OPPO ได้ทำการเปิดตัว OPPO F11 Pro ไปไม่นานก็ชูเรื่องจุดเด่นกล้องหน้า Rising Camera แต่ในครั้งนี้ได้ทำรุ่น F11 เปิดตัวมาด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าและสเปคอะไรหลายๆอย่างนั้นเหมือนกันทั้งหมดแตกต่างกันแค่ในเรื่องการออกแบบกล้องหน้าที่ในรุ่น F11 นี้จะเป็นกล้องหน้าแบบปกติ แบบติ่งหยดน้ำบนหน้าจอแทนครับไม่ใช่กล้องที่เลื่อนขึ้นลงได้นั้นเอง แต่ทางด้านสเปค CPU อะไรทั้งหลายรวมถึงกล้องหลัง และเทคโนโลยี VOOC 3.0 นั้นจัดเต็มเหมือนกับรุ่นพี่ F11 Pro ทั้งหมด ต้องบอกว่าทำออกมาตอบโจทย์มากๆสำหรับคนที่ไม่ได้สนใจกล้องแบบใหม่มากนักแต่ได้ สเปค ฟีเจอร์แบบเดียวกันทั้งหมด รวมถึงราคาที่ทำออกมานั้นทำได้ดีและอยู่ในงบที่ดีมากๆอีกตัวเลย

OPPO F11 นั้นเปิดตัวมาด้วยการชูเรื่องของ กล้องหลังคู่ความละเอียดถึง 48 ล้าน + 5 ล้านพิกเซล  อีกทั้งยังเป็นการใช้กล้องหน้า 6.5 นิ้วกว้างเต็มตาด้วยสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 90.9%  แบตเตอร์รี่ขนาด 4,020 มิลลิแอมป์ มาคู่กับเทคโนโลยี VOOC 3.0 ชาร์จไวขึ้น 20% อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Hyper Boost ทำงานร่วมกับ MediaTek Helio P70  ที่ทำให้สามารถเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล ซึ่งเป็นสเปคที่แรงและสมราคาแบบเดียวกับ F11 Pro กันเลยแต่ครั้งนี้มาพร้อมราคาที่จับต้องง่ายและกล้องหน้าแบบติ่งหยดน้ำนั้นเองครับสำหรับใครที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องกล้องหน้าแบบ Rising มากนักก็สามารถใช้รุ่นนี้ได้แบบประหยัดงบ

OPPO F11  มีให้เลือก 2 สี คือ Fluorite Purple และ Marble Green มาพร้อมราคา 8,990 บาท

UNBOX

  • ตัวเครื่อง OPPO F11
  • เคส TPU
  • สายชาร์จ Micro-Usb รองรับ VOOC 3.0
  • Adaptor VOOC 3.0
  • ที่จิ้มซิม  คู่มือ
  • หูฟัง 3.5 มม.
  • ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว

ตัวเคสนั้นเป็นเคสแบบนิ่ม TPU ที่คุ้นเคยกันดีแต่ไม่ย้วยแบบตัวอื่นๆครับมีความแข็งแรงและเป็นทรงมากกว่าตัวอื่นๆเคสคลุมเครื่องได้ดีทั้งหน้าและหลังปกป้องกล้องและหน้าจอเวลาวางได้เป็นอย่างดี ซึ่งในรุ่นนี้นั้นไม่ต้องเปิดหัวท้ายเพื่อให้กล้องนั้นเลื่อนเลยทำให้มันปกป้องได้ดีกว่ารุ่น Pro ครับ ก็ถือว่าเป็นเคสที่แถมที่ดูดีกว่าตัวอื่นๆนะครับ ไม่กัดเครื่องด้วยโอเคเลยแหละใช้งานแก้ขัดได้สบายๆและมีฟิล์มมาให้เรียบร้อย

DESIGN

การออกแบบในรุ่นนี้ต้องบอกว่ามันไม่ใช่แค่ตัดกล้องหน้า Rising ออกไปแต่เปลี่ยนการออกแบบทั้งด้านหลัง ปุ่มต่างๆตำแหน่งอะไรมีเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย และรวมถึงหน้าจอก็เปลี่ยนไปครับ ด้านหลังนั้นมาในสีที่เรียบกว่าปกติ โทนสีไม่มีการเล่นลวดลายอะไร มาพร้อมสีเข้มและเล่นกับสีทองบริเวณกล้องต่างๆ ส่วนน้ำหนักก็เท่ากันเป๊ะๆกับรุ่นพี่ งานประกอบอะไรนั้นทำได้ดีและรวมถึงคุณภาพวัสดุอะไรไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ด้านหน้าก็มีติ่งหน้าจอที่แตกต่างกันแบบชัดเจนและคุณภาพหน้าจออะไรต่างๆนั้นไม่ได้หนีกันมากครับใกล้ๆกันเลยรวมถึงการสู้แสงอะไรทำได้ดีเหมือนกัน

หน้าจอในรุ่นนี้เป็นหน้าจอแบบ ติ่งหยดน้ำ IPS LCD Waterdrop Display ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล : 397 ppi) คุณภาพหน้าจอใกล้ๆกับของตัว Pro ครับ

ในส่วนของขอบจอด้านบนตัวนี้จะเป็นจุดหลักๆที่แตกต่างกับทาง F11 Pro แบบชัดเจนคือรุ่นนี้จะเป็นติ่งหน้าจอแบบหยดน้ำมาพร้อมกับกล้อง และ เซนเซอร์อะไรไว้ตรงติ่งทั้งหมด และกล้องหน้าเป็นความละเอียด 16MP F2.0 เท่ากัน

ด้านขอบล่างนั้นจะมีความหนาพอสมควรด้วยการผลิตและการออกแบบเลยจำเป็นที่จะต้องมีขอบอยู่นะครับด้วยปัจจัยหลายๆอย่างและคุมไม่ให้ราคาสูงเกินไปด้วย และ ปุ่มควบคุมทั้งหมดนั้นอยู่บนจอและสามารถใช้งานเต็มจอได้สบาย

ขอบด้านล่างเครื่องเป็นรูลำโพงหลักครับ พร้อมกับ พอร์ต Micro-USB รวมถึง ไมค์ และ รู 3.5มม. เสียดายตรงนี้นิดหน่อยที่ยังเป็น Micro-USB แทนที่จะเป็น USB-C ครับ

ขอบด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของถาดใส่ซิม และ ปุ่มเพิ่มลดเสียงครับ จะไม่เหมือนกับตัว F11 Pro ในด้านของปุ่ม การออกแบบ ฝาหลังนั้นโค้งลงมาขอบข้างๆด้วยทำให้เวลาจับถือนั้นสะดวกและจับได้ค่อนข้างง่ายกว่าแบบเรียบๆเยอะเลย

ด้านบนนั้น เป็นที่อยู่ในซ้ายสุดจะเป็นรูไมค์ และเรียบๆครับไม่มีอะไรในจุดนี้วัสดุขอบเครื่องเป็นดำเงาทั้งหมด

ขอบด้านขวาตัวเครื่องนั้นเป็นปุ่ม Power อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้พอดีและกดได้ง่ายครับ มีขีดสีฟ้าเขียวๆบอกตำแหน่งชัดเจน  ส่วนวัสดุเป็นอลูมิเนียมทำสีแบบเดียวกับฝาหลังทั้งหมด

ด้านหลังเป็นการออกแบบ ที่แตกต่างกับรุ่น Pro ชัดเจนทั้ง ตำแหน่งการวางกล้อง สแกนนิ้ว ไฟแฟลชต่างๆ รวมถึง ฝาหลังก็เรียบๆไม่ได้มีการเล่นกับตัว S อะไร  และ เขียนว่า Design by OPPO แต่ก็แปลกๆไปนิดเพราะมันอ่าน รวมๆจะเป็น OPPO DESIGN BY OPPO ก็แปลกดี  กล้องหลังเป็น 2 ตัวหลักๆในการถ่ายและจับระยะครับ

กล้องหลังตัวนี้จะไม่ใช่การออกแบบครอบโมดูลรวมแบบ F11 Pro นะครับจะแตกต่างกันชัดเจนแต่ในเรื่องกล้องนั้นสเปคอะไรต่างๆมาให้เหมือนกันครับ เป็นกล้องหลังคู่ที่ ความละเอียด 48 + 5 ล้านพิกเซล F/1.79 + F/2.4

SPEC

  • จอแสดงผล : 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2340 x1080) 397 ppi อัตราส่วนหน้าจอ 90.9%
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
  • ชิปเซ็ต : Helio P70
  • GPU : ARM Mali-G72 MP3 900MHz
  • RAM : 4GB
  • หน่วยความจำภายใน : 128GB  + เพิ่ม MicroSD Card ได้ถึง 256GB
  • กล้องหลังคู่ : 48MP F1.79 + 5MP F2.4
  • กล้องหน้า : 16MP F2.0
  • ถ่ายวิดีโอ : รองรับ 1080P / 720P ทั้งหน้าและหลัง
  • แบตเตอรี่ : 4020 มิลลิแอมป์ รองรับชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
  • รองรับ Dual Nano-SIM Cards (Hybrid slot)
  • การเชื่อมต่อ GPS: GPS/A-GPS/GLONASS/Beidou
  • Bluetooth: 4.2
  • WiFi 802.11 a/b/g/n/ac รองรับ 2.4GHz และ 5GHz
  • USB 2.0
  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.3 x 7.61 x 76.1 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 190 กรัม
  • สี Flourite Purple และ Marble Green
  • ราคาเปิดตัวในไทย 8,990 บาท

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพ ในตัวนี้มาพร้อมกับ MTK P70 และ ร่วมการทำงานกับระบบ Hyperboost จากทาง OPPO ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้ใช้ให้รวดเร็วและตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น 30% ถึง 3 ด้าน ด้านเกมส์, ด้านระบบ และด้านแอพพลิเคชั่น ให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยส่วนทางด้านคะแนน Antutu ทำได้ไป 115635 คะแนนส่วนคะแนน Geekbench ทำได้ 1566 และ 5979 ส่วนทางด้านความปลอดกัยปกติเลยได้ L3 ครับผมไม่สามารถดู NETFLIX ความละเอียดสูงได้ และ เก็บข้อมูลแบบ EMMC5.1

SOFTWARE UI : COLOUR OS 6

หน้าตาระบบรุ่นนี้มีการปรับปรุงอีกครั้งมาใช้ Colour OS 6 ร่วมกับ Android 9 หน้าตาเปลี่ยนไปพอสมควรครับทั้งการตั้งค่า การใช้งานทั่วไป แต่หน้าหลักๆนั้นยังคงมีมาคล้ายๆเดิมครับการแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอพอะไรปกติครับไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับ

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมด รวมถึงเป็นการใช้สี่เหลี่ยมด้วยครับ การปรับแสง การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็มครับ รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่ายและเสถียรมากๆ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 128GB นั้นเหลือใช้งานได้ 98.1 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 1.37 จาก 4GB ครับ

โคลนแอพตอนนี้มีขึ้นแค่ 2 แอพหลักๆครับ ส่วนปุ่มนำทางสามารสลับตำแหน่งได้ และ สามารถใช้งานแบบเต็มจอได้ด้วยแบบปัดไปๆมาๆ และ การสแกนนิ้ว สแกนใบหน้าอะไรมีมาให้ครบครับ การสแกนหน้าแบบ 2 มิติ แสงน้อยสแกนยากนิดหน่อยครับ แต่ถ้าแสงปกติก็ไวพอสมควรไม่ก็ใช้งานสแกนนิ้วด้านหลังได้ปกติครับผม

ส่วนการโคลนแอพ อะไรทั้งหลายก็มีมาให้ครับผม รวมถึงตัว Game Space มาใหม่อันนี้น่าสนใจยังไงไปดูในหัวข้อ Gaming ได้เลย และ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาให้ในการปัดมาด้านขวาในจอหลักจะคอยช่วยในการจัดการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ หรือ ดูการใช้งานของเราว่าเน้นอะไรยังไงก็จะเสนอมาให้ใช้งานกันเลย อีกทั้งยังมีโหมดช่วยขับรถมาให้จะดูแลการแจ้งเตือน ขณะขับขี่ ระบบจะทำ การปิดเสียงการแจ้งเตือน ระบบจะใช้ตัวอักษรและ ปุ่มขนาดใหญ่ที่สามารถรับหรือปฏิเสธได้เท่านั้น และส่ง SMS ตอบกลับให้เองเลย

Smartbar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smartbar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ

THEME 

สำหรับหน้าตาตัว UI สามารถปรับเปลี่ยนได้นิดหน่อยครับซึ่งมีให้เลือกในแอพธีม และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลักๆคือหน้าต้า ICON หน้าตาหน้า Lockscreen และ Wallpaper รวมๆครับซึ่งหน้าโทร หน้าส่งข้อความจะไม่เปลี่ยนตาม

SCREEN 

หน้าจอนั้นมีขนาดคล้ายกับ OPPO F11 Pro มาพร้อมกับหน้าจอกว้างขนาด 6.53 นิ้ว IPS LCC แบบ  FHD+ ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.9%  Gorilla Glass 5 รองรับสูงสุดที่ 60FPS อัตราส่วน 19.5:9 ส่วนหน้าจอคุณภาพโดยรวมมุมมองตรงๆนั้นถือว่าใช้ได้ครับ รายละเอียดความสว่าง สู้แดดได้สบายและเร่งแสงได้เยอะรวมถึงความคมชัดอะไรไม่ได้แย่เลย และ สีสันค่อนข้างตรงครับ ส่วนเรื่องสัมผัสนั้นเมื่อเทียบกับรุ่น Pro เหมือนในรุ่นนั้นจะทำการสัมผัสติดนิ้วได้ดีกว่าตัวนี้ เนื่องจากทางแอดมินนั้นมี 2 เครื่องพร้อมกันเลยพอจับความรู้สึกต่างได้ครับตัว F11 นั้นจะไม่ค่อยติดนิ้วเท่ารุ่นนั้น แต่ถ้าใครที่เคยใช้รุ่นอื่นๆมาก่อนของ OPPO ก็จะไม่ได้แตกต่างกันมากครับถ้ารุ่น F

ด้วยการที่เป็นจอแบบ LCD แน่นอนว่ามุมมองเวลาเอียงๆนั้นจะรู้สึกถึงความแตกต่างครับยิ่งเป็นสีดำพวกนี้เวลามองเอียงๆนั้นจะรู้สึกเลยว่ามันจะออกเทาๆไม่คมชัดแบบมุมมองตรงๆครับ และ ภาพก็จะดรอปลงนิดหน่อยแบบในภาพด้านบนครับเทียบกับมองตรงๆได้ค่อนข้างชัดเลย จริงๆพวกจอ LCD ก็เจอแบบนี้หลายๆตัวครับใช้งานจริงๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่บางคนอาจจะชอบมุมมองแบบ ดำสนิท มุมไหนก็คมชัดเข้มเหมือนกันอะไรก็แล้วแต่ผู้ใช้งานกันเลยครับ เพราะถ้าเป็นภาพอะไรทั่วไปจะมองออกได้ค่อนข้างยากครับ แต่ถ้าเปิดหน้าจอดำๆเยอะๆนั้นจะค่อนข้างเห็นชัดครับ

SOUND

ในด้านของเสียงผ่านหูฟังตัวนี้มีรู 3.5มม. ในด้านการออกแบบตัวหูฟังยังคงคล้ายเดิม มาในโทนสีขาวและครับ ในเรื่องของเสียงผ่านทางหูฟังแถมนั้นยังคงให้ความรู้สึกคล้ายของเดิมไม่ได้เด่นมากนัก กำลังขับ เบส หรือ เสียงนั้นค่อนข้างธรรมดา เสียงที่ได้ออกมา จะค่อนข้างออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆครับผม สำหรับหูฟังที่แถมมาน่าจะเน้นเหมาะสำหรับใช้งานโทรศัพท์ หรือเวลาออกกำลังนั้นน่าจะเหมาะกว่าเวลาฟังเสียงเพลงครับ เสียงสามารถปรับเสียงแล้วแต่แนวคนชอบได้และปรับ EQ ได้ 3 ย่านหลักๆครับ ถือว่าแอบน้อยไปนิดนึงนะ

หูฟังแบบนี้ทรงคุ้นเคยกันแน่นอนครับ มีปุ่มควบคุมอะไรมาให้ 1 ปุ่มสำหรับกดรับสาย เปลี่ยนแปลง และมีไมค์มาให้ สายสีขาวค่อนข้างบางเล็กน้อยและใช้งานอาจจะเลอะง่ายตามแบบสีขาวครับ ส่วนหูฟังเป็นพลาสติกน้ำหนักค่อนข้างเบาใส่สบายเลยแหละใส่ออกกำลังได้สบายครับ ไม่ปวดหูและใส่นานๆได้สบายกว่าพวก InEar ทั้งหลายนะอันนี้ชอบ

GAMING + HYPERBOOST

การเล่นเกมตัวนี้มาพร้อมกับ Game space ตัวใหม่หน้าตาแบบใหม่สวยงามและดูสายเกมมากขึ้นครับ เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบโดย OPPO เพื่อความสะดวกในการจัดการเกมในโทรศัพท์มือถือ โดยการใช้ Game Space ผู้ใช้จะสามารถจัดการเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีทั้งหมด 3 โหมดด้วยกันคือ โหมดประสิทธิภาพสูง โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ และสามารถดูสถานะ Wifi ความนิ่งอะไรได้ รวมถึงล็อคความสว่างอะไรพวกนี้ได้ครับ

เมื่อเราเข้าเกมไปแล้วนั้นและปักซ้ายออกมานั้นจะทำให้มีฟีเจอร์ที่จะช่วยได้คือการรองรับการใช้งานทางลัดเช่น การปิดการแจ้งเตือน การแจ้งเตือนข้อความ การทำงานหลายอย่างได้อย่างรวดเร็ว การจับภาพหน้าจอและการบันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ ถือว่าสะดวกและใช้งานได้ดีครับจากที่ได้ลองมาซักพักในหลายๆเกมที่ลอง ส่วนการปรับภาพเกมนั้นได้สูงสุดตามภาพเลยในส่วนของ PUBG เล่นได้ลื่นตามระดับของ CPU ครับไม่หน่วงอะไรมาก แต่ในแง่ความสวยอาจจะไม่ได้โหดมากนักยังไงสามารถรอติดตามการทดสอบเกมหลายๆเกมได้แบบใน Video ทาง Youtube ได้เลย

ในส่วนของการเล่นเกมดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเเตกต่างจาก OPPO F11 PRO มากเท่าไร ในรุ่นนี้มี Game space ตัวใหม่หน้าตาแบบใหม่สวยงามและดูสายเกมมากขึ้นครับ เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบโดย OPPO เพื่อความสะดวกในการจัดการเกมในโทรศัพท์มือถือ โดยการใช้ Game Space ผู้ใช้จะสามารถจัดการเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีทั้งหมด 3 โหมดด้วยกันคือ โหมดประสิทธิภาพสูง โหมดสมดุล และโหมดการใช้พลังงานต่ำ และสามารถดูสถานะ Wifi ความนิ่งอะไรได้ รวมถึงล็อคความสว่างอะไรพวกนี้ได้คล้ายๆกับในรุ่น F11 PRO การตอบสนองก็ถือว่าทำออกมาได้ดี สัมผัสใช้งานหลายๆนิ้วไม่มีปัญหา เเต่ถ้าให้ถามความรู้สึกส่วนตัวคิดว่า OPPO F11 PRO ทัชสกรีนได้ติดนิ้วกว่านิดหน่อย ส่วนในการเล่นเกมส์ต่างๆอาจจะสามารถปรับค่ากราฟิกต่างๆยกตัวอย่าง Game Pubg Mobile ได้ในระดับกลางเท่านั้น เเต่ก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าเทียบกับราคาที่จำหน่าย ความร้อนสะสมก็ถือว่าไม่สูงถ้าเทียบกับชิปฝั่ง QualComm อย่างเช่น S660 ที่มีความเเรงเกือบพอๆเท่ากัน

BATTERY VOOC FLASH CHARGE 3.0

เทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อน 20%  ใช้งานจนแบตหมด 0% และ เสียบชาร์จจับเวลากันเลยครับ 10-100% จะได้เท่าไรกันครับ จากที่ลองคือใช้ที่ชาร์จในกล้องทั้งหมดนะครับ จากที่ทดสอบการชาร์จนะครับเริ่มชาร์จตอน 12.30 และ ครึ่งชั่วโมงได้มา 38% และ ในเวลา 14.48 โดยประมาณ ก็เต็มพอดีเป๊ะครับ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆครับในการชาร์จไปเข้าเต็ม ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยนะครับว่าตอนนั้นเราเปิดแอพอะไรไว้เยอะไหมขณะชาร์จหรือว่าเปิดจอทิ้งไว้อะไรเยอะไหมพวกนี้ครับบางทีก็เร็วกว่านี้แล้วแต่การใช้งาน ใช้งานทั้งวันได้สบายๆครับจากที่ใช้งานคือ ทั้งหมด 11 ชั่วโมงจอเปิด 4 ชั่วโมงครับใช้งานถ่ายรูป โซเชียลอะไรปกติ ฟังเพลง ดู  Youtube ครับแน่นอนว่าใช้งานได้ทั้งวันแบบไม่ต้องกังวล เหลือกลับมา 25% โดยประมาณครับ

GPS

ส่วนของการนำทางตัวนี้แอดมินทดสอบนำทางจริงๆ และ ใช้แอพทดสอบเช่นเคยครับตัวนี้จากที่ทดสอบจริงๆพบว่านำทางได้ แต่ไม่ได้ดีมาก คือตัวการนำทางอัปเดตยังไม่ค่อยเป๊ะมากนักเมื่ออยู่ในเมืองมีการหันหัวผิดทิศไปบ้างและอัปเดตแอบช้าไปเวลาขับรถในบางจังหวะ ซึ่งก็เป็นอีกจุดที่ใครเน้นเรื่องนี้อาจจะต้องลองกันดีๆหน่อย มันเจอบ้างบางครั้งครับ ไม่ได้เจอทุกครั้งนะ ส่วนในการใช้แอพทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 22 ดวง จากทั้งหมด 39 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ ส่วนของกลางแจ้ง จับได้ทั้งหมด 25 ดวง จากทั้งหมด 39 ดวง นะครับ

CAMERA 48MP 

OPPO F11  มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48MP + 5MP กล้องหลักมีเซ็นเซอร์ภาพ 48MP พร้อมรูรับแสง F1.79 เซนเซอร์จะสามารถสร้างภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี Tetracell ที่ข้อมูลจากสี่พิกเซลที่อยู่ติดกันจะถูกวิเคราะห์และรวมกันเพื่อให้ได้ข้อมูลเท่ากับขนาดพิกเซลเดียว 1.6μm เทคโนโลยีนี้นั้นทำให้จำนวนพิกเซลแสงที่มีจานวนสองเท่า จะช่วยตอบสนองความไวของแสงได้เร็วขึ้น และ ระบบโฟกัสนั้นใช้แบบ closed-loop VCM ซึ่งใช้เวลาในการโฟกัสเพียง 0.1 วินาที และยังมีในส่วนของ AI Scene Recognition ระบุประเภทภาพได้ถึง 23 ชนิด และปรับภาพให้เหมาะสมได้ถึง 864 ฉาก กล้องจากที่ได้ลองต้องบอกว่าถ่ายได้สวยขึ้นเยอะมากครับกลางคืนก็จัดว่าโหดเลยแหละ รวมถึงความไวในการโฟกัสก็ใชได้เลยครับไม่วืดวาดเท่าไรและยังมีโหมดกลางคืนมาให้เล่นด้วย

PORTRAIT 

NIGHT MODE

ด้วย Ultra Night Mode F11สามารถใช้ AI ลด Noise ของ Multi-frame ซึ่งจะช่วยการลด Noise, เสถียรภาพของมือถือ, highlight suppression และปรับปรุงช่วงไดนามิกเพื่อให้ได้ความสว่างให้กับตัวภาพได้ครับจะทำงานต่อเมื่อแสงน้อยตามที่ระบบตั้งค่าไว้ บางทีถ่ายอะไรที่สว่างอยู่แล้วก็ไม่ทำงานนะครับ ระบบจะถ่ายประมาณ 2-4 วิ แบบไม่ใช่ขาตั้งและนำภาพมาต่อกันให้สวยงามเลยลองไปชมภาพกันครับแต่บางทีมันอาจจะแปลกๆหน่อยเพราะมันดู Dynamic จัดไปนิดนึงสำหรับบางสภาพแสงอันนี้ต้องหัดใช้ให้มันเนียนๆกันไปครับ

SELFIES 

กล้องหน้า 16MP พร้อมรูรับแสง F2.0  แน่นอนว่าทำออกมาเป็น Fix Focus เช่นเดิมครับแต่กล้องหน้าค่ายไว้ใจได้สบายครับถ่ายออกมาสวยง่ายไม่ยุ่งยากจะเอาคมชัด หรือ จะเอาหน้าเนียนกันไปเลยก็ดีเพราะในรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบ AI Beauty Camera สามารถระบุจุดเพื่อวิเคราะห์ใบหน้า (รวม 137 จุดที่สามารถจดจำได้เฉพาะหน้าผากที่เพิ่มใหม่อีก 31 จุด)  แน่นอนว่าทำให้หน้าเนียนได้แบบธรรมชาติ แต่ผมก็อยากลองปรับสุดดูว่าจะเป็นยังไง จะเป็นภาพไหนก็ลองเดากันเองครับ ซึ่งเอาจริงๆให้มันแต่งให้เองตามแบบ AI ผมโอเคนะมันเนียนแบบธรรรมชาติดีครับไม่เวอร์ แต่ถ้าอยากเวอร์เค้าก็จัดให้ได้เหมือนกันเอาใจได้ทุกคนแน่นอนกล้องหน้าตัวนี้ชอบมากๆครับ

OPPO F11 

“ราคาจับต้องง่าย ได้ความจุ 128GB แต่สเปคแบบเดียวกับรุ่น Pro แต่ RAM 4GB  ! “

เป็นรุ่นที่ทำออกมาคุ้มค่าต่อราคาที่จ่ายไปมากๆคือได้ทั้งกล้องหน้าหลัง CPU ฟีเจอร์อะไรทุกอย่างยกมาจากรุ่น Pro แต่ทำราคาได้น่ารักและลด RAM ลงไปแต่เพิ่มความจุ 128GB เข้าไปถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างคุ้มราคาต่อผู้ใช้งานทั่วไปถ้าไม่ได้สนใจ กล้องหน้าแบบเลื่อนได้อะไรมากนัก หรือถ้าไม่ได้ใส่ใจหน้าจอที่สวยๆแบบ F11 Pro อะไรเกินไป ตัวนี้นั้นน่าเล่นและแนะนำมากๆครับในการใช้งานทั่วไปสบายๆ กล้องหลังคือดีเลยแหละ และ ความจุที่เยอะต่อการใช้งานมากๆครับ จะมีแค่เรื่องฝาหลังอาจจะไม่ได้สวยมากนัก และ สัมผัสไม่ได้ติดนิ้วเท่าตัวพี่เท่านั้นเอง

ข้อดี

  • การออกแบบดีไซน์สวย และ ลงตัว งานประกอบดี
  • กล้องหลังถ่ายกลางคืนสวย รวมถึง Portrait แสงน้อย
  • Colour OS 6 ดีไซน์ใหม่สวยขึ้น เท่ห์ขึ้น
  • แบตอึดใช้งานทั้งวัน + Vooc 3.0 ชาร์จไวขึ้น
  • ราคาถูกลงแต่ได้สเปคแบบรุ่น F11 Pro ในเรื่อง CPU
  • กล้องหน้าแบบติ่งหยดน้ำ แต่คุณภาพทำได้ดีเหมือนเดิม
  • ได้ความจุที่ 128GB มากกว่า F11 Pro

ข้อสังเกต 

  • ยังคงเป็น Micro-Usb ในปี 2019
  • ไม่รองรับ การถ่ายวีดีโอ 4K
  • P70 แรง แต่เล่นเกมอาจจะปรับได้ไม่สุดมากนัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ