FITBIT เป็นค่ายที่หลายๆคนคงรู้จักกันดี ยิ่งสายออกกำลังคงรู้จักกับ Fitness Tracker ค่ายนี้เป็นอย่างดีครับแน่นอนว่าค่ายนี้ได้ลุยตลาดไทยมาอย่างต่อเนื่อง และส่งรุ่นใหม่ๆมาไวมากหลังๆก็มี Smartwatch เข้ามาด้วยเช่น Versa Ionic และมันทำออกมาน่าใช้งานอย่างมาก ในครั้งนี้ FITBIT ได้ส่งตัว Versa Lite ที่มีจุดเด่นคือเป็นรุ่นที่ทำออกมาสำหรับคนที่งบไม่เยอะมากแต่อยากได้รูปทรงฟีเจอร์หลักๆแบบเดียวกับ Versa นั้นเอง ตัวนี้เลยทำราคาลงมาถูกกว่ารุ่นปกติ แต่ตัดพวก จ่ายเงิน และ การเก็บเพลงบนตัวนาฬิกาออกไป แน่นอนว่ายุคนี้คงน่าจะฟังเพลงแบบ Spotify JOOX กันหมดแล้ว พวกเพลงบนนาฬิกาอาจจะไม่ได้จำเป็นเท่าไร เลยทำให้ FITBIT ออกรุ่นนี้มา แน่น่อนว่าการออกแบบยังคงเหมือนเดิมถือว่าสวยและน่าใช้ ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงมาชมกันในรีวิวได้เลยครับ
FITBIT VERSA LITE เปิดตัวเป็นรุ่นที่ ลดสเปคจาก VERSA แต่การออกแบบทั้งหลายยังคงรุ่นเดิมไว้ทั้งหมด
ซึ่งพวกฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพนั้นยังคงมีมาให้แบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นพวก Pure Pulse ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอด 24 ชม., ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ Sleep Stages Tracking, เซ็นเซอร์ SpO2 สำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือด, ใส่ว่ายน้ำได้ / กันน้ำลึกได้ 50 เมตร หรือ 5ATM และจุดเด่นเรื่องของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 4 วัน เลยทีเดียว และ รองรับการเชือมต่อกับ Smartphone ปกติ พร้อมสีสันที่มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ในราคาแบบสบายกระเป๋าครับ
สำหรับ Fitbit Versa Lite นั้นเปิดตัวมาที่ 6,990 บาทในไทย ซึ่งมาพร้อมกับสีทั้งหมด 5 สีหลักๆ ขาว ดำ ม่วง ม่วงอ่อน และ น้ำเงินครับ และสายก็สามารถเปลี่ยนได้ภายหลังใช้สายเดียวกับ Versa ปกติได้เลยนั้นเองครับ
UNBOX
- Fitbit Versa Lite
- แท่นชาร์จ Fitbit Versa Lite
- สายไซส์ L สำหรับเปลี่ยน
- คู่มือ ใบรับประกัน
- สายติดมาในเรือนจะเป็นไซส์ S
DESIGN
การออกแบบในตัวเรือนอันนี้ ต้องบอกว่าไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติเท่าไรครับ ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะตระกูล Versa เป็นการออกแบบที่สวยที่สุดในบรรดา Fibit ทั้งหมดเลยก็ว่าได้และถือว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างทันสมัยและใส่ได้ทั้ง หนุ่มๆ และ สาวๆครับ ขนาดกำลังดีไม่ใหญ่ไม่หนาเกินไป ส่วนตัวเรือนสีต่างๆนั้นก็แล้วแต่เราเลือกได้เลย แต่จะมีจุดแตกต่าง คือปุ่มในด้านขวานั้นจะไม่มีแล้ว แตกต่างกับรุ่นปกติที่จะมีปุ่ม 2 ปุ่มในด้านขวานั้นเองครับ ส่วนวัสดุคุณภาพยังดีเช่นเดิมคืออลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบแข็งแรงมากๆ ตัดขอบได้คมสวยและงานเนียนมากๆ
หน้าจอเป็นหน้าจอ IPS LCD Corning Gorilla Glass 3 ที่ค่อนข้างคมชัดและสวยมาก สู้แสงได้ดีและยังมองเห็นแม้จะเป็นกลางแจ้งครับ หน้าจอเป็นสีเหลี่ยมเหมือนเดิมขนาดเท่ากับตัวปกติจอก็เป็นจอแบบเดียวกัน เสียดายว่าขอบหน้าจอแอบหนาไปหน่อย และมีเซนเซอร์ข้างๆ รวมถึงโลโก้ก็ยังมีข้างหน้า ตัดขอบโค้งมนได้สวยงามและเนียน ส่วนด้านหลังนั้น เป็นส่วนของเซนเซอร์วัดชีพจรต่างๆตรงกลาง และ แท่นแม่เหล็กทองแดงสำหรับชาร์จไฟเข้า ตัววัสดุเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด บอดี้แข็งแรงมากจริงๆ สีเงินแบบผิวเม็ดทรายเล็กน้อยแข็งแรงและทนต่อรอยชีดช่วนได้ดี อันนี้ชอบในการผลิตแบบนี้มาก
ปุ่มทั้ง 2 ข้างคือจุดแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจนระหว่างรุ่นปกติและรุ่น Lite เพราะปุ่มในด้านขวาจะไม่มีแล้วนั้นเองในรุ่น Lite ส่วนด้านซ้ายนั้นมีปุ่มเหมือนกันคือทำหน้าที่ ย้อนกลับหรือกดค้างเพื่อเข้าตั้งค่าต่างๆพวกนี้ แล้วแต่หน้าได้เลย ส่วนด้านขวาไม่มีปุ่มแล้วครับ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้จำเป็นเท่าไรในปุ่มพวกนี้เพราะระบบสัมผัสก็ค่อนข้างครอบคลุม
ตัวสายนั้นเป็นวัสดุซิลิโคนที่ค่อนข้างเกรดดีและนุ่มใส่สบายแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ค่ายนี้ไม่เคยผิดหวังใส่สบายใส่ได้ทั้งวันและใส่นอนได้แบบไม่เจออาการแพ้อะไรครับ แต่แนะนำว่าหลังออกกำลังกายให้ล้างทุกครั้งนะ ส่วนตัวสายนั้นเป็นสีเทาไม่มีลวดลายอะไรแต่ก็เปลี่ยนได้ตามใจชอบเลย อันนี้อิสระดีเหมือนกัน ความยาวของตัวขนาด S นั้นก็ใส่ได้สำหรับ ผญ หรือ ผช ที่ข้อมือไม่ได้ใหญ่มาก แต่ถ้าไม่พอก็มีสายขนาด L มาให้ด้วย ตัวสายนั้นเมื่อมองด้านหลังจะเห็นว่า ตัวล็อคนั้นเป็นเดือยที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายทั้ง 2 ข้าง และเปลี่ยนง่ายมากๆเลยไม่ต้องไปร้าน
ตัวสายเมื่อถอดออกมาแล้วก็จะเห็นเป็นตัวล็อคเวลาใส่ก็เสียบเข้าไปทีละข้างและง้ายตัวล็อคไว้เท่านั้นเอง ตัวเรือนจะเห็นว่าบอดี้มันเป็นอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบแข็งแรงมากๆ Unibody เลยทีเดียวส่วนนี้แกะออกมาแล้วรู้สึกถึงความแข็งแรงได้ดีมาก ตัวสายก็เก็บงานอะไรได้เนียนและเปลี่ยนได้ง่าย สามารถง้างเปลี่ยนได้เลยครับ การออกแบบคิดมาเผื่อเวลาเราเปลี่ยนได้ดี ในหลายๆรุ่นก็เริ่มมีสายที่เปลี่ยนง่ายแบบนี้รวมถึง Smartwatch สมัยนี้ก็เป็นแบบนี้ทั้งหมดแล้ว
SPEC
- 3-axis accelerometer
- 3-axis gyroscope
- Optical heart rate monitor
- Ambient light sensor
- Relative SpO2 sensor
- Vibration motor
- Wi-Fi antenna (802.11 b/g/n)
- Battery type: Lithium-polymer
- Charge time (0-100%): Two hours
- Radio transceiver: Bluetooth 4.0
- resistant to 50 meters. 5ATM
- Operating temperature: -10° to 60° C
- Syncing range: Up to 6.1 m
- 1.32 Inch LCD IPS
- Corning Gorilla Glass 3
สำหรับจุดที่แตกต่างกันนะครับ กับตัวธรรมดาที่โดนตัดออกไปจะมีแค่ 6 ข้อนี้และหลักๆเลยคือ มันไม่รองรับ Fitbit Pay / การใส่เพลงบนตัวนาฬิกา และ พวก On Screen Workout และ การนับว่ายน้ำ หรือ เดินขึ้นบันได
SOFTWARE
ในด้านของระบบ Software ตัวนี้ใช้แอพของทาง Fibit ปกติครับสามารถ Activate ผ่านตัวสมาร์ทโฟนได้เลยไม่ต้องผ่านคอมให้วุ่นวาย ตัวแอพยังคงรูปแบบหน้าตาเดิมที่คุ้นเคยครับ ตัวแอพนั้นก็จะเป็นตัวที่คอยสรุปข้อมูลแต่ละวันให้เราได้ทราบ โดยถ้าดูข้อมูลนั้นแบบแค่ตัวเลขก็จะสามารถดูบน นาฬิกา เราได้เลย หรือจะกดให้มัน แทรก การวิ่ง หรือ ว่ายน้ำ พวกนี้มันก็จะสามารถกดได้ผ่านตัวนาฬิกาได้เลยครับไม่ต้องใช้มือถือ แต่พวก GPS นั้นยังคงต้องเชื่อมกับมือถือไว้ตลอดนะครับผม
การตั้งค่าโหมด ทั้งหมด 7 โหมดครับว่าตัวไหนเราตั้งใช้งานอยู่ก็สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆได้ ส่วนการแจ้งเตือนนั้นก็สามารถรองรับ สายเรียกเข้า ข้อความ อีเมล ต่างๆรวมถึงแอพทั้งหมดในมือถือ Line Facebook ก็รองรับทั้งหมด สามารถอ่านข้อความได้ แต่ยังไม่รองรับภาษาไทยนะครับ มีสั่นแจ้งเตือนด้วย ส่วนรูปหน้าปัดนั้นเลือกได้ค่อนข้างเยอะมาก โหลดใช้งานได้เลย มีแบบเสียตังค์ด้วยเพื่อสนับสนุนคนออกแบบนะครับ และแต่ละหน้าปัดก็สามารถแตะเพื่อเปลี่ยนดูเป็น จำนวนก้าว แคล ฯลฯอื่นๆได้เวลาใช้งานจริง หรือเปลี่ยนสีโทนสี การแจ้งอะไรได้เยอะเลย หรือจะเป็นพวกอนิเมชั่นเคลื่อนไหวก็แล้วแต่ หน้าปัดนั้นๆเลยครับ
ตัวแอพนั้นก็สามารถใช้งานได้ค่อนข้างเยอะเลย ซึ่งเป็นแอพบนตัวนาฬิกาที่เราสามารถแตะเพื่อใช้งานได้เลย ไม่ต้องมาเปิดบนมือถือครับ ทั้งการดูรายละเอียด แอพเพิ่มเติม ควบคุมเพลงอะไรได้ หรือจ่ายเงิน Starbucks ก็รองรับครับ ส่วนตัวแอพในมือถือก็จะแสดง รายละเอียดการนอนหลับต่างๆให้มันชัดขึ้นและดูรายละเอียดได้ค่อนข้างดีครับ สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดแบบชัดขึ้น และสรุปเป็นอาทิตย์ให้ใช้งานดูกันครับ
การแทรคก็สามารถเก็บข้อมูลได้ปกติครับ ถ้าเราพกมือถือไปด้วยก็จะสามารถเก็บข้อมูลอะไรได้หมดทั้งเส้นทางระยะทั้งหลาย และ ดูข้อมูล ชีพจร และอื่นได้ปกติเลย แต่ตัว INSPIRE ไม่มี GPS ในตัวเลยต้องพกมือถือนะครับ
FEATURE
- วัดชีพจรด้วยเซ็นเซอร์Pure Pulse จากข้อมือตลอด 24 ชั่วโมง
- ติดตามกิจรรมระหว่างวัน ก้าวเดิน, แคลอรี่, ระยะทาง ฯลฯ
- ติดตามคุณภาพการนอนหลับด้วย Sleep Stage พร้อมข้อมูลเชิงลึก
- แจ้งเตือนให้แอคทีฟตลอดทั้งวันเมื่อไม่ขยับ
- ติดตามสุขภาพคุณผู้หญิง บันทึกระยะเวลาติดตามการตกไข่
- โหมดออกกำลังกาย วิ่ง, ฟิตเนสและอีกมากมายกว่า 15 โหมด
- กันน้ำ 50 เมตร
- ติดตามเส้นทางกลางแจ้งด้วย GPS จากการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
ตัวฟีเจอร์หลักๆนั้นก็รองรับการใช้งานได้ทั้งหมดเข้าถึงผ่านตัวนาฬิกาได้ทั้งหมดแบบรุ่นปกติเลย สามารถเปลี่ยนแอพได้ผ่านหน้าปัดและใช้งานได้โดยไม่ต้องมี Smartphoneครับ สามารถกดใช้งานและมีรายละเอียดนิดหน่อยด้วย หน้าจอจะแสดงผลครั้งละ 4 แอพหลักๆและแน่นอนว่าสามารถเพิ่มแอพเข้าไปได้ และโหลดเพิ่มเองได้ ฟีเจอร์หลักๆทั้งหมดก็มีใช้งาน ทั้งดูสภาพอากาศ จับเวลา ตั้งปลุก นับถอยหลัง ฝึกหายใจ หรือกด ออกกำลัง ตั้งค่าได้ทั้งหมดเลย
เมื่อเป็นหน้าหลักแล้วเราปัดขึ้นมานั้นจะเป็นการสรุปประจำวันว่าวันนี้เราทำอะไรไปบ้าง และ บอก แบตเตอรรี่ รวมถึงวันที่ หน้านี้จะเป็น 3 บรรทัดหลักๆ สีแดงอันแรกจะเป็นการบอกจำนวนก้าว และ ชั่วโมงต่อวัน บรรทัดที่ 2 จะเป็น จำนวนก้าว ระยะทาง แคล พลังงานทั้งหมด เป็นการบอกคร่าวๆไม่สามารถดูรายละเอียดได้ ส่วนอันสุดท้ายจะเป็นชีพจรวัดตลอดเวลานะครับ และ แสดงแบบ Realtime ได้เลย
ส่วนการแจ้งเตือนถือว่าทำได้ดีในแง่ของความไว แต่ปัญหาหลักที่บ่นไปนานมากตั้งแต่รุ่นแรกคือมันไม่รองรับภาษาไทยเลยครับ ก็ยังคงไม่มีอัปเดตมาซะที มันขาดแค่ตรงนี้ไม่งั้นจะลงตัวและกล้าแนะนำให้มากกว่านี้หลายๆคนอาจจะไม่ได้ซีเรียส แต่แน่นอนว่าสำหรับทางผมที่ต้องคอยดูแจ้งเตือนตลอดเวลานั้นค่อนข้างหงุดหงิดเอาเรื่องเลยแหละ แต่เวลาแสดงก็จะแยกสีแอพทั้ง Line Facebook Page manager รวมถึงสามารถตั้งค่าตอบกลับด่วนได้ด้วย
ตัว Exercise นั้นก็เป็นการออกกำลังเราสามารถเข้าไปใช้งานแต่ละชนิดที่เราเลือกได้และเหมาะสำหรับการออกกำลังกายทั้งหลากหลายแบบ ซึ่งเมื่อเราแตะตั้งค่า ก็จะมีตั้งค่า รอบ ระยะทาง หยุดอัตโนมัติ หรือตั้งเปิดหน้าจอตลอดเวลาได้ เมื่อเรากดเข้าไปแล้วมันก็จะเชื่อมต่อ GPS บนมือถือและเริ่มนับถอยหลังครับ และตั้งค่าว่าวันนี้เราจะวิ่งกี่กิโล นานแค่ไหนตั้งได้ทั้งหมดครับ ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ยังคงเด่นสำหรับค่ายนี้และจะดูสรุปในตัวมือถือเป็น Maps ได้
แน่นอนว่าทั้งแอพพื้นฐานเพิ่มเติมที่หลายๆคนสามารถโหลดมาได้ทั้ง Starbucks Spotify ก็สามารถโหลดเพิ่มมาได้ครับและการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากเลย เช่นของ Starbucks ถ้าใครมีบัตรก็ใส่เลขบัตรลงไปในมือถือในแอพใน Fitbit ได้ด้วย มันก็จะเป็นโค้ดเวลาเราจ่ายก็สแกนนาฬิกาได้เลยและสแกนติดง่ายอยู่นะ แต่ในภาพขอเบลอไว้นะครับ ส่วน
Spotify นั้นเป็นแอพที่เสริมมาให้โหลดกันได้ค่อนข้างดีนะ เพราะหลายๆคนคงใช้งานกันบ่อยและสามารถเปลี่ยนเพลง เพิ่มเสียง เปลี่ยนอัลบั้ม เลือกอัลบั้มได้เลยถือว่าค่อนข้างดี เพราะหลายๆคนเวลาวิ่งก็อาจจะควบคุมผ่านตัวนาฬิกาเลยและหน้าจอก็สามารถค้างหน้านี้ได้ไม่หายไปไหนเวลาวิ่งและเปลี่ยนเพลงก็ยกมาเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องเข้าแอพซ้ำ
CHARGING
การชาร์จแบตก็ยังคงต้องใช้ที่ชาร์จเฉพาะของมันและเป็นฐานแบบเดิมครับหนีบตัวเครื่องและชาร์จได้วางทิ้งไว้ครับ ใช้เวลาชาร์จเต็มทั้งหมด 2 ชั่วโมง และแบตใช้งานได้ 4-5 วันในการเชื่อมต่อตลอดเวลาและใส่ทั้งวันนะครับดูแจ้งเตือนบ้าง แต่ถ้าใส่วิ่งให้มันจับตลอดนั้นอาจจะใช้ได้น้อยกว่านี้ครับ เป็นข้อดีเหมือนเดิมสำหรับตัวนี้แบตค่อนข้างอึดเลยแหละ ถ้านับในแง่ของฟีเจอร์ที่ได้และการเชื่อมต่อตลอดเวลานะ และใช้หน้าจอแบบมีสีและค่อนข้างสวย แต่ถ้ามันมีจอขาวดำหรือใช้ AMOLED น่าจะประหยัดมากกว่านี้อีก ไม่แน่ในรุ่นหน้าอาจจะได้เห็นจอที่สวยและประหยัดแบตมากขึ้นไปอีกก็เป็นได้ แต่ระยะการชาร์จ 2 ชั่วโมงบางทีก็แอบช้าไป ถ้ามีพวกชาร์จไวจะดีมากๆในอนาคต
FEELING
ในการใส่นั้นค่อนข้างสบายและเบา พอดีเข้ารูปกับแขนได้ทั้ง ชาย และ หญิง ตัวเรือนนั้นมีขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักเกินไปรวมถึงตัวสายที่ทำออกมาค่อนข้างนุ่มและใส่สบายแม้จะมีเหงื่อหรือใส่ทั้งวันก็ไม่ระคายเคืองครับ วัสดุที่เอามาใช้ของค่ายนี้ไว้ใจได้แน่นอนถ้าเป็นสายแท้ของมัน ส่วนตัวเรือนเป็นวัสดุอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาดีงานประกอบดีและเนียน ใส่นานๆถ้ารัดกำลังดีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่ร้อนเวลาจับชีพจรหรือใส่แทรคนานๆครับ ระบบสัมผัสนั้นตอบสนองได้ไวแต่ตัว UI Software ยังเจอหน่วงๆอยู่บ้างเวล าเลื่อนสลับหน้าแอพหรือเข้าแอพบางอย่าง เป็นสิ่งที่เจอในรุ่นก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกันคือมันอาจจะไม่ได้ทันใจไวมากเท่าไรครับ ถ้าใครเคยใช้รุ่น Versa น่าจะเข้าใจได้ดีแต่ก็ยังไม่เจออาการค้างหรือดับอะไรนะ เลยไม่ได้เป็นปัญหามากนักในส่วนนี้ เพราะระบบเสถียรพอสมควรแต่แค่ไม่ไวติดนิ้วมากเท่าไร
FITBIT VERSA LITE
” ตัดฟีเจอร์ที่ไม่ได้จำเป็นออกไป จับต้องได้ง่ายขึ้น งานออกแบบสวยเหมือนเดิม “
ยังคงเป็น Smartwatch ที่น่าใช้งานทั้งการออกแบบ ฟีเจอร์ รวมถึงความแม่นยำในการจับชีพจรออกกำลังต่างๆ และยังได้งานประกอบ คุณภาพวัสดุที่อันดับต้นๆ ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ถูกกว่ารุ่นเดิม และในแง่ของการออกแบบ อุปกรณ์เสริมยังคงใช้ได้กับรุ่นปกติบ้างพวก เช่น สายเปลี่ยน ฟิล์มกันรอยพวกนี้ และตัดฟีเจอร์ที่อาจจะไม่ได้จำเป็นเท่าไรออกไป ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีนะเพราะบางอย่างในไทยก็อาจจะไม่ได้เต็มที่เช่นการจ่ายเงินบางคนอาจจะไม่ได้ใช้ครับถ้าไม่ใช่ธนาคารที่เค้ากำหนดพวกนี้ โดยรวมมันลงตัวมากๆในหลายๆด้าน แต่ที่จะติแบบแรงๆคือไม่รองรับภาษาไทยซะทีที่บ่นไปหลายรอบที่รีวิวก็ยังไม่มีการปรับหรือทำมาลงซะทีนั้นเองครับจุดเดียวหลักๆเลยแหละ
ข้อดี
- ตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไปแต่ราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น
- หน้าจอสวยสู้แดดได้ดีมาก
- งานออกแบบ การประกอบ วัสดุทำได้ดีแบบรุ่นปกติ
- แบตเตอรรี่อึดมากใช้งาน 4 วันสบายแบบเชื่อมต่อตลอด
- น้ำหนักเบา ขนาดกำลังดี ใส่ได้ทั้ง ชาย และ หญิง
- ฟีเจอร์เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว
ข้อสังเกต
- ยังคงไม่รองรับภาษาไทยซะที
- ไม่มี GPS ในตัว
- ระบบยังมีหน่วงๆแบบรุ่น Versa
- ไม่มี Fitbit Pay ไม่มี On ScreenWorkout และ ไม่สามารถเก็บเพลงได้*ที่โดนตัดออกจากรุ่น Versa
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr