OPPO ได้เปิดตัว เรือธงต่อยอดตระกูล Find ของค่ายมาหลังจากที่รุ่นแรกเรียกเสียงฮือฮาได้ดีมากๆในตัวกล้องสไลด์ที่เปิดตัวมา ส่วนในรุ่นนี้เป็นการพัฒนาขึ้นในทุกด้านทั้งเรื่องของหน้าจอ กล้อง ลำโพง ทุกอย่างเลยก็ว่าได้ครับ แต่แอบเสียดายว่าหน้าจอไม่เต็มตาแบบรุ่นนั้นแล้วแต่จะมาพร้อมการเจาะรูกล้องหน้าแทน และได้หน้าจอ 120Hz 3K 10BIT มาแทนนั้นเองครับ ซึ่งจะแสดงผลเฉดสีได้มากกว่ามือถือทั่วไปเยอะมากครับโทนสีสวยงามมากจริงๆ และกล้องหลังก็ทำได้ดีขึ้น และมาพร้อมกับลำโพงคู่ที่รองรับ Dolby Atmos ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญเลยคือในเรื่องของ CPU Snapdragon 865 ที่เร็วแรงขึ้น พร้อมกับการรองรับ Wifi 6 และรองรับการใช้งาน 5G ด้วยถือว่าน่าสนมาก

OPPO Find X2 5G นั้นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้วความละเอียด Quad HD+ รองรับคุณภาพสี 10BIT จัดเต็มกว่าเดิม และ มีรีเฟรชเรท 120Hz และความถี่การตอบสนองหน้าจอ 240Hz ที่มีขอบบนบางเพียง 2.2mm และขอบด้านล่างบาง 2.98mm นอกจากนี้ขอบด้านซ้ายขวาของหน้าจอจะมีความโค้ง 67.8 องศาอีกด้วย โดยที่ กล้องหน้าของทั้งสองรุ่นจะเป็นแบบเจาะรูขนาด 3.84mm อยู่ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ ส่วนภายในของตัวเครื่องนั้นจะใช้ Snapdragon 865 ที่สามารถรองรับ 5G ได้ โดยมีระบบกระจายความร้อนภายในตัวเครื่องด้วยเจลนำความร้อน, ระบบ liquid cooling และแผ่นแกรไฟต์หลายชั้น และตัว กล้องหลังจะมี 3 ตัวและใช้เลนส์ตัวหลักความละเอียด 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ของ Sony เหมือนกัน แต่ของ OPPO Find X2 5G จะมีเลนส์กว้าง 12MP ที่สามารถถ่ายมาโครได้ 3cm และเลนส์เทเล 13MP ที่ซูมแบบ hybrid optical ได้ 5x และซูมแบบ digital ได้ 20x จะเป็นจุดที่แตกต่างเพราะว่ารุ่น Pro จะมีเลนส์กว้าง 48MP ที่สามารถถ่ายมาโครได้ 3cm และเลนส์เทเล periscope 13MP ที่ซูมแบบ hybrid ได้ 10x และซูมแบบ digital ได้ 60x เป็นจุดแตกต่างกันหลักๆครับ ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นจะใช้ระบบชาร์จแบบ SuperVOOC 2.0 flash charge ที่สามารถชาร์จแบตให้เต็มได้ในเวลา 38 นาที ด้วยความจุแบต 4,200 mAh แต่น่าเสียดายไม่รองรับการชาร์จไร้สายนะครับในรุ่นนี้ ส่วนเรื่องของลำโพงก็รองรับลำโพงคู่ Dolby Atmos และ กันน้ำ IP54 ถือว่าสเปคในภาพรวมนั้นจัดหนักจัดเต็มที่สุดแล้วในบรรดาเรือธง

ทางด้านราคานั้น OPPO FIND X2 5G จะมาพร้อมกับ ราคา 33,990 บาท RAM 12GB STORAGE 256GB มีแค่รุ่นย่อยเดียวนะครับ ส่วนเรื่องของสีนั้นจะมาทั้งหมด 2 สี น้ำเงิน Ocean  และ ดำ Black 

UNBOX

ตัวกล่องนั้นมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งตัวกล่องที่มีการออกแบบลวดลายอะไรใหม่ทั้งหมด ตัวอักษร และ ตัวลวดลายข้างหน้าก็ทำได้สวยครับ บอกชื่อรุ่นอะไรชัดเจน พร้อมบอก RAM 12GB  STORAGE 256GB ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมีมาให้ครบเช่นเดิมทั้งเรื่องของเคส หูฟังทั้งหลายและครั้งนี้ให้ SuperVOOC 2.0 มาให้ 65W

  • ตัวเครื่อง OPPO Find X2 5G
  • เคส TPU ใส
  • หูฟัง USB-C
  • ที่ชาร์จ SuperVOOC 2.0 65W
  • สายชาร์จรองรับ SuperVOOC 2.0
  • คู่มือและที่จิ้มซิม
  • ฟิล์ม TPU นิ่มติดมากับหน้าจอ

หัวชาร์จ SuperVOOC 2.0 ที่ให้มานั้นก็ต้องบอกว่ามีขนาดใหญ่พอสมควรครับและรองรับได้เยอะมากๆถึง 65W หัวชาร์จในรุ่นนี้นั้นเป็น หัวชาร์จที่จะช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh เต็มในเวลาไม่ถึง 30 นาทีเลยแหละ และเมื่อเทียบกับความจุในรุ่นนี้นั้น จะสามารถชาร์จแบตได้ทั้งหมด 0-100 ได้ในเวลาประมาณ 38 นาทีครับ

ตัวเคสที่แถมนั้นจะเป็นแบบ TPU ใสปกติครับ รวมถึงการปกป้องตัวกล้องและหน้าจอ แต่แน่นอนว่าความหนาในแต่ละมุมเครื่องอาจจะไม่ได้สูงมากเท่าไรและในการใช้งานอาจจะป้องกันได้ไม่เยอะมากนัก ถือว่าใช้งานได้ดีพอสมควรครับ แต่ถ้าในเรื่องของการตกกระแทกนั้นอาจจะไม่กันมากนัก

DESIGN 

งานออกแบบในรุ่นนี้นั้นถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากตระกูล Find ในรุ่นแรกพอสมควรเลยแหละ แน่นอนว่ามันเปลี่ยนไปทั้งหมดเน้นการใช้งานมากกว่าเดิม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กล้องวางไว้มุมซ้ายบนพร้อมกับงานประกอบที่ทำได้เนียนมากๆในการจับหรือสัมผัสตัวเครื่อง และหน้าจอขอบโค้งสวยงามและเต็มตามากจริงๆในรุ่นนี้ อีกทั้งที่ประทับใจคือเรื่องของหน้าจอที่สีสันมีความสวยงามและคม ค่อนข้างตรงกับความเป็นจริงทำให้ความรู้สึกแรกในการใช้งานมันค่อนข้างดีครับ ในรุ่น FIND X2 5G นั้นมีความหนาอะไรกำลังดีไม่ได้ดูหนาหรือหนักมากจนเกินไป ส่วนพวกงานประกอบวัสดุนั้นถือทำได้พรีเมี่ยมและเนียนมือมากๆเลย ในการจับสัมผัสขอบเครื่องงานประกอบพวกนี้นั้นเองครับ

หน้าจอตัวนี้ถือว่าเป็นจุดชูโรง มาพร้อมกับหน้าจอ 3K ความละเอียด (3168 x 1440 พิกเซล) Quad HD+ ในหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่โค้งแบบ 2.5D พร้อม HDR10+ รองรับสี 10BIT และมี รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200 nits, 100% DCI-P3 Color Gamut, กระจก Corning Gorilla Glass 6 ขอบโค้ง

ในส่วนของขอบด้านล่างหน้าจอนั้นมีขนาดพอสมควร ไม่ได้บางมากเท่าไรนักเพราะขอบด้านบนจะบางกว่านิดหน่อยครับ และจะเห็นว่าปุ่มควบคุมมีมาให้ 3ตำแหน่งเช่นเดิมพร้อมกับใช้แบบเต็มจอได้ ขอบโค้งพอสมควรครับ

ขอบด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของ ขอบลำโพงตัวที่ 2 พร้อมกับพวกเซนเซอร์อะไรต่างๆ และยังมีกล้องหน้าแบบ เจาะรู มาในความละเอียด 32MP (f/2.4) ครับ และพวกขอบด้านบนมีความบางพอสมควรเมื่อเทียบกับขอบล่าง

ขอบเครื่องในด้านล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของลำโพงตัวหลัก พร้อมกับ USB-C รวมถึงรูไมค์ และ ถาดซิม รองรับ DualSIM Nano Sim ครับ เท่าที่ลองเช็คมันขึ้น Non-CA นะครับไม่รองรับ Dual Active

ในส่วนของขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นว่ามีแค่ปุ่ม Power ที่มาพร้อม ที่มีสีเขียวนิดหน่อยบอกให้รู้ว่าเป็น Power และจะเห็นว่าขอบเครื่องนั้นค่อนข้างบางเพราะว่าตัวขอบจอกระจกนั้นจะมาพร้อมกับความโค้งทั้งหน้าและหลังด้วย

ส่วนขอบบนนั้นจะเป็นตัวรูไมค์ตัดเสียงเท่านั้น จะเห็นว่าทางค่ายนี้จะนิยมมีการเว้าตรง ขอบบนและล่างนิดหน่อยเป็นการออกแบบประจำค่ายครับ มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยในแต่ละรุ่นแต่ก็จะเห็นได้ว่ามีความเว้าไปในหลายๆตัว

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นแค่ปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง เท่านั้นจะไม่มีปุ่มพิเศษอะไรมาให้ครับ และขอบเครื่องจะเป็นสีดำเงาแบบเดียวกับฝาหลังจะไม่ใช่ ดำสนิท จะแอบไปคล้ายๆโครเมียมรมดำครับก็มีความสวยงามเอาเรื่องเลยแหละ

ฝาหลังในรุ่นนี้จะเป็นแบบกระจกดำเงามีการเล่นแสงจะเป็นแบบโทนสีดำเงาคล้ายโครเมียมและยังมีการเล่นลวดลายเป็นแถบนิดหน่อยครับจะเป็นคล้ายๆลวดลาย 3 มิติที่เป็นคลื่นๆงานออกแบบแบบนี้ทำให้เวลาใช้งานจับจะลดในเรื่องของรอยนิ้วมือหรือรอยขนแมวไปได้บ้าง จะมองได้ยากกว่าแบบกระจกเงาทั้งหมด ส่วนโลโก้วางแนวนอนเช่นเดิมพร้อมกับ​โมดูลกล้องไว้มุมซ้ายบน มีความนูนพอสมควรครับในตัวกล้องตัวนี้ และให้กล้องมาทั้งหมด 3 ตัว

กล้องหลังและไฟแฟลชนั้นจะอยู่ในกรอบเดียวกันทั้งหมดครับ มาพร้อมกันทั้งหมด 3 ตัวมีขนาดใหญ่พร้อมกับเขียนบอกอะไรทั้งหมดว่ากี่ล้านพิกเซล รูรับแสงเท่าไร และจะเห็นตัวไมค์ตัวที่ 3 ตรงกล้องด้วยครับทำให้เรื่องอัดเสียงนั้นทำได้ดี ในงานวีดีโอ สเปคกล้องนั้นจะมาพร้อมกับ เลนส์ 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586 (f/1.7), แฟลช LED, OIS + EIS, เลนส์กว้าง 120° 12MP (f/2.2) aperture ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX708, macro 3cm, เลนส์เทเล 13MP (f/2.4) ที่สามารถซูมแบบ hybrid optical ได้ 5x, ซูมแบบ digital ได้ถึง 20x

SPEC 

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว (3168 x 1440 พิกเซล) Quad HD+ ที่โค้งแบบ 2.5D พร้อม HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200 nits, 100% DCI-P3 Color Gamut, กระจก Corning Gorilla Glass 6
  • ชิปเซต Snapdragon 865 7nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 650
  • Find X2 — RAM LPDDR4x  12GB + storage (UFS 3.0)256GB
  • Android 10 ที่ครอบด้วย ColorOS 7.1
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • Find X2 5G — เลนส์ 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX589 (f/1.7), แฟลช LED, OIS + EIS, เลนส์กว้าง 120° 12MP (f/2.2) aperture ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX708, macro 3cm, เลนส์เทเล 13MP (f/2.4) ที่สามารถซูมแบบ hybrid optical ได้ 5x, ซูมแบบ digital ได้ถึง 20x
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.4)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ In-display
  • กันน้ำและฝุ่น IP54
  • USB Type-C Audio, ลำโพง Stereo, Dolby Atmos, ไมโครโฟน 3 ตัว
  • ขนาดตัวเครื่อง Find X2 : 164.9×74.5× 8mm (เซรามิก)
  • รองรับ 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax, Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS, USB Type-C
  • แบตเตอรี่ Find X2  4200mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 65W

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Snapdragon 865 ตัวใหม่ล่าสุดของค่ายพร้อมกับการรองรับ 5G Wifi 6 ตัวล่าสุดด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านของหน่วยความจำเป็นตัว UFS 3.1 พร้อมกับ RAM LPDDR4x มาให้จัดเต็ม 12GB ครับแน่นอนว่าด้วยสเปคจัดเต็มแบบนี้ทำให้ในการใช้งานคะแนน Antutu ทำได้ 555247 คะแนน และ ในเรื่องของ Geekbench ทำไปได้ 863 / 3085 คะแนน และ ในส่วนของ Netflix รองรับสูงสุด FHD และรองรับ HDR ด้วยเช่นกันครับ ในส่วนของ ตัว RX Monitor เช็คแล้วได้เป็น Non-CA นะครับ

SYSTEM UI 

ในตัวระบบนั้นเองจะเป็น Color OS ที่เราคุ้นเคยกันดีแต่พัฒนาขึ้นในหลายๆด้านการใช้งานครับ ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 สวมทับด้วย Color OS 7.1  ตัวล่าสุดเลยแน่นอนว่าในการใช้งานหน้าตาอะไรดูดีขึ้นพอสมควรครับแต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่ ในแง่ของการใช้งานเร็วลื่นขึ้นตอบสนองต่อหน้าจอได้ดี ตัวเลขแอป การแจ้งเตือนอะไรต่างๆทำได้ดีครับและจะไม่มี App Drawer นะครับเป็นหน้าหลักเลยแอปรวมทั้งหมดจะอยู่ในหน้านี้

ในส่วนของหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting นั้นเป็นโทนสีเขียวขาว พร้อมไอคอนเหลี่ยมทั้งหมดรวมถึงสามารถปรับ ความสว่างหน้าจออะไรได้ และเมื่อลากลงมาอีกก็จะเป็นหน้าตาตั้งค่าแบบเต็มรูปแบบพร้อมเลื่อนไปซ้ายได้อีก  และแน่นอนว่า ยังคงแบ่งหน้าจอได้ โดยการเข้าแอปและกดปุ่มเคลียร์แอปค้างไว้ ก็เลือกแอปที่จะแบ่งได้เลยครับ

ทางด้านของแป้นพิมพ์นั้น ใช้งานของ Google Keyboard เลยถือว่าเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้งานได้ดีที่สุดอันนึงเท่าที่เคยลองมาและยังประทับใจที่สุดสำหรับตัวแอดมินเองครับ ส่วนตัว RAM 12 GB ใช้งานไป และเหลือ และในตัวความจำนั้นมาให้ 256GB เหลือกใช้งาน 220 โดยประมาณจากทั้งหมด

ส่วนตัวการนำทางนั้นรองรับการใช้งานแบบเต็มจอและปุ่มปกติครับและแน่นอนว่า หน้าจอ 120Hz สามารถปรับแต่งได้เลยและตั้งความละเอียดได้ และ ตัวลูกเล่นไฟแจ้งเตือนรุ่นนี้ก็ใส่มาให้ด้วยวิ่งตามขอบหน้าจอสวยงามเลยแหละ

THEME

คลังธีมรุ่นนี้มีให้ปรับเยอะมากพอสมควรเลย ตัวการปรับแต่งธีมนั้นรองรับการเปลี่ยนพอสมควรครับซึ่งมีให้เลือกค่อนข้างเยอะจากที่รุ่นแรกๆนั้นปรับแต่งไม่ได้แต่ตอนนี้ปรับแต่งมาแล้ว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้นและเปลี่ยนทั้งตัวหน้าตาไอคอน แอป และรวมถึงพื้นหลังต่างๆ

SCREEN

หน้าจอรุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวชูโรงครับเป็นหน้าจอที่เรียกได้ว่ามีความสวยและความแม่นยำของสีอันดับต้นๆในตอนนี้เลยก็ว่าได้ หน้าจอรุ่นนี้จะเป็นการรองรับแบบ 10BIT ครับ แน่นอนว่ามันแตกต่างกันยังไงบ้าง ในตัว 10-bit Color Display) ได้รับการรับรองจาก DisplayMate ให้เป็นจอในระดับ A+ จะแสดงผลสีได้มากกว่า 1 พันล้านเม็ดสี  จากที่รุ่นก่อนๆจะทำได้แค่ 16.7 ล้านสีนั้นเอง และเมื่อเทียบกับจอ 8BIT ก่อนหน้านั้นจะแสดงเฉดสีได้มากกว่า ทำให้เราได้โทนสีการไล่สีที่สมจริงมากกว่าเดิมเยอะ และยังมี Contrast Ratio 5,000,000 : 1 แสดงผลความแตกต่างของสีได้เยอะกว่าเดิม มืดสุด ไปสว่างสุดได้ดีกว่าเดิมครับ ถือว่าเป็นจอที่มีความก้าวหน้าที่สุดในตอนนี้แล้ว และแน่นอนว่าในการใช้งานจริงโทนสีของภาพนั้นค่อนข้างสวยและสมจริงกว่าเดิมเยอะทำให้เราเห็นเฉดสีการไล่แสงต่างๆมากขึ้น เอาจริงๆเทียบกันได้เลยภาพเดียวกันของแต่ละเครื่องจะแตกต่างกันครับจุดนี้หน้าจอคือเทพมากๆครับ

ในเรื่องของการใช้งานมุมมองนั้นถือว่าตอบสนองต่อมุมมองได้ดีครับมุมมองเอียงๆก็ยังสามารถรองรับได้ภาพที่ได้ไม่มีดรอปหรือว่าเพี้ยนจากมุมมองปกติเท่าไร และแน่นอนว่าในเรื่องของการใช้งานรองรับเวลาเราตั้งดูหนังหรืออะไรแบบนี้ก็ไม่มีเพี้ยนหรือดรอปลงเท่าไรส่วนเรื่องการสู้แสงหน้าจอตัวนี้รองรับได้สบายครับสู้แดดได้ยามใช้งานกลางแจ้งและสามารถหรี่แสงได้เยอะเวลาอยู่มืดๆ ส่วนในเรื่องของการสัมผัสใช้งานหน้าจอนั้นติดนิ้วอย่างมากด้วยหน้าจอที่รองรับการสัมผัสสูงถึง 240Hz เลยทำให้เวลาสัมผัส เล่นเกมใช้งานมันค่อนข้างลื่นไหลและไม่มีดีเลย์เลยนั้นเองครับและด้วยหน้าจอที่รองรับ HDR เลยทำให้สามารถดู NETFLIX ได้แบบ HDR ครับและตัวภาพที่ทำออกมามันจะสวยกว่าหน้าจอทั่วไปเยอะเลยแหละเป็นประสบการณ์การดูที่ค่อนข้างแตกต่างมากๆจากรุ่นอื่นๆตัวจอรุ่นนี้ทำได้ดีมาก

120Hz

หน้าจอตัวนี้อย่างที่แจ้งไปว่ามันรองรับการใช้งานลื่นไหลสุด 120Hz ถือว่าสูงมากๆครับและด้วยความสวยงามทำให้มันรองรับ 120Hz ในหลายความละเอียดสูงสุด 3K ได้เลยถือว่าเป็นประสบการณ์ที่จัดเต็มมาก แน่นอนว่า 120Hz อาจจะเคยเห็นในรุ่นอื่นๆแล้วแต่ส่วนใหญ่จะใช้งานที่ FHD ครับแต่รุ่นนี้คือสุดมากลื่นไหลและยังมีความคมชัดอยู่ และที่สำคัญคือ การกินแบตมันไม่ได้สูบไหลเลยครับถือว่ายังจัดการเรื่องพลังงานได้ดีเป็นอีกจุดที่น่าสนใจเลยแหละ

SOUND 

ในเรื่องของเสียงทางรุ่นนี้แน่นอนว่าไม่มีรู 3.5 มม. แล้วนะครับและก็ไม่มีตัวแปลงแถมมาให้แล้วด้วย ส่วนเรื่องของเสียงนั้นรองรับ Hi-res แต่ก็ไม่ได้เน้นในเรื่องเสียงเช่นเดิมครับเสียงนั้นใส่เข้ามาให้พอรู้ว่ารองรับแต่ถ้าเน้นในแง่ของการฟังเพลงจริงๆอาจจะยังไม่ได้ดีเท่าไรนัก อาจจะแนะนำเป็นหางหนูตัวแปลงเทพๆมาเสริมดีกว่า ในส่วนของ Software นั้นรองรับ Dolby Atmos ด้วยแต่ก็แน่นอนว่าเป็นการปรับแต่งทาง Software นะครับปรับได้หลากหลายเลยแหละ ส่วนเสียงในภาพรวมจากที่ได้ลองนั้น เสียงโอเคกำลังขับดีกว่าแบบเดิมๆที่ไม่มี Hi-res ครับแต่ก็ไม่ได้รายละเอียด กำลังขับแน่นๆขนาดนั้น เสียงพอใช้งานได้ฟังเพลง รายละเอียดไม่จมฟังได้ชัดพอสมควรครับ เสียงย่านต่ำก็มีมากำลังดีไม่ได้กระแทกเน้นๆหรือรู้สึกอะไรเยอะแค่แบบพอให้มีมิติ ไม่ได้แบนเกินไปนั้นเอง รวมๆพอใช้ได้

แต่ทางด้านหูฟังขอบ่นนิดหน่อยถือว่าในเรทราคาแบบนี้ น่าจะแถมแบบที่เคยแถมในตัว Reno 10X มาให้แล้วนะ แต่อันนี้ยังเป็นแบบหูฟังธรรมดาๆ ไม่ได้เด่นอะไรเท่าไรเลยครับเมื่อเทียบกับราคาและความเป็น Find แอบเสียดายมากๆ ในด้านของโทนเสียงที่ได้ลองฟังก็อยู่ในระดับที่ฟังสบายเสียงที่ได้จากตัวเครื่องนั้นออกมามีเบสมาดีมาก เสียงย่านต่ำมาแบบนุ่มๆ และ เสียงมิติทำได้ค่อนข้างดี เวทีเสียงนั้นอาจจะไม่ได้กว้างมาก เสียงจะออกนุ่มๆฟังสบายๆเเละโทนเสียงไม่แหลมจนเกินไปครับ แต่ที่ชอบคือทรงแบบนี้มันใส่สบายและเหมาะสำหรับฟังเพลงนานๆหรือคุยโทรศัพท์อะไรพวกนี้ครับ ตัวหูฟังมีไมค์และปุ่มควบคุมมาให้ด้วย แต่ด้วยสีขาวอาจจะต้องรักษากันนิดหน่อยครับเป็นปกติเวลาใช้งาน แต่ถ้าเอาไปเทียบกับหูของ Reno 10X Zoom ตอนนั้นบอกเลยว่าตัวนั้นดีกว่าเยอะเลยแหละ

SPEAKER 

ทางด้านลำโพงบอกเลยว่าเอาเรื่องขึ้นครับ ทางเราเลยขอเอามาเทียบกับ S20 Plus กันนิดนึงเนื่องจากด้วยขนาดและราคาอาจจะใกล้ๆกันครับในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าตัวอื่นๆของค่ายนี้เยอะมากทั้งเรื่องของความดัง และมิติของตัวเสียงลำโพง เป็นลำโพงคู่ที่ทำได้ดีมากๆ ถ้าใครอยากได้ลำโพงดีๆจากค่ายนี้ตัวนี้ทำออกมาได้ดีมากๆเลยแหละครับ

GPS 

ในส่วนของการนำทางตัวนี้แอดมินทดสอบนำทางจริงๆ และ ใช้แอปทดสอบเช่นเคยครับตัวนี้จากที่ทดสอบจริงๆ นั้นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเรื่อง Dual Frequency  และแน่นอนว่าการใช้ CPU ตัวใหม่ๆก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบนำทางพวกนี้ได้แม่นยำมากขึ้นเยอะมาก ส่วนในการใช้แอปทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 35 ดวง จากทั้งหมด  64 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ กลางแจ้งนะครับ และ ในที่ร่มนั้นทำได้ 21 ดวง จาก 64 ดวงนะครับ  ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่นำทางได้ดีและค่อนข้างแม่นยำและไวต่อการใช้งานเยอะมากๆ อันนี้สบายๆไม่มีข้อกังวลเลยแหละ

BATTERY

แบตเตอร์รี่ รุ่นนี้มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ มากถึง 4,200 mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 2.0 ที่เป็นหัวชาร์จที่ไวที่สุดในตอนนี้ คือรองรับไฟ 65W และชาร์จเต็มได้ ภายใน 38 นาทีเอาเรื่องมากๆ แน่นอนว่าต้องขอทดสอบหน่อยครับว่าจริงแค่ไหน เลยมีการทดสอบชาร์จมาให้ชมกันด้วย และในรุ่นนี้ใช้งาน USB-C ด้วย จากที่ได้ลองชาร์จใช้งานนั้นจาก 0-100% นั้นสามารถทำให้เต็มได้ เร็วมาก 15 นาทีแบตขึ้นมามากถึง 59 % เลยครับ และชาร์จเต็มภายใน 37 นาที และ แบตใช้งานได้อึดเลยแหละ จากการใช้งานทั้งวัน ดู Netflix แบบ กักตัวอยู่บ้านยาวๆ 3 ชั่วโมง เล่นเกมด้วย รวมถึง เล่น Facebook ทั่วไปและมีทดสอบเปิดนำทางดูบ้าง ทำได้ หลายชั่วโมงพอสมควร และจอเปิด 7-8 ชั่วโมง ใช้งานได้ทั้งหมด 9 ชั่วโมง อันนี้คือเปิดหนักหน่วงมากครับ ถ้าปกติก็เพียงพอทั้งวัน

GAMING 

เรื่องของการเล่นเกมรุ่นนี้เเน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปคที่จัดเต็ม เรื่องของความลื่นไหลในเกมต่างๆทำออกมาได้ดีมาก ๆ เรื่องของการทัชตอบสนองได้ดีสมกับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ตัวเครื่องสูงสุด 43 องศา ทดสอบ 1 ชั่วโมงลดไป 17% รุ่นนี้เล่นเกมได้ต่อเนื่องอยู่ราวๆ 3 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น โดยรวมเรื่องของการเล่นเกมรุ่นนี้ OK เลยทีเดียวครับ

CAMERA

ในเรื่องการถ่ายภาพรุ่นนี้บอกเลยว่าตั้งใจจัดเต็มมากครับในรุ่น Pro ทำคะแนน DXOMARK จัดเต็มแม้แต่ก่อนจะเคยบอกว่าไม่ค่อยเน้นในคะแนน แต่ครั้งนี้ก็กลับมาจัดเต็มซะแล้ว ในการถ่ายจากที่ลองรุ่นนี้แม้จะไม่ใช่ตัว Pro แต่ก็ทำได้ดีเลยแหละในภาพรวม แต่ถ้าเรื่องการซูมอาจจะไม่เด่นมากนัก ในสเปคกล้องหลังตัวนี้มาพร้อมกับ เลนส์ 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586 (f/1.7), แฟลช LED, OIS + EIS, เลนส์กว้าง 120° 12MP (f/2.2) aperture ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX708, macro 3cm, เลนส์เทเล 13MP (f/2.4) ที่สามารถซูมแบบ hybrid optical ได้ 5x, ซูมแบบ digital ได้ถึง 20x และ Software ในการถ่ายอะไรก็ทำได้ดีครับ จัดการแสงมิติของภาพอะไรได้สวยงามเลยแหละ แต่ถ้านับเรื่องระยะในการซูมความคมชัดอะไรพวกนี้อาจจะยังไม่เทพเท่าไรครับ แต่ชอบเรื่องของการจัดมิติภาพ Dynamic Range โหดมากและความแม่นยำของสีที่ไม่ย้อมสีเวอร์ คือมันสมจริงมาก

 

SELFIES

กล้องหน้าในรุ่นนี้กับรุ่น  Pro นั้นจะใช้งานกล้องหน้าตัวเดียวกันครับคือกล้องหน้าความละเอียด 32MP มาพร้อมกับรูรับแสง F2.4 ซึ่งต้องบอกว่ามีความแคบพอสมควรเมื่อเทียบกับกล้องหน้ารุ่นอื่นๆแน่นอนว่าด้วยความที่ต้องการให้มันมีความเล็กที่สุดในการเจาะรูกล้องหน้านั้นเองเลยทำให้ต้องใช้รูรับแสงแคบครับ ส่วนในการใช้งานจริงๆในเวลากลางคืนหรือถ่ายทั่วไปนั้นถือว่าใช้ได้ครับ มันมีโหมดเข้ามาช่วยทั้งกลางคืนและถ่ายปกติ มีทั้งละลายหลังและถ่ายทั่วไปทำได้ดีกว่าที่คิด จริงๆในเรื่องกล้องหน้ารุ่นนี้ถือว่าไว้ใจได้เลยครับ และค่ายนี้ก็เด่นในเรื่องนี้มาพอสมควรเลย

VIDEO

การถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้ถือว่าเน้นๆมากครับ เพราะทั้งเรื่องของเสียงที่ครั้งนี้ยังใช้งาน OZO Audio และมาพร้อมไมค์ 3 ตัวรวมถึงมีระบบตัดเสียงลมอะไรเข้ามา เราเลยถ่ายกันแบบลมแรงๆกันไปเลยทดสอบกันครับ และยังมีโหมดกันสั่นเทพเข้ามาด้วยในการถ่ายเวลาวิ่งหรือเคลื่อนไหวเร็วๆ มาทั้งแบบมุมกว้างและมุมปกติเลยครับ ถือว่างานวีดีโอทำได้ดีกว่าเดิมเยอะมากในค่ายนี้รองรับการถ่าย 4K 60Fps และยังมีกันสั่นเทพเข้ามาช่วยด้วยถือว่าจัดเต็มมากขึ้น แต่เสียดายว่ากล้องหน้ายังไม่มีการรองรับการถ่าย 4K อะไรเข้ามาแม้จะเป็นเรือธงแล้วก็ตามครับ ได้แค่ FHD 30Fps

OPPO FIND X2 5G 

” เมื่อ OPPO จัดเต็มทั้ง กล้อง หน้าจอ สเปค วัสดุพรีเมี่ยม บอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ ”

เมื่อค่ายนี้เน้นเรื่องกล้องหนักๆในการถ่ายวีดีโอ ภาพนิ่งบอกเลยว่ามันสู้เรือธงตัวอื่นได้ทันทีและดีมาก งานวีดีโอเทพมากขึ้นกว่าเดิมเยอะและดีกว่าคุ่แข่งหลายๆตัวครับไม่ค่อยเห็นค่ายจีนจะเน้นเรื่องนี้มากในแต่ก่อน แต่ตอนนี้บอกเลยว่ามันยุคของงานวีดีโอเทพๆแล้ว ส่วนด้านหน้าจอก็แข่งกันสุดๆ ครั้งนี้ก็จัดเต็ม 120Hz 3K และสีที่ตรงมากๆในการใช้งานจึงไม่แปลกใจว่าทำไมมันมีตุ้นทุนราคาที่สูงกว่าทั่วไปครับเมื่อได้ลองแล้วเข้าใจได้ แต่คนที่ไม่ได้จับของจริงอาจจะมองว่าแพงไปอะไรยังไง แต่ถ้าได้ลองแล้วต้องบอกว่าสมราคา และหวังว่ารีวิวตัวนี้จะช่วยตัดสินใจได้บ้างนั้นเองครับ รวมถึงงานประกอบ เสียงลำโพงอะไรก็พัฒนาขึ้นทั้งหมดจนกล้าเรียกว่ามันคือ เรือธงพรีเมี่ยมได้เต็มปากครับ ส่วนข้อที่น่าบ่นที่น่าบ่นเลยจริงๆคือการไม่รองรับชาร์จไร้สายในเรทราคานี้ และ  รองรับการกันน้ำแค่ IP54 ครับ

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้สวยและดูดีสมจริงที่สุดในตอนนี้
  • หน้าจอใช้งานมีความลื่นไหล 120Hz ในความละเอียดสูง 3K
  • ประสิทธิภาพในการใช้งานทำได้ดี
  • แบตชาร์จได้ไวมาก และ รองรับการใช้งานได้ทั้งวัน
  • ตัวเครื่องงานประกอบ เนียน สวย และมีคุณภาพ
  • ระบบเสียง ทำได้ดี มาพร้อมลำโพงคู่
  • ให้ RAM STORAGE มาจัดเต็มพอสมควร
  • OS ทำได้ดีและน่าใช้งานขึ้นกว่าเดิม
  • รองรับ 5G แล้ว
  • งานวีดีโอทำได้ดีมากๆ ทั้งเสียง และ คุณภาพ

ข้อสังเกต

  • ตัวกล้อง ในระยะซูมอาจจะยังไม่โหดมากนัก
  • ยังไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
  • หน้าจอโค้งพอสมควร
  • กันน้ำ IP54

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ