Vivo NEX 3 นั้นเป็นตระกูลเรือธง ของค่ายและหลายๆคนที่ติตตามนั้นจะพอทราบเลยว่ารุ่นนี้นั้นค่อนข้างจัดเต็มที่สุดรุ่นนึงของค่ายนี้ และเป็นรุ่นที่นำนวัตกรรมหลายๆอย่างเป็นเจ้าแรกทั้งเรื่องของสแกนนิ้วใต้หน้าจอ ทั้งเรื่องกล้องแบบ PopUpต่างๆครับรวมถึงรุ่นที่มีหน้าจอทั้งหน้าและหลังด้วยเช่นกัน พอมาในรุ่นนี้นั้นก็ถือว่าเป็นการพัฒนาอีกครั้งของค่ายที่มาใช้งานกล้องหลัง 64MP และมาถึง 3 ตัวที่รองรับมุมกว้างและเทเล ในความละเอียด 13MP เหมือนกันครับ และที่น่าสนใจอีกอันคือหน้าจอแบบขอบโค้งทำมุมลงสุดในทั้ง 2 ข้างมาในชื่อหน้าจอแบบ Waterfall Screen ส่วนอีกฟีเจอร์ที่ว้าวคือไม่มีปุ่มข้างๆตัวเครื่องและใช้รองรับแรงกดด้านข้าง ส่วนในการใช้งานจริงๆจะเป็นยังไงมาอ่านกัน

Vivo NEX 3 นั้นเปิดตัวเป็นเรือธงประจำปีนี้ด้วยสเปคที่จัดเต็มมากๆทั้งเรื่อง กล้อง หน้าจอ CPU มากันที่ CPU กันก่อนเลยตัวนี้มาพร้อมกับ Snapdragon 855+ พร้อมด้วย RAM 8GB + ROM 128GB ทั้งยังมาพร้อมหน่วยความจำแบบ UFS3.0 และ หน้าจอแสดงผลแบบ Waterfall Screen ดีไซน์แบบ Unibody design พื้นที่หน้าจอสูงถึง 99.6% NEX 3 ด้วยจอแสดงผลขนาด 6.89 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ 4500mAh พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน C-DRX และชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge เพื่อให้คุณมั่นใจได้ตลอดการใช้งาน อัดแน่นระบบเสียงสุด Hi-Fi ด้วยชิปเสียง AK4377A ถือว่าเป็นรุ่นที่เน้นเรื่องของเสียงพอสมควรครับ ส่วนเรื่องกล้องนั้นให้มาทั้งหมด 3 ตัวโดยกล้องหลังนั้นใช้งาน 64MP F1.8 และยังมี Wide-Angle 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล ให้มาด้วยครับแต่ไม่มี OIS นะในรุ่นนี้ และกล้องหน้าเป็นแบบ PopUp 16MP ด้วยครับ

VIVO NEX 3 นั้นเปิดราคาในไทยมาที่  24,999 บาทไทยมาพร้อมกับสีเดียวคือสี Glowing Night  ด้วยสเปค Snapdragon 855+ / RAM 8GB / 128GB UFS 3.0 ครับ 

UNBOX

ตัวกล่องในรุ่นนี้นั้นถือว่าทำออกมาดูดีเลยแหละทั้งดีไซน์และลูกเล่นการจัดวางครับเปิด 2 ช้านมีฝาปิดสวยงามรวมถึงอุปกรณ์ก็จัดวางสวยงามเลยตอนเปิดมาครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นถือว่าครบๆจัดเต็มเลยในการใช้งานทั่วไป

  • ตัวเครื่อง VIVO NEX 3
  • ตัวเคสแข็ง
  • ฟิลม์กันรอย หน้า
  • ฟิลม์กันรอย หลัง
  • สาย  USB -C
  • Adaptor ชาร์จไฟ 22.5W
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสนั้นเป็นเคสแบบแข็งที่มีพื้วผิววัสดุสวยงามคล้ายๆหนังครับ ค่อนข้างหนาและดูดีมากๆเป็นโทนสีเดียวกับเครื่องครับและความหนาปกป้องเครื่องได้ดี แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องขอบหน้าจอมันโค้งสุดขอบเลยทำให้ตัวเคสอาจจะไม่ได้ปกป้องดีมากเท่าไรในด้านหน้าแต่ถ้าด้านหลังถือว่าทำได้ดีมากๆครังสามารถป้องกันเลนส์กล้องและเครื่องได้สบาย และเห็ยขอบงานเนียนมาก ส่วนด้านหน้าส่วนบนจะเปิดช่องสำหรับกล้องหน้า Pop Up และ ลำโพงไว้ด้วยนั้นเองครับ

DESIGN

งานออกแบบนั้นต้องบอกว่าสวยและดูดีทั้งด้านหน้าและด้านหลังทั้งการใช้วัสดุและโทนสีของตัวเครื่องด้านหน้าใช้งานกระจก วัสดุหน้าจอจาก SCHOTT เป็นแบรนด์กระจกนะครับไม่ได้ใช้ของ Gorilla แต่ก็ป้องกันได้ดีไม่แพ้กันทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยตัวเครื่องนั้นมีความบางที่อยู่ในระดับกลางๆแต่ก็แอบหนักไปนิดหน่อยในความรู้สึกตอนจับครั้งแรกๆครับเพราะเราอาจจะคุ้นชินกับพวกน้ำหนักเบาๆ ของหลายรุ่นในแบรนด์นี้กันมากกว่า แต่ชอบการวางกล้องหลังวงกลมและมีขนาดกำลังดีและน่าจะวางได้สวยที่สุดแล้วครับรวมถึงหน้าจอแบบเต็มตาเต็มขอบไร้ขอบข้างมันสวยมาก

หน้าจอนั้นมาพร้อมกับ Waterfall Fullview Display 6.89 นิ้ว รองรับ DCI-P3 – HDR10 E3 Super SRGB ความสว่างสูงสุด 800NITS และต่ำสุด 1.9NITS พร้อม AntiFlicker และวัสดุหน้าจอจาก SCHOTT อัตราสัดส่วนหน้าจอ 99.6%  และ สแกนนิ้วบนหน้าจอ

ส่วนขอบด้านบนนั้นทำได้บางมากๆครับเท่าๆกันกับขอบล่างเลยจะเห็นขอบลำโพงอยู่ซึ่งจะส่งเสียงมาจากตรงลำโพงที่อยู่ตรงกล้องหน้าด้วยนั้นเอง และพวกเซนเซอร์อะไรก็แทรกๆอยูู่ตรงขอบหน้าจอด้วยเช่นกันครับทำได้บางมากๆ

กล้องหน้าเมื่อเลื่อนขึ้นมานั้นจะเห็นว่ามีทั้งเซนเซอร์ต่างๆ ลำโพงหลักเวลาคุยและรวมถึงกล้องหน้า 16MP พร้อมกับไฟแฟลชกล้องหน้าด้วยครับถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่กล้องหน้านั้นมีไฟแฟลชมาให้เพราะช่วยในเรื่องถ่ายกลางคืนได้ดี

ในส่วนขอบด้านล่างนั้นจะเห็นว่าทำได้บางเช่นเดียวกันครับและพวกปุ่มควบคุมก็อยู่บนหน้าจอทั้งหมดและทำให้สามารถใช้งานเต็มจอแบบควบคุมแบบปัดไปมาได้ด้วยถือว่าเป็นรุ่นที่ทำหน้าจอได้เต็มตาอีกรุ่นครับ

ในส่วนของขอบล่างเครื่องนั้นจะเป็น ที่ใส่ซิมแบบ Dualsim ไม่รองรับการเพิ่มความจุนะครับ รวมถึงมีรูไมค์ 2 จุดและ ช่องชาร์จ USB-C และลำโพงหลักของเครื่องก็ใส่มาในด้านนี้ครับ

ในขอบด้านขวานั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะรุ่นนี้หน้าจอขอบโค้งเยอะมาก เลยทำให้มันไม่มีปุ่มขอบข้างเครื่องเลยคือไม่มีปุ่ม Power ลดเสียงอะไร แต่มันจะเป็นปุ่มเสมือนและใช้แรงกดสัมผัสเอาตรงขอบเครื่องนั้นเองครับโหดมากๆ

ซึ่งมาดูกันใกล้ๆมันจะเป็นสัญลักษณ์บอกครับและเราก็ออกแรงกดไปตรงขอบๆนั้นแหละ หลักการทำงานมันก็เวลากดมันก็จะสั่นตอบแบบ Taptics ที่ใส่เข้ามาเสริมตรงนี้ทำให้เหมือนกดปุ่มจริงๆครับ คล้ายๆในรุ่น U12+ นั้นเอง

ในส่วนของขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็น รูหูฟัง 3.5มม. และ ส่วนของกล้องหน้าที่จะ PopUP ขึ้นมาและที่เห็นปุ่มข้างบนนั้นเป็นปุ่มจริงๆ ปุ่มพิเศษที่จะเป็นปุ่ม Power จริงๆเผื่อเวลาเครื่องมีปัญหากดข้างๆไม่ได้ก็สามารถใช้ปุ่มจริงๆด้านบนนี้ได้ครับ แต่ปกติไม่ต้องไปกดมันนะใช้เวลาจำเป็นเท่านั้นครับ และ มีไมค์ตัวที่ 3 สำหรับตัดเสียงมาให้อีกตัวครับ

ขอบเครื่องในด้านนี้ไม่มีอะไรพิเศษครับเรียบๆเลยจะเห็นว่าเครื่องขอบมันบางมากๆบางจริงเพราะจอมันลงมาสุดขอบเลยก็ว่าได้ครับทำให้เครื่องดูบางและสวยมากจริงๆ

ฝาหลังนั้นมีการออกแบบดีไซน์สวยงามและเรียบๆครับกล้องหลังวางตรงกลางวงกลม พร้อมกล้อง 3 ตัวแทรกอยู่ในวงกลมแบบ 3 เหลี่ยม และตรงกลางเขียนว่า 64MP รวมถึงไฟแฟลชแยกออกมาด้านล่างของวงกลม ถือว่าฝาหลังโค้งสวยงามและเล่นกับแสงสีได้สวยครับออกน้ำเงินเท่าๆหน่อยทำให้เจอแสงนั้นดูเรียบๆแต่สวยเหมือนกัน พร้อมกับเขียนชื่อรุ่นในด้านล่างครับ จะไม่มีเขียนว่า VIVO นะครับจะเป็นชื่อ NEX เลยนั้นเอง

กล้องหลังในรุ่นนี้จัดวางอยู่ในกรอบวงกลมพร้อมกับจัดวางทำมุม 3 เหลี่ยมในระยะเท่ากันครับโดยกล้องหลักนั้นให้มาที่ 64MP F1.8 พร้อมกับกล้อง เทเล 13MP และกล้องมุมกว้าง 13MP ในระยะมุมกว้าง 120 องศา และ ในเลนส์มุมกว้างนั้นรองรับระยะ มาโครโหดๆที่ 2 เซนติเมตรด้วยครับ ถือว่ามีระยะครอบคลุมพอสมควรและ มีเขียนและเล่นลวดลายในวงกลมนั้นทำให้ดูสวยและมีอะไรมากกว่าเดิมครับเป็นซี่ๆวงกลมล้อมรอบอีกครั้งทำให้ดูมีมิติลงไป

SPEC

  • หน้าจอ 6.89 นิ้ว Full HD+ AMOLED Waterfall Screen 60 Hz สัดส่วน 99.6% รองรับ HDR10 E3 Super SRGB ความสว่างสูงสุด 800NITS วัสดุกระจกจาก SCHOTT
  • Snapdragon 855 Plus  + Adreno 640 (700 MHz)
  • RAM 8GB
  • STORAGE 128GB แบบ UFS3.0
  • กล้องหลัง 3 ตัว 64MP F1.8 1/1.7″, 0.8µm, PDAF  + 13MP F2.2 (Wide 120° + Macro 2.5 cm) PDAF  + 13MP F2.5 (Tele) PDAF พร้อมเทคโนโลยี Hyper-HDR
  • กล้องหน้า ป๊อปอัพ 16MP F2.1 + LED Flash
  • แบตเตอรี่ 4,500 mAh (FlashCharge 22.5 w)
  • USB Type C
  • มีรูหูฟัง 3.5 mm // ชิปเสียง AK4377A Hi-Fi
  • Vapor Chamber Cooling System
  • ซิม Dual Nano ไม่รองรับการเพิ่ม MicroSD
  • ราคา : 24,999 บาท มารพ้อมสี Glowing Night 

PERFORMANCE 

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จัดเต็มคะแนนไปเกือบ 4 แสนเลยครับเพราะใช้งาน Snapdragon 855+ และทำงานร่วมกันกับ RAM 8 GB STORAGE 128 GB UFS 3.0 เลยทำให้การอ่านเขียนไปได้แรงมากก 1500 MB/s และ เขียนไปที่ 538 MB/s เลยทีเดียว และทำคะแนนในตัวแอพ Geekbench 761 / 2799 คะแนนครับ ส่วนทางด้านความปลอดภัย DRM L1 เป็นปกติเลยขอวพวกเรือธงหลายๆตัวก็ไม่มีปัญหาในเรื่องการใช้งานนี้ครับผม

SYSTEM UI

มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer ส่วนหน้าตานั้นดูเรียบง่ายขึ้นกว่ารุ่นเดิมครับดูทันสมัยขึ้น

และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ

ในด้านของคีย์บอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ Gboard แล้วนะ ส่วน RAM 8GB ใช้งานไป เหลือประมาณ 5.16 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128 GB เหลือให้ใช้ประมาณ 104 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้ แต่ใช้งาน UFS 3.0 ทำให้มันใช้งานได้ไวและลื่นไหลดีจริงๆครับ

การปรับเปลี่ยนธีมก็มีมาให้ครับ สามารถเปลี่ยนได้เยอะแยะเลยแต่หลักๆนั้นจะเป็นการเปลี่ยนหน้าตาของไอคอน และ พื้นหลัง หน้าจอล็อคซะส่วนใหญ่และแอปของทาง Vivo บางแอปที่หน้าตาจะเปลี่ยนตามครับ และก็สามารถเปลี่ยนฟอนต์อะไรได้ เปลี่ยนได้อาจจะไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก แต่ก็ปรับแต่งได้นิดหน่อยสำหรับใครที่เบื่อๆหน้าตาเดิมๆครับ  และในรุ่นนี้เนื่องจากปุ่มมันเป็นปุ่มหลอก ใช้งานระบบสัมผัสแรงกดจึงทำให้มันสามารถปรับตั้งค่าระดับความไวได้ครับ และ ยังมี JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่

ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้หน้าตาปรับเปลี่ยนใหม่เหมือนกับ iQOO เลยแหละ และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้ และ ยังมีฟีเจอร์การปรับแต่งแสงรอบเครื่องตรงขอบจอเวลาเล่นเพลง หรือมีคนโทรเข้ามาอะไรก็ทำงานได้สวยงามครับผมคล้ายๆไฟแจ้งเตือนนั้นเอง

สามารถโคลนแอพ ใช้งาน 2 หน้าจอหรือจะเป็นการส่งหน้าจอ อะไรได้ปกติเลยและ Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ เหมือนกับรุ่นอื่นๆครับผม 

SCREEN

ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีในแง่ของการออกแบบที่ทำให้ขอบข้างซ้ายและขวานั้นดูบางมากๆและโค้งลงไปเหมือนไม่มีขอบจอครับเป็นขอบหน้าจอที่โค้งเยอะที่สุดเท่าที่เคยลองมาเลยครับ และมันก็ไม่ได้ไปโดนขอบง่ายๆเพราะมันจะมี เซนเซอร์คอยตรวจจับว่าเราถืออยู่ไหมมันไม่ไม่ทำงานตรงขอบเครื่องนั้นเองครับถือว่าน่าสนใจมากในพวกฟีเจอร์นี้และระบบป้องกันที่คิดมาดีแล้วทำให้เวลาถือพิมพ์อะไรนั้นไม่ไปโดนขอบเลยครับสบายมาก และในเรื่องของหน้าจอนั้นจัดเต็มมาด้วย จอ 6.89 นิ้ว Full HD+ AMOLED Waterfall Screen 60 Hz สัดส่วน  99.6% รองรับ HDR10 E3 Super SRGB ความสว่างสูงสุด 800NITS วัสดุกระจกจาก SCHOTT ถือว่าสเปคดีครับและสู้แสงได้สบายเหมือนกันที่ 800NITS และจากที่ลองใช้งานกลางแจ้งนั้นสบายอยู่ครับไม่มีปัญหาเลย

ในเรื่องของมุมมองนั้นรองรับได้สบายไม่มีอาการดรอปของสีหรือภาพเท่าไรครับและยังรองรับได้สบายในการวางดูหนังหรือหรี่แสงเพิ่มแสงสุดได้ ใช้งานมืดๆและกลางคืนได้ไม่สว่างจ้าเกินไปครับ และการสัมผัสหน้าจอนั้นทำได้ไวและติดนิ้วพอสมควรและไม่เจออาการเอ๋อหรือไปโดนง่ายๆครับแม้จะถือใช้งานเพราะเค้าคิดเรื่องการป้องกันมาแล้วในส่วนของขอบหน้าจอทำให้เราสามารถจับได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหน้าจอและเลื่อนเองอะไรแบบนั้นเลยครับ เป็นหน้าจอที่สวยอยู่ในอันดับต้นๆแม้จะไม่ได้มีความถี่อะไรเยอะมากนักแต่ก็เรื่องของสีคุณภาพของตัวหน้าจอนั้นทำได้ประทับใจ

หน้าจอนั้นมี Effect เล่นกับเสียงเพลงอยู่นิดหน่อยเวลาเราเปิดเพลงและปิดหน้าจอไว้มันจะขึ้นเป็น กราฟเพลงขึ้นตามจังหวะเลงสวยงามทั้งขอบเครื่องทั้ง 2 ข้างครับจะสามารถปรับแนว Effect ได้ด้วย 3 แบบหลักๆครับก็เป็นลูกเล่นเล็กๆน้อยๆให้พอสนุกเวลาเปิดเพลงทั้งแอพของตัวเครื่องและแอพภายนอกรองรับทั้งหมดเลยครับในฟีเจอร์นี้

Touch Sense และมอเตอร์สั่น X-Axis Haptic การใช้งานปุ่มขอบข้างเครื่องที่เป็นปุ่มเสมือนนั้นเอาจริงๆถือว่าเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับพวก HTC U12+ แต่ก็พัฒนาขึ้นใส่เซนเซอร์มากขึ้นแต่ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีนะ สั่นตอบสนองได้ไวและนุ่มสั่นแบบผู้ดีมากๆ แต่เรื่องของความหน่วงของปุ่มนั้นยังมีบ้างถ้ากดรัวๆอาจจะยังไม่เหมือนปุ่มจริงๆและกดแอบยากไปพอสมควรในบางครั้งครับ

FINGERPRINT

การสแกนนิ้วนั้นรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอซึ่งค่ายนี้เป็นรุ่นแรกที่ใส่เข้ามาของโลกเลยนะแน่นอนว่าในเรื่องเทคโนโลยีนั้นค่ายนี้ไม่ผิดหวังสามารถสแกนนิ้วได้ไวและแม่นยำครับยังคงใช้งาน Optical แบบเดิมแต่มีการพัฒนาให้มันแม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆและไวมากขึ้นสามารถแตะแล้วสแกนนิ้วได้เลยไม่ต้องกดย้ำหรือลงน้ำหนักให้มันเยอะครับสามารถเปลี่ยน Effect ได้เช่นเดิมและใช้หลักการใช้งานแสงสว่างในการจำลายนิ้วมือครับ แต่ก็สแกนได้ไวและแม่น

SOUND 

ในเรื่องของเสียงนั้นรุ่นนี้ยังคงให้มาดีกว่าไม่ให้มาครับเพราะใช้งานชิพเสียง  AK4377A Hi-Fi แบบเดียวกันกับรุ่น X21 ก่อนหน้านี้เลยแน่นอนว่าค่ายนี้นั้นเป็นค่ายที่ยังคงเน้นเรื่องเสียงอยู่บ้างแม้หลังๆจะหายไปนานมากๆในหลายๆรุ่นครับแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ใส่มาให้ ในรุ่นนี้ก็ยังคงใส่มาให้อยู่ทำให้เสียงนั้นดีกว่าเรือธงบางรุ่นอยู่พอสมควร ต้องบอกว่าหลายๆค่ายไม่ได้เน้นเรื่องนี้เลย ใช้ชิพเสียงเดิมๆจากเครื่องจาก Cpu กันซะเยอะครับไม่ได้มีอะไรพิเศษ ทางด้านเสียงนั้นจากที่ลองที่ชัดๆเลยคือเรื่องของกำลังขับที่มากกว่ารุ่นอื่นๆแบบชัดเจน และเสียงนั้นจะเด่นมากขึ้นในเรื่องของเสียงเบสและมีความนุ่มอยู่พอสมควรครับแน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เน้นหรือเสียงแบบรายละเอียดจัดเต็มอะไรมากแต่ถ้าหากมองเทียบกับเรือธงของค่ายอื่นๆ ทำให้มันเป็นรุ่นที่เสียงดีอันดับต้นๆของบรรดาเรือธงที่ขายในไทยทั้งหมดเลย

ทางด้านหูฟังนั้นดีไซน์สวยงามและดูดี และที่ชอบมากๆคือเรื่องของน้ำหนักที่เบามากกก เบาจริงๆครับและใส่สบายและเล็กมาก ถือว่าเป็นทรงหูฟังที่ทำออกมาได้ดีและใส่สบายอีกรุ่นแต่เรื่องของเสียงนั้นธรรมดาครับเสียงจะออกเบสมานิดหน่อยนุ่มๆ เสียงแหลมมากำลังดีชัดเจนแต่ไม่บาดหูครับ แต่เวทีเสียงอะไรก็ทั่วไปไม่ได้เด่นครับใช้งานแก้ขัดได้ มีไมค์พร้อมปุ่มกดมาให้ในตัวหูฟัง และ ใช้งานรู 3.5มม.ปกติครับ ถือว่ายังดีที่ไม่ตัดรูหูฟังไปไหนในรุ่นนี้

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้ยังคงใช้งานลำโพงเดี่ยวอยู่ครับทำให้เสียงลำโพงนั้นอาจจะไม่ได้เด่นมากนักแต่ก็ไม่ได้แย่ถ้านับในลำโพงเดี่ยวด้วยกันครับลำโพงเสียงดังและออกไปทางแหลมชัดเจนครับเสียงไม่ได้มีมิติในย่ายเสียงต่ำเท่าไรแต่ก็พอฟังเพลงได้เสียงร้องชัดเจน แต่เสียงเวลาเล่นเกมอาจจะไม่ได้กระหึ่มมากนักในพวกเสียงระเบิดหรือยิงปืนนั้นไม่แน่นครับ แต่ถ้าในการฟังเพลง เสียงเรียกเข้าดูทั่วไปก็รองรับได้ในแง่ของเสียงชัดเจนและดังครับ แต่ถ้าเทียบลำโพงคู่ก็จะพบว่าด้อยกว่านิดหน่อยในเรื่องมิติเสียงและความกังวาลนั้นเอง จริงๆถ้ามาพร้อมลำโพงคู่น่าจะจบเลยแหละ

GPS

ทางด้านการนำทางในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon ก็ถือว่าสบายใจได้ระดับนึงครับในการทำงานนำทางทั้งหลายแน่นอนว่าเรือธงนั้นไม่ค่อยเจอปัญหากันเท่าไรที่ทดสอบกันมาแทบจะทำได้ดีทุกรุ่นอยู่แล้วครับจึงไม่ต้องกังลงอะไรมากเลยแหละ ในการทำงานได้ไวอัพเดทไว กลางแจ้ง ใต้ทางด่วนไม่เจออาการเอ๋ออะไรครับ จากที่ทดสอบนั้น จับได้  43 ดวง จากทั้งหมด 50 ดวง และ ใต้ที่ร่มใต้ทางด่วน จับได้ 26 ดวง ทั้งหมด  34ดวง ถือว่าทำได้โอเคมากๆ

BATTERY

การใช้งานแบตตัวนี้ให้แบตจัดเต็มมาที่ 4,500 mAh และรองรับการชาร์จไว (FlashCharge 22.5 w) จริงๆน่าเสียดายว่าไม่เอาแบบ 40w  มาไม่งั้นจะโหดสุดไปเลยครับแต่ในการชาร์จแบบนี้ก็ไวพอสมควรอยู่แล้วนะ จากที่ทดสอบนั้นเอาเรื่องของการใช้งานแบตกันก่อนทดสอบการใช้งานทั่วไปทั้งวัน นำทางเล่นเกม เปิดเพลงทั้งหมดและเปิด 4G BT เต็มที่ครับสามารถใช้งานได้ 14 ชั่วโมงโดยที่หน้าจอเปิด 5-6 ชั่วโมงถือว่าอึดระดับนึงเลยนะ และเล่นเกมไป 1 ชั่วโมงโดยประมาณเลยครับ ถือว่ารุ่นนี้จัดการแบตได้ดีมากๆอีกรุ่นนึงเลยทีเดียว

ส่วนในการชาร์จไฟเข้านั้นรองรับ FlashCharge 22.5 w ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จไวมากๆสามารถชาร์จได้เต็มภายใน 70 นาที และ 20 นาทีสามารถเติมแบตให้เราได้มากถึง 44% เลยครับถือว่าทำได้ไวและรักษาความร้อนได้ดีเหมือนกันนะ แต่จุดที่เสียดายสำหรับรุ่นนี้น่าจะเป็น ชาร์จไร้สายที่ไม่รองรับ และ ไม่ได้เอา 40W มาในไทยนั้นเอง

GAMING 

เรื่องของการเล่นเกมต้องบอกเลยครับว่าเป็นมือถือเรือธงอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับการเล่นเกมมากๆ หลังจากที่ได้ทดสอบปรับภาพกราฟฟิกสูงสุดทุกเกม ค่าเฟรมเรทดีมากๆ อุณหภูมิตัวเครื่องสูงสุดเท่าที่ทดสอบ ต่อเนื่อง สูงสุดประมาณ 41 องศา ส่วนเเบตเตอรี่หลังจากทดสอบ 30 นาที กินเเบตเตอรี่ไปประมาณ 9% ถือว่าค่อนข้างกินแบตเลยทีเดียว

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้มีชื่อของการออกแบบว่า  Luna Ring Camera System  ถือว่าเป็นตัวชูโรงในเรื่องของกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดตัวหลักที่ 64 ล้านพิกเซลมาพร้อมกับรูรับแสง F1.8 โดยใช้เซนเซอร์ของ  Samsung GW1 ซึ่งเป็นตัว 64 ล้านพิกเซลที่เปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆครับและในกล้องตัวรองก็ยังจัดเต็มที่ กล้องมุมกว้าง 120 องศามาพร้อมกับรูรับแสง F2.2 รองรับ มาโคร 2 เซนติเมตรและแน่นอนว่ามี PDAF ในเลนส์นี้ด้วย ส่วนกล้องตัวที่ 3 นั้นจะเป็นเลนส์เทเล 13 ล้านพิกเซล และรูรับแสง F2.5 และมี PDAF เช่นกันครับ แต่ที่น่าเสียดายมากๆคือรุ่นนี้ไม่มีกันสั่นมาให้เลยครับคือไม่มี OIS มาให้เลยทำให้การถ่ายกลางคืนหรือกันสั่นนั้นอาจจะไม่ได้โหดมากนัก แต่ในเรื่องของการถ่ายโหมดต่างๆนั้นถือว่าให้มาเยอะทั้ง Portrait และ ยังมี Hyper HDR ในการจัดการแสงย้อนแสงอะไรต่างๆทำให้มันสมจริงและสวยด้วยครับ และมี Super Night Mode 2.0 ใช้เวลาเพียง 2 – 3วินาที ไม่เกินนี้ทำให้ภาพนั้นสวยและไม่ต้องถือนานครับ จากที่ลองมาโหมดกลางคืนถือว่าทำได้ดีเลยแหละ

64MP CROP 

PORTRAIT 

NIGHTMODE 

SELFIES

กล้องหน้าตัวนี้ยังคงใช้งานดีไซน์แบบป็อปอัพกล้องหน้ามีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสง F2.1 อีกทั้งยังเป็นเรือธงไม่กี่ตัวที่ยังมีไฟแฟลชมาให้อีกด้วย แปบบไฟแฟลชจริงๆทำให้ถ่ายกลางคืน หรือ วีดีโอกลางคืนได้ดีมาก และในการถ่ายนั้นยังรองรับ Portrait และสามารถปรับพวก ผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับขาว ปรับรูปทรงหน้า, กราม, ตาโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปทรงจมูก, จมูกเรียว, จมูก, รูปปาก ได้แบบเยอะจนไม่ต้องไปเกาหลีเลยครับ ถือว่าเป็นค่ายที่ปรับแต่งได้เยอะมากๆอีกค่าย ทั้งรูปร่างและหน้าตาของคนถ่ายครับผม

VIDEO

ในด้านการถ่ายวีดีโอนั้นรองรับได้ค่อนข้างเยอะและหลากหลายสูงสุดคือ 4K 60FPS / 4K30FPS /FHD60FPS /FHD 30FPS และรองรับการถ่าย Slowmotion 240FPS FHD ครับอันนี้ยังไม่รองรับการถ่าย 960FPS นะครับแอบเสียดาย ส่วนเรื่องของวีดีโอนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีในแง่ของ คุณภาพ และ ความแม่นยำของสี แต่เรื่องของการกันสั่น หรือเสียงอาจจะยังไม่ได้โหดมากเท่าไรครับจากที่ได้ลองมานั้นชอบที่ไม่จำกัดเวลาตอนถ่าย และสามารถใช้งานถ่ายวีดีโอได้หลากหลายและรองรับได้ทั้ง 60FPS ทั้ง 2 ความละเอียด แต่เรื่องของกันสั่นนั้นทำงานได้ไม่ดีนักเพราะไม่มี OIS เลยทำให้จุดนี้อาจจะไม่ได้เด่นนั้นเองครับ ส่วนกล้องหน้าก็รองรับสูงสุด FHD เท่านั้น แต่ยังดีที่ไฟแฟลชมีมาให้ทำให้ถ่ายวีดีโอกล้องหน้ากลางคืนนั้นสว่างขึ้นเยอะสมควรครับ ไปรับชมตัวอย่างกันได้เลย

VIVO NEX 3 

” การกลับมาของเรือธงจาก VIVO หน้าจอเต็มขอบสุดขอบ กล้องหลังจัดว่าดี “

เป็นการกลับมาของเรือธงของค่ายนี้ที่ทำได้ดีทั้งเรื่องของดีไซน์ วัสดุที่เอามาใช้งานและงานประกอบที่เนียนมากๆ รวมถึงสเปคกล้องหลังและสเปคในภาพรวมครับ แต่จุดเด่นที่ทำให้ว้าวๆนั้นอาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็ใช้งานได้จริงทั้งเรื่องของ กล้องหลัง และ หน้าจอที่สวยและเต็มตาครับ ทางด้านสเปคนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าระดับนี้นั้นสามารถรองรับการทำงานโหดๆได้และใช้งานได้ไหลลื่น ส่วนแบตก็ทำได้อึดกว่าที่คิดไว้ด้วยความแรงระดับนี้ครับ แต่ก็มีหลายๆจุดที่เสียดายทั้งกันสั่นกล้องหลัง การชาร์จไร้สาย หรือจะเป็นการใช้งานหน้าจอขอบโค้งที่น่าจะมีประโยชน์หรือฟีเจอร์แทรกเข้ามากกว่านี้นั้นเองครับ

ข้อดี

  • วัสดุงานประกอบให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม
  • หน้าจอทำได้ดีและเต็มตาสุดขอบ
  • กล้องหลัง ทำได้ดีทั้งมุมกว้างและกล้องหลัก
  • กล้องหน้าคุณภาพดี ถ่ายได้สวย
  • ยังคงให้ชิฟเสียงแยกมาให้
  • ยังคงมี รู 3.5 มม.
  • มาพร้อม Snapdragon 855 Plus และ UFS 3.0
  • จัดการความร้อนได้ค่อนข้างดี
  • อายุแบตใช้งานได้ทั้งวันแบบสบายๆ

ข้อสังเกต 

  • ไม่มี OIS ในกล้องหลัง
  • ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
  • ปุ่ม Sense Touch ยังไม่ติดนิ้วเท่าไร

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ