Bang&Olufsen เป็นแบรนด์ที่เรียกได้ว่าอันดับต้นๆในเรื่องของเครื่องเสียงระดับ Hi-End กันเลยใครที่เล่นพวกนี้น่าจะรู้กันดีครับ และอีก 1 อย่างที่โดดเด่นเลยคือการออกแบบดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลกและแตกต่างกว่าแบรนด์อื่นๆมากครับ ยิ่งเป็นพวกลำโพงใหญ่ๆนั้นพวก A9 / Beosound Shape / Beosound Edge เป็นลำโพงที่ดูไม่เหมือนลำโพงกันเลยครับ และเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นต้องบอกว่าจัดเต็มสายฟังเพลง Audiophile ทั้งหมดครับ ในวันนี้เราจะมาลองใช้งานลำโพงพกพา ระดับเรือธงประจำปี 2018 ของทางแบรนด์ครับ คือ Beolit A17 ซึ่งมี จุดเด่นอยู่ที่ระบบเสียง 360 องศา True360 Bang & Olufsen Signature Sound และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ ส่วนเรื่องของคุณภาพจะสมกับราคาและคุ้มค่าไหมในเรท 2 หมื่นกว่าบาทไปชมกันครับ
B&O Beolit 17 นั้นเปิดตัวมาด้วยความเป็นลำโพงพกพาระดับเรือธงของปี 2018 มีจุดเด่นหลักๆคือการใช้วัสดุที่พรีเมี่ยม งานประกอบสุดเนียนครับ และยังเป็นระบบเสียงแบบ 360 องศา True360 Bang & Olufsen Signature Sound ที่จะทำให้เสียงรอบทิศทางได้ แม้การออกแบบจะไม่ได้เปลี่ยนเท่าไรจากรุ่น 15 นะครับ แต่ในเรื่องฟีเจอร์ หรือจะเป็นอายุการใช้งานแบตก็มีเพิ่มมาได้มากถึง 24 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ ผ่านช่องแบบ Type-C ด้วย
ในเรื่องของราคา Beolit 17 ตัวนี้เปิดราคามาที่ 21,900 บาทครับโดยมีให้เลือก 2 สีคือโทนสีดำ และ โทนสีขาว ครับ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเสียง หรือตาม Shop B&O ได้เลยครับ
UNBOX
สำหรับตัวกล่องตัวนี้หน้าตาเรียบๆโทนสีขาว การออกแบบเป็นเอกลักษณ์ พร้อมรูปชัดเจนว่าสีอะไรรวมถึงชื่อรุ่นตัวกล่องนั้นเป็นหูฟิ้วในตัวสามารถถือไปมาได้สะดวกครับหิ้วได้เลย ไม่ต้องใส่ถุงอะไรให้เปลืองเวลาไปซื้อใช้งานกันครับ เมื่อเปิดออกมาแล้วนั้นตัวลำโพงของเราห่อมาอย่างดี กระดาษสีขาวคลุมรอบตัวพร้อมกับ บอกว่าให้โหลดแอพด้านบนหุ้มมาแบบนี้ค่อนข้างดูดีและรู้สึกพรีเมี่ยมดีเหมือนกันครับ เป็นการทำให้คนซื้อไปเปิดกล่องออกมาและประทับใจได้
อุปกรณ์ในตัวกล่อง นั้นมีมาให้เพียงพอ แต่แอบเสียดายว่าไม่มีสาย 3.5มม AUX มาให้ครับไม่งั้นจะครบเลยแหละ อุปกรณ์ ในกล่องนั้นมี
- ตัวลำโพง Beolit 17
- สายชาร์จ Type-C TO Type-C ชาร์จไฟเข้า รวมถึงใช้เป็นสายชาร์จไฟออกไปมือถือได้
- Adaptor ชาร์จไฟรองรับชาร์จไว PD – 15V3A /9V3A/5V3A
- หัวแฟลงสำหรับใช้แบบ 3 ขา และ 2ขากลม
- คู่มือ
DESIGN
การออกแบบในตัวนี้เป็นรุ่นต่อยอดจาก Beolit 15 ต้องบอกว่าเค้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงการออกแบบเลยวางคู่กันยังแอบเทียบยากมากครับ ยกเว้นในด้านหลังแค่นั้นเอง การดีไซน์แม้จะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนักแต่ก็ยังถือว่ามีดีไซน์ที่สวยงามและไม่ได้ตกยุคอะไรเลยครับถือว่าออกแบบได้ดีโดยเป็นการออกแบบจากนักออกแบบ Cecilie Manz จากเดนมาร์กครับ เป็นคนที่ออกแบบพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดีไซน์ลำโพงถึงยังดูดีอยู่นั้นเองครับ ส่วนในเรื่องของวัสดุงานประกอบแรกจับบอกเลยว่าโคตรเนียนครับ รวมถึงวัสดุที่ใช้มันสัมผัสดีมากจริงแบรนด์นี้เค้าใส่ใจเรื่องนี้อย่างมาก หนังก็หนังแท้เลยทั้งชิ้นทำได้ดีครับ แต่รุ่นนี้หลายๆคนอาจจะเรียกมันว่า กระติกน้ำแข็ง อีก 1ชื่อ
การออกแบบด้านหน้า ด้านข้าง หลังนั้นเป็นแนวทางเดียวกันหมดและวัสดุความโค้งมน และ งานประกอบทำได้ดี การใช้โทนสีตัดกันได้อย่างลงตัวและดูหรู วางไว้ในบ้านได้เป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์อีก 1 ชิ้นกันเลยครับ ตระแกรงโลหะเจาะดูนั้นเป็นชิ้นเดียวกันคลุมรอบตัวลำโพงครับ ส่วนตัวฐานล่างกับด้านบนนั้นเป็นพลาสติกกึ่งด้านชิ้นเดียวเนียนๆไป
ในส่วนของการออกแบบด้านหลังนั้นจะเป็นจุดที่ค่อนข้างแตกต่างกับรุ่น 15 เพราะไม่มีช่องด้านหลังแล้ว และเป็นตระแกรงทั้งหมดแล้วครับซึ่งถือวาเนียนตาและออกแบบได้ดีกว่าเดิมเลยแหละ พอร์ตชาร์จต่างๆ ไฟสถานะ นั้นย้ายมาด้านล่างซ้ายมือมีแค่ 2 รูหลักๆคือ ช่อง 3.5มม สำหรับเสียบกับมือถือ และ พอร์ตชาร์จแบบ Type-C รองรับการชาร์จไฟเข้าแบบ Power Delivery และ ชาร์จออกไฟยังมือถือ หรือง่ายๆนั้นเป็น Powerbank ในตัวได้ใช้กันยามฉุกเฉิน
ด้านบนนั้นเป็นยางที่เว้าลงไปพร้อมกับปุ่มควบคุมทั้งหมดครับไว้ด้านบบน มีไฟตามปุ่มด้วย ปุ่มควบคุมทั้งหมด 5 ปุ่มนั้นมีหลักๆคือปุ่ม Function ที่สามารถตั้งค่าได้ในแอพว่าจะให้ทำอะไรได้บ้าง ต่อมาปุ่มเพิ่มลดเสียง และ ปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดครับ ตัววัสดุด้านบนเป็นยางทำให้เราสามารถวางสิ่งของได้ด้านบนรวมถึงมือถือเวลาใช้งานข้างนอกได้ครับ จากที่ลองรองรับมือถือใหญ่ได้ครับ เช่น XS Max และ R17 Pro แบบในภาพก็วางได้พอดีเลยแหละ
อีก 1 จุดเด่นของแบรนด์นี้นั้นเป็นการใช้วัสดุในหลายๆส่วนที่วัสดุจริงหนังจริงอะไรพวกนี้เป็นการใช้ที่ค่อนข้างสมราคาครับ หนังเป็นชิ้นสำหรับหูหิ้วของตัวลำโพง และสายแบบนี้น่าจะสามารถเปลี่ยนอะไรได้ง่ายครับเพราะเป็นข้อต่อที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไรถ้าเกิดมีปัญหาเกี่ยวกับสาย และการเก็บงานขอบต่างๆนั้นทำได้ดีคมสวยงาม รอยต่ออะไรไม่เห็นเลยแหละ โลโก้แบรนด์ B&O อยู่ตรงข้อต่อทั้ง 2 ข้างที่เชื่อมกับสายหนังนั้นเอง เล็กๆไม่ใหญ่ไม่เน้นครับสำหรับโลโก้ และใน่วนฐานด้านล่างนั้นเป็นยางรองทั้ง 4 มุม และบอกพวกสเปค รหัสอะไรต่างๆครับผม
SPEC
- ขนาด W x H x D : 23 x 18.9 x 13.5 ซม
- น้ำหนัก : 2.7 กก
- แอมป์เพาเวอร์ : 2 x 35 วัตต์ Class D สำหรับเสียงเบส และ เสียงแหลม (กำลังไฟฟ้าสูงสุด 2 วัตต์ 120 วัตต์)
- หน่วยขับ : วูฟเฟอร์แบบแบนด์ขนาดกว้าง 5.5 “ยาว 1 คู่, ตัวตรวจจับเสียงเบสแบบแฝงขนาด 2 x 4 “3 x 1,5” Wideband Tweeters
- Cabinet principle : Stereo w. passive bass radiators
- ช่วงความถี่ที่มีประสิทธิภาพ : 37 ถึง 20,000 เฮิรตซ์
- การใช้พลังงาน : ปกติ : 30 วัตต์, สแตนด์บาย : 0.5 วัตต์
- แบตเตอรี่ : เล่นได้นานถึง 24 ชั่วโมง
- เวลาในการชาร์จ : 2.5 ชั่วโมงที่ชาร์จ 15V – 3A ( Power Delivery )
- การเชื่อมต่อไร้สาย : Bluetooth 4.2, ADK 4.0
- Connections : Mini-Jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, 1 x USB-C สำหรับชาร์จ (ถึง 3A) เข้า / ออก (500mA เป็น Powerbank สำหรับชาร์จเช่นโทรศัพท์มือถือ)
- การควบคุมบนอุปกรณ์ : เปิด / ปิด, เพิ่มระดับเสียงขึ้น / ลง และ บลูทูธ ใน / o / จับคู่บลูทูธ / จับคู่สเตอริโอไร้สาย เข้าถึงคุณลักษณะอัจฉริยะผ่านปุ่ม Connect (ปรับแต่งผ่าน App)
- ระบบเสียงTrue360 : มีโซลูชั่นเสียงรอบทิศทาง True360 ที่ให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับเสียงที่ดีพอ ๆ กันไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม
- รายละเอียดวัสดุ : สายหนังเต็มเมล็ดอลูมิเนียมตะแกรงถาดรองยางลื่น
- นักออกแบบ : Cecilie Manz
SOFTWARE
สำหรับตัว B&O Beolit 17 นั้นจะใช้แอปของทาง Bang&Olufsen แทนที่ตัวเดิมจาก Beoplay ที่จะยกเลิกในปี 2019 นั้นเอง ตัวแอปนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าตัวเดิมทั้งหน้าตา และ การใช้งานที่ดีขึ้นครับตัวแอปนั้นทำให้เราสามารถเชื่อมต่อ หูฟัง ลำโพงทุกอย่างของแบรนด์นี้ได้ง่ายๆ หาโหลดกันได้เลยจาก AppStore PlayStore ครับ
หน้าตาแอปแรกๆนั้นเป็นหน้าตาหลักๆก็บอกชื่อรุ่นสีของเรา สามารถปรับแต่งชื่อได้นะครับตั้งได้เองเลย และเลือกสีตามแบบของเรา การตั้งค่าต่างๆสามารถตั้งได้ทั้ง คู่มือ การช่วยเหลือ หรือจะเป็นการอัพเดทระบบของลำโพงครับ และหน้าหลักเมื่อเข้ามาแล้วก็จะเป็ยตัวแสดงแบตว่าที่เปอร์เซนต์ ตั้งค่าแนวเสียงได้ หรือจะเป็น Preset ที่เราตั้งเองได้ครับ หรือแตะคำว่า ToneTouch เพื่อที่จะเข้าไปปรับแต่งแบบละเอียดขึ้นในรูปด้านล่างได้เลยครับ
เมื่อเราเข้ามา ToneTouch นั้นเราจะลากไปได้แบบอิสระเลยว่าจะไปแนวทางไหนแบบละเอียดมากๆครับ หรือจะไว้ตรงกลางก็ได้แล้วแต่คนชอบเลยครับ และเมื่อตั้งแล้วสามารถตั้งชื่อ Preset ของเราได้ด้วยว่าจะชื่ออะไรและจะได้จำง่ายๆ ส่วนหน้าต่อไปนั้นก็เป็น Onetouch ที่เป็นปุ่มพิเศษสามารถตั้งค่าได้ คือปุ่มบนสุดในตัวลำโพงนั้นเองครับ ทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าเปิดนาฬิกาปลุก, เล่น-หยุดเพลง, เล่นเพลงสุดท้ายที่เพิ่งเล่นไป, และเลือกปรับ preset Tonetouch ได้ครับ และเป็ยการตั้งค่าการจับคู่แบบ Stereo ครับสำหรับใครที่มีลำโพง 2 ตัววางไว้คู่กันได้
SOUND 360 องศา !
ตัวเสียงนั้นสามารถส่งออกมาได้รอบทิศทางซึ่งภายในนั้นประกอบอัดแน่นไปด้วย ไดรเวอร์ long-stroke full-range ขนาด 5.5 นิ้ว จำนวนหนึ่งตัว, Mid-Tweeter ขนาด 1.5 นิ้ว จำนวนสามตัว และ Passive Bass Radiator ขนาด 4 นิ้วจำนวนสองตัวครับ ถือว่าจัดเต็มเลยแหละครับ เอาจริงๆคือด้วยขนาดของมันจากที่ฟังครั้งแรกนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างตกใจกับพลังเสียงกับคุณภาพของมัน เห็นขนาดเล็กๆแต่เปิดทีดังสะใจยังกับลำโพงใหญ่เลยแหละ เสียงออกมารอบทิศทางทั้ง 4 ด้านแต่ด้านหลังนั้นจะค่อนข้างเบากว่าด้านหน้าแบบรู้สึกได้
ตัวลำโพงรุ่นนี้สามารถต่อเป็น Stereo ได้ถ้ามี 2 ตัวครับเสียงแยกซ้ายขวาได้เลย ซึ่งคุณภาพเสียงตอนแรกที่ฟังนั้นจะเบสจัดเต็มมาก แน่นอนว่าถ้าเราใช้งานไปซักพักเสียงจะลงตัวและเนี่ยแหละคือคุณภาพที่แท้จริงของมัน เหมือนที่เราไปลงฟังกันตาม Shop เสียงโดยรวมทำออกมาชัดเจน และเบสลงลึกแบบลึกมากเกินขนาดของมันจริงๆ เสียงร้องทำได้ชัดเจนนัก เสียงอิ่ม นุ่มกำลังดี และรายละเอียดชิ้นดนตรีมาครบ เวทีเสียงกว้าง บรรยากาศของห้องทำได้ดี เพราะด้วยลำโพงสามารถส่งเสียงได้รอบทิศทางและ เพิ่มพลังเสียงได้ดังมากๆ คือตัวเล็กแต่สามารถตั้งไว้ชั้นล่างของบ้าน และ สามารถได้ยินไปหลายๆห้องได้สบายถ้าเราไม่ได้ปิดประตู หรือเป็นห้องปิดอะไรครับ
Beolit 17 นั้น สามารถให้เสียงในรอบๆทิศทางและยังสามารถปรับแต่งโทนเสียงกันได้ผ่านทางแอปของตัวเครื่องครับสามารถปรับได้ 4 โทนแนวหลักๆ Excited ที่เพิ่มเบสและความหนักแน่นสนุก ฟังแนว EDM อะไรได้สบายครับสะใจมากๆ Relax ที่เน้นความสบายในการฟังเพลงและ Bright สำหรับผู้ที่ต้องการเสียงคมชัดทุกรายละเอียด เสียงร้องชัดเจนอะไรแบบนี้ ส่วน Warm นั้นเน้นฟังทั่วๆไปครับ เราสามารถลากไปได้อิสระ ทั้ง 4 โซนว่าจะอยู่ตรงไหนไปทางไหนมากกว่าหรือจะตรงกลางก็ได้ครับ แต่ในแอพก็มี Preset ที่มีมาให้ทั้งแบบ Ambient-Party-Speech ง่ายๆครับ และตัวลำโพง สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดเพลงได้ เช่น เปิดเพลงทุกวันจันทร์ หรือจะตั้งเปิดพรุ่งนี้เป็นนาฬิกาปลุกยาม โดบใช้ Bluetooth 4.2 ให้เสียงได้ 37Hz – 20,000 Hz และให้ความดังถึง 70 Watts RMS ครับผมในด้านของสเปคของตัวลำโพง
BATTERY
อายุการใช้งานแบตตัวนี้เค้าบอกกันว่าได้มากถึง 24 ชั่วโมง เลยต้องขอลองกันซะหน่อยเปิดยาวๆไปเลย 1-2 วัน ปิดบางช่วงครับก็ถือว่าทำได้สมราคาคุยคืออึดจริงๆ เปิดช่วงเช้าทั้งวัน น่าจะ 10 ชั่วโมง 2 วันก็ยังเหลือประมาณ 10-5% ครับเชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth ครับ จริงๆถือว่ามันอึดเลยนะ แต่ก็อาจจะเป็นตามขนาดและน้ำหนักของมันแหละ ซึ่งก็ชื่นชมระบบด้วยที่ไม่กินพลังงานมากเกินไปแม้กำลังขับ เสียงจะดังสนั่นสะใจมากก็ไม่ได้ดึงแบตมากขนาดนั้นครับ รวมถึง การชาร์จไฟเข้านั้น ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเต็ม ชาร์จเข้าด้วยความไวระกับ Power Delivery 15V/3A ครับโดยใช้สาย กับหัวชาร์จที่มีมาให้ในกล่อง และยังเป็น Powerbank ในตัวได้จ่ายไฟไปยังมือถือที่เป็น Type-C ได้โดยใช้สายที่มากับกล่อง แต่ก็ไม่ได้ไว้อะไรมากนะครับไว้สำหรับฉุกเฉินอะไรนิดหน่อยพอได้อยู่นะ
BANG & OLUFSEN BEOLIT 17
“เสียงลงตัวในทุกๆด้าน คุณภาพวัสดุพรีเมี่ยม แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูง”
เป็นลำโพงที่จัดเต็มมากกว่าขนาดของตัวมันเอง คือเสียงมาเต็มมาก กำลังขับมาดีกมากดังสะใจและ เบสลงลึกใช้ได้เลยแหละ เป็นลำโพงพกพาที่อาจจะพกพายากไปนิดแต่แลกมาด้วยความอึดของแบต และ กำลังขับที่มาเยอะมากแลกกันไปครับ เสียงร้องชัดเจนและเวทีกว้าง เหมาะกับทุกเพลงรองรับได้หมด อีกทั้งวัสดุงานประกอบนั้นก็ไม่เสียชื่อแบรนด์ครับจัดเต็มมาให้เช่นเดิม รวมถึงการออกแบบที่เรียบหรูไม่ตกยุค เป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้เลยแหละ ตัวการเชื่อมต่อก็ทำได้ดี รวมถึงตัวแอปนั้นก็ทำได้ดีขึ้นใช้งานง่ายและหน้าตาสวยเข้าใจง่ายครับ พกพาก็ดี ไว้ที่บ้านก็เหลือๆครับ แต่ประเด็นหลักๆที่อาจจะทำให้ตัดสินใจยากน่าจะเป็น ราคา ก็ต้องดูตามงบกันไป แต่ไม่เสียดายแน่ๆครับตัวนี้
ข้อดี
- งานประกอบโคตรเนี๊ยบ และ เนียนมาก
- วัสดุที่ใช้ดูดีสมราคา ทั้งสายหนังแท้ และ บอดี้
- พอร์ต Type-C ใช้ได้ดี ชาร์จไว จ่ายไฟ
- เป็น Powerbank ในตัวได้ สำหรับชาร์จเข้ามือถือ
- เสียงลำโพงออกมากำลังขับดี และ แน่นมาก
- เสียงรอบทิศทางทำได้ดี แต่ด้านหลังยังอ่อนกว่าทิศอื่นๆ
- App ตัวใหม่หน้าตาดีขึ้น ใช้งานได้ดีขึ้น
- แบตใช้งานได้ทั้งวันของจริง อึดมากเลย
- เบสแน่นสะใจมากขึ้น และ ยังคงรายละเอียดเสียงได้ดีทุกย่าน
ข้อสังเกต
- ราคาอาจจะไม่น่ารักสำหรับบางคน
- เสียงด้านหลังเบากว่าด้านหน้าเล็กน้อยอาจจะยังไม่ใช่ 360 แท้ๆเท่าไร
- หนัก 2.7 กิโลกรัม แอบพกพาลำบาก
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr