Vivo นั้นได้ทำการเปิดตัว แบรนด์ลูก ที่มาเน้นสายเกมแบบจริงจัง ในชื่อว่า iQOO ย่อมาจาก I Quest On and On” ตามตัวเลยแน่นอนว่าการเปิดตัวแบรนด์ลูกแบบนี้นั้นก็เป็นเรื่องปกติกันไปแล้วหลังจากที่ Xiaomi เปิด Blackshark หรือจะเป็น Nubia ที่มี Red Magic นั้นเอง แน่นอนว่าตลาดสายเกมก็เป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อยๆด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ค่อนข้างตอบโจทย์ ทาง Vivo iQOO นั้นเปิดตัวมาด้วยความเป็นสายเกมทั้งเรื่องของสเปค ฟีเจอร์การแตะขอบเครื่อง Monster Touch และ การระบายความร้อนอะไรต่างๆอีกมากมายครับ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามากๆ ในครั้งนี้เราเลยจะมาลองใช้งานกันดูว่าในรุ่นนี้เป็นมือถือสายเกม แต่ในด้านอื่นๆนั้นจะใช้งานเป็นยังไงทั้ง กล้อง เสียง รวมถึงการใช้งานทั่วไป ใน Vivo iQOO นั้นจะตอบโจทย์ไหมสำหรับคนที่หามือถือมาเป็นเครื่องหลักแต่เน้นสายเกมมากขึ้น
Vivo iQOO นั้น มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทั้งมีปุ่มด้านข้างตัวเครื่องไว้ควบคุมการเล่นเกม และระบบการสั่นเพื่อประสบการณ์เล่นเกม 4D ส่วนขอบเครื่องอลูมิเนียมอัลลอยด์ มีการเล่นโทนสีทองแดง หรือ น้ำเงินตามสีเครื่อง อีกทั้งจุดเด่นคือ ด้านหลังมีดีไซน์ลายเส้น electro-optic lines มีไฟตรงกลางเครื่อง และ มีระบบระบายความร้อน “super liquid cooling” และ Multi-Turbo ที่รวบรวมทั้ง (AI Turbo, Center Turbo, Net Turbo, Cooling Turbo และ Game Turbo) เพิ่มการประมวลผลทุกฟังก์ชัน เช่นช่วยในการเปิดแอปพลิเคชันเร็วกว่าเดิม 30%, FPS ดีขึ้น 70% และ สามารถ สลับสัญญาน WiFi/4G ให้อัตโนมัติทันทีถือว่าเป็มมือถือสายเกม แต่จัดเต็มในหลายๆอย่าง
Vivo iQOO นั้นมาขายในไทยตามร้านหิ้ว ซึ่ง RAM 8 GB 128GB เปิดราคา 17,900 บาท และ RAM 12GB 256GB 22,500 บาทครับ เป็นราคา ณ วันที่เขียนรีวิว อิงราคาจากร้าน TREEMOBILE MBK ครับ ไปส่องกันได้
UNBOX
ตัวกล่องในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการออกแบบที่แปลกตาดีเหมือนกัน เพราะมีการเล่นลวดลายเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ รวมถึงฝาของตัวกล่องยังมีการออกแบบเส้นสายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละข้าง เฉียงขึ้นลงไม่เท่ากันครับ และ การจัดวางของข้างในถือว่าเป็นระเบียบและค่อนข้างสวย ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้พอใช้แต่ไม่มีหูฟังมาให้นะครับ
- ตัวเครื่อง Vivo iQOO
- เคสสีดำนิ่ม
- สายชาร์จ Type-C หัวตัว L
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จรองรับ 44W
- ฟิล์มกันรอย หน้า และ หลัง ติดมาให้จากโรงงาน
บางท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรสีแดงๆตรงสายชาร์จจริงๆมันเป็นการออกแบบสายชาร์จจากทาง iQOO นั้นเอง เป็นสายชาร์จแบบข้อต่อตัว L ที่รองรับเวลาเล่นไปชาร์จไป สำหรับสายเกมที่อาจจะมีเหตุการรณ์แบตหมดกระทันหัน และยังไม่เกะกะเวลาชาร์จไฟถือว่าออกแบบมาได้ดีนะ ส่วนในเรื่องสี ขาวแดง ก็อาจจะดูแปลกๆหน่อยเหมือนเม็ดยา ขาวแดง
ตัวเคสของ Vivo iQOO จะแตกต่างกับตระกูล อื่นๆด้วยการใช้วัสดุสีดำด้านทั้งหมดเป็นแบบพลาสติกนิ่มๆครับ การใช้วัสดุแบบนี้ช่วยให้ไม่กัดตัวเครื่องเท่าไรครับ แต่ก็ต้องดูแลรักษากันอีกที ส่วนตัวเคสมีการเว้นช่องตรงกลางด้านหลังไว้ สำหรับไฟ HALO Light LED ค่อนข้างสวยงามรวมถึงการเล่นลวดลายเคสด้านหลังที่เป็นเส้นๆสวยงาม แต่ก็ฝุ่นเข้าไปได้ง่ายพอสมควรครับ การปกป้องกันตัวเครื่องได้ดี แต่ส่วนเลนส์กล้องนั้นจะพอดีขอบเคสอาจจะต้องระวังนิดนึง แต่ด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีคลุมหน้าจอได้หมดทุกมุมครับ สามารถวางคว่ำได้เลย และเคสนั้นจะเห็นว่ามีการเว้นช่องด้านข้างสำหรับแตะเล่นเกมอีกด้วย
DESIGN
การออกแบบตัว Vivo iQOO นั้นต้องบอกว่ามีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนในแง่ของการเล่นลวดลายฝาหลังแต่การวางตำแหน่งกล้องอะไรนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก ตัวเครื่องงานประกอบต่างๆนั้นทำได้ดีสวยและเนียนครับ รอยต่ออะไรพวกนี้ค่ายนี้ทำได้ดีอยู่แล้วในตระกูลบนๆของค่ายงานประกอบทั้งภายนอกและภายในทำได้เนี้ยบสมราคา แต่ความหนาและหนักของเครื่องนั้นอาจจะมีน้ำหนักพอสมควรครับเมื่อเทียบกับมือถือทั่วไป แต่ถ้ามองในบรรดาเกมมิ่งนั้นส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักและขนาดประมาณในส่วนใหญ่ ส่วนฝาหลังเล่นแสงสีลวดลายของมันน่าสนใจและเด่นมากๆ
หน้าจอของ Vivo iQOO เป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ มาพร้อมติ่งหน้าจอแบบครึ่งวงกลม ค่อนข้างแปลกกว่าค่ายอื่นๆที่สายเกมนั้นจะเป็นลำโพงคู่หน้าและมีพื้นที่ไว้พักมือนิดหน่อยครับ ส่วนหน้าจอนั้นมาพร้อมขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 และ มีสัดส่วนหน้าจอถึง 91.7% และเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED รองรับ HDR
ตัวติ่งหน้าจอเป็นแบบหยดน้ำ ที่ซ่อนกล้องหน้า 12 MP อยู่ ส่วนของลำโพงฝังไว้อยู่ขอบด้านบน และขอบหน้าจอนั้นทำได้บางเท่ากันในด้านข้างๆและขอบบน ส่วนติ่งหน้าจอนั้นไม่สามารถปิดได้นะครับ
สำหรับขอบจอด้านล่างนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างบางกว่ารุ่นอื่นๆแต่ก็ยังไม่สามารถทำความบางได้เท่ากับขอบด้านข้าง และ การควบคุมนั้นเป็นอยู่ในจอ สามารถใช้งานแบบเต็มจอหรือใช้งานแบบปุ่มปกติได้ครับ ส่วนการสแกนนิ้วใต้หน้าจออยู่ในตำแหน่ง บริเวณ 4 จุดวงกลมๆนั้นเองครับ เป็นการสแกนนิ้วแบบ Optical เหมือน NEX 2 รุ่นก่อนหน้านี้
ขอบเครื่องด้านขวานั้น เป็นการออกแบบโทนสีส้มทองแดงเงาสวยงามพอสมควร และ เป็นที่อยู่ของปุ่ม พิเศษ Monster Touch ที่สามารถแตะใช้งานเล่นเกมได้แบบเดียวกับ ROG Phone และ มีปุ่ม Power รวมถึง เพิ่ม-ลดเสียงครับ และ ตัวปุ่ม ก็มีการเล่นลวดลายบนปุ่มที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันครับ และใช้วัสดุแบบเดียวกันทั้งหมด
ขอบเครื่องด้านบนนั้นไม่มีการเล่นสีอะไร เป็นสีดำล้วนพร้อมกับ รู 3.5มม. และ มีรูไมค์อยู่ข้างๆกันครับอีกฝั่ง จะเห็นว่าความหนาพอสมควร และมีขอบโค้งเข้ามานิดนึง ทำให้เวลาจับถือได้ง่าย และเป็นบอดี้ชิ้นเดียวกันทั้งหมด
ขอบด้านล่างของเครื่องนั้นจะเป็นรูไมค์ และ ช่องเสียบชาร์จแบบ Type-C และ รูลำโพงหลักของตัวเครื่องด้วยครับ
ขอบด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ ช่องใส่ถาดซิมแบบ DualSIM ที่รองรับแบบ Dual Standby ไม่สามารถเพิ่มเมมได้ รวมถึงมีปุ่มเรียบ JOVI AI ด้วยทำให้เรียกใช้งานได้เวลาใช้งานคำสั่งเสียงต่างๆและมีการเล่นขอบสีทองแดงเหมือนกันครับ และมีเขียน Vivo ไว้มุมขอบล่างขอบเครื่องเล็กๆ ถือว่างานออกแบบสวยดีในขอบทั้ง 2 ข้างดูมีลูกเล่นครับ
กล้องหลังของรุ่นนี้ มาพร้อมกับ 3 ตัว 3 ระยะ โดยที่ตัวหลักนั้นความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 และ กล้องตัวรองเป็นเลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 และในตัวสุดท้ายนั้นเป็น กล้องสำหรับวัดระยะ ความละเอียดที่ 2MP รูรับแสง f/2.4 และมาพร้อมไฟแฟลช LED ด้านล่าง
ทางด้านฝาหลังเป็นการออกแบบที่แปลกตาและมีไฟ LED เส้นยาวๆด้านหลังที่รองรับการแจ้งเตือน ชาร์จแบต ข้อความ เรียก AI หรือจะเป็นเวลามีคนโทรเข้ามาได้อีกด้วย แต่ฟีเจอร์ปรับแต่งยังแอบน้อยไปนิดนึงครับ ส่วนฝาหลังนั้นออกแบบเป็นเส้นๆสายที่เหลื่อมกับแสงได้ดีมากๆเป็นการออกแบบเรียกว่า electro-optic lines นั้นเองซึ่งแต่ละมุมก็จะเห็นคนละแบบกันเส้นเหมือนจะเป็น Dynamic เหลือบๆกันไปครับ จะมีขาย 2 สีคือน้ำเงินและสีส้มในภาพ
SPEC
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 9 พื้นฐานแอนดรอยด์ 9.0
- หน้าจอ : อัตราส่วน 19.5:9 ขนาด 6.41 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล HDR
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855
- GPU : Adreno 640
- RAM : 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 128GB
- ระบบเชื่อมต่อ : 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz+5GHz), Bluetooth 5.0, GPS + GLONASS, NFC
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ต USB Type-C
- กล้องหลัง : 3 เลนส์ ความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 + 2MP รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า : ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.0
- แบตเตอรี่ : 4,000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W
- ขนาดตัวเครื่อง : 157.69 × 75.2 × 8.51 มม.
- นํ้าหนัก : 196 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่าจัดเต็มแรงสะใจ Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำรวมถึง RAM 8GB มาดูกันที่ความปลอดภัยกันก่อนตัวนี้เป็นเครื่องจีนแน่นอนว่าได้ความปลอดภัยระดับ Divevine L3 ปกติครับ ส่วนคะแนน Antutu ไปให้สุดที่ 353855 คะแนน และ หน่วยความจำเป็น UFS2.1 ตัวแรงครับ และในด้านของคะแนน Geekbench นั้นทำได้ 3459 และ 10599 คะแนน แน่นอนว่าสมราคา Snapdragon 855 แต่ที่น่าสนใจคือความร้อนในการใช้งานทดสอบต่างๆนั้น ค่อนข้างทำได้ดีและเย็นกว่าตัวอื่นๆแบบรู้สึกได้เลย
SYSTEM UI
สำหรับหน้าจอของระบบตัวนี้ใช้พื้นฐานมาจาก Funtouch OS และใช้ Android 9.0 ตัวล่าสุดแน่นอนว่าหน้าตามันไม่ได้หนีจาก VIVO ค่ายหลักเท่าไรแต่เปลี่ยนในส่วนของฟีเจอร์ พื้นหลังแอพที่รองรับเข้ามาเพิ่มใช้งาน ตัวเครื่องไม่มี App Drawer และ มีเลขแจ้งเตือนแอพที่รองรับปกติครับ แต่แอพทั่วไปนั้นที่โหลดมาเสริมก็รองรับการแจ้งเตือนได้ไวครับ ถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีเพราะบางค่ายเวลาแจ้งเตือนจะไม่ค่อยไวเท่าไรแต่รุ่นนี้ไว้ใจได้เลยครับ
การดูแจ้งเตือนนั้นสามารถปัดลงมาจากด้านบนได้เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่การตั้งค่าด่วนของค่ายนี้จะแปลกหน่อยคือปัดขึ้นมาจากด้านล่างแบบเดียวกับของ iPhone เลยนั้นเองและการจัดวางต่างๆนั้นก็แอบคล้ายๆกันอยู่แต่ของ Vivo นั้นสามารถปรับแต่งได้มากกว่าและสามารถใช้งานแอพล่าสุดเข้าได้จากตรงนี้เลย แต่การแบ่งหน้าจอรองรับแค่แอพจีน
ตัวคีย์บอร์ดตัวเครื่องนั้นเป็นของทาง Vivo ที่รองรับภาษาจีนและอังกฤษไม่มีภาษาไทยนะครับต้องโหลดคีย์บอร์ดแยกมาเพิ่มเอง แต่เมนูภาษาไทยนั้นมีมาให้ครบพร้อมใช้งาน RAM นั้นเหลือ 3.25 จากทั้งหมด 8GB และ ความจำตัวเครื่องทั้งหมด 128GB ว่าง 102 GB แต่จริงๆเมื่อลองลบแอพรูปอะไรไปน่าจะเหลือ 112 GB โดยประมาณครับ
ตัว Gesture นั้นก็มีให้ใช้งานค่อนข้างหลากหลาย รวมทั้งวาดรูปตัวอักษรต่างๆและ เปิดปิดหน้าจออัจฉริยะ รวมถึงการโทรต่างๆ และยังมีในเรื่องของการยกขึ้นมาดูแจ้งเตือนและ ปัดมือดูการแจ้งเตือนได้ด้วยเวลาหน้าจอดับครับ
การโคลนแอพต่างๆนั้นก็รองรับเช่นกัน และโหมดแยกหน้าจอ ส่งภาพออกไปต่างๆนั้นก็รองรับได้ทั้งหมด ส่วนปุ่มควบคุมนั้นสามารถปรับได้ว่าเป็นปุ่มปกติ หรือปัดขึ้นลงแบบในภาพและสามารถสลับตำแหน่งได้รวมถึงเปลี่ยนเป็นแค่จุดได้ นอกเหนือจากแถบๆที่ใช้งานอยู่ครับ และ JOVI ยังคงมีส่วนร่วมในการใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิมในตัวเครื่อง
THEME
ตัวธีมการออกแบบนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างเยอะมีทั้งแบบเสียตังค์และแบบไม่เสียตังค์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างเยอะ เพราะมันปรับเปลี่ยนทั้งไอคอนและหน้าตาบางอย่างของแอพพื้นฐาน เช่นหน้าตาของการโทรศัพท์ และข้อความอื่นๆ แต่ที่ปรับเปลี่ยนเยอะๆนั้นจะเป็นที่เสียตังส่วนใหญ่ แต่ถ้าแบบฟรีนั้นก็ปรับเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมการออกแบบที่ค่อนข้างแปลกตากว่าเกมมิ่งรุ่นอื่นๆเยอะมากเพราะมาแนวไร้ขอบและหน้าจอ แบบมีติ่งรวมถึงไม่มีลำโพงคู่หน้า จริงๆแนวคิดของตัวนี้อาจจะเป็นมือถือเกมมิ่งที่คงดีไซน์แบบทันสมัยและใช้งานทั่วไปมากกว่าด้วยเลยทำให้ได้ออกมาแบบนี้ ส่วนหน้าจอตัวนี้มีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 และมีสัดส่วนหน้าจอถึง 91.7% และเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED รองรับ HDR ในการใช้งานตัวจอถือว่าทำได้สวยมากและสู้แสงได้ดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือมันแค่ 60Hz ปกติซึ่งเมื่อมามองคู่แข่งหลายๆตัวกลับพบว่าตัวนี้ค่อนข้างต่ำสุดและทำได้พอๆกับ Blackshark 2 แน่นอนว่าด้วยราคาของมันก็อาจจะเข้าใจกันได้ครับผมในจุดนี้ ส่วนเรื่องคุณภาพจริงๆถือว่าสวยงามและดีอันดับต้นๆของค่ายเลยแหละ สีดำสนิทจอสวย สู้แสงได้ดีมิติของสีเก็บได้หมด
มุมมองของตัวจอรองรับได้ดีมากๆถือเอียงมองเอียงขนาดไหนก็ไม่ดรอปและไม่เพี้ยนครับเพราะด้วยหน้าจอแบบ AMOLED ด้วยจุดนี้ถือว่าดีและไม่เพี้ยนครับ ส่วนในเรื่องคุณภาพสู้แสงดีแล้วในการใช้งานที่มืดๆก็รองรับได้ดีเหมือนกันคือสามารถหรี่แสงได้เยอะมากรวมถึงมีโหมดถนอมสายตามีมาให้เป็นปกติครับ ส่วนติ่งหน้าจอไม่มีให้ปิดนะในจุดนี้ เผื่อหลายๆคนอาจจะรำคาญกันไปบ้าง แต่จริงๆสายเกมก็ไม่ได้ชอบแบบติ่งกันเท่าไรนะถ้ามีขอบหน่อยพอมีที่จับจะถือว่าเหมาะกว่า อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนชอบกันอีกที แต่ถ้ามองมันเป็นมือถือทั่วไป หน้าจอติ่งแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
FINGERPRINT
สแกนนิ้วใต้หน้าจอค่ายนี้เป็นค่ายแรกที่ทำออกมาขายและทำให้หลายๆแบรนด์ทำตามกันมาเรื่อยๆแน่นอนว่าพัฒนากันมาอย่างยาวนานทีสุดและเทคโนโลยีก็เริ่มลงตัวขึ้นเรื่อยๆแม้จะไม่ใช่ Ultrasonic แบบ S10 พวกนี้นแต่ระบบนี้ก็ยังทำได้ไวเหมือนกันต่างกันไม่ถึงเสี้ยววิ แต่ถ้าใครใช้ S10 หลังอัพเดทจะพบว่าตัวนั้นทำได้ไวกว่านิดหน่อยในความแม่น เพราะด้วยระบบที่ไม่เหมือนกันครับ ของ iQOO นั้นใช้ Optical อยู่จะเห็นว่าเป็นแสงวงกลมสว่างๆนั้นแหละ ในการใช้งานจริงๆบางครั้งต้องสแกนย้ำอีกรอบครับแต่น้อยครั้งมากๆ แต่ถ้ามันติดก็คือไวเลยแหละ ไวมากกว่ารุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้ ส่วน Effect ก็สามารถเปลี่ยนได้ 4 แบบว่าตอนสแกนนิ้วจะเป็นแบบไหน และเพิ่มนิ้วได้ 5 นิ้วครับ
SOUND
ในเรื่องของเสียงตัวนี้แม้จะเป็นค่าย Vivo แต่ครั้งนี้ไม่มีชิพเสียงแยกพิเศษอะไรเลยครับซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลกหรืออาจจะเน้นไปเลยว่าตระกูล NEX จะเน้นในเรื่องนั้นครับเพราะเสียงตระกูลนั้นรุ่นแรกๆจัดเต็มโหดมากๆ แต่พอเป็น iQOO นั้นก็ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษด้วยการที่เจาะกลุ่มลูกค้าสายเกมด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้ยังดีที่มีรู 3.5มม.มาให้ครับในบรรดาคู่แข่งเหลือไม่กี่รุ่นแล้ว ส่วนเรื่องหูฟังแถมไม่มีมาให้นะครับ เลยทดสอบด้วยหูฟังประจำตัวของแอดมิน เสียงที่ได้กำลังขับมากลางๆครับ เสียงจะออกไปทางแหลมจัดไปหน่อยในเรื่องของเสียงคนพูด หรือเสียงร้องบางทีแหลมไปนิดนึง และมิติเสียงอะไรมากลางๆครับดีกว่าตัว Blackshark เทียบตัวแปลงที่แถมมากับเครื่องเพราะตัว iQOO เสียงจะนุ่มกว่านิดนึง เบสอะไรไม่ค่อยมาครับเวลาเล่นเกม เสียงระเบิดอะไรพวกนี้ไม่ค่อยสะใจเท่าไร รวมถึงเวลาฟังเพลงด้วย แต่กำลังขับอะไรมาพอๆกันนะจากที่ได้ลองไม่ได้แตกต่างกันมากครับ เสียงผ่านหูฟังในรุ่นนี้
SPEAKER
ลำโพงในรุ่นนี้จะมาพร้อมลำโพงเดี่ยวเท่านั้นในด้านล่างก็ถือว่าแปลกสุดในรุ่นคุ่แข่งและเลือกที่จะวางไว้ขอบล่างครับ แต่เห็นลำโพงเดี่ยวอย่าดูถูกกันไปเสียงมันข่ม RazerPhone 2 เลยนะบอกเลยว่าโหดมากครับในเรื่องของความดัง มิติเสียง และ ความชัดเจนของเสียง Vivo iQOO ทำได้ดีมากแม้จะเป็นลำโพงตัวเดียวจะแพ้แค่ในเรื่องของเสียง แยกซ้ายขวา และ เวทีเสียงเวลาเล่นเกมนั้นจะด้อยกว่าพวกลำโพงคู่ครับ ถ้ามาลำโพงคู่มันน่าจะโหดมากๆ แต่ความดังยังเป็นรอง ROG Phone อยู่นะครับ ถ้าให้เทียบทั้งหมด ROG Phone ยังคงทำได้ดีและเด่นสุดในมือถือเล่นเกม
GPS
การทดสอบ GPS ตัวทดสอบนำทางจริงๆ และ ใช้แอพทดสอบเช่นเคยครับตัวนี้จากที่ทดสอบจริงๆพบว่านำทางได้ค่อนข้างแม่นและไวครับเป็นจุดเด่นเลยนะตัวนี้จับได้ไวและเยอะ และแม่นครับ แน่นอนว่าพวกเรือธง Snapdragon 855 เรื่องนำทางนั้นไว้ใจได้เลยแหละ ส่วนในการใช้แอพทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 24 ดวง จากทั้งหมด 49 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ ส่วนของกลางแจ้ง จับได้ทั้งหมด 30 ดวง จากทั้งหมด 47 ดวง นะครับ
BATTERY + 44W
Vivo Super FlashCharge 44W ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาทีได้แบตเตอรี่ 50% หรือ 30 นาที ได้ 85% และ 45 นาทีได้ 100% เต็มครับ โดย iQOO มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,000 mAh เราจึงทำการลองใช้งานทั้งวันก่อนครับอย่างแรกเลยเหมือนกันการทดสอบทั่วไป ใช้งานได้ทั้งหมด 11 ชั่วโมงกว่า แบตเหลือ 10% และหน้าจอเปิด 7 ชั่วโมงถือว่าค่อนข้างอึดเลยนะ เล่นเกมไป 2-3 ตา PUBG ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆครับ ที่เหลือๆก็ใช้งานทั่วไปถ่ายรูป แชร์ Hotspot และ อัพข่าว อัพรูปโหลดรูป และจากที่ลองใช้งานชาร์จแบต นั้นถือว่าไวมาก
Supercharge 44W นั้นชาร์จไฟ 2% ขึ้นมา50 % ภายใน 15 นาที และ เต็มภายใน 45 นาทีเท่านั้น ! ไวมาก
GAMING
การเล่นเกมในรุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นอีกจุดเด่นของตัวนี้ทั้งเรื่องของสเปคประสิทธิภาพที่มาพร้อมกับ Snapdragon 855 และ ยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเข้ามาช่วยทำให้คุมความร้อนได้ดีมากๆครับ แม้แบตจะลดลงไวนิดหน่อยแต่เรื่องความร้อนและประสิทธิภาพของรุ่นนี้จัดเต็มมากๆและยังมีปุ่ม Monster Touch แตะขอบเครื่องในการยิงปืนอะไรต่างๆเข้ามาช่วยได้เยอะมากๆ และมีไฟด้านหลังเวลาทำเควสในเกมที่รองรับชนะด้วยครับแต่ที่ลองยังไม่เจอเลยนะไม่แน่ใจว่ามีแอพอะไรบ้าง ส่วน ระบบคอยเข้ามาช่วยปรับเสริมในการใช้งานเล่นเกมได้ดีมากๆอันนี้ชอบครับ
เมื่อเราเข้าเล่นเกมแล้วนั้นมันจะเด้งมาสอบถามการตั้งค่าต่างๆว่าเปิดปิดอะไรบ้างตามภาพด้านบนครับเป็นฟีเจอร์ที่เสริมเข้ามาช่วยในเรื่องของเครือข่ายที่เสถียรมากขึ้น การปรับปรุงระบบให้รองรับกับการเล่นเกมและปิดการแจ้งเตือนต่างๆรวมถึงเมื่อเราเข้าไปเล่นแล้วก็สามารถเรียกมันออกมาได้ครับ ทั้งการโทร ปิดการแจ้งเตือน ตัดสายคนโทรเข้ามา หรือจะเป็นการตั้งค่าปุุ่ม Monster Touch ในส่วนขอบข้างเครื่องด้วยนั้นเองครับ
สำหรับเรื่องการใช้งานปุ่ม Monster Touch เป็นปุ่มพิเศษบริเวณขอบเครื่อง ในการใช้งานเวลาเล่นเกมนั้นจะทำงานแบบเดียวกับขอบเครื่องที่เราเคยรีวิวไปในตัว ASUS ROG และทำให้เราเหมือนมีปุ่มพิเศษเข้ามาช่วยเวลา ซูมและยิงต่างๆในการเล่นเกมนั้นเองครับ และสามารถปรับได้เลยว่าเราจะแตะซ้าย แตะขวา จะให้มันสัมผัสตรงส่วนไหนของหน้าจอครับ ส่วนเรื่องการตั้งค่านั้นก็ทำได้ค่อนข้างง่ายและเป็นภาษาไทยด้วยถือว่าดีครับเพราะแบรนด์จีนบางแบรนด์จะไม่ได้ปรับภาษาในส่วนนี้อาจจะทำให้เข้าใจผิดพลาดไปได้
CAMERA
ในส่วนของกล้องนั้น iQOO มาพร้อมกับกล้องหลังนั้นเป็นกล้องหลัง 3 ตัว ที่รองรับมุมมองคนละแบบกันและมีกล้องสำหรับเก็บระยะครับ โดยกล้องหลักใช้เซนเซอร์ของ Sony IMX363 แบบเดียวกับ Pixel 3 เลยนะความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.79 และ ตามด้วยกล้องมุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F2.4 และกล้องสำหรับทำหน้าชัดหลังเบลอ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F2.4 จัดเต็มครับในเรื่องเซนเซอร์และคุณภาพ จากที่ได้ลองใช้งานมันอาจจะเป็นมือถือสายเกมที่กล้องดีที่สุดไปแล้ว ด้วยการใช้เซนเซอร์ที่เทพรวมถึง Software กล้องที่ไว้ใจได้จากทาง Vivo และลูกเล่นเยอะมากๆครับ เหมือนกล้องสายถ่ายภาพเลยแหละทั้งโหมดโปรก็รองรับ 32 วิ จับภาพทางช้างเผือกได้สบาย สีค่อนข้างตรง โฟกัสได้ไว ถ่ายเร็วครับและโหมดช่วยได้ค่อนข้างเยอะ ขาดแค่ ระยเทเลเท่านั้นจริงๆมันลงตัวจริงๆเลย กล้องนี่ขึ้นอันดับ 1 ของบรรดาสายเกมนำหน้า Razer ROG Blackshark สบายๆครับ
Portrait
NightMode
SELFIES
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับรูรับแสง F2.0 กล้องหน้านั้นอยู่ในส่วนของติ่งหน้าจอครับมีฟีเจอร์ในการใช้งานถ่ายรูปมาครบทั้งเรื่องของการถ่ายแบบ Portrait ที่เหมือนกับของ Vivo V15 ปรับแสงได้ 6 แบบครับ และ AI ปรับหน้าสวยที่ปรับได้เยอะแบบเดียวกันเป๊ะๆทำให้กล้องหน้านั้นเป็นอีกจุดเด่นและคุณภาพของค่ายนี้ถือว่าใช้งานได้ดีเลยแหละทั้งเรื่องของโทนสีผิว ความคมชัดการจับระยะโฟกัสหน้าที่ตั้งมาได้ดี และการปรับหน้าเนียนที่ทำได้ดีมากๆไม่หลอกเหมือนแต่ก่อนด้วยครับ และสาวๆนั้นค่อนข้างชอบจากที่ได้ลองกันก็ถูกใจกันพอสมควร
VIDEO
เรื่องวิดีโอในรุ่นนี้คือว่าทำออกมาได้กลางๆ สามารถรองรับการถ่าย 4K 30FPS 1080P 60FPS 1080P 30FPS ได้ครับ แต่กันสั่นจะทำงานแค่ 1080P 60FPS เท่านั้น จึงทำให้โหมดอื่นๆนั้นภาพไม่ค่อยนิ่งเท่าไรนั้นเอง ส่วนในเรื่องคุณภาพความคมชัด สีต่างๆนั้นทาง Vivo ทำออกมาได้ค่อนข้างสวยและตรงกับความเป็นจริง การจัดการแสงอะไรต่างๆนั้นทำได้ดีและไม่ฟุ้งแม้จะเป็นเวลากลางคืน กล้องหน้านั้นถ่ายได้มากถึง 4K แม้จะไม่มีกันสั่นเข้ามาช่วยอันนี้น่าเสียดายครับในทุกความละเอียดเลยไม่มีกันสั่นในกล้องหน้า ส่วนกล้องหลังนั้นก็รวมๆใช้งานได้แต่แนะนำให้อยู่นิ่งๆจะดีกว่า ส่วนเรื่องเสียงนั้นจะไม่ค่อยโอเคเท่าไรเมื่อเจอเสียงรบกวนเยอะๆเสียงนั้นจะแห้งๆแหลมๆครับผม
VIVO IQOO
“มือถือสายเกม กล้องโหด ชาร์จไว บอดี้ลวดลายแปลกใหม่ผสมดีไซน์เรียบง่าย “
เป็นมือถือสายเกมแต่เน้นในเรื่องของดีไซน์ที่ทันสมัยและขอบจอบางที่ค่อนข้างแปลกตากว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน มาพร้อมกล้องหลังที่ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกับ Google Pixel 3 ถือว่า Hardware จัดเต็มมากและในด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าจัดเต็มทั้งเรื่องของ CPU Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว อีกทั้งการจัดการด้วย Multi Turbo ของทางค่ายที่จัดการเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีขอบเครื่องที่สามารถแตะใช้งานในการเล่นเกม ได้ด้วยถือว่าจัดเต็ม แม้จะไม่มีอุปกรณ์เสริมอะไรมากนักแต่ก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน ไฟด้านหลังมีมาให้แต่ปรับแต่งได้น้อยไปหน่อยและไม่สามารถเปิดตลอดเวลาได้ ลำโพงเดี่ยวแต่ดังสะใจ แต่น่าเสียดายไม่มีชิพเสียงอะไรในส่วนของหูฟังครับ และในเรื่องของหน้าจอก็ทำออกมาสวยสู้แสงได้ดี คมชัดสัมผัสไวถือว่าลงตัวมากๆ มีแค่เรื่อง ระบบรอมนั้นเป็นทางจีนจะมีแอพเยอะและข้อจำกัดอะไรนิดหน่อยในการลงแอพแต่ก็ไม่ได้มีปัญหามากนักครับตัวนี้
ข้อดี
- หน้าจอทำได้สวยและสู้แสงได้ดี สัมผัสได้ไว
- ระบบเสียงลำโพงดังสะใจ แม้จะเป็นตัวเดียว
- ระบบ Monster Touch ใช้งานได้จริง และ สัมผัสได้ไว
- กล้องหน้า และ กล้องหลัง คุณภาพทำได้ดีกว่า มือถือสายเกมทั่วไปเยอะมาก
- ฝาหลัง โดดเด่น ออกแบบสวย มีไฟแจ้งเตือน
- ประสิทธิภาพแรง และ คุมความร้อนได้ดี
- งานประกอบ วัสดุทำได้แข็งแรงและเนี๊ยบ
- สแกนนิ้วใต้หน้าจอทำได้ไว
ข้อสังเกต
- เป็นรอมทางจีนมีเมนูไทย แต่แอพจีนจะค่อนข้างเยอะ
- ตัวไฟด้านหลังปรับแต่งได้น้อยไปนิด
- เป็นลำโพงเดี่ยว ด้านล่าง เสียในเรื่องเล่นเกมแยกเสียงซ้ายขวา
- ไม่มีชิพเสียงพิเศษในตัวนี้
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr
*รูปถ่ายจากกล้องทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ