Asus Zenbook Pro ถือว่าเป็นตระกูลที่ตัวเทพที่สุดในด้านสายทำงาน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลาย แน่นอนว่าด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่องและฟีเจอร์ต่างๆนั้น ต้องบอกว่าจัดเต็มรวมถึงมี นวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาให้ใช้งานเสมอ ในรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะเป็นเจ้าแรกที่ทำหน้าจอ 2 หน้าจอแบบ 4K และใช้งานหน้าจอย่อยได้ทั้งหมด 5 หน้าจอเลยครับบอกเลยว่า สายทำงานที่ตัดต่อ แต่งภาพทั้งหลายนั้นน่าสนใจอย่างมากครับในรุ่นนี้ รวมถึงประสิทธิภาพการออกแบบต่างๆนั้นพรีเมี่ยมและคำนึงเรื่องระบายความร้อน ความสวยงามทำได้ดีในทุกๆจุดเลยนั้นเอง ในรุ่น Asus Zenbook Pro Duo นั้นเปิดตัวในไทยหลังจากที่ได้ไปลองที่ไต้หวันกันก่อนหน้านั้นครับ และทางเราก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เลยเพราะมันตอบโจทย์ในการใช้งานสายงาน กราฟิก ตัดต่อ แต่งภาพ ได้แบบดีและลงตัวมาก

ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน intel i7- i7-9750H พร้อมด้วย NVIDIA®  GeForce RTX 2060  6GB GDDR6 VRAM และใช้งาน RAM 32GB 2666MHz DDR4 และในเรื่องของหน่วยความจุนั้นจะใช้งานตัวสูงสุดคือ 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane Memory H10 ถือว่าเยอะแล้วก็อ่านเขียนได้ไวมากๆ และมาพร้อมกับหน้าจอ 4K ทั้งจอบนและจอล่าง สำหรับจอดหลักนั้นจะใช้งานจอแบบเงา ทำให้ภาพนั้นคมชัดสวย   ขนาดให้มาที่ 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 รองรับปากกาและระบบสัมผัส 100% DCI-P3 ส่วนหน้าจอที่ 2 นั้น 14” 4K (3840 x 1100) เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และมีไฟสถานะ Alexa และรองรับคำสั่งเสียงพิเศษ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Numpad + Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องและ ตัวเครื่องนั้นรองรับพอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt 3  มาให้ด้วยครับ ถือว่าครบเลยในการทำงาน

ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดราคามาที่   บาท มาพร้อมสี   Celestial Blue

UNBOX

สำหรับตัวกล่องนั้นจะค่อนข้างใหญ่กว่ากล่องทั่วไปและมีการใช้โทนสีที่เข้ม ตัวกล่องนั้นจะมีกล่องย่อยข้างในซึ่งจะแยกระหว่างตัวเครื่อง และ กล่องตัวสายชาร์จไฟเข้าต่างหาก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา ตัวที่รองมือ สามารถเอามาใช้งานได้และมีที่ยกตัวเครื่องสำหรับติดใต้เครื่องอีกสำหรับใครที่เน้นด้านงานพิมพ์ใช้งานครับ

  • ตัวเครื่อง Asus Zenbook Pro Duo
  • ปากกา ASUS Pen
  • แผ่นรองยกตัวเครื่อง
  • ที่รองมือด้านหน้าเครื่อง
  • คู่มือ
  • สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W

DESIGN

ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง และแอบมีน้ำหนักพอสมควรครับ รุ่นนี้มีไฟหน้าตัวเครื่องด้วยสำหรับใช้งานคำสั่งเสียง Cortana ก็จะกระพริบรับคำสั่งสวยงามรวมถึงขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบางมากตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้แต่ในขนาด 15.6 นิ้วนั้นต้องบอกว่าแอบพกพาค่อนข้างลำบากทั้งขนาดและความหนารวมถึงน้ำหนักของมันครับ

ตัวเครื่องในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัส

ด้านล่างฐานเครื่องจะเป็นส่วนยางรองที่ค่อนข้างมีพื้นที่เยอะพอสมควร ทำให้วางกับพื้นผิวโต๊ะได้แน่นไม่ลื่นไปมา รวมถึงช่องระบายความร้อนตรงกลางเครื่องที่ไม่ได้เจาะรูเยอะ แต่จะเน้นไปที่ช่องระบายข้างๆ รวมถึงข้างหลังแทนนั้นเอง และ ยางรองส่วนบนก็จะสูงกว่าด้านล่างนั้นเอง ส่วนตัวเครื่องขอบๆก็จะเป็นการตัดมุมเอียงสวยงามเป็นพื้นที่ของลำโพงต่างๆหรือช่องระบายความร้อนที่ทำมุมเอียงทำให้รับอาอาศได้ดี ไม่มีอะไรมาปิดบังตัวเครื่องเวลาใช้งานด้วย ถือว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีเลยครับ

ส่วนช่องระบายในด้านข้างทั้ง 2 ข้างนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีดึงลงและปล่อยลมต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆทั้งองศาในการรับ และการยกตัวเครื่องก็ช่วยในส่วนนี้ด้วย ซึ่งช่องระบายหลักๆนั้นเป็น ทางด้านหลัง ด้านข้างซ้าย และ ข้างขวาครับ ส่วนด้านหลังตรงขอบหน้าจอล่างก็ยังคงมีช่องระบายอีกครับถือว่าส่วนระบายความร้อนในรุ่นนี้นั้นถือว่าเยอะและไว้ใจได้พอสมควร และการยกตัวเครื่อง Ergo lift นั้นค่อนข้างสูงมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น

ตัวข้อพับต่างๆในการยกตัวเครื่องนั้นทำได้ดีครับตัวเครื่องทำได้สูงและช่องรับลมเข้ามาได้เยอะ ขาพับหน้าจอต่างๆนั้นจะเป็นตัวยกเครื่องขึ้นมาและทำมุมองศาทำให้เวลาพิมพ์นั้นทำได้ดีกว่าแบบเรียบๆ จะเห็นว่าตัวการออกแบบErgolift ตัวนี้จะค่อนข้างสูงและมีความหนาแข็งแรงกว่ารุ่นอื่นๆน่าจะเพราะงานประกอบและต้องรับน้ำหนักของหน้าจอ 2 จอรวมถึงสเปคที่ให้มาเยอะเลยทำให้จุดพับยกต่างๆนั้นต้องทำได้มั่นคงและมีความแข็งแรงขึ้น

ตัววัสดุข้างในนั้นจะไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอและคีย์บอร์ดแบบเต็มพื้นที่เลย ไม่ได้เห็นวัสดุอลูมิเนียมบนตัวเครื่องเมื่อเปิดฝาขึ้นมาเท่าไร แต่ก็มีที่วางมือแบบวัสดุนุ่มนิดหน่อยครับผมและไฟไม่ดูดเท่าไรถือว่าดีครับ ส่วนตัวคีย์บอร์ดจะ Layout คล้ายๆพวกสายเกมแต่ปุ่มนั้นจะชิดกันนิดหน่อยอาจะต้องปรับตัวกันครับ และในรุ่นนี้มี Numpad ที่ผสมกับ Touchpad สามารถเปิดปิด และ ปรับความสว่างได้เช่นกันครับผม ส่วนหน้าจอด้านล่างนั้นเป็นแบบจอด้านก็สวยและใช้งานได้ลื่นสัมผัสดีครับ ส่วนโลโก้ของเครื่องนั้นจะอยู่ตรงหน้าจอขอบล่างเหนือคีย์บอร์ด

ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบเงาและสวยงามเหมาะสำหรับสายงานที่ตัดต่อภาพ แต่งภาพจะมีความสวยงามและแม่นยำกว่าครับ ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นทำได้ดีมากๆทั้งคู่

สำหรับตัวเครื่องในภาพรวมนั้นค่อนข้างสวยและดูดีจริงๆให้สังเกตในแต่ละจุดนั้นเราจะเห็นการขึ้นชิ้นงานที่เนียนตามากๆ โดยตรงคีย์บอร์ดนั้นจะเห็นว่าอยู่ขอบล่างสุดและก็มีเว้าลงไปบ้าง และในขอบเครื่องทั้ง 4  ข้างรอบตัวเครื่องนั้นจะเห็นว่างานออกแบบต่างๆจะมีการเล่นกับแถบเงินปัดเงารอบตัวเครื่องค่อนข้างสวยครับและงานดีมากทั้งเครื่องเป็นชิ้นเดียวกันแน่นหนาแข็งแรงพอสมควรส่วนเรื่องการตัดขอบในแต่ละมุมนั้นสวยและเนี๊ยบมากๆ รวมถึงตัวขอบหน้าจอนั้นก็มีการตัดขอบสวยงามเหมือนกันครับซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเก็บงานได้เนี๊ยบในหลายๆจุดเลย

ตัวแผ่นรองมือนั้นจะให้มาด้วยเพราะตัวคีย์บอร์ดนั้นลงมาสุดขอบเครื่องเลยทำให้เวลาพิมพ์แบบไม่มีที่รองนั้นไม่สะดวกเอามากๆ  ตัวที่รองนั้นไม่มีอะไรมากเป็นแค่แผ่นวางไว้วัสดุผิวนิ่มกันลื่นได้นิดหน่อยคล้ายๆวัสดุยางครับ และที่เหลือนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด มีเส้นนำไฟมาให้ตรงกลางเครื่องสำหรับแสดงไฟหน้าเครื่องเวลาใช้งานคำสั่งเสียง แต่ก็อาจจะลำบากที่ต้องพกพาไปไหนมาไหนได้สำหรับตัวที่วางมืออันนี้ครับ

SPEC 

  • Windows 10 Home
  • Intel® Core i7-9750H processor .  2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
  • NVIDIA® GeForce RTX 2060 . Video memory: 6GB GDDR6 VRAM
  • 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 touchscreen . 5mm-thin bezel with 89% screen-to-body ratio . 178° wide-view technology 100% DCI-P3
  • RAM 32GB 2666MHz DDR4
  • 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane Memory H10
  • พอร์ตเชื่อมต่อ
    1 x Thunderbolt 3 USB-C (up to 40Gbps and DisplayPort)
    2 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (up to 10Gbps)
    1 x Standard HDMI 2.0
    1 x Audio combo jack
    1 x DC-in
  • Keyboard  Full-size backlit with 1.4mm key travel
  • ScreenPad Plus .  14” 4K (3840 x 1100) touch display . 178˚ wide-view technology
  • TouchPad . Precision touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
  • NumberPad Integrated LED-backlit numeric keypad on touchpad
  • IR CAMERA 
  • Wi-Fi Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
    Bluetooth® . Bluetooth 5.0
  • ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance
    Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
    3.5mm headphone jack
    Long-travel voice coils for improved low-frequency response
    Certified by Harman Kardon
    Height: 2.4cm (0.94 inches) Width: 35.9cm (14.13 inches)
    Depth: 24.6cm (9.68 inches) Weight: 2.5kg (5.51 pounds)

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับ intel i7 9750H ทำงานร่วมกันกับ RTX 2060 6GB GDDR6 VRAM ถือว่าสเปคที่ใช้งานนั้นจัดว่าดี ทั้งด้านของ CPU GPU แต่ถ้าใครอยากแรงกว่านี้จะมีตัว i9 ซึ่งก็จะแรงไปอีกขั้นส่วน RAM 32GB จัดเต็มสูงสุดของสเปคติดเครื่องและทำงานร่วมกับ 1TB SSD ที่ใช้งานรวม  Gen3 x4 Intel® Optane Memory H10 ถือว่าเน้นความเร็วแรงสำหรับการทำงานเรนเดอร์ต่างๆนั้นรองรับได้สบายและการเล่นเกมก็ได้ประโยชน์ไปด้วย ส่วนในการใช้งานทดสอบจริงๆนั้นถือว่าแรงสมราคาและเรื่องความร้อนนั้นก็เป็นอีกจุดที่ทำได้ดีในการทดสอบสภาพอากาศทั่วไปและทดสอบต่อเนื่องยาวๆครับ

PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูง ทำไปได้ 5,108  คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU-GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 86  GPU 74 องศาครับผม

3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 2575 และในส่วนของ Firestrike Extream 6607 และ Firestrike Ultra นั้นทำได้ 3470 และ Time Spy Extream นั้นแบบสุดโหดทำไปได้ 2575 คะแนน  ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 88 และ GPU 76 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม จริงๆความร้อนของตัว CPU แอบสูงไปนิดนึงถ้าใช้งานปกติครับแต่ถ้าเปิดพัดลมแรงและเล่นในห้องแอร์จะช่วยได้มากขึ้นนิดหน่อย

CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง  ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 32744 CB เลยครับ ประมวลผลหนักๆได้แบบสบาย และในตัว R15 นั้นทำไปได้ 113FPS และ 1293CB ครับ  วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 82 และ GPU 76  ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD  1TB Gen3 x4 Intel® Optane Memory H10  การอ่านที่ 3401 MB/s และเขียนที่ 2394 MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ไวและใช้งานได้สบายในการเก็บข้อมูลในการทำงานทั้งหลากหลายอย่างรวมถึงการย้ายไฟล์อะไรก็สามารถรองรับได้สบายมากๆในการอ่านเขียนระดับนี้

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอที่มีความละเอียด 4K และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่มาให้ใช้งานมากถึง 2 หน้าจอครับและเป็น 4K ทั้ง 2 หน้าจอเลยด้วยถือว่าน่าสนใจมากๆกับแนวคิดที่มีการวางหน้าจอแบบนี้ครับทำให้มันใช้งานได้ดีมากๆและแปลกใหม่พอสมควร โดยหน้าจอหลักนั้นใช้งานหน้าจอแบบเงาคือหน้าจอ ขนาด 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 รองรับการสัมผัส และ ใช้งานปากกาได้ โดยมีความหน้าขอบหน้าจอแค่ 5 มิลลิเมตร รองรับมุมมองกว้าง 178° และได้มาตรฐานสี 100% DCI-P3 ถือว่าโหดมากๆในการทำงานทั่วไปและสายงานตัดต่อแต่งภาพได้หน้าจอที่ค่อนข้างตรงมากๆ มาที่หน้าจออันที่ 2 นั้นเป็นหน้าจอ ขนาดทั้งหมด 14” 4K (3840 x 1100) รองรับปากกา และ สัมผัสเช่นเดียวกันแต่จะเป็นจอด้าน รองรับมุมมอง 178˚องศาด้วยเช่นกัน จากที่ลองต้องบอกว่าหน้าจอหลักมันเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีมากๆตัวนึงของบรรดาคอมพิวเตอร์พกพาทั้งเรื่องของสีและความส่วางและรวมถึงความแม่นยำของสีนั้นทำได้ดีมากๆ และยังรองรับ HDR ด้วยเวลาดูหนังนั้นภาพที่ได้คมชัดมาก

ในด้านมุมมองของตัวหน้าจอหลักนั้นสามารถรองรับการทำงานได้4สบายๆทั้งหลากหลายมุมมอง แต่หน้าจอเงานั้นจะเจอแสงรบกวนได้ง่าย แต่เวลาเอามาทำภาพนั้นจะทำได้ดีกว่าจอแบบด้านเยอะมาก ส่วนเรื่องของสีนั้นแม้จะเอียงๆก็ยังทำได้ดีมากๆถือว่าหน้าจอรุ่นนี้โหดสุดๆในบรรดาคู่แข่งหลายๆตัวเลยนั้นเองและยังรองรับปากกาในการวาดเขียนหรือจะเป็นสัมผัสด้วย ส่วนเรื่องจอที่ 2 นั้นจะเป็นแบบด้านเพราะวางจะวางเหนือคีย์บอร์ดทำให้มันต้องสะท้อนได้ง่ายกว่าทั่วไปเยอะมากเลยใช้งานแบบจอด้าน ส่วนตัวความสว่างนั้นเอาตรงๆมันไม่ได้สู้แสงได้ดีเท่าไรในการใช้งานหลายๆครั้งครับแต่เรื่องของสีสันอะไรพวกนี้นั้นก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ติดแค่สู้แสงเท่านั้น แต่ถ้าใช้งานภายใน หรือในอาคารนั้นจอที่ 2 ทำได้ดีมากๆในเรื่องของความสว่างและค่อนข้างสวยพอสมควรครับ

SCREEN PAD PLUS

สำหรับหน้าจอที่ 2 นั้นต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำมาก เพราะมันทั้งว้าวและใช้งานได้จริง ถ้านึกง่ายๆมันเหมือนกับต่อยอดจากรุ่นเดิมและเอามาวางได้ถูกที่ ทำขนาดได้ดีขึ้นมากกว่าเดิมถ้าใครเคยใช้พวก Touchbar แล้วติดใจอยากให้มันใหญ่นั้น รุ่นนี้คือตอบโจทย์มากๆในการใช้งานหน้าจออันนี้รองรับระบบสัมผัส ปากกา และ ยังให้ความละเอียดมาสูงถึง 4K ครับหน้าจอตัวนี้ที่ให้แบบด้านมาเพราะว่าตำแหน่งของมันจะสะท้อนได้ง่ายทั้งสะท้อนเพดานต่างๆ จึงต้องใช้แบบด้านรวมถึงอาจจะโดนนิ้วมืออะไรได้ง่ายกว่าจอด้านบนเวลาใช้งานด้วยซึ่งฟีเจอร์หลักๆเวลาเรากดเปิดฟังก์ชันมันนะครับจะมีตามภาพเลย จะเป็นเหมือนแอพให้เลือกใช้งานทั้งตัว QuickKey – Handwriting – Number Key – Appdeal – Spotify นอกจากนี้หลักการทำงานมันก็จะเหมือน หน้าจอแยกเวลาเราต่อทุกประการเลยสามารถลากแอพลงไปมาได้ หรือ ใช้งานแอพติดเครื่องได้เลยนั้นเอง

ฟังก์ชันหลักๆที่ให้มาก็จะเป็น QuickKey หรือพวกคำสั่งลัด เราสามารถบันทึกได้ว่าจะกดตัวไหนบ้าง เรียงตามจังหวะเรากด และสามารถเพิ่มแยกเป็นแอพได้ รวมถึง เป็นชุดคำสั่งแต่ละแอพแยกกันได้เลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องมานั่งกดอะไรวุ่นวายเลย เลือกคำสั่งใช้งานบ่อยๆไว้ได้เลย และกดบนหน้าจอเสริมเอา และในตัว Number Key ก็ยังมีมาให้ใช้งานนอกเหนือจากด้านขวาของ Keyboard เผื่อใครใช้งานไม่ถนัดครับและแบ่งได้สูงสุด 3 แอพในแถบหน้าจอเสริมทั้งหมด นอกเหนือจาก 2 แอพครึ่งๆที่เห็นในภาพสามารถแทรกแอพเพิ่มเข้าไปได้อีก

สามารถตั้งค่าได้ทั้งเรื่องของความสว่าง เปลี่ยนพื้นหลัง รวมถึงขนาดของหน้าจอเวลามาใช้งานและสามารถปรับความละเอียดได้ด้วยเช่นกันครับว่าจะใช้ 4K-FHD และยังสามารถตั้งค่าพวกปุ่มที่จะโชว์ได้นิดหน่อย

อีก 1 ฟีเจอร์ที่ชอบมากๆคือฟีเจอร์ Task Group มันคือการจำแอพว่าเราเคยเปิดแอพอะไรบ้างและวางไว้ตรงไหนของหน้าจอ เมื่อเรากด Taskgroup  เลข 1 ไว้มันก็จะเปิดแอพทั้งหมดที่เราบันทึกไว้ให้เรา และวางตำแหน่งแบบที่เราเคยวางไว้ทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งเปิดทีละแอพเลย คือกด ปุ่มเดียวเปิดและเรียงให้เราทั้งหมด เช่นในภาพนั้นผมได้ ให้มันจำทั้งหมด 5 แอพ ในการวางแบบ จอบน 2 และ จอล่าง 3 เมื่อเรามาใช้งานวันอื่น เปิดคอมแล้วกด ฟังก์ชันนี้มันก็จะเปิดแอพให้เราทันที 5 แอพพร้อมกับวางแบบเดิมเลย ในภาพมุมขวาคือ หน้าจอตอนเรากดให้มันจำ สามารถจัดการได้ และ จำได้สูงสุด 4 กลุ่มครับ อันนี้สะดวกมากๆใครใช้แอพคู่กันบ่อยๆต้องชอบมาก

ในด้านฟีเจอร์ HandWriting นั้นก็รองรับการใช้งานกับปากกาได้สบายและวาดและเป็นตัวอักษรได้ด้วยหรือจะให้มันวาดในหลายๆโปรแกรมก็ทำได้ครับและแน่นอนว่าใช้งานเซ็นอะไรต่างได้ดีมากเลย ตัวปากกานั้นสามารถใช้งานได้ทั้งหน้าจอหลักและหน้าจอด้านล่างครับ ในการใช้งานจอหลักก็ทำได้ไหลลื่นดีมากๆไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด และเวลายกเหนือหน้าจอก็มีไอคอนตามไปด้วย ตัวปากกานั้นก็มีปุ่มอะไรให้ใช้งาน และตัว ปากกาแถมมาให้ในกล่องนะรุ่นนี้

ในการใช้งาน 2 หน้าจอนั้นก็มีหลายๆแอพที่ใช้งานแล้วก็รองรับได้ดีเช่นในภาพข้างบนนั้นจะเป็นการใช้งานกับทางแอพ Premire Pro ในการตัดต่อหนัง วีดีโอต่างๆซึ่งแน่นอนว่าสายงานนี้เค้าใจกันดีต้องการใช้งานหน้าจอใหญ่ๆยาวๆไว้ก่อนครับมีจอเท่าไรก็ไม่พอซึ่งในรุ่นนี้นั้นทำได้ดีมากๆคือหน้าจอล่างนั้นสามารถเอามาใช้วาง ไทม์ไลน์ของตัวคลิปได้ดีมากๆทั้งขนาดและความยาวของมันทำให้เรามีจอพรีวิวที่ใหญ่ขึ้นและใช้งานได้โล่งตามากกว่าเดิมอีกครับ และพวก Lightroom ก็รองรับในการเอาตัวไฟล์มาดูในภาพล่างและทำงานในจอด้านบนได้เต็มที่กว่าเดิมนั้นเองครับ และ สายสตรีมเมอร์ก็ยิ่งมีประโยชน์เพราะสามารถใช้งานหน้าจอหลักเล่นเกม จอลองสำหรับดูแชท และ ดูไลฟ์ได้

TOUCHPAD 

NumberPad แบบนี้นั้นถ้าหากใครใช้มาก่อนก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เป็นดีไซน์แยกออกมาครับ สามารถกดคลิกซ้ายขวาลงไปได้เลย ไม่ได้มีปุ่มแยกแบบพวกสายเกมครับ ระยะการกดนั้นทำได้ดีอันนี้ชอบมากๆและอีก 1 ความสามารถมันคือมันเป็น Numpad ได้เลยจากการสัมผัสตรงไอคอนนั้นเอง ต้องบอกว่าเป็นแนวคิดที่ฉลาดที่ไม่ตัดมันออกไปและคนที่ใช้งานบ่อยๆก็ยังได้ประโยชน์ในการกดตัวเลขต่างๆครับ สัมผัสได้ไวแม่น แต่ถ้ามีสั่นตอบสนองหน่อยจะลงตัวเลยแหละคล้ายๆพวก Taptic Engine พวกนั้นถ้ารุ่นหน้าขอใส่มาด้วยจะครบเลย ส่วนปุ่มทั้ง 4 ข้างบนนั้นจะเป็นการเปิดTurbo รวมถึง สลับหน้าจอ และ เปิดปิดหน้าจอที่ 2 และ ปุ่ม Power หลักของเครื่องครับผม

ตัวขนาดเนื่องจากเครื่องเล็กลง ขนาดก็เล็กลงไปด้วยครับการใช้งานก็ค่อนข้างพอดีต่อ 2-3 นิ้วอย่างมากเวลาใช้งาน อาจจะรู้สึกอึดอัดไปหน่อยถ้าใครใช้ทำงานนอกบ้านและต้องใช้ Touchpad ตลอดครับ สัมผัสอะไรเรื่องนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหานะ แต่ถ้าใช้แรกๆบอกว่าว่ากดตัวเลขจะลั่นบ่อยมากถ้าเปิดไว้และทำงานไปชอบลั่นบ่อยเลยแหละ เป็นทัชแพดของ precision touchpad นะครับใช้งานได้ติดนิ้วและโอเคเลยแหละ ไม่มีปัญหา ติดแค่ขนาดมันแค่นั้น และในรุ่นนี้นั้นปรับความสว่างได้แล้ว ตรง 3 เหลี่ยมมุมซ้ายนั้นปรับความสว่างได้ รวมถึง สัมผัสเปิดปิด Numpad ครับ

KEYBOARD 

การวางตำแหน่งนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกกว่ารุ่นอื่นๆมากจากการย้ายมาลงไว้ด้านล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์นั้นเองที่ย้ายแบบนี้ไม่ได้แค่เทห์หรือแปลกๆแต่อย่างเดียวแต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่คิดไว้แล้วเป็นเหมือนการต่อยอดจากที่เคยทำในรุ่น ROG พวกนั้นแต่มาครั้งนี้เอามาใส่หน้าจอแทนนั้นเองครับจึงได้การวางแบบนี้แต่ปุ่มอะไรก็ยังมีมาให้ครบรวมถึง Touchpad และ Numberpad ด้วยเช่นกันครับ ตัวคีย์บอร์ดมีไฟมาให้ปรับได้ 3 ระดับเช่นเดิม และระยะการกด 1.4มม ถือว่าทำได้ดีครับในการเล่นเกม หรือ ทำงานทั่วไป แต่เนื่องจากมันต้องเอามาไว้ขอบล่างเครื่องเวลาพกพาไปไหนและใช้งานถ้าหากไม่มีที่รองมือนั้นอาจจะใช้งานลำบากไปนิดหน่อย เพราะว่าตัวเครื่องมันยกสูงขึ้นมาพอสมควรเลยนั้นเองแต่ถ้ามีที่วางมือก็จะสบายขึ้นถ้าเล่นคอมพิวเตอร์นานๆนั้นเอง

หลังจากการใช้งานตัวปุ่มทั้งหมดต้องบอกว่าระยะห่างของแต่ละปุ่มนั้นไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดใจอะไรเท่าไร แต่เรื่องของการพิมพ์นั้นบางทีรู้สึกว่าปุ่มมันชิดกันไปนิดหน่อยครับถ้าใครเคยใช้งานรุ่นปกติมาก่อนหน้านี้ และการวางมือถ้าแบบไม่มีที่รองมือนั้นอาจจะเมื่อได้ง่ายมากๆ แต่การออกแบบส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีปัญหา และตัว Numpad ก็มีแบบสัมผัสมาให้ใช้งานแอบลำบากไปนิดถ้าต้องใช้งานข้างนอกเวลาไม่พกเมาส์ไปนั้นเอง ส่วนระยะการกด อะไรทำได้ดี

SPEAKER

ลำโพงในรุ่นนี้ยังคงใช้งานจากทาง HARMAN/KARDON เช่นเดิมมีเขียนชื่อแบรนด์ไว้ขอบเครื่องชัดเจนครับและลำโพงในรุ่นนี้ก็ยังทำได้ดีมากๆเสียงยิงเฉียงๆออกทางซ้ายและขวาของเครื่องเสียงที่ได้แยกมิติชัดเจนรวมถึงกำลังขับทำได้ดีมากๆเวลาเปิดเพลงอะไรต่างๆ รวมถึงเสียงย่านต่ำนั้นก็ทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆแบบรู้สึกได้ครับแน่นอนว่ามันดีกว่าพวกตัว Pro ก่อนหน้านี้ด้วยครับส่วนความดังเวลาเปิดสุดก็ชัดเจนดีเหมือนกันสามารถเล่นเกมหรือฟังเพลงอะไรได้สนุก แต่ที่ชอบคือเวลาเปิดเพลงที่เสียงย่านต่ำนั้นจะแน่นกว่าตัวอื่นๆมากและมีความนุ่มของเสียงพอสมควรเลยครับ

CONNECTOR

ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้นั้นจะมีมาให้ในด้านขวาและซ้าย ไม่มีปุ่ม หรือ ไฟอะไรมาให้ในด้านหน้าหรือหลังแต่อย่างใดครับ ซึ่งพอร์ตเอาจริงๆถ้าเทียบกับสายทำงานแอบจะน้อยไปพอสมควรครับเพราะมันขาดพอร์ตสำหรับเสียบ SD-Card ไปแน่นอนว่าสายถ่ายภาพได้ใช้งานกันเยอะแน่นอนครับแต่เครื่องนี้กลับไม่มีมาให้ก็น่าเสียดายเลยครับ แต่พอร์ตอื่นๆก็ให้มาพอใช้งานแต่ไม่ได้เยอะมากเท่าไรน่าจะเป็นเพราะเสียพื้นที่พวกช่องระบายความร้อนและใส่หน้าจอเข้ามาในตัวเครื่องนั้นเองทำให้ พื้นที่ภายในนั้นน้อยกว่าทั่วไปก็เป็นไปได้ครับและต้องคำนึงถึงความร้อนไปในตัว

ในพอร์ตด้านขวานั้นจะเป็นไฟสถานะ และ USB-C 3.1 รวมถึง 3.5 มม.แบบ Combo และ ช่อง USB-A 3.1

ในด้านซ้ายนั้นจะเป็น รูสำหรับเสียบ DC-IN จ่ายไฟเข้า และ HDMI 7และ USB-A 3.1 แค่นั้นเอง ซึ่งถ้านับรวมๆนั้นจะมีให้แค่ USB-A ทั้งหมด 2 ช่อง USB-C 1 ช่อง และ HDMI เท่านั้น จริงๆแอบน้อยไปสำหรับสายทำงานน่าจะให้มาเยอะกว่านี้สำหรับอุปกรณ์อื่นๆที่ต่อพวง หรือใช้งานโอนย้ายต่างๆ เสียดายในจุดนี้มากๆเลย

WORKING 

ในด้านการทำงานนั้นต้องบอกว่ามันทำออกมาได้ประทับใจทั้งฟีเจอร์ในการใช้งานหน้าจอแยกที่สามารถรองรับหลายๆแอพได้สบายครับและทำให้พื้นที่ในการทำงานนั้นโล่งขึ้นจากที่มีหลายหน้าจอเสริมเข้ามาด้วยเช่นกัน แล้วพวกตระกูล Adobe นั้นจะทำได้ดีมากๆเพราะเหมือนจะทำออกมารองรับกับหลายๆหน้าจอได้ดีอยู่แล้วนั้นเอง ซึ่งถ้าดูในแง่ของการใช้งานมันคือประสบการ์ณใหม่ในการใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาจริงๆ มันสะดวกขึ้นมากสำหรับสายงานแบบเราหรือตัดต่อ รวมถึงช่างภาพครับ หลายๆจอมันช่วยในการทำงานได้ดีขึ้นแบบชัดเจน ส่วนเรื่องของคุณภาพนั้นต้องบอกว่าสามารถรองรับการทำงานได้เต็มที่ ประสิทธิภาพของมันนั้นทำได้แบบไร้ข้อกังวลเลยทั้งตัดต่อคลิป 4K หรือจะเป็น การทำงานอื่นๆหลายๆโปรแกรมพร้อมกันก็สามารถรองรับได้สบายเลย และในเรื่องความร้อนก็ยังสามารถจัดการได้ดี

GAMING 

ทดสอบในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิคที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี แต่ในรุ่นนี้อาจจะต้องบอกกันว่าไม่ได้เน้นเรื่องของการเล่นเกมมากนักครับเพราะในตัวแป้นพิมพ์อาจจะไม่ได้ทำออกมาสำหรับสายเกมเท่าไร เพราะถ้าเอาสบายๆนั้นจะต้องใส่ที่รองมือไว้ตลอดถ้าจะเล่นเกมครับด้วยตำแหน่งอะไรของมันเลยอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับสายเกมจัดๆมาก แต่ถ้าเอามาสตรีมก็ได้อยู่เหมือนกันครับด้วยตำแหน่งหน้าจออะไรของมันก็สามารถรองรับได้ดี แต่แป้นพิมพ์อาจจะต้องปรับตัวกันหน่อย

ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่น ซึ่งทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90-92 บ้างในบางครั้งครับ ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ ซึ่งเรื่องความร้อนถ้าเราเปิดพัดลมแรงสุดนั้นก็จะลงไปได้อีกนิดหน่อยครับ

  • Overwatch นั้น ทำได้ FPS 70-73 อุณหภูมินั้น GPU 75 CPU 86  : ULTRA
  • APEX ทำได้ FPS 60-62 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 82 : ULTRA
  • PUBG ทำได้ FPS 64-65 อุณหภูมินั้น GPU 79 CPU 89  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำได้ FPS  62 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 90  : ULTRA 
  • BLACK OPS 4 ทำได้ FPS  85-91 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 89  : ULTRA 

โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีเสียงพัดลมก็ดังพอสมควรแต่ไม่เท่าสายเกมพวกนั้น ระบายความร้อนได้ดีกว่าที่คิด  ในการทดสอบทั้งหมดไม่ได้เปิดแอร์เลยนะ เอาจริงๆถ้าเรามองในเรื่องของความร้อนตัว GPU และจัดการได้ดีมากๆครับ แต่ CPU นั้นจะแตะ 95 บ่อยอยู่เหมือนกันแต่ FPS ที่ขับออกมาได้ก็น่าพอใจครับ ไม่ได้หน่วงหรือตกอะไร

BATTERY

การใช้งานทั่วไปนั้นแบตถือว่าค่อนข้างน้อย เนื่องจากมันใช้งานหน้าจอทั้ง 2 หน้าจอและยังมีความละเอียดสูงมากถึง 4K จึงทำให้เรื่องแบตอาจจะไม่ได้อึดเท่าที่ควรครับใช้งานได้อย่างมาก 3-4 ชั่วโมงเท่านั้นเองในแบบใช้งานทั่วไปครับไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไรพิเศษเลย ถือว่าเรื่องแบตนั้นอาจจะเป็นอีกจุดที่ต้องพิจารณากันหน่อย เนื่องด้วยขนาดและน้ำหนักที่อาจจะเยอะแล้วแต่แบตไม่ได้อึดเท่าไรก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับใครที่ต้องพกพาไปไหนบ่อยๆ

ASUS ZENBOOK PRO DUO

” มันคือ นวัตกรรม เป็น แนวคิดที่ดีมากๆในงานแทรกหน้าจอมาในส่วนด้านล่าง “

ต้องบอกก่อนเลยว่ามันเป็นนวัตกรรมจริงๆในการใช้งานหน้าจอแบบนี้และยอมคนที่คิดพัฒนาในรุ่นนี้จริงๆครับมันเหมาะสำหรับสายทำงานคอนเทนต์ตัดต่อแต่งภาพจริงๆทำให้พื้นที่ของการใช้งานนั้นลื่นไหลและมีพื้นทีเพิ่มมากขึ้นจริงๆทำให้แตกต่างกว่าคอมรุ่นอื่นๆแบบชัดเจน เป็นนวัตกรรมที่ดีมากๆและใช้งานได้จริง ส่วนในด้านอื่นๆของรุ่นนี้ก็มีคุณภาพอยู่แล้วทั้งเรื่องของประสิทธิภาพ หน้าจอ ตัวเครื่อง ลำโพงต่างๆรวมถึงงานประกอบความแข็งแรงง การระบายความร้อนมันคือตัวเทพของปีนี้เลยก็ว่าได้ครับทุกๆอย่างลงตัวจริงๆ แต่เรื่องของพอร์ตอาจจะน้อยไปหน่อยกับเรื่องแบตที่ไม่ได้อึดมากนักจึงต้องดูในเรื่องนี้กันอีกทีว่ารับได้ไหมครับแต่ในภาพรวมมันคือ นวัตกรรม แห่งปีได้เลยครับ

ข้อดี

  • หน้าจอที่ 2 คือดีมากในการใช้งาน และ เพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน
  • หน้าจอหลักทำคุณภาพได้ดีทั้งเรื่องของสีสันและมุมมองรวมถึงความแม่นยำ DCI-P3 100%
  • ได้หน้าจอ 4K ทั้ง  2 หน้าจอ
  • งานออกแบบ งานประกอบนั้นมีคุณภาพและเนี๊ยบมากๆ
  • ระบายความร้อนในการทำงานได้ดี
  • SSD 1TB ทำความเร็วในการอ่านเขียนได้ดีมาก
  • สเปคภาพรวมทั้งการทำงานและเล่นเกมถือว่าตอบโจทย์
  • มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี
  • เสียงลำโพงยังคงทำได้ประทับใจเช่นเดิม

ข้อสังเกต

  • ตัวคีย์บอร์ดพิมพ์ไม่ค่อนสะดวกถ้าไม่มีที่รอง
  • หนาและหนักไปพอสมควรในการพกพา
  • พอร์ตยังถือว่าน้อย และไม่มีช่องเสียบ LAN หรือ SD-Card
  • แบตใช้งานข้างนอกยังไม่ค่อยเพียงพอ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr