ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปีที่ผ่านมานั้นเป็นปีทอง Apple เลยทีเดียวทั้งยอดขาย iPhone และ AirPods ที่ถล่มทลาย ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมานั้นสูงขึ้นจนทำลายสถิติเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังส่งผลให้ราคาหุ้นของ Apple ยังสูงถึง 2% อีกด้วย

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้ว่ารายได้ของ Apple ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้นจะอยู่ที่ราว 88,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ แต่ทาง Apple ได้ออกมาเผยว่ารายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาคือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2019 (92วัน) อยู่ที่ 91,800 ล้านดอลลาร์ ฯ หรือคิดเป็นเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อวัน โดยถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple เลยทีเดียว ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีกำไรรวม 22,240 ล้านดอลลาร์ ฯ (มากกว่าไตรมาสก่อนหน้า 11%)

เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่ผ่านมาที่ Apple มีรายได้ 84,300 ล้านดอลลาร์ ฯ จากการที่ยอดขาย iPhone ตกลง แต่ในปี 2019 ที่ผ่านมาเมื่อ Apple ทำการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในราคาที่ถูกลงทั้ง iPhone 11 และ 11 Pro ส่งผลให้ยอดขายพุ่งทยานขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2018 ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทสูงขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งส่งผลให้มีอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.5 พันล้านเครื่องเข้าไปแล้ว

อย่างไรก็ตามหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ของ Apple พุ่งสูงขึ้นขนาดนี้เป็นเพราะในช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้น เป็นช่วงของวันหยุดยาวคือช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ส่งผลให้คนซื้อของขวัญมอบให้แก่กัน ซึ่ง iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เป็นของขวัญที่คนนิยมซื้อให้แก่กัน รวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง AirPods โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AirPods Pro ก็เป็นของขวัญยอดนิยมที่ทำรายได้ไปถึง 37% ของรายได้ในหมวดอุปกรณ์สวมใส่ รวมทั้ง Apple Watch ก็เป็นส่วนหนึ่งของรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

SOURCE