fps
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX371 ค่ารูรับแสง f/2.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และสแกนใบหน้า
- ตัวเครื่องเคลือบ Nano Coating กันน้ำกระเด็น หรือ ละอองน้ำสาดครับเหมือนรุ่นเดิม
- รองรับ 4×4 MIMO Cat.16/13 4CA, NFC, Bluetooth 5.0, USB C,
- ไม่มี ช่องหูฟัง 3.5 มม
- แบตเตอรี่ความจุ 3,700 mAh รองรับ Fast Charge 5V 4A
PERFORMANCE
CPU ระดับสูงสุดของ Qualcomm ในตอนนั้นเช่นเดียวกับรุ่น 1+6 แน่นอนว่าก็ทำคะแนนไปได้ถึง 296632 แรงมาก และ UFS 2.1 แน่นอนสำหรับหน่วยความจำ และ Benchmark ได้ 2380 8865 สำหรับตัว CPU BENCH -MARK ครับถือว่าทำได้สมราคาเรือธง และ CPU 845 ดึงออกมาได้เต็มที่มากแต่ไม่หนีจากเดิมมากเท่าไรนักครับ
SYSTEM UI
สำหรับหน้าตามาพร้อม Android 9 + Oxygen OS 9.0.7 เช่นเดิม หน้าตาอิง Pure Android และมีความสวยงาม โค้งมน มากกว่ารุ่นก่อนหน้าในการตัดขอบต่างๆครับและอนิเมชั่นก็สวยงามขึ้นด้วย หน้าล็อคคล้ายเดิม หน้า โฮมต่างๆครับค่อนข้างเรียบง่ายและ ค่อนข้างไวในการใช้งาน และ Appdrawer ก็มีเหมือนเดิมครับแจ่งเตือนไวปกติ
แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android แต่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของโทนสีจากรุ่นเดิมและความโค้งมนมากขึ้นครับ ในตัวตั้งค่า จากรุ่นก่อนจะเป็นโทนสีดำนั้นเองและตัดขอบเหลี่ยมสำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม กดสี่เหลี่ยมค้างไว้ในแอพที่เราต้องการ หรือจะลากชิดขอบบนก็ได้
ตัวระบบ ใช้งานได้ 116 ครับ และ RAM 6 GB ใช้ไป 3.3 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม สำหรับทารงแป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ Gboard อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ เรียบสวยและสเถียรมากๆ
สำหรับธีมในรุ่นนี้เปลี่ยนได้เป็นโทนเมนูอะไรต่างๆว่าจะเอาโทนสีอะไรเข้มอ่อนขาว หน้าจอสามารถปิดติ่งได้ และตั้งค่าโทนสีอะไรต่างๆได้ค่อนข้างเยอะครับ ส่วนหน้าจอ Ambient นั้นสามารถตั้งได้ว่า จะแสดงผลตอนไหนบ้าง และ ปรับตั้งค่าหน้าจอได้ 4 แบบเหมือนเดิมครับผม และ แจ้งเตือนเวลามีอะไรใหม่ๆเข้ามารวมถึงข้อความพิเศษได้ด้วย
การใช้งาน Gesture นั้นยังคงมีมาให้ครบครัน ทั้งถ่ายหน้าจอ เคาะเปิดเครื่อง วาดตัวอักษรต่างๆและพลิกเพื่อเงียบ ในส่วนของปุ่มนำทางสามารถใช้งานแบบเต็มจอได้ หรือจะสลับปุ่มก็ได้ด้วยครับ เปลี่ยนได้หมด รวมถึงตั้งค่าปุ่มสไลด์ด้านขวาของเครื่องได้ว่าจะให้ทำหน้าที่อะไรบ้างในการเลื่อน 3 จังหวะ และหน้าตาโชว์เวลาเลื่อนก็สวยงามดีครับ
สำหรับโหมดเล่นเกมก็ยังคงมีมาให้เหมือนเดิมตั้งค่าไม่รบกวนได้ ปิดการปรับแสงอัตโนมัติได้ ปิดแจ้งเตือนอะไรแบบนี้ สามารถปรับได้หมดตอบโจทย์ได้ดีเลยแหละ หรือจะเป็นการใช้งานด่วน โคลนแอป ล็อคแอป ทำได้หมดครับมีมาให้ใช้งานเยอะเลย หรือย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่าง่ายๆ และกดเปิดกล้องรวดเร็วก็ทำได้หรือเข้าแอพแบบไวๆจากหน้าล็อค
เข้าใช้งานด่วนก็ทำได้ครับ การใช้งานคือเรากดสแกนนิ้วค้างไว้จนหน้าจอติดก็ค้างไว้มันจะมีแอพเข้าถึงด่วนที่เราสามารถตั้งค่าได้ขึ้นมาให้ใช้งานสะดวกดีครับ สแกนนิ้วก็แตะบนหน้าจอเลยซึ่งได้แค่ 1 ตำแหน่งนะครับบนหน้าจอ
SCREEN
สำหรับหน้าจอ OPTIC AMOLED 6.41 นิ้วความละเอียดแบบ FULLHD+ ทับด้วย Gorilla Glass 6 และ รองรับ DCI-P3 แน่นอนว่าตัวสี AMOLED ทำให้สีที่ออกมาสดใสและสีดำนั้นดำสนิทมากๆครับ อีกทั้งในเรื่องของการสู้แสง กลางแจ้งทำได้ดีมากๆใช้งานได้สบาย อีกทั้งตอนหรี่ก็ถือว่ามืดได้ดีครับ โทนสีที่ให้ออกมาให้เวอร์เกินไป และ สามารถปรับได้ว่าจะเอา SRGB -DCI-P3 อะไรแบบนี้ครับ จุดนี้หน้าจอทำได้สวย ตัวติ่งครั้งนี้มาเล็กลงกว่าเดิมแบบหยดน้ำตามสมัยใหม่ที่พยายามลมขนาดนั้นเองครับ และตัวติ่งนั้นก็สามารถปิดได้ หลังจากที่แอดมินใช้ก็ไม่เจออะไรขัดใจครับ ปิดได้และแอพก็ไม่ไปกินหน้าจอส่วนติ่ง และไม่เจอบัคอะไรในส่วนแอพที่ไปบังอะไรในส่วนนั้นครับ
FINGERPRINT
สำหรับการแสกนนิ้วเป็นอีก 1 จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรครับจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งมีการใช้งานสแกนนิ้วแบบใต้หน้าจอเป็นตัวแรกจากทาง 1+ จากรุ่นก่อนนั้นที่เป็นสแกนนิ้วในด้านหลังเครื่องนั้นเองครับ การใช้สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบนี้ทำให้สะดวกมากขึ้นเวลาวางมือถือไว้บนโต๊ะอะไรแบบนี้ และทำให้ด้านหลังสวยงามเรียบกว่าเดิมด้วยนั้นเองแต่การใช้เทคโนโลยีนี้ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องการติดฟิลม์กระจกหนาๆอาจจะสแกนนิ้วติดยากและความเร็วอาจจะสู้แบบปกติไม่ได้แม้จะไม่ได้ติดฟิลม์ครับ รวมถึง เวลาใช้งานต้องรอให้จอติดก่อนหรือมีสัญลักษณ์ขึ้นมานั้นเองครับจึงใช้ได้
AMBIENT DISPLAY
สำหรับหน้าจออันนี้นั้นก็ยังรองรับ Ambient Display คือหน้าจอนั้นจะมีการติดแบบขาวดำ และ จะมีสีในตัวเลข 1 สีแดงเป็นเอกลักษณ์ครับ จะแจ้งเตือน เวลา ข้อความ และ ไอคอนการแจ้งเตือนต่างๆ และ วันที่ครับ สามารถเปลี่ยนหน้าตาได้ 4 แบบหลักๆตามที่แจ้งไว้ในส่วนของ Software เลย จะเปลี่ยนหน้าตานาฬิกา การวางเป็นหลักครับผม และสามารถตั้งข้อความพิเศษได้ และ ตั้งได้ว่าจะให้ติดตอนแตะหน้าจอ หรือจะติดตอนยกมือถือครับผม
SOUND MUSIC
มาเรื่องของเพลงกันดีกว่า มันโดนตัดออกไปแล้ว ครั้งที่แล้วพึ่งชื่นชมไปเอง 555 มาในเรื่องของเสียงไม่ได้จุดเด่นมากนักกำลังขับอะไรแทบจะเหมือนกับตัว 6 ทุกอย่างครับที่ลอง ขับหู Ibasso it01 ได้ดีทีเดียว แต่ต้องเปิดสูงนิดหน่อย และเรื่องของการขับเสียงทั้งหลายย่านก็ทำออกมาได้ดี แม้รายละเอียดจะไม่มากนักแต่ก็ไม่เลวร้ายครับ ตัวเสียงมี Software ปรับ ชนิดหูฟัง ปรับ EQ ได้ครับ และ ตั้งค่าได้นิดหน่อย เหมาะสำหรับ ฟังสนุกได้ ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพมากนัก ฟังเพลงทั่วไปสบาย ดูหนังได้สบาย แต่ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพ Hires ต่างๆนั้นตัวนี้อาจไม่ตอบโจทย์
SPEAKER
สำหรับลำโพง ONEPLUS 6T ยังคงมาพร้อมลำโพงล่างตัวเดียว ครับเสียงที่ให้ออกมาแน่นอนว่าอาจจะสู้ลำโพงคู่ไม่ได้ เลยเอามาเทียบกับทาง OPPO R17 Pro ที่มาพร้อมหน้าตาคล้ายๆกัน และลำโพงเดี่ยวเหมือนกันครับ ต้องบอกว่าจากการทดสอบนั้น ทาง 1+6T ทำได้ดีกว่าแบบค่อนข้างชัดเจนมาก ทั้งมิติเสียง ความดัง เสียงย่านต่ำมาดีกว่าเลยแหละเป็นอีก 1 จุดในการพัฒนาที่เริ่มมาดีขึ้นในเรื่องลำโพงครับ หวังว่ารุ่นต่อไปจะมาลำโพงคู่น่าจะโหดเลยแหละ
GAMING
สายเกมต้องไม่พลาดแน่นอนสเปคระดับนี้เราข้ามไปเลยก็ยังได้เพราะมันเล่นได้หมดแล้ว ! แถมมี GAMEMODE มาให้ด้วยมันจะไม่แจ้งเตือน เวลามีอะไรมาครับ เล่นเกมได้ดีขึ้นมาก ไม่มีอะไรมากวนใจ ตัวนี้มาพร้อม Snapdragon 845 + Ram 6gb เรียกได้ว่าสบาย ทั้ง ROV 60fps PUBG ROS ARK RAGM ทั้งหลายเล่นได้ลื่น ความร้อน 42 องศาในการเล่นติดกันระยะเวลานานพอสมควรครับ ในห้องปกติไม่มีแอร์นะ 845 นั้นมีความแรงมากและ ความร้อนในรุ่นนี้ก็อยู่ในระดับที่จะไปทางปกติของตัว 845 นะ สำหรับทางด้านเกมส์อื่นๆไปตามคลิปข้างล่างเลย
BATTERY
การใช้งานแบตนั้นทั้งวันได้สบายและใช้งานแบบเต็มที่รู้สึกว่ามันอึดกว่าเดิมมากเลยนะ แบตมาให้ 3700 mAh และมากกว่าเดิม 500 mAh มาด้วยจอ FHD+ ทำให้แบตอยู่ได้สบายทั้งวันและชาร์จไวมากจริงๆใช้งานทั่วไป ใช้งานทั้งวันตามภาพด้านบน นั้นอยู่ได้ 13 ชั่วโมง แบตเหลือ 22 ครับ จอเปิด 5 ชั่วโมงกว่า ใช้งาน เฟส กล้อง วีดีโอ ฟังเพลง GPS ครับผม ถือว่าทำได้ดีมาก และ เปิด 4G ไว้ตลอด แอบมีเล่นเกม ไป 1 ตาครับ ROV ชิวๆทั้งวัน สบาย
GPS
GPS ตัวนี้ยังคงไว้ใจได้ครับในเรื่องนี้นำทางได้สบายมากแม่นเอาเรื่องทำได้ดีขึ้นทางด่วนลงอุโมงค์ไม่เด้งไปไหนครับ ทดสอบตอนรถวิ่ง ก็จับได้ 19 ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดีเลยแหละ และกลางแจ้งจับได้ 28 เลยทีเดียวครับ ระยะเวลาในการจับหลังจากเปิด แอพนั้นใช้เวลาไวมากครับ อันนี้ ไม่หน่วงหรือ รอเลยหลังจากเปิดแอพ ไม่มีปัญหาใดๆ
CAMERA
กล้องหลังเลนส์คู่ ยังคงใช้ตัวเดิมจากทาง 1+6 แต่มีการอัพเกรด Software เทพขึ้น ! โดยมีความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX519 + 20MP เซ็นเซอร์ Sony IMX376K ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมกันสั่น OIS, EIS, HDR, บันทึกวิดีโอ 4K@60fps, สโลโมชั่น 720p@480fps ตัวกล้องนั้นเลนส์ 2 ตัวอยู่ในระยะเดียวกันน่าเสียดายไม่มีเลนส์เทเลแต่อย่างใดครับ แต่ภาพที่ได้ก็ไม่เลวร้ายนะ พัฒนาดีขึ้นจาก 1+6 แต่ก็ไม่ได้หนีกันเยอะมากครับ ที่เห็นชัดๆจะเป็นพวก Noise ทำได้ดีขึ้นและโหมด HDR นั้นทำได้ดีกว่าเดิมและกลางคืนดีขึ้นส่วนทางด้านของโหมด NIGHTMODE ถ่ายกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกันเลยภาพออกมาสวยจบ แต่บางจังหวะสภาพแสงนั้นจะออกแปลกๆไปหน่อยดูเวอร์เกินหรือภาพไม่ธรรมชาติเลยครับอันนี้น่าจะมีอัพเดทช่วยได้ และ พวกดีเทลยังไม่ได้เด่นมาก
PORTRAIT
Nightmode ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง
SELFIES
กล้องหน้ายังคงใช้ตัวเดิมกับทาง 1+6 โดยมีความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX371 ค่ารูรับแสง f/2.0 เป็นแบบ FIX FOCUS นะครับแต่ตั้งระยะมาได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าจ่อใกล้ๆอาจจะไม่ได้ครับผม ความไว ภาพต่างๆทำได้ดี และโทนสีสวยครับ ผญ ชอบกัน คมชัด สามารถแต่งหน้าเนียนได้ และ ละลายหลังได้ด้วยครับ อาจจะมีติดในเรื่องของมุมอาจจะไม่ได้กว้างมากนักครับ แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปถ่ายเก็บได้ในระยะไม่ใกล้ไปครับ
VIDEO
สำหรับการถ่ายวีดีโอ ความนิ่งยังคงเป็นจุดเด่นอีกอย่างสำหรับเรือธงในเรทราคานี้ และ เรื่องของคุณภาพก็ไว้ใจได้ เรื่องของเสียงนั้นก็อัดได้ดีครับเวลาคนพูด และ ตัดเสียงรบกวนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไปรับชมกันด้วยตัวเองเลยดีกว่า และ แอดมินถือ 1 มือและเดินนะครับผม รองรับ 4K60FPS และยังสามารถถ่าย Slowmotion 240Fps
ONEPLUS 6T
“ปรับนิด เปลี่ยนหน่อย ลงตัวขึ้น แต่ยังไม่น่าเปลี่ยนถ้าในมือท่านถือ Oneplus 6 “
อย่างที่บอกเลยคือมันเป็นรุ่น Minorchange แน่นอนว่าคนถือ Oneplus 6 คงไม่เปลี่ยน หรือไม่ค่อยต่างแน่ๆครับยกเว้นจะอยากได้ Mclaren Edition อันนั้นก็ว่ากันไป แต่ถ้าคนใช้งานทั่วๆไปจะมีความแตกต่างกับรุ่นเดิมมากไหน ก็มีแค่ สแกนนิ้วใต้หน้าจอ ติ่งหน้าจอเล็กลง กล้องหลังที่อัพเกรด Software มาดีขึ้นแต่ไม่นาน รุ่น 6 ก็ได้อัพ มันเลยเป็นความเปลี่ยนแปลงไม่มากครับ แต่ถ้าคนมาค่ายนี้ครั้งแรก แน่นอนว่า Oneplus 6T เป็นรุ่นที่ทำออกมาได้ลงตัวในหลายๆด้าน และยังอยู่ในงบที่ไม่สูงเกินไป ได้ดีไซน์สวย กล้องโหมดกลางคืนใช้งานได้ดี ระบบแรง เร็ว และมีประกัน อัพเดทไวครับเป็นแบรนด์ Android ที่แอดมินมักจะแนะนำคนอื่นๆที่ใช้งานทั่วไปไม่เน้นกล้อง เสียงอะไรมาก เพราะในด้าน กล้องหลัง มันก็ยังไม่ได้ทำได้ดีอะไรมากนักยังแอบแพ้ R17 Pro เลย หรือจเป็นด้านเสียงที่ไม่ได้เน้นเลยสำหรับค่ายนี้ครับ ทั้งลำโพง และหูฟัง อันนี้ก็ต้องดูว่าเราเน้นอะไรยังไงบ้างและมันตอบโจทย์ไหมสำหรับตัวนี้
ข้อดี
- ตัวเครื่อง สวยงาม งานประกอบทำได้ดี
- กล้องหลัง Nightmode ทำให้ถ่ายง่ายขึ้น
- เปลี่ยนมาใช้สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ติ่งหน้าจอมีขนาดเล็กลง และจอเต็มตามากขึ้น
- ความเร็ว แรง โดยรวมทำได้ดีเสมอครับ
- อัพเดทระบบ ต่างๆทำได้ค่อนข้างไว
- ราคา ยังคงน่าเล่นในระดับเรือธง
- แบตทำได้อึดมาก และ ชาร์จไวมาก
ข้อสังเกต
- ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปแล้วว
- กล้องหน้าหลัง ไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก – Hardware เดิม
- Nightmode ยังต้องพัฒนาอีกพอสมควร
- สแกนนิ้วใต้หน้าจออาจจะไม่ได้เร็วเท่าเดิม
- หนา + หนักกว่า Oneplus 6 นิดหน่อย
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr