HMS นั้นเป็นชื่อที่หลายๆคนนั้นน่าจะรู้จักกันอยู่แล้วแน่นอนว่ามีแต่ข่าวเรื่องนี้ตั้งแต่ทาง Huawei จะไม่ได้ใช้งาน Google Services หรือ GMS นั้นเอง ชื่อของ HMS หรือ Huawei Mobile Services นั้นก็ติดหูและหลายๆคนได้เริ่มรู้จักกันมากขึ้น แต่ครั้งนี้อาจจะเล่าในอีกแบบนึงเพราะว่าหลายๆคนยังคงเข้าใจแค่ว่ามันคือ ระบบตัวเสริมมาแทน Google แต่จริงๆมันมากกว่านั้น มันใหญ่ และ วางแผนไว้ใหญ่กว่านั้นมาก มันไม่ใช่แค่ในมือถือ แต่มันคือทุกๆอย่างรอบตัวเราได้เลย เพราะทาง Huawei นั้นวางแผน EcoSystem ของตัวเองแบบจัดเต็มยืนด้วยตัวเองโดยไม่อิงกับ Google ได้ แต่การพัฒนาและวางรากฐานนั้นต้องใช้เวลาพอสมควรแน่นอนครับ เราเลยจะมาขยายความตั้งใจของ Huawei และ วางแผนในอนาคต รวมถึง คำถามที่หลายๆคนอยากทราบกันครับ
Huawei นั้นต้องบอกว่าเค้าพร้อมอย่างมากที่จะพัฒนาระบบของเค้าเองรวมถึงมีรากฐานที่กำลังก่อสร้างอยู่แน่นอนว่าทำไมถึงกล้าบอกเลยว่าทางแบรนด์นั้นเค้าเตรียมพร้อมมาเยอะมาก และมาดูกันว่าทาง Huawei นั้นมีอะไรมาดึงดูดเหล่านักพัฒนากันแบบจริงจัง ซึ่งมันจะเป็นรากฐานของการพัฒนาแบบจริงจังมากๆเพราะเหล่าพัฒนานั้นจะเป็นคนที่ทำให้เราได้มีแอปมีอะไรใช้งานกันแบบแพร่หลายมากขึ้นและครอบคลุมมากขึ้นด้วย และ การมุ่งหน้าพัฒนา Ecosystem ที่ต้องบอกว่าพร้อมมากๆเพราะมีอุปกรณ์หลากหลายและรองรับจริงจังทั้งเรื่องของ AI 5G และ HMS ที่ในอนาคตนั้นต้องบอกว่าสามารถยืนได้โดยไม่ต้องพึ่ง Google ก็เป็นได้ มันมีอะไรน่าสนใจเรามาอ่านกันครับจากงาน Huawei Developer Day ที่สิงคโปร์ อาจจะลงลึกเรื่องของ สาย Dev กันเยอะนะครับ เลยจะยาวกันหน่อย ใครพร้อมก็ไปอ่านกันได้เลยว่าทำไม ถึงกล้าบอกว่า Huawei เค้าพร้อมอย่างมาก เพราะมันมีให้ทุกอย่างสำหรับนักพัฒนาจริงๆ ในตอนนี้ และ ในอนาคตนั้นจะมีรากฐานที่เยอะและใช้งานกันมากขึ้นได้แน่นอนครับ
แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้สายทาง Dev นั้นทางเราอาจจะขอสรุปกันไม่ยาวมากดังนี้ครับ ในงานนี้นั้นจะเป็นในเรื่องของ Ecosystem ที่ว่าทำไม HMS นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องนี้และพัฒนาได้ เพราะว่าถ้าหากให้ลงนึกกันดูครับ ว่าในตอนนี้นั้นเรามีอุปกรณ์หลากหลายอย่างที่เรามีทั้ง ลำโพงทีวี คอมพิวเตอร์ และอีกมากมาย ที่ซื้อมา แต่มันไม่สามารถเชื่อมกันได้แบบเนียนๆ แบบพวกค่ายเดียวกัน เพราะแน่นอนว่าแต่ละแบรนด์นั้นก็มีอะไรไม่ครบในสินค้าแต่ละชิ้น แต่ถ้าลองนึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เราสามารถใส่เข้าไปได้ในหลายอุปกรณ์ทั้ง ที่บ้าน ที่รถ นาฬิกาต่างๆ และทำให้มันสามารถคุยกันภาษาเดียวกันได้ การเชื่อมต่อลื่นไหล ซิงค์กันหมด มันจะดีขนาดไหน เพราะว่า Huawei Mobile Service นั้นไม่ได้มองแค่เรื่องของในมือถือ แต่รวมไปถึงการเชื่อมต่อทั้งหมด ทุกอย่างที่เรามี ทำให้มันคุยภาษาเดียวกันได้ และ เชื่อมต่อกันได้แบบไหลลื่น ไม่ว่าจะเป็น มือถือ กล้อง การโอนรูป การซิงค์ คอมมันจะง่ายไปหมด รวมถึงบนรถยนต์เป็นต้นครับ เพราะมันเหมือนมีตัวที่สามารถคุยกันได้เลยว่าจะซิงค์กันยังไง
ลองนึกถึงว่า ถ้าเราซื้ออุปกรณ์มาแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นยี่ห้อเดียวกัน พอเอามาใช้งาน คุยกันไม่ได้ ซิงค์ไม่ได้บ้างโอนรูปไม่ผ่าน นั้นแหละคือจุดที่ลำบาก และทำให้หลายๆคนนั้นไม่ชอบสินค้า อุปกรณ์ชิ้นนั้นๆได้เลย แต่ถ้าเราได้ใช้ Huawei Mobile Service นั้นมันจะเหมือนเราสามารถคุยกันได้หมด ถ้าอยากส่งรูปจากกล้อง มามือถือ ง่ายๆเลยคือแค่กดแชร์จากกล้องมาลงมือถือ Huawei แค่นั้นมันก็สามารถเอารูปได้โดยที่ไม่ต้อง เชื่อมต่อแอป Wifi อะไรให้ยุ่งยาก คือแค่กดปุ่มเดียวรูปมาบนมือถือเลย . ลองนึกว่าถ้ามันสามารถใช้งานได้ทุกกล้องบนโลกนี้และทุกอย่างในบ้านเรานั้นคุยกันแบบนี้ได้เลย ไม่ต้องหาแอปหลากหลายแอปมาใช้งาน หรือ ซิงค์กล้องกันหลายตัว ไม่ต้องมีแอปเฉพาะของแต่ละแบรนด์มันจะสะดวกแค่ไหน และนี่คือความตั้งใจ้ของ Huawei ที่จะพยายามดัน Ecosystem ของตัวเอง หรือ ถ้าสาวก iOS ก็พูดกันคล้ายๆกันเลยคือเหมือนมี Airdrop กับทุกสินค้าที่เราใช้งานนั้นเองครับ หลักการคล้ายๆกันเลย มันจึงเป็นจุดที่น่าสนใจเพราะทาง Huawei จะพยายามดันไปสู่ Ecosystem ที่ใหญ่มากๆเลยแหละ
หรือจะเป็นการที่ลองนึกถึงว่าเรามีกล้องที่บ้าน กล้องที่ทีวี หรือจะเป็นกล้องหน้ารถ กล้องบนนาฬิกา ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมดแบบไร้ความหน่วงที่สามารถเลือกถ่ายกล้องได้เช่น บนมือถือเราถ่ายรูป จะมีกล้องหน้าหลัง แต่ถ้าเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอากล้องที่ 3 และกดถ่ายบนมือถือ และเราเลือกว่าเราอยากจะใช้กล้องใหญ่ถ่าย ใช้กล้อง บนทีวีถ่ายโดยที่เราไม่ต้องไปเชื่อมต่ออะไรยุ่งยากและสามารถกดถ่ายได้เลยนั้นเอง นั้นแหละคือการที่พัฒนา HMS พร้อมกับทำงานด้วย AI และ 5G มันเลยไม่ใช่แค่ระบบ บนมือถือแล้วแต่มันคือทุกอย่างในรอบตัวเราถ้าทาง Huawei นั้นทำได้และรองรับได้ครบทั้งหมดครับ มันจะเป็นโครงข่าย Ecosystem ของ Huawei ที่ใหญ่มากๆ
และการพัฒนาที่รองรับได้จริงๆคือทาง Huawei นั้นมีพร้อมสำหรับนักพัฒนาทั้งเรื่องของข้อมูล ความสะดวกสบายความต้องการนั้นมีมาให้ครบทั้งตัว Kit ที่มีครบทั้ง Maps ทั้ง ความปลอดภัยอีกเยอะเลยคือพยายามดึงนักพัฒนามาแบบเต็มที่แบบไม่ต้องเสียตัง และได้ประโยชน์สูงสุดนั้นเองส่วนคำถามที่ถามไปกับทาง Huawei นั้นเองได้ลองถามสั้นๆ เลยมาสรุปให้ฟังกันครับ
++ สรุปประเด็น 5 คำถามกับทาง HUAWEI ในอนาคต ? ++
- คำถาม :: แล้วทาง Huawei มีตัววัดอะไรว่า HMS ที่ทำออกมานั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ ?
คำตอบ :: Huawei มี list อยู่ว่าตัวไหนมาลงนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ เช่นมีพวก Top 100 มาลงซัก 80 แอป ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้แล้วนั้นเอง - คำถาม :: App Gallary จะโปรโมทยังไง มีแผนการตลาดยังไงบ้าง ?
คำตอบ :: อนาคตนั้นเอง HUAWEI ID อาจจะมี Benefit ในการเก็บพื้นที่ ของข้อมูลที่ใช้งานได้เหมือนพวก Drive หรือจะเป็น การสะสมคะแนนในชื่อ HUAWEI Point เป็นต้นและจะมีในปลายปีนี้โดยประมาณ - คำถาม :: ในไทย Huawei Mate 30 Pro Feedback เป็นยังไง ?
คำตอบ :: ยอดขายดีกว่าที่คาดไว้ แต่อาจจะยังมีfeedbackจากลูกค้ามาบ้าง ซึ่งเราก็เก็บข้อเสนอแนะต่างๆมาพิจารณาเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม - คำถาม :: ถ้า GMS กลับมาใช้ได้ HUAWEI จะทำยังไงหรือเน้นอะไร ?
คำตอบ :: ถ้า GMS กลับมาก็ถือว่าเป็นทางเลือก และ ได้ใช้ทั้งคู่ แต่ระบบนั้นจะยังคงเน้นไปที่ Android เป็นหลักไปก่อนล้วนๆเลยครับ และ ยังไม่มีแผนของระบบของตัวเองเอามาใช้งานบนมือถือ - คำถาม :: สำหรับในปีหน้าจะเป็นยังไงพร้อมเปิดตัว สินค้า มือถือ รุ่นอื่นๆเหมือนทุกปีไหม ?
คำตอบ :: ทางเรายืนยันว่าจะ เปิดตัว Huawei P40 Series แน่นอนเปิดตัวแน่ๆตามแผนเดิมเหมือนทุกปีพร้อมพวก Nova ก็ยังมีเหมือนเดิมครับ แต่เรื่อง HMS GMS ยังไม่ยืนยันว่าจะมาแบบไหนรอดูกันไปครับ (แอบยืนยันชื่อรุ่นต่อไปด้วยแบบเกือบทางการครับ ว่า P40 เป็นชื่อรุ่นต่อไป)
Huawei Mobile Services
Huawei นั้นยังคงเป็นอันดับต้นๆในเรื่องของการขายหรือไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของ PC TABLET SmartAudio Wearable ทั้งหลายนั้นยอดขายก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทางด้าน Market Share ที่ทำได้เป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ รวมถึงยอดขาย 200 Millions Units ในปีนี้นับจนถึงวันที่ 22 ตุลาคม ปีนี้ล่าสุดที่ได้สำรวจ
ซึ่งก็ได้ความช่วยเหลือจากทั้งฝั่ง Dev ที่เข้ามาร่วมพัฒนาและช่วยในการพัฒนาและส่งผลในเรื่องของยอดขายอีกด้วย และการทำงานร่วมกับ HMS และได้พัฒนาแอปต่างๆก็มีมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ และฝั่ง Dev ก็ได้พัฒนาเข้าร่วมกับทางเรามากขึ้น เมื่อนับเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งการพัฒนา HMS หลักๆนั้นจะเป็นการที่เราจะสื่อสารระหว่างอุปรณ์ของเราได้ทั้งหมดเป็น ECOSYSTEM ที่สามารถสื่อสารกันได้เป็นจุดมุ่งหมายหลัก และทำให้มันทำงานได้ราบลื่นขึ้น และ HMS CORE นั้นจะมาช่วยในจุดนี้ รวมถึงตัว App Gallery นั้นได้เปิดตัวไปปีที่แล้วก็มีอัตราการเพิ่มขึ้นของแอปเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน เป็นแอปที่เอามาลงในพื้นฐานของ HMS CORE แทนใช้ GMS นั้นเองครับ
ซึ่งตัว Huawei Mobile Service นั้นจะเป็นการเชื่อมต่อกับทั้ง ผู้ใช้งาน ไปยัง HMS CORE และ ทำงานร่วมกันกับฝั่ง Dev ที่จะช่วยพัฒนาทำให้สามารถตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น ทางด้าน App Gallery นั้นถือว่าเป็น Store ที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก ทั้งเรื่องของการ โหลด หรือ ใช้งานในทั้งในและนอกประเทศจีน ทั้งนี้ยังมีการใส่ ฟีเจอร์ Quick App เข้ามาเนื่องจากเป็นแอพที่ฟรีและไม่ต้องลงโหลดอะไร สามารถใช้งาน Cross Device ได้เลย รวมถึง HMS นั้นยังมี Contents ระดับโลกต่างๆที่จะเข้ามาเสริมในเรื่องของ Videos หนังต่างๆ มั้งจากค่ายดังๆของต่างประเทศ ทางด้าน Music นั้นก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ในทุกๆประเทศ ทั้งจากศิลปินดังๆมากมาย และ ตอบโจทย์คนหลายเจนได้
Huawei Ability Gallery นั้นจะเป็นตัว Assistants ที่ทำงานร่วมกันกับระบบ ซึ่งจะมาในเดือนธันวาคมปีนี้ Huawei Assistants นั้นจะทำงานร่วมกับ Cloud Based กับ HMS Ecosystem และ ทางด้าน Dev นั้นจะมีมากถึง 997 APIs และ 55 Open service ในการตอบโจทย์การพัฒนา และทางด้าน Bussiness นั้นจะมีตัว Kits Tool ที่ตอบโจทย์ทั้งหลายด้วยเช่นกัน ซึ่งในการพัฒนานั้นทาง Huawei ก็มีการ Supportเต็มที่ในการทำงานทั้งการช่วยเหลือ Technical Support
ในด้านของ Huawei Developer day นั้นจัดงานร่วมกันกับ 29 ประเทศหลากหลายมากมาย เพื่อที่จะเข้าถึงและได้ประโยชน์สูงสุดในหลายๆโซน รวมถึงมีโปรแกรม ที่จะได้รับรางวัล 1 Billion ในการพัฒนาด้วยเช่นกัน รวมถึงมีการช่วยเหลือ นักพัฒนาในช่วงเริ่มต้นทั้งการใช้งานพัฒนา เข้าถึงอะไรต่างๆได้ และตัวแอปนั้นจะมีเพิ่มเข้ามาเร็วๆนี้ทั้ง Cloud และตัวอื่นๆ และเป็นการชวนหลายๆคนเข้ามาร่วมกับทาง HMS Dev ในการพัฒนาแอปในการใช้งาน รวมถึงมีสิทธิพิเศษและการใช้งานที่เข้าถึงง่าย และ โปรแกรมช่วยเหลือ สนับสนุนเยอะมากๆในช่วงนี้เพื่อที่จะดึงเหล่า Dev ในการทำงานร่วมกันและช่วยกันพัฒนา HMS APP นั้นเองครับ
HMS นั้นหลักๆเด่นๆเลยคือจะเป็น 3 F คือ ใช้งานได้ เร็ว และ ฟรี ในการเริ่มต้นซึ่งจุดเด่นๆของมันคือ เข้าถึงได้หลากหลาย ผู้ใช้งานทั่วโลก ฟรี และ ผลตอบแทนดี รวมถึง One Stop และ Local Support ในประเทศนั้นๆ และมีขั้นตอน 5 ขั้นง่ายๆในการพัฒนาและลงสู่แอป App Gallery ซึ่งในตอนนี้ก็มีหลายๆแอปที่เข้ามาร่วมและได้ผลตอบรับที่ดีและได้เรทที่ค่อนข้างดีด้วยเช่นกันครับ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นแอปจีนหลักๆเลยนั้นเอง
HMS สำหรับคนใช้งานนั้นจะเป็นเรื่องของคุณภาพของระบบ และ Contents และทางด้าน นักพัฒนา นั้นจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพแต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย และ เข้าถึงได้รวดเร็วในเรื่องของ Kit ต่างๆทั้งหลากหลายส่วน และในสิ้นปีนี้จะเป็น KIT 4.0.0 ที่จะมีตัวเสริมเข้ามาอีกมากมายจากตัวก่อนหน้า และเมื่อเทียบอัตราการเติบโตนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างสูงขึ้นแบบเห็นได้ชัด และ ตัว Huawei ID ได้พัฒนาเข้าได้ง่ายและปลอดภัย รวมถึงคนที่ใช้งานนั้นก็หลากหลายและเยอะขึ้นเรื่อยๆเช่นกันครับ จะเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งานมากขึ้น
Location kit นั้นจะเป็น การทำงานหาตำแหน่งที่ทำได้แม่นยำและมีการเข้าถึงที่ดีกว่าเดิมทั้ง Offline online และ ในตัว Map kit นั้นก็มีการคลอบคลุมในเกือบทุกประเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆ และ มีการใช้ฟีเจอร์ ฟังก์ชันเข้ามาในส่วนของการพัฒนาเขียนแอพที่ง่ายและ สะดวกขึ้นไปอีกจะเห็นได้ว่ามีการ วางวงกลมอะไรได้เลย ใส่ รูปลักษณ์ ปักหมุดอะไรได้ และตัวแอปก็ครอบคลุมประเทศในหลายๆที่แล้ว ซึ่งตัว Maps Kits ก็มีการใช้งานจริงๆแล้วใน 2 แอปที่บอกไปข้างบนครับ
ในตัว in app purchase นั้นจะเป็นการจ่ายเงินในแอปก็มีการเข้าถึงหลากหลายประเทศมากกว่าเดิมเช่นกันครับ และ มีฟีเจอร์ในการติดตาม Subscribe ที่หลากหลายในการเลือกใช้งาน เข้าถึงได้ง่ายในการเอาไปใช้ในตัวแอปและพัฒนาใส่ของแอป และตั้งค่าต่างๆในความต้องการของแต่ละคน Ads Kit นั้นจะใช้งาน OAID ในการทำงานทั้งเรื่องของ การใช้งาน การเก็บข้อมูล และ การรองรับเพราะ Huawei ทุกรุ่นรองรับระบบนี้ และมีหลากหลายแอปในตอนนี้ที่ใช้งานและ มีการใช้งานร่วมกันกับแหล่งใหญ่ๆครับ ถือว่าน่าสนใจเพราะทาง Huawei เองมี Ads Kit ซึ่งเก็บข้อมูลได้ค่อนข้างดีด้วยเช่นกัน และ ทำงานร่วมกันกับ Adjust ที่จะเป็นแหล่งการเก็บข้อมูล 3rd Party
INTERGRATING HMS CORE
ซึ่งเวลาในการพัฒนาแอปจริงๆนั้น ก็มีขั้นตอนไม่เยอะและใช้งานได้ในไม่กี่วันที่จะปล่อยตัวและเอามาทำงาน ซึ่งเป็นขั้นตอน 5 ขั้นตอนง่ายๆเพราะทาง Huawei นั้นจะพยายามให้เข้าถึงได้ง่ายและเร็วในการพัฒนาและอัพลง ทำให้นักพัฒนาหลายๆคนนั้นเข้าร่วมกัน ในตัวของ Based Core นั้นก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านตัว Dev Kit
ทางด้าน Mobile Marketing นั้นจะมาอัปเดตกันหน่อยในเรื่องของการตลาดมือถือของเรานั้น จะเน้นไปทางเรื่องของ เรียบง่าย สนุก ปลอดภัย และ ฉลลาดขึ้น มีพนักงานมากกว่า 400 คน และ มีการพัฒนาร่วมกันกับ พาร์ทเนอร์หลากหลายบริษัทมากมายซึ่งในตัว Trends ในปีนี้นั้นจะเห็นได้ชัดเลยว่าจะเป็น ความปลอดภัย หลักๆและให้ความมั่นใจ ในเรื่องของการพัฒนาก็มีการคิด Campaign ใหม่ๆท้าทายกันเรื่อยๆที่ทำงานร่วมกับ พาร์ทเนอร์ ในหลายๆบริษัทอาจจะเป็นห่วงเรื่องของคุณภาพของตัว Data นั้นจะเป็นการทำงานของ AOIS Open Advertising ID ที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้ทั้งคุณภาพและความแน่นอนของตัวข้อมูล ที่ทำให้มั่นใจได้ในทั้งเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก ในการทำงานก็มีขั้นตอนไม่เยอะ เมื่อ คนใช้งานคลิก โฆษณา นั้นก็จะพาไป แอป พาไปลงแอป เปิดแอป ก็จะลงทะเบียน และเชื่อมเข้ากับ AOID ของแต่ละคนไปเป็นข้อมูลที่ใช้งานได้ และ ไม่มีพวก Spamอะไรเข้ามากวน หรือเราเรียกกันว่า Ad Fraud ซึ่งในตัว Ad fraud นั้นจะเป็นการ ป้องกันเวลาจะพยายามเข้ามาแทรกแซงหรือจะเป็นการดึงยอดต่างๆซึ่งทางนี้เองก็มีระบบเข้ามาช่วยและป้องกันได้ และ แน่นอนว่าเป็นการป้องกันที่ส่งผลดีกับนักพัฒนาแอปที่รายได้นั้นอาจจะหายไปค่อนข้างเยอะมากถึง 20% กันได้เลยไปกับพวก Ad Fraud นั้นเอง
APP Gallery นั้นมีมากกว่า 15 ล้าน แอปรอบโลกครับซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยเช่นกันเป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งเมื่อดูข้อมูลแล้วนั้นจะเห็นได้ชัดว่าผู้ใช้งานนั้นโหลดแอปมามากมาย แต่จริงๆแล้วนั้นใช้แค่ 9 แอปเท่านั้นในการใช้งานประจำวันหรือทุกวัน บางคนมีหลากหลายแอปเยอะแยะแต่อาจจะใช้งานจริงๆไม่มากเท่าไร ในตัว App Gallery นั้นมาพร้อมกับมือถือทุกเครื่อง และ รองรับการใช้งานได้ครอบคลุม อีกทั้งยังรองรับทั้งหลาย Platform ของหลายๆอุปกรณ์ด้วยเช่นกัน แลมีการขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมหลากหลายประเทศมากขึ้น และ มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ในการเข้ามาใช้งานในตัว App Gallery แต่เหมือนกับมันก็ยังไม่พอเท่าไร แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่ยอดเข้ามาแต่มันเป็นการนำเสนอแอปที่หลากหลาย เมื่อคนเข้ามาใช้งานทั้งแบบ แนะนำแอป Popular Splash Screen หรือจะเป็น Banner รวมถึง Feature ก็จะขึ้นมาให้โหลดกันแตกต่างกันไปครับ ส่วนใน 3 อันแรกนั้นจะเป็นส่วนที่พิเศษในตัว App Gallery ที่มีทีนี้เท่านั้น รวมถึงมีการโปรโมท เพิ่มเข้ามาทั้งเรื่องแบบ ของขวัญ แคมเปญต่างๆ หรือจะเป็นการ์ดแนะนำครับ รวมถึงการค้นหาที่จะแนะนำแอปขึ้นมาด้วย ว่าอันไหนหามากที่สุด หาแบบด่วน และ ผลลัพธ์ทั้งหมด ซึ่งจะมีการจ่ายเงินเพื่อที่จะโปรโมทแอปนั้นๆจะคิดตาม CPD เช่นตัวแอป Trip นั้นมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 30,000 เลยทีเดียวจากฟีเจอร์นั้น และ จากยอด Pay per Download และ In App Purchase ก็มีส่วนเข้ามาช่วยในจุดนี้ด้วย มีหลากหลายแอปที่เข้าร่วม แคปเปญ และช่วยดึงยอดได้เยอะมากๆ ในไม่กี่เดือนและเป็นช่วงๆที่เติบโตมากขึ้นหลายเท่าตัว
ในตัว Quick App นั้นจะเป็น แอปที่สามารถแตะเพื่อใช้งานได้เลยไม่ต้องลงอะไรเยอะครับ เป็นการช่วยลดพื้นที่ เช่นเมื่อเทียบกับ128GB ลงแอปปกติได้ 2,000 Android App แต่ถ้าเป็น Quick App นั้นจะได้มากกว่า 200,000 เลยทีเดียว ไม่กินพื้นที่ เข้าถึงได้ทุกอุปกรณ์ และ รวมถึง ลดเวลาในการพัฒนาแอปให้ไวขึ้น Huawei App Gallery Connect นั้นสามารถเข้าถึง นักพัฒนา และ ครอบคลุมเยอะขึ้นรวมถึงผู้ใช้งาน ทำให้สามารถใช้ One Step Life Circle เอามาพัฒนาได้เลยไม่ต้องไปหลากหลายขั้นตอน และรวมถึงสามารถเข้าถึงทุกบริการในการพัฒนาได้ง่ายขึ้น และในการพัฒนาเข้าถึงนั้นจะพยายามลดขั้นตอนให้มากที่สุด จาก นักพัฒนาไปยังผู้ใช้งาน และในตัว App นั้นจะเป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้สามารถพัฒนาและอัปเดตอะไรได้ไวขึ้น ในการพัฒนาแอปและนำเข้าสู่ Gallery ครับ อีกทั้งยังมีการรองรับการซัพพอร์ตเช่นกันแบบครบวงจรทั้งหมด
APP GALLERY Connect นั้นจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการลดเวลา นำเงินในการพัฒนาแอปได้ เป็นวงจรที่สามารถเข้าถึงได้ในทีเดียวและเอามาพัฒนาต่อได้ทั้งเรื่องการปฏิบัติ การซัพพอร์ต และรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ในการดึงคนเข้ามาในส่วนของ App Gallery นั้นจะเป็นส่วนสำคัญเพราะว่าในเรื่องของการมี AI นั้นเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้เยอะมากๆ สามารถเข้าใจคนใช้ และ พัฒนาเพื่อคนนั้นๆได้จริงๆ ซึ่งจุดนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของ App Galley เพราะว่าจะมันจะดึงผู้คนเข้ามาได้และมีนักพัฒนาเข้ามาพัฒนาลงแอปมากขึ้น เช่นเวลาไปเที่ยว ก็จะสามารถแนะนำที่พักและกดจองครบเลยในแอป รวมถึง แปลภาษาอะไรให้มากมาย การจองรถรถยนต์ การรายงานผลบอล ต่างๆซึ่งจะศึกษาแล้วแต่ผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีส่วน Instant Access และ Smart Care แต่ละส่วนแยกกันไปครับ อีกทั้งยังมีในส่วน Global Search เข้ามา และมี Hi Voice ในการใช้คำสั่งเสียงพูดคุยสอบถามครับ และ AI Lens ในการใช้งาน หาข้อมูล แปลภาษา ซื้อขาย
และในตัวระบบนี้นั้นจะพัฒนาไปใช้กับหลายๆอุปกรณ์ได้เลยในพื้นฐานของมันที่สามารถเข้าถึงได้ทุกระบบเลยของทาง Huawei ที่เป็น HMS ทั้งหมด และ มันสามารถซิงค์กันได้หมดทั้ง มือถือ คอม นาฬิกา ทีวี ครับ ซึ่งเป็นข้อดีของระบบนี้ และการใช้งาน HMS ทั้งหมด และในการแนะนำแต่ละแอปก็สามารถ Deep Link ไปแอปเพื่อจองหรืออะไรเป็นต้นได้ครับ ทั้งยังมีพวก Cards และ ข้อมูลที่เข้ามาเสริม ในส่วนของ IDE ในการพัฒนานั้นจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการ ทดสอบ การสร้าง Card และ ทดสอบ upload Debug ต่างๆ อีกทั้งยังมี Huawei Ability Test ให้ทดสอบกันจริงๆ อีกทีครับ และ ยังช่วยในการลด รายจ่ายในการพัฒนา แก้ไขต่างๆด้วย และสำหรับ นักพัฒนานั้นจะช่วยให้มีการโหลดที่เข้าถึงง่าย เพิ่มมากขึ้นในการค้นหาและเข้าถึง และ มีบริษัทใหญ่ๆหลายที่ที่เข้ามาในส่วนนี้และเข้าถึงแบบ Global มากขึ้นกว่าเดิม
5G ! พื้นฐาน สำหรับอนาคต ไม่ใช่แค่เร็วแรงขึ้น แต่มันคือทุกสิ่ง
แน่นอนว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาและเข้ามาใกล้เรื่อยๆครับ และมันจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและใช้งานได้แบบชัดเจนยิ่งขึ้น มันจะมี 3 ช่วงหลักๆในการพัฒนาการสื่อสารเครือข่ายเช่น 1G 3G 5G ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ต่างๆมากกว่าการสื่อสารไปแล้วและในการพัฒนานั้นจะเป็นการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น นิ่งขึ้น และแน่นอนว่าเรื่องความแรงก็มากขึ้นเช่นกัน และการเชื่อมต่อหลายๆอุปกรณ์พร้อมกัน และในเฟสแรกนั้นจะเป็นในส่วนของการพัฒนาเพื่อ ระบบเครือข่ายมือถือ ที่จะเชื่อมต่อที่ไวขึ้น และ แรงขึ้น
ส่วนในเฟส 2 นั้นจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์มากขึ้น และ ในประเทศไทยนั้นก็อยู่ในการใช้งานและพัฒนาแล้วในปี 2019 ที่ 700Mhz นั้นเองครับตามแผนการ และในบรรดามือถือหลายๆค่ายก็เริ่มพัฒนาและใช้งาน 5G ที่รองรับกับมากขึ้น รวมถึง ชิพเซ็ตหลายๆค่าย และ แน่นอน network Device เช่นกันครับ และในส่วนของการใช้งาน 5G ก็ยังมีส่วนในการพัฒนา เชื่อมต่อแบบ All Thing Connect ทำให้ทุกอย่ามันสื่อสารกันได้ และยังช่วยในการประมวลผล. AI ในหลายๆอุปกรณ์ได้ด้วยครับ เพราะทุกๆอย่างในยุคนี้ล้วนเชื่อมต่อการ ทั้ง รถยนต์ ขับเอง หรือจะเป็นการส่งของ AI รวมถึง หุ่นยนต์ ต่างๆและ ทุกอย่างล้วนเชื่อมต่อกันไปหมด ทำให้การพัฒนาและข้อมูลต่างๆนั้นสามารถเอามาประมวลผล และ พัฒนาได้แบบไม่มีสิ้นสุดครับ
ทางด้าน Huawei เองนั้นได้มีการลุย 5G ออกมาเยอะมากครบเครื่องทุกอุปกรณ์แล้วทั้งเรื่องของ มือถือ ชิป VR Matebook X และยังรวมถึง อุปกรณ์อื่นๆที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้เยอะและครอบคลุมอย่างมาก ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับพวก AI Cloud ของตัวเองที่ได้พัฒนาและส่งต่อข้อมูลระหว่างกันและประมวลผลได้ผ่าน เครือข่าย 5G ทั้งหมดครับ
HUAWEI ECOSYSTEM มาพร้อมกับ HUAWEI MOBILE SERVICES
ก็ถือว่าเป็นข้อมูลแบบจัดเต็มสำหรับงานในครั้งนี้ที่ต้องบอกว่าสาย Dev น่าจะถูกใจอย่างมากเหมือนคุณมีทุกอย่างพร้อมให้แล้ว เหลือแค่เข้ามาร่วมกับเราเพราะทาง Huawei เองนั้นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือทั้งเรื่อง เงิน เวลา และ Source ทั้งหมดมีให้พร้อม ระบบที่ทำงานได้ไว Approve ได้ไว ขั้นต้อนน้อยจริงๆครับถือว่าเป็นก้าวสำคัญและการเริ่มต้นแบบจริงจังในการยืนด้วยตัวเอง การพัฒนา ECO System ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งอะไรจากข้างนอกเยอะครับ แน่นอนว่าในตอนนี้พูดกันตรงๆว่าแอปยังไม่เยอะ และเน้นไปทางจีนมากๆ ยังไม่ Global มากนัก แต่ว่าเมื่อประกาศแบบจัดเต็มแบบนี้ รองรับแบบเต็มที่แบบนี้แน่นอนว่าอนาคตไม่แน่ครับ อาจจะมี Platform ของตัวเองที่มี Ecosystem แบบจัดเต็มและทำงานได้อย่างไหล่ลื่นตอนนั้นต้องบอกเลยว่า Huawei จะทำอะไรได้หลายๆอย่างเลยแหละในการพัฒนา ไม่ใช่แค่มือถือ แต่เป็นโครงข่ายของตัวเองทั้งหมดครับ และ ต้องขอขอบคุณ Huaweiที่เชิญไปรับฟังข้อมูล และ รอดูกันว่าอนาคตนั้นจะเป็นยังไง HMS จะเดินหน้าไปได้ไหมและสำเร็จไหมครับ
บทความโดย Nineztr