Zenbook Duo นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาเปิดตัวมาพร้อมกันกับตัว Pro แต่ออกมาเพื่อราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น สเปคลดลง และพกพาได้ดีกว่าเดิมเหมาะสำหรับคนเริ่มต้นที่ไม่ได้เน้นสเปคโหดอะไรมากแต่หาเครื่องที่ใช้งานทั่วไป แต่ทำงานได้หลากหลายครอบคลุมพร้อมกับได้สัมผัสหน้าจอที่ 2 แบบเดียวกับรุ่น Zenbook Pro Duo นั้นเองครับเอาจริงๆแล้วยังแอบชอบความเล็ก พกพาง่ายของรุ่นนี้มากกว่าตัว Pro ด้วยซ้ำไป สเปคใช้งานได้สบายๆ ตัดต่อแต่งภาพพื้นฐาน และ หน้าจออะไรก็ทำได้ดีเลยแหละ รองรับปากกาอะไรเหมือนกันด้วย รวมถึงงานประกอบที่ดีเช่นกัน
ASUS ZENBOOK DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน i5-10210U พร้อมด้วย NVIDIA® MX250 และใช้งาน RAM 16GB DDR3L และ 512GB PCIe G3X4 SSD หน้าจอหลักนั้นใช้งานหน้าจอ 14 นิ้วในความละเอียด FHD พร้อมกับ 60Hz เป็นหน้าจอแบบด้าน Anti-Glare Panel พร้อมกับ 72% NTSC รองรับมุมมองกว้าง 178° และในส่วนของ หน้าจอที่ 2 นั้น 14” เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องส่วนทางด้านการออกแบบฟีเจอร์ในภาพรวมนั้นไม่ได้แตกต่างกับตัว Pro มากนัก รวมถึงการรองรับ MIL-STD810G พวกนี้ด้วยเรียกได้ว่าคุณภาพมาครบในขนาดที่เล็กลงและการพกพาที่ดีขึ้น แต่ก็สเปคลดลงไปด้วย
- Windows 10/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 34,990 บาท รุ่นที่รีวิว**
- Windows 10/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 44,990 บาท
UNBOX
ตัวกล่องนั้นจะแตกต่างกับรุ่น Pro และ ของที่ให้น้อยกว่าเล็กน้อยครับซึ่งข้างในจะไม่มีกล่องแยก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา แต่จะไม่มีที่รองมือมาให้แบบรุ่น Pro ครับ ส่วนของการออกแบบกล่องยังไม่ต่างกันมาก
- ตัวเครื่อง Asus Zenbook Duo
- ปากกา ASUS Pen
- สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W
- ซองหนังสำหรับใส่ คอมพิวเตอร์
- คู่มือ
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่ารุ่น Pro เลยทำให้มันพกพาอะไรได้ง่ายขึ้น และบางเบาขึ้นครับ รวมถึงในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้ และด้วยขนาดเล็กลงทำให้มันเหมาะกว่าการใช้งานทั่วไปพกพาได้ดีกว่ารุ่น Pro
ในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัสดีไซน์รวมๆนั้นจะไม่ต่างกับตัว Pro มากครับ
ในด้านหลังของเครื่องนั้นจะเห็นเลยว่าเป็นช่องระบายอากาศด้านหลังอาจจะไม่ได้เยอะมากเท่าไร แต่จะเน้นไปที่ช่องข้างหลังที่จะยกขึ้นมาครับ และ ยางรองนั้นจะเป็นแถบยาวทั้งเครื่องแนวหน้า และ แนวหลัง เป็นแค่ 2 เส้นหลักๆ และเมื่อใช้งานจริงๆนั้นจะยกเครื่องขึ้นมา พอสมควรเลยซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดช่วยเรื่องระบายอากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมของเครื่อง
ในส่วนของช่องระบายต่างๆนั้นจะมีในส่วนของฐานและด้านขอบหน้าจอ ซึ่งจุดแตกต่างกันหลักๆคือจะไม่มีช่องระบายด้านข้างแบบรุ่น Pro ครับเพราะด้วยความแรงและความร้อนนั้นไม่ได้สูงแบบรุ่นพี่เลยไม่ได้จำเป็นต้องใช้ช่องระบายและทำให้กินพื้นที่ขอบข้างเครื่องเท่าไร และจากที่ให้ช่องระบายมานั้นถือว่าเพียงพอพอสมควรเลย และมีช่องใหญ่พอสมควรครับ และจากที่ใช้งานนั้นก็จัดการได้ดีเพราะการ์ดจอ MX250 นั้นก็ไม่ได้ร้อนและกินพลังงานเท่าไรด้วยครับ
ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบด้านซึ่งแตกต่างกับรุ่น Pro ครับและแน่นอนว่าจอด้านใช้งานข้างนอกได้ดีกว่าเหมาะแก่การพกพา ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นได้แค่จอล่างครับ
วัสดุการออกแบบต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีไม่ต่างกับรุ่น Pro ครับเพราะว่าในงานประกอบการออกแบบอะไรนั้นยังคงคุณภาพได้ดีตัดขอบงานได้สวยคม และเป็นวัสดุเดียวกันทั้งหมดขึ้นรูปแข็งแรงและการยกตัวเครื่องสูงและมีช่องระบายค่อนข้างเยอะ และจะเห็นว่าด้านหลังจะมีช่องและด้านล่างเครื่องก็จะดูดอากาศระบายอากาศช่วยด้วย ส่วนด้านแป้นพิมพ์นั้นจะเห็นว่าวางไว้ข้างล่างสุดเลยเพราะว่าเป็นการออกแบบที่จะใส่หน้าจอเข้ามาเลยทำให้พื้นที่มันจำกัดครับ และการออกแบบแบบนี้เลยทำให้ไม่มีที่วางมือในการใช้งานเลยแอบลำบากนิดนึงเวลาพิมพ์งานนานๆไม่มีที่วางมือ
SPEC
-
Intel® Core™ i5 10210U Processor, 1.6 GHz (6 M Cache, up to 4.2 GHz)
-
Windows 10 Home
- หน่วยความจำ 16 GB LPDDR3 2133MHz SDRAM Onboard memory
- การแสดงผล 14.0″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Anti-Glare Panel with 72% NTSC with wide 178° viewing angles With ASUS Splendid With IPS Technology
- กราฟิก NVIDIA® GeForce® MX250 , with 2GB GDDR5X VRAM
- สตอเรจ Solid state drive: 512GB PCIe® Gen3 x2 SSD M.2
-
คีย์บอร์ด Illuminated chiclet keyboard
- ช่องอ่าน การ์ด Multi-format card reader
- WebCam HDWebcam IR camera
- เน็ตเวิร์คกิ้ง Wi-Fi Integrated Wi-Fi 6 (802.11 ax (2×2))
- Bluetooth Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 2)
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2)
1 x HDMI
1 x micro SD card - ออดิโอ Support Alexa Smart AMP Supports Windows 10 Cortana with Voice
ASUS SonicMaster Technology Harman Kardon
- แบตเตอรี่ 4 -Cell 70 Wh Polymer Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์ Plug type :ø4.5 (mm) Output : 19 V DC, 4.74 A, 90 W
Input : 100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
- ขนาด NB: 32.3 x 22.3 x 1.95 ~1.95 cm (WxDxH)
- น้ำหนัก NB:1.5 kg with battery
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับ intel i5 10210U รุ่นล่าสุด 1.60 GHz ถึง 4.20 GHz 4 คอร์ 8 เทรด Comet Lake 14 นาโนเมตร ทำงานร่วมกันกับ Intel UHD Graphics 620 และ NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ถือว่าสเปคที่ใช้งานนั้นจัดว่าดีเน้นทำงานทั่วไปสบายๆหรือทำงานจริงจังได้ระดับนึงส่วน RAM นั้นให้มาเต็มที่ 16GB DDR3L 2133MHz เพียงพอใช้งานเลยไม่ต้องใส่เพิ่ม และให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ส่วนในการใช้งานทดสอบจริงๆนั้นถือว่า รองรับการทำงานเล่นเกม ระดับเริ่มต้นได้ดี และ ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือ รวมถึงการตัดต่ออะไรทั้งหลายด้วย พร้อมกับWindows 10 HomeSingle Language
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ 3,830 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU-GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 80 GPU 69 องศาครับผม
3D MARK นั้นทำคะแนนการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว Fire Strike ทำคะแนนได้ 2767 และในส่วนของ Timespy ที่โหดขึ้นมาหน่อยจะทำได้ 1010 และ พวกเริ่มต้นทั่วไปเช่น Sky Driver ทำไปได้ 9093 คะแนน และ Night Raid นั้นทำได้10761 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับกลางๆได้ในแง่ของการประมวลผลแบบ3มิติครับ รองรับได้ระดับเริ่มต้นไปกลางๆอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรเพราะการ์ดจอมีแค่ MX250 ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 90 และ GPU 79 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม จริงๆความร้อนของตัว CPU แอบสูงไปนิดนึงถ้าใช้งานปกติครับแต่ถ้าเปิดพัดลมแรงและเล่นในห้องแอร์จะช่วยได้มากขึ้น
CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจในตระกูลU ทีดีกว่าเดิมครับ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 1689 CB ครับ และในตัว R15 นั้นทำไปได้ 86 FPS และ 809 CB ครับ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 92 และ GPU 79 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD การอ่านที่ 1644 MB/s และเขียนที่ 877 MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้สบายในการเก็บข้อมูลในการทำงานทั้งหลากหลายแต่น่าจะเสียน่าจะให้ตัวแรงกว่านี้มาในรุ่น Duo
SCREEN
หน้าจอตัวนี้จะเป็นความละเอียด FullHD เท่านั้นครับและเป็นหน้าจอแบบด้าน มาในขนาด 14.0″ อัตราส่วน 16:9 ใช้หน้าจอแบบ LED-backlit ความละเอียด FHD 1920×1080 และเป็นหน้าจอรีเฟรชเรทที่ 60Hz พร้อมกับ 72% NTSC รองรับมุมมองกว้าง 178° ตามปกติของหน้าจอ IPS ครับผม ซึ่งจุดแตกต่างหลักๆนั้นจะเป็นเรื่องของการสัมผัสและการใช้งานปากกา รวมถึงหน้าจอแบบด้านที่จะแตกต่างกับรุ่น Pro และรวมถึงความละเอียดด้วยเช่นกัน แต่เรื่องของคุณภาพไม่ต่างกันเลยครับ หน้าจอนั้นมีขอบหน้าจอแค่ 5 มิลลิเมตร ในการทำงานทั่วไปและสายงานตัดต่อแต่งภาพได้สบายไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าเน้นความแม่นยำตัว Pro แอบดีกว่านิดหน่อยครับ มาที่หน้าจออันที่ 2 นั้นเป็นหน้าจอขนาด 14” FHD รองรับปากกา และ สัมผัสเช่นเดียวกันแต่จะเป็นจอด้าน รองรับมุมมอง 178˚องศาด้วยเช่นกัน จากที่ลองต้องบอกว่าหน้าจอหลักมันเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีมากๆตัวนึงของบรรดาคอมพิวเตอร์พกพาทั้งเรื่องของสีและความสว่าง และการใช้งานหน้าจอด้านทำให้อิสระต่อการใช้งานพกพาที่ดีกว่าเดิมพอสมควรเลย
ในด้านมุมมองของตัวหน้าจอหลักนั้นสามารถรองรับการทำงานได้4สบายๆทั้งหลากหลายมุมมอง และหน้าจอด้านเลยทำให้ใช้งานทั่วไปได้ดีกว่ารุ่นพี่มัน ส่วนเรื่องของสีนั้นแม้จะเอียงๆก็ยังทำได้ดีมากๆถือว่าหน้าจอรุ่นนี้โหดสุดๆในบรรดาคู่แข่งหลายๆตัวเลยนั้นเอง ส่วนเรื่องจอที่ 2 นั้นจะเป็นแบบด้านเพราะวางจะวางเหนือคีย์บอร์ดทำให้มันต้องสะท้อนได้ง่ายกว่าทั่วไปเยอะมากเลยใช้งานแบบจอด้าน ส่วนตัวความสว่างนั้นเอาตรงๆมันไม่ได้สู้แสงได้ดีเท่าไรในการใช้งานหลายๆครั้งครับแต่เรื่องของสีสันอะไรพวกนี้นั้นก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ติดแค่สู้แสงเท่านั้น แต่ถ้าใช้งานภายใน หรือในอาคารนั้นจอที่ 2 ทำได้ดีมากๆในเรื่องของความสว่างและค่อนข้างสวยพอสมควรครับไม่ต่างกับรุ่นพี่
KEYBOARD
การวางตำแหน่งนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกกว่ารุ่นอื่นๆมากจากการย้ายมาลงไว้ด้านล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์นั้นเองที่ย้ายแบบนี้ไม่ได้แค่เทห์ หรือแปลกๆแต่อย่างเดียวแต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่คิดไว้แล้วเป็นเหมือนการต่อยอดจากที่เคยทำในรุ่น ROG พวกนั้นแต่มาครั้งนี้เอามาใส่หน้าจอแทนนั้นเองครับจึงได้การวางแบบนี้แต่ปุ่มต่างๆก็ยังมีมาให้ครบรวมถึง Touchpad ด้วยเช่นกันครับ ตัวคีย์บอร์ดมีไฟมาให้ปรับได้ 3 ระดับเช่นเดิม และระยะการกด 1.4มม ถือว่าทำได้ดีครับในการเล่นเกม หรือ ทำงานทั่วไป แต่เนื่องจากมันต้องเอามาไว้ขอบล่างเครื่องเวลาพกพาไปไหนและใช้งานลำบากไปนิดหน่อยและรุ่นนี้ไม่มีที่รองมือมาให้ด้วยครับ เพราะว่าตัวเครื่องมันยกสูงขึ้นมาพอสมควรเลยนั้นเองแต่ถ้ามีที่วางมือก็จะสบายขึ้นถ้าเล่นคอมพิวเตอร์นานๆนั้นเอง และตัวคีย์บอร์ดนั้นจะมีปุ่ม Shift ที่ตำแหน่งแปลกๆขนาดมันเล็กไปหน่อยเวลากดอะไรนั้นอาจจะลำบากและพลาดได้ง่ายๆถ้ามาจากพวกรุ่นใหญ่
หลังจากการใช้งานตัวปุ่มทั้งหมดต้องบอกว่าระยะห่างของแต่ละปุ่มนั้นไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดใจอะไรเท่าไร แต่เรื่องของการพิมพ์นั้นบางทีรู้สึกว่าปุ่มมันชิดกันไปนิดหน่อยครับถ้าใครเคยใช้งานรุ่นปกติมาก่อนหน้านี้ และการวางมือถ้าแบบไม่มีที่รองมือนั้นอาจจะเมื่อยได้ง่ายมากๆ แต่การออกแบบส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีปัญหายกเว้นแค่ตัว Shift กับ ลูกศรขึ้นที่ตำแหน่งไม่เหมือนรุ่นปกติครับ และตัว Numpad ไม่มีมาให้แบบรุ่นพี่แอบเสียดายเพราะมีพื้นที่อยู่น่าจะใส่เข้ามา ให้ครับ รวมๆนั้นส่วนระยะการกด อะไรทำได้ดี แต่มีแค่ตำแหน่งบางปุ่มเท่านั้น
TOUCHPAD
ตัวขนาดเนื่องจากเครื่องเล็กลง ขนาดก็เล็กลงไปด้วยครับการใช้งานก็ค่อนข้างพอดีต่อ 2-3 นิ้วอย่างมากเวลาใช้งาน อาจจะรู้สึกอึดอัดไปหน่อยถ้าใครใช้ทำงานนอกบ้านและต้องใช้ Touchpad ตลอดครับ สัมผัสอะไรเรื่องนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหานะ แต่ถ้าใช้แรกๆบอกว่าว่ากดตัวเลขจะลั่นบ่อยมากถ้าเปิดไว้และทำงานไปชอบลั่นบ่อยเลยแหละ เป็นทัชแพดของ precision touchpad นะครับใช้งานได้ติดนิ้วและโอเคเลยแหละ ไม่มีปัญหา ติดแค่ขนาดมันแค่นั้น และไม่มีเลข Numeric เข้ามาครับเลยแอบเสียดายเพราะรุ่นพี่ใส่เข้ามา แต่ก็ยังไงใช้หน้าจอบนทดแทนได้ระดับนึงเลย
SCREENPAD PLUS
สำหรับหน้าจอที่ 2 นั้นต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำมาก เพราะมันทั้งว้าวและใช้งานได้จริง ถ้านึกง่ายๆมันเหมือนกับต่อยอดจากรุ่นเดิมและเอามาวางได้ถูกที่ ทำขนาดได้ดีขึ้นมากกว่าเดิมถ้าใครเคยใช้พวก Touchbar แล้วติดใจอยากให้มันใหญ่นั้น รุ่นนี้คือตอบโจทย์มากๆ และเป็นการยกข้อดีจากรุ่น Zenbook Pro Duo มาเลยในการใช้งานหน้าจออันนี้รองรับระบบสัมผัส แต่ลดเป็น FHD เท่านั้นครับ ปากกาหน้าจอตัวนี้ที่ให้แบบด้านมาเพราะว่าตำแหน่งของมันจะสะท้อนได้ง่ายทั้งสะท้อนเพดานต่างๆ จึงต้องใช้แบบด้านรวมถึงอาจจะโดนนิ้วมืออะไรได้ง่ายกว่าจอด้านบนเวลาใช้งานด้วยซึ่งฟีเจอร์หลักๆเวลาเรากดเปิดฟังก์ชันมันนะครับจะมีตามภาพเลย จะเป็นเหมือนแอพให้เลือกใช้งานทั้งตัว QuickKey – Handwriting – Numeric Key – Appdeal – Spotify นอกจากนี้หลักการทำงานมันก็จะเหมือน หน้าจอแยกเวลาเราต่อทุกประการเลยสามารถลากแอพลงไปมาได้ หรือ ใช้งานแอพติดเครื่องได้เลยนั้นเอง
ฟังก์ชันหลักๆที่ให้มาก็จะเป็น QuickKey หรือพวกคำสั่งลัด เราสามารถบันทึกได้ว่าจะกดตัวไหนบ้าง เรียงตามจังหวะเรากด และสามารถเพิ่มแยกเป็นแอปได้ รวมถึง เป็นชุดคำสั่งแต่ละแอปแยกกันได้เลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องมานั่งกดอะไรวุ่นวายเลย เลือกคำสั่งใช้งานบ่อยๆไว้ได้เลย และกดบนหน้าจอเสริมเอา และในตัว Numeric Key ก็ยังมีมาให้ใช้งานนอกเหนือจากด้านขวาของ Keyboard เผื่อใครใช้งานไม่ถนัดครับและแบ่งได้สูงสุด 3 แอพในแถบหน้าจอเสริมทั้งหมด นอกเหนือจาก 2 แอพครึ่งๆที่เห็นในภาพสามารถแทรกแอปเพิ่มเข้าไปได้อีก
สามารถตั้งค่าได้ทั้งเรื่องของความสว่าง เปลี่ยนพื้นหลัง รวมถึงขนาดของหน้าจอเวลามาใช้งานและสามารถปรับความละเอียดได้ด้วยเช่นกันครับว่าจะใช้ HD-FHD และยังสามารถตั้งค่าพวกปุ่มที่จะโชว์ได้นิดหน่อย
อีก 1 ฟีเจอร์ที่ชอบมากๆคือฟีเจอร์ Task Group มันคือการจำแอปว่าเราเคยเปิดแอปอะไรบ้างและวางไว้ตรงไหนของหน้าจอ เมื่อเรากด Task group เลข 1 ไว้มันก็จะเปิดแอพทั้งหมดที่เราบันทึกไว้ให้เรา และวางตำแหน่งแบบที่เราเคยวางไว้ทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งเปิดทีละแอพเลย คือกด ปุ่มเดียวเปิดและเรียงให้เราทั้งหมด เช่นในภาพนั้นผมได้ ให้มันจำทั้งหมด 5 แอพ ในการวางแบบ จอบน 2 และ จอล่าง 3 เมื่อเรามาใช้งานวันอื่น เปิดคอมแล้วกด ฟังก์ชันนี้มันก็จะเปิดแอพให้เราทันที 5 แอพพร้อมกับวางแบบเดิมเลย ในภาพมุมขวาคือ หน้าจอตอนเรากดให้มันจำ สามารถจัดการได้ และ จำได้สูงสุด 4 กลุ่มครับ อันนี้สะดวกมากๆใครใช้แอปคู่กันบ่อยๆต้องชอบมาก
ในด้านฟีเจอร์ HandWriting นั้นก็รองรับการใช้งานกับปากกาได้สบายและวาดและเป็นตัวอักษรได้ด้วยหรือจะให้มันวาดในหลายๆโปรแกรมก็ทำได้ครับและแน่นอนว่าใช้งานเซ็นอะไรต่างได้ดีมากเลย ตัวปากกานั้นสามารถใช้งานได้ทั้งหน้าจอหลักและหน้าจอด้านล่างครับ ในการใช้งานจอหลักก็ทำได้ไหลลื่นดีมากๆไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด และเวลายกเหนือหน้าจอก็มีไอคอนตามไปด้วย ตัวปากกานั้นก็มีปุ่มอะไรให้ใช้งาน และตัว ปากกาแถมมาให้ในกล่องนะรุ่นนี้
ในการใช้งาน 2 หน้าจอนั้นก็มีหลายๆแอปที่ใช้งานแล้วก็รองรับได้ดีแอป Premire Pro ในการตัดต่อหนัง วีดีโอต่างๆซึ่งแน่นอนว่าสายงานนี้เค้าใจกันดีต้องการใช้งานหน้าจอใหญ่ๆยาวๆไว้ก่อนครับมีจอเท่าไรก็ไม่พอซึ่งในรุ่นนี้นั้นทำได้ดีมากๆคือหน้าจอล่างนั้นสามารถเอามาใช้วาง ไทม์ไลน์ของตัวคลิปได้ดีมากๆทั้งขนาดและความยาวของมันทำให้เรามีจอพรีวิวที่ใหญ่ขึ้นและใช้งานได้โล่งตามากกว่าเดิมอีกครับ และพวก Lightroom ก็รองรับในการเอาตัวไฟล์มาดูในภาพล่างและทำงานในจอด้านบนได้เต็มที่กว่าเดิมนั้นเองครับ และ สายสตรีมเมอร์ก็ยิ่งมีประโยชน์เพราะสามารถใช้งานหน้าจอหลักเล่นเกม จอลองสำหรับดูแชท และ ดูไลฟ์ได้ หรือจะเป็นพวก Spotify ก็สบายๆครับ
SPEAKER
ลำโพงในรุ่นนี้ยังคงใช้งานจากทาง HARMAN/KARDON เช่นเดิมมีเขียนชื่อแบรนด์ไว้ขอบเครื่องชัดเจนครับและลำโพงในรุ่นนี้ก็ยังทำได้ดีมากๆเสียงยิงเฉียงๆออกทางซ้ายและขวาของเครื่องเสียงที่ได้แยกมิติชัดเจนรวมถึงกำลังขับทำได้ดีมากๆเวลาเปิดเพลงอะไรต่างๆ รวมถึงเสียงย่านต่ำนั้นก็ทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆแบบรู้สึกได้ครับแน่นอนว่ามันดีกว่าพวกตัว Pro ก่อนหน้านี้ด้วยครับส่วนความดังเวลาเปิดสุดก็ชัดเจนดีเหมือนกันสามารถเล่นเกมหรือฟังเพลงก็ได้สนุก แต่ที่ชอบคือเวลาเปิดเพลงที่เสียงย่านต่ำนั้นจะแน่นกว่าตัวอื่นๆมาก และมีความนุ่มของเสียงพอสมควรเลยครับ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อในด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของช่อง DCIN สำหรับจ่ายไฟเข้า และช่อง HDMI รวมถึง USB-A 3.1 และ USB-C 3.1 มาให้ในด้านซ้ายครับ ส่วนลำโพงก็จะยิงออกทั้งด้านล่างและขอบข้างในภาพจะอยู่ด้านหน้าสุด
ส่วนในด้านขวานั้นจะเป็นไฟสถานะ พร้อมกับ MicroSD Card Reader และ รูหูฟัง 3.5 มม. และ USB-A 3.1 ขาดพอร์ตสำหรับเสียบ SD-Card ไปแน่นอนว่าสายถ่ายภาพได้ใช้งานกันเยอะแน่นอนครับแต่เครื่องนี้กลับไม่มีมาให้ก็น่าเสียดายเลยครับในภาพรวมก็ถือว่าครบพอใช้งาน ด้วยขนาดและความจำกัดของทั้งหน้าจอและส่วนอื่นๆเลยทำให้พอร์ตอาจจะใส่มาได้เต็มที่เท่านี้ครับ
WORKING
ในด้านการทำงานนั้นต้องบอกว่ามันทำออกมาได้ประทับใจ ทั้งฟีเจอร์ในการใช้งานหน้าจอแยกที่สามารถรองรับหลายๆแอพได้สบายครับและทำให้พื้นที่ในการทำงานนั้นโล่งขึ้นจากที่มีหลายหน้าจอเสริมเข้ามาด้วยเช่นกัน แล้วพวกตระกูล Adobe นั้นจะทำได้ดีมากๆ เพราะเหมือนจะทำออกมารองรับกับหลายๆหน้าจอได้ดีอยู่แล้วนั้นเอง ซึ่งถ้าดูในแง่ของการใช้งานมันคือประสบการ์ณใหม่ในการใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาจริงๆ มันสะดวกขึ้นมากสำหรับสายงานแบบเราหรือตัดต่อ รวมถึงช่างภาพครับ หลายๆจอมันช่วยในการทำงานได้ดีขึ้นแบบชัดเจน แต่ถ้าในแง่ของการทำงานหนักๆนั้นอาจจะทำได้ในบางส่วนแต่จะไม่ได้โหดมากนักถ้าเน้นไปทาง 3D อะไรแบบนั้นครับแต่ทำงานทั่วไปทั้ง ตัดต่อแต่งภาพอะไรสบายๆเลยแหละ หรือจะเป็น การทำงานอื่นๆหลายๆโปรแกรมพร้อมกันก็สามารถรองรับได้สบายเลย และในเรื่องความร้อนก็ยังสามารถจัดการได้ดี และที่สำคัญคือการพกพาทำให้มันพกพาได้ดีกว่าตัว Pro และกล้าเอาไปทำงานข้างนอกมากขึ้นไม่หนักไม่เกะกะครับผม และหน้าจอด้านช่วยในการทำงานนอกบ้านนั้นสบายกว่าแบบเงา
GAMING
ในรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับ CPU i5 10210U การ์ดจอ Nvidia MX250 นั้นทำให้ประสิทธิภาพของมันทำออกมาได้ในระดับกลางๆเมื่อเทียบกับ i5 ของมันใช้งานทำได้ดีเมื่อเทียบกับสเปคของมัน และที่ชอบคือเรื่องจัดการความร้อนดีกว่าที่คิดไว้ครับถ้าเล่นเกมนั้นประมาณ 80 ในสภาพอากาศปกติไม่เปิดแอร์นะครับความนิ่งของ FPS นั้นทำได้ดีเลยรวมถึงไม่เจอหน่วงหรือแลคอะไรเลยครับผมถือว่าเล่นเกมอะไรตัวนี้ไว้ใจได้เลย แต่ต้องเป็นเกมที่ไม่ได้กินสเปคเท่าไร และ ปรับภาพไม่ได้เยอะเท่าไรครับ ทั้งลื่นไหลและความร้อน แต่แน่นอนว่าถ้าปรับภาพสุดนั้น FPS อาจจะตกมากกว่านี้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าสเปคของมันนั้นอาจจะไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมเท่าไร แต่พอเล่นแก้ขัดได้ครับ
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 68-70 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 79
- APEX ทำไปได้ FPS 50-55 อุณหภูมินั้น GPU 69 CPU 73
BATTERY
การใช้งานทั่วไปนั้นแบตถือว่าดีกว่าตัว Pro แต่เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปก็ยังแอบค่อนข้างน้อย เนื่องจากมันใช้งานหน้าจอทั้ง 2 หน้าจอจึงทำให้เรื่องแบตอาจจะไม่ได้อึดเท่าที่ควรครับ ใช้งานได้อย่างมาก 6 ชั่วโมงเท่านั้นเองในแบบใช้งานทั่วไปครับไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไรพิเศษเลย ถือว่าเรื่องแบตนั้นอาจจะเป็นอีกจุดที่ต้องพิจารณากันหน่อย แต่ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นพี่มันและพกพาได้ง่ายครับถ้าเราปิดหน้าจอที่ 2ก็จะได้มามากขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงคร่าวๆครับ
ASUS ZENBOOK DUO
” ตัวนี้แหละลงตัว 2 หน้าจอในราคาที่จับต้องง่าย พกพาง่ายขึ้น สเปคใช้งานสบาย “
เป็นประสบการณ์ 2 หน้าจอที่ดีขึ้นในราคาที่จับต้องได้ง่าย พกพาได้ง่าย และ ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นเยอะ ไม่หนักไม่หนาเกินไปแต่ก็แลกมาด้วยสเปคที่อาจจะโดนลดลงมาแต่ก็ยังเพียงพอต่อการทำงานทั่วไปแน่ๆทั้งเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือจะเป็นตัดต่อแต่งภาพก็ยังรับได้สบายๆ ส่วนหน้าจอก็ทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นพี่ รวมถึงหน้าจอที่ 2 นั้นยกฟีเจอร์รุ่นพี่มาทั้งหมดเลย แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ลดลงไปแบบชัดเจนพวกการสัมผัสหน้าจอหลัก หรือจะเป็น พอร์ตที่ยังไม่รองรับ Thunderbolt 3 เป็นต้น แต่ถ้าในภาพรวมนั้น คุณภาพงานประกอบ วัสดุ การใช้งานแทบไม่แตกต่างกันเลยนั้นเอง ทำให้มันเป็นรุ่นที่น่าสนใจสำหรับคนงบไม่เยอะแต่ใช้งานได้หลากหลาย ประสิทธิภาพดี และมีหน้าจอ 2 หน้าจอแบบรุ่นพี่ครับ ส่วนเรื่องแป้นพิมพ์ต้องปรับตัวกันพอสมควร และ รวมถึงการวางมือเวลาใช้งาน
ข้อดี
- หน้าจอที่ 2 คือดีมากในการใช้งาน และ เพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน
- ขนาดของตัวนี้ ทำให้พกพา น้ำหนัก ได้ง่ายกว่ารุ่น Pro
- หน้าจอหลักใช้งานได้ดี ในหลายๆสภาพแสงเพราะเป็นจอด้าน
- งานออกแบบ งานประกอบนั้นมีคุณภาพและเนี๊ยบมากๆ
- สเปคเน้นทำงานไม่ได้หนักมาก เรื่องความร้อนเลยไม่มีปัญหา
- SSD 512GB ทำความเร็วในการอ่านเขียนได้ดีมาก
- Ergo Lift ยังคงประทับใจในเรื่องระบายความร้อนและองศาการพิมพ์
- มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี
- เสียงลำโพงยังคงทำได้ประทับใจเช่นเดิมแต่อาจจะไม่ได้ดังมากนัก
ข้อสังเกต
- ไม่มี NumberPad ในตัว Touchpad
- คีย์บอร์ดปุ่มแอบติดกันและขนาดปุ่ม Shift ต้องปรับตัวกันพอสมควร
- ไม่มีที่รองมืออาจจะพิมพ์ลำบากเวลาใช้งาน
- SSD ความเร็วต่ำไปนิดหน่อย
- ไม่มี SD Card Reader
- ไม่มีมาตรฐาน Thunderbolt 3
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr