งาน Computex ในครั้งนี้นอกเหนือจากจะมีเทคโนโลยีน่าสนใจมากมายแล้วยังมีอุปกรณ์นวัตกรรมใหม่ๆมาให้ชมกันเยอะมากๆหลายๆค่ายของทางโซนนี้ก็จะเลือกเปิดตัวสินค้ากันในงานนี้และบอกเลยว่าทุกครั้งมันจะมีตัวว้าวๆออกมาให้เราได้ชื่นชมกันและในครั้งนี้ ASUS ก็จัดเต็มมาให้เหมือนกัน โดยที่ประเทศไต้หวันได้ทำการจัดงาน SneakPeek ก่อนเปิดตัวจริงๆและทางเราก็ได้รับเชิญไปร่วมงานถึงที่นู้นเลยเอาสรุปมาฝากกันกับสินค้าเด่นๆในงานและที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเรือธง Notebook ตัวล่าสุดที่เปิดตัวต่อจาก Zenbook Pro มาในชื่อ Zenbook Duo /Pro Duo ที่ทำให้หลายๆคนว้าวมากมาพร้อมหน้าจอ 2 หน้าจอและสเปคที่แรงขั้นเทพ อีกทั้งตระกูลอื่นๆก็มาพร้อม Screenpad กันหมดเป็นมาตรฐานใหม่ของค่ายอีกแล้วและเป็นอะไรที่น่าใช้งานและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวครับ
ASUS ZENBOOK DUO
ตัวนี้บอกเลยว่าเป็นที่ฮือฮาในงานอย่างมากเป็นค่ายแรกที่ทำอะไรว้าวๆออกมาเสมอแนวคิดค่ายนี้เค้าคิดได้ดีจริงๆกับทาง ASUS Zenbook Duo / Pro Duo มาพร้อม 2 รุ่นที่ขนาดและสเปคแตกต่างกันครับในรุ่น Pro นั้นจะหน้าจอใหญ่กว่า โดยมีขนาด 15.6 นิ้ว 4K และรองรับ HDR RGB 100% แต่รุ่นปกตินั้น จะมีขนาดเครื่อง 14 นิ้ว (FHD) แต่ยังสามารถทัชสกรีนได้ ส่วนจอที่ 2 จะมีขนาด 14 นิ้วความละเอียด 3840×1100 4K ในรุ่น Pro แต่ถ้ารุ่นปกตินั้นจะมีขนาด 12 นิ้วความละเอียด FHD และ ที่พิเศษคือในรุ่น Pro Numpad + Touchpad มีมาให้มุมขวาเครื่องซึ่งรุ่นปกติจะไม่มีครับ ส่วนสเปคนั้นในรุ่น Pro จะเป็น i9 Gen9 +RTX 2060 แต่รุ่นปกตินั้นเป็น i7+MX250 นั้นเองจะแตกต่างกันพอสมควรเลยแหละในเรื่องของสเปค ขนาดหน้าจอ และการใช้งานและมี Stylus แถมให้ด้วยนะ
ในเรื่องของระบบระบายความร้อน 4 ทิศ แบบ Turbo Cooling และรองรับ WiFi ได้มาตรฐาน 802.11 AX หรือ WiFi 6 นั้นเอง ส่วนหน้าจอที่ 2 นั้นทำงานได้ค่อนข้างหลากหลายกว่าเดิมเยอะมากด้วยขนาดที่มันใหญ่กว่าเดิมมากทำให้ใช้งานได้สบายขึ้นเยอะแยกแอพเป็น 2 แอพได้อีกในจอเล็ก โดยหลักการทำงานคร่าวๆ ทำงาน Multi Tasking ทำได้มากที่สุด 3 หน้าจอ Productivity ในแง่ของการทำงานแสดงผลแยกกัน สำหรับแสดงเว็บหรือรูปภาพอ้างอิงต่างๆในความคมชัดสูง หรือจะเป็นสาย Creativity สามารถเขียนและเลือกเครื่องมือเพื่อใช้งานกับโปรแกรมในกลุ่ม Adobe Photoshop หรือ ตัดต่อผ่าน Premier ได้สบายและไม่กินพื้นที่หน้าจอ พวก Timeline สบายๆครับเอาไว้ส่วนข้างล่างแถมยังสัมผัสได้ด้วย และสุดท้ายสำหรับสาย Gaming สามารถดูข้อมูลในการสนทนา ถ่ายหน้าคุณดูการ Cast เกมผ่านหน้าจอที่ 2 ได้สบายครับ สำหรับนักแคสเกม ตัวนี้น่าจะเหมาะเลยนะแยกแชทได้
ASUS ZENBOOK 13-15 SCREENPAD 2.0
ในรุ่นนี้คงจะคุ้นเคยกันดีเราทำรีวิวไปครบทุกขนาดแล้วในบทความก่อนหน้าซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้าที่จะมี Screenpad แน่นอนว่าอะไรหลายๆอย่างนั้นเหมือนเดิมทั้งหมดแต่มีการอัพเกรดสเปคและตัว ScreenPad 2.0 เข้ามาให้ในทุกขนาดเลยสำหรับใช้งานได้เต็มที่มากกว่าเดิมและมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติครับ ในด้านของ Software ถือว่าพัฒนากว่าครั้งก่อนที่เราได้เล่นในตัว Pro อย่างมากความลื่นไหล การใช้งานรองรับนั้นเยอะขึ้นมากแบบเห็นได้ชัดเจนเลยแหละ
ในเรื่องของฝาหลังยังคงเป็นการออกแบบที่คุ้นเคยกันดี รวมถึงสเปคนั้นยังคงใช้ Intel Core รุ่นที่ 8 มีให้เลือกทั้ง Intel Core i5 8265U และ Intel Core i7 8565U พร้อมกับการ์ดจอ Nvidia GeForce MX250 และ GTX1650 สำหรับรุ่น 15GB และรองรับ RAM มากสุด 16GB และความจำผ่าน SSD 1TB + Windows 10 การเชื่อมต่ออัปเกรดให้รองรับ WiFi 6 (Gig+) ถือว่าอัพเกรดหลักๆจะเป็น Screenpad มากกว่าสเปคแต่ก็ลงตัวขึ้น ส่วนในเรื่องของ แบตนั้นมีการออกแบบทำให้ใช้งานได้ไม่ต่างกับของเดิมและเคลมไว้ว่าใช้ได้ถึง 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ASUS VIVOBOOK S14 S15 SCREENPAD
Vivobook นั้นเป็นตระกูลที่สร้างชื่อในงบไม่แพงหรือเรียกติดปากกันว่าหมื่นต้นได้อย่างดี เช่นในรุ่นก่อนหน้าทำราคามาดีมากๆทั้งสเปคก็ทำได้ดีเช่นกัน มาในครั้งนี้ถือว่าปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างมากทั้งการออกแบบ สเปค ดีไซน์และการใช้งาน Screenpad ที่เสริมเข้ามาในรุ่น VivoBook ด้วยอีกทั้งยังใช้งานได้แบบเดียวกับรุ่นพี่เค้าเลยแหละ ซึ่งในรุ่นนี้จะมีเด่นๆเลย สีใหม่ทั้ง 5 สีพร้อมกับการออกแบบใหม่สวยคม เรียบกว่าเดิมและมีสี TwoTone ด้วยอีกนะ
สำหรับ Screenpad 2.0 จะสามารถเล่นวิดีโอ, รองรับการทำงานของโปรแกรมพวก Microsoft Office พวกจะเป็นโปรแกรมที่ติดมากับเครื่องทั้งหลายก็ทำได้ดีตัวหน้าตาโปรแกรมนั้นเหมือนกับรุ่นพี่ทั้งหมด ใช้งานได้ค่อนข้างง่ายและลื่นไหลติดนิ้วดีมากๆ ส่วนความคมชัดพอใช้งานได้ จอเป็นแบบด้านสัมผัสได้ง่ายสู้แสงได้ดีครับ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใส่มาในตระกูลนี้เลยแหละ ส่วนสเปคนั้นยังไม่ได้แตกต่างมากนั้นเป็นตัว Intel Gen 8 มาพร้อมกับ i5 8265U และ Intel Core i7 8565U อีกทั้งยังรองรับ RAM สูงสุด 16GB ส่วนในเรื่องของหน่วยความจำเป็น 1TB SSD ส่วนการ์ดจอนั้นมีมาให้ GPU ทั้งแบบ On Board และ Nvidia GeForce MX250 รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6
ASUS VIVOBOOK S14 15
ในรุ่นนี้อะไรหลายๆอย่างเหมือนกับตัวข้างบนเลยแหละแต่ ไม่มี Screenpad 2.0 นั้นเอง แต่ที่เด่นๆในตระกูลนี้คือ เรื่องของสีสันต่างๆที่จัดเต็มหลากหลายสีทั้ง Moss Green, Punk Pink, Cobalt Blue, Silver หรือ Gun Metal แต่ละสีนั้นเพิ่มความโดดเด่นให้แล็ปท็อป อย่างเช่นสี Moss Green ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติอย่าง Energetic Orange เพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณในการออกสำรวจโลกภายนอกที่ยิ่งใหญ่ และมีการใช้สี น้ำเงิน ขอบแดงสวยงามเลยแหละ หน้าจอยังเป็น NanoEdge นั้นส่งผลให้ VivoBook S14 และ VivoBook S15 มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กก และ 1.8 กก ตามลำดับ และครั้งนี้ลำโพง Harman Kardon มาด้วยนะในทั้งรุ่น Screenpad และ ธรรมดาครับถือว่าเป็นการพัฒนาอีกขั้นของตระกูล Vivobook เลยแหละ
แม้จะไม่มีสแกนนิ้วแต่ก็รองรับการใช้งานกล้อง IR ในเครื่อง สามารถสแกนหน้าแทนได้ครับ ตัวปุ่มคีย์บอร์ดนั้นมีไฟ Blacklit มาให้เหมือนเดิมพร้อมกับการวางปุ่มต่างๆที่คล้ายเดิมและยังคงใช้สีเงินอยู่อาจจะมองยากไปหน่อยครับ ส่วนเรื่องของสเปคนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากยังคงเป็น Intel Gen 8 มาพร้อมกับ i5 8265U และ Intel Core i7 8565U อีกทั้งยังรองรับ RAM สูงสุด 16GB ส่วนในเรื่องของหน่วยความจำเป็น 1TB SSD ส่วนการ์ดจอนั้นมีมาให้ GPU ทั้งแบบ On Board และ Nvidia GeForce MX250 รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 ที่อัพเกรดเพิ่มเข้ามา
ASUS STUDIO BOOK S
ตระกูลนี้ก็ได้ทำการเปิดตัวไปบ้างแล้วในช่วงต้นปีและพึ่งมีโอกาสได้เห็นของจริงกัน รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ทำออกมาสำหรับสายทำงานล้วนๆ ทั้งการเรนเดอร์ ครีเอเตอร์ สถาปนิคต่างๆ เพราะใช้งานที่เรนเดอร์หนักๆได้สบาย หน้าจอนั้นรองรับการครอบคลุมช่วงสี 97% DCI-P3 โดยอัตราส่วนขอบหน้าจอนั่นอยู่ที่ 84% ถือว่าบางมากๆ StudioBook S นั้นเป็นรุ่นที่ทำออกมาค่อนข้างครบทั้งหน้าจอเทพ พอร์ตเชื่อมต่อครบ รองรับการทำงานโหดๆได้ การออกแบบที่มีความแข็งแรง แน่นอนว่ามันจะค่อนข้างเฉพาะกลุ่มพอสมควรในการทำงานของมันแต่ก็มีประสิทธิภาพสูงมากๆเช่นกันครับ
เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ในสายทำงานด้วยการใส่ CPU GPU ที่เป็นตระกูล Intel Xeon E-2176M แบบ 6 คอร์ 12 เธรด เลยทีเดียวและ ยังมีรุ่นรองใช้ Core i7-8750H ในส่วนของการ์ดจอนั้นเป็นตัว NVIDIA Quadro P3200 RAM GDDR5 VRAM 6GB มาให้และรองรับได้สูงสุดถึง 64GB SSD อัพเกรดได้สูงสุด 4TB รองรับพอร์ต Thunderbolt 3 สามารถใช้งานต่อจอนอกความละเอียดสูงสุด 8K,และมี USB 3.1 สามพอร์ท, HDMI 2.0, SD/UHS-II card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ครบสำหรับรุ่นนี้ไม่ต้องกังวลเลยแหละ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่อง หนา 18.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.39 กิโลกรัม ได้รองรับ MIL-STD 810G และยังคงนำเทคโนโลยีที่รวม NumberPad มาให้ แต่รุ่นต่อไปคงต้องมี ScreenPad เข้ามาแล้วแน่ๆเพราะจะช่วยในการทำงานได้ดีมากๆ
ASUS MESH WIFI
อุปกรณ์ภายในบ้านก็มีมาเปิดตัวเหมือนกันโดยจะเน้นไปใช้ เทคโนโลยีที่ดีขึ้นด้วยการเปิดตัวรุ่น AiMesh AX6600 WiFi6 System RT-AX95Q แบบ 2 Pack ในภาพเลยครับเพราะรองรับคลื่นแบบ Triband และรวมถึง เทคโนโลยี MU-MiMO และ OFDMA และเห็นเรียบๆแบบนี้แต่ก็มีเสาอากาศติดตั้งภายในรองรับซึ่งรองรับ AiMesh และช่องเสียบ 2.5G ด้วยเช่นกันครับ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวและเรียบง่ายดีเหมือนกันถือว่าน่าสนใจอีกรุ่นครับ
ครบรอบ 30 ปี ASUS มาพร้อมรุ่นพิเศษ Zenfone 6 / Zenbook / Prime
ASUS Zenbook 30 Collection
สำหรับรุ่นพิเศษนี้นั้นบอดี้ที่แปลกตามาพร้อมกับโลโก้ 30 ปีที่แอบคล้าย Startrek นิดหน่อยจากที่แอดมินมองครั้งแรกนะ ซึ่งมันเป็นการนำคอมพิวเตอร์ ASUS Zenbook UX334 ตัว 13 นิ้วและให้มาพร้อมกับ Screenpad 2.0 ตัวเครื่องมาในโทนสีขาวทองทั้งหมด และ หุ้มฝาหลังด้วยหนังแท้จากอิตาลี และ โลโก้นั้นมีการชุมทองคำ 18 กะรัต ติดหน้าตัวเครื่อง บอกเลยว่าสวยหรูมากๆส่วนสเปคนั้น Intel Core i7-8565U หรือ Inte Core i5-8265U มาพร้อมกับ NVIDIA GeForce MX250 2GB GDDR5 VRAM หรือ Intel UHD Graphics 620 RAM 8GB/16GB 2133MHz LPDDR3 / SSD ขนาด 512GB/1TB
ASUS Zenfone 6 30 Edition
Zenfone 6 นั้นก็ไม่พลาดครับมาด้วยรุ่น 30 ปีด้วยเช่นกันแต่เสียดายไม่ใช่ธีมสีขาวทอง แต่มาพร้อมธีมดำเข้มๆและแทรกโลโก A พร้อมกับสีด้าน Matte Black และเล่นลวดลาย Zen ในฝาหลังแตกต่างกับรุ่นปกติครับ โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ RAM 12GB หน่วยความจำขนาด 512GB มีจำนวนจำกัดแค่ 3,000 เครื่องบนโลกเท่านั้นต้องรีบจับจองกันแล้วหละ ส่วนด้านสเปคอื่นๆนั้นไม่มีอะไรพิเศษครับแตกต่างกันแค่การออกแบบ และ RAM STORAGE เท่านั้นและการรับประกัน 30 เดือนเหรือ 2 ปีกว่าครับสำหรับเครื่องรุ่นนี้ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยแหละ
ASUS Prime X299 30 Edition
เมนบอร์ดรุ่นนี้นั้นคงคุ้นเคยกันดี แต่รุ่นพิเศษนี้มีความแตกต่างกันไปครับ แน่นอนว่าที่แตกต่างเพราะมันมาในธีมสีขาวทองเงิน ที่มาพร้อมกับตกแต่ง Heatsink และตัวบอดี้ทั้งหมดเป็นโทนสีขาวเงิน และ มีโลโก้ตรงพอร์ต IO เข้ามาเสริมด้วยนอกจากด้านหน้าครับ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ช่องเชื่อมต่อ การระบายความร้อนทั้งหมดยังคงเหมือนกับรุ่นปกติครับแตกต่างกันแค่ในเรื่องของ การออกแบบ และโลโก้ที่แตกต่างกันแค่นั้นแต่ความ Limited ทำให้น่าสะสมเลย
สำหรับรุ่นที่ทาง ASUS เอามาอวดโฉมอันนี้เป็นที่แรกของโลกในงาน COMPUTEX ที่ไต้หวันและแน่นอนว่าทาง ASUS ได้เชิญทางเราไปสัมผัสก่อนใครถึงที่เลยนำเอาภาพมาฝากกันเล็กน้อยและต้องบอกก่อนว่าบางรุ่นนั้นอาจจะไม่ได้เข้าไทยหรืออาจจะเข้าทั้งหมดก็ต้องรอยืนยันกันอีกทีครับ ถือว่าช่วงนี้ ASUS และทาง ROG นั้นจัดเต็มอย่างโหดมากๆมากันแบบรัวๆตามกันไม่ทันเลยทีเดียว และถ้ามันเข้าไทยเมื่อไรนั้นทางเราจะมีรีวิวมาให้ชมกันแน่นอนครับสำหรับเพื่อนๆที่ติดตามกัน