Redmi Note 9s ก็ได้เปิดตัวในไทยกันไปเรียบร้อยครับแต่ในครั้งนี้เราจะมาพรีวิวแกะกล่องกันในรุ่นพิเศษคือรุ่น MFF นั้นเองมันคือรุ่นพิเศษ สำหรับ Mifans ทำออกมาทั่วโลกแค่ 2,020 เครื่อง เท่านั้นและจะมีจุดแตกต่างกันเล็กๆน้อยครับในส่วนของฝาหลังนั้นจะมีเขียนว่า MFF 2020 และมีรูปทรงสัญลักษณ์เจ้ากระต่ายประจำค่ายของ Xiaomi MFF Limited Edition ซึ่งเปิดขายในช่วง Mi Fan Festival 2020 (MFF 2020) ที่ผ่านมานั้นเอง แน่นอนว่ามันเป็นความ Limited เด่นในเรื่องของสเปคอะไรแน่นอนว่าเหมือนกับรุ่นที่ขายไปก่อนหน้านี้ทุกอย่างครับทั้ง กล้องหน้าหลัง สีตัวเครื่องอะไรพวกนี้รวมถึงทางด้านสเปค CPU ด้วยเช่นกันมีแค่ลวดลายเท่านั้นตรงโลโก้ ที่จะพอมองออกว่าเป็นจุดแตกต่างกันสำหรับเข้า MFF Limited Edition ในรอบนี้ครับ ส่วนตัวเครื่องในภาพรวมจะเป็นยังไงเรามาแกะกล่องพรีวิวกันให้ชมกันก่อนครับ แน่นอนว่าสาวก Mifan ต้องไม่พลาดกันแน่นอนสำหรับรุ่นนี้
ทางด้านสเปค Note9S นั้นมาพร้อมกับ Qualcomm® Snapdragon™ 720G ซึ่งประกอบไปด้วย octa-core CPU ให้ความเร็วสูงสุดถึง 2.3GHz และ GPU Adreno™ 618 และเทคโนโลยีการประมวลผล 8 นาโนเมตร พร้อมกับ RAM 6 GB STORAGE 128GB แบบ UFS ด้วยนะ ส่วนในเรื่องของหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 20:9 พร้อมกับเป็นหน้าจอแบบเจาะรูครับ ไม่ใช่ติ่งหยดน้ำแล้วนะ พิกเซล (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับการแสดงผล 91% และใช้งานหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla Glass 5 ส่วนทางด้านกล้องหน้าให้มาที่ 16MP พร้อมกับกล้องหลังให้มา 48MP f/1.79 + Ultra-Wide 119 องศา ความละเอียด 8MP f/2.2 + Macro 5MP ระยะโฟกัส 2 ซม. + Depth 2MP ครับ ส่วนทางด้านแบตนั้นให้มา ความจุ 5020 mAh รองรับ Fast Charge 18W ครับ แต่ที่ชาร์จในกล่องให้มา 22W เผื่ออนาคตไว้ให้เลยครับ
Redmi Note 9S รุ่น MFF Limited Edition ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 2020 เครื่องทั่วโลกเท่านั้น โดยจำหน่ายใน ราคา 7,999 บาท ครับ สี INTERSTELLAR GRAY นะครับมีแค่สีเดียว และมีโลโก้ MFF 2020
UNBOX
- ตัวเครื่อง XIAOMI REDMI NOTE 9S MFF 2020
- เคสใสดำ TPU
- หัวชาร์จ 22W
- สาย USB-C
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- ตัวกล่องมีมุมซ้ายบนเขียนว่ารุ่นพิเศษ
ตัวเคสนั้นทำออกมาได้กระชับและมีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า แต่ครั้งนี้เหมือนจะทำวัสดุออกมาได้ดีกว่าเดิมนิดนึงครับตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงเท่ากันกับหน้าจออาจจะไม่ปกป้องเท่าไร ทำให้เวลาวางหรืออะไรนั้นไม่ได้ปกป้องเท่าที่ควรทั้งหน้าและหลัง ส่วนวัสดุหนากำลังดี และมี จุกปิดพอร์ตมาให้ครับสำหรับช่องชาร์จ USB-C ถือว่าปกป้องได้ระดับนึงครับ แต่ตัวป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องนั้นจะไม่มีขอบพิเศษมาให้ครับคือจะปกป้องหน้าจอ หรือ เลนส์กล้องไม่ได้เลยนั้นเอง
ตัวเคสนั้นไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้เวลาวางคว่ำ คือตัวขอบเคสมันไม่ได้มีความนูนสูงอะไรขึ้นมาแบบเยอะอะไรครับ ผิดกับของค่ายอีกค่ายที่เคสนั้นดูดีกว่าเยอะเลยในแง่ของการป้องกันตัวเครื่องเวลาวางต่างๆมีการนูนขึ้นรอบๆและทำมุมพิเศษทั้ง 4 มุมครับ ส่วนด้านหลังตรงกล้องนั้นมีนูนขึ้นมาตามความนูนของโมดูลกล้องแต่ก็ไม่ปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเท่าที่ควร เวลาวางคว่ำพื้นผิวเรียบๆก็พอกันได้แต่ถ้าใช้งานติดฟิล์มอะไรเข้าไปก็จะนูนมาป้องกันไม่ได้ครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้แตกต่างกับตัวปกติเท่าไร รวมถึงตัวเคสอะไรน่าจะมีความแตกต่างกันบ้างครับ แต่อีกอย่างก็พอเข้าใจได้คือราคามันแทบจะไม่ได้มีการ + เพิ่มจากปกติเลยทำให้มันไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนักในเรื่องของอุปกรณ์เสริม จะมีแค่โลโก้ตรงกลางเครื่องเท่านั้นเอง ทั้งสีสเปคทุกอย่างเหมือนกับ NOTE9S ปกติทั้งหมดเลยครับรวมถึงสเปค RAM ROM และราคาด้วย งานประกอบวัสดุตามราคาครับ ฝาหลังสวยงามเล่นกับแสงได้ดี สะท้อนแสงเล่นสีอะไรสวยเลยแหละ สีเทาแต่ก็มีผสมฟ้านิดหน่อย พร้อมกับ รองรับการรับน้ำกระเด็นได้ มีขอบยางตรงถาดซิมมาให้ด้วยอันนี้คือข้อดีเลยแหละ ส่วนกระจกใช้ Gorilla Glass 5 ด้วยในส่วนของด้านหน้าตัวเครื่องครับ
ทางด้านหน้าจอ นั้นมาพร้อมกับ 6.67 นิ้ว. ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 พร้อมกับสัดส่วนต่อตัวเครื่อง 91% ถือว่าเยอะขึ้นและใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูตรงกลางครับ ส่วนหน้าจอนั้นใช้กระจก GORILLA GLASS 5 พร้อมความสว่างสูงสุด 450 Nits รองรับ HDR 10 รวมถึง NTSC 84% ครับ
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีความหนามากกว่าส่วนอื่นๆนิดหน่อยครับ ส่วนทางด้านการควบคุมนั้นสามารถใช้งานทั้งแบบเต็มจอ และ แบบปุ่มในภาพได้ครับ จะเห็นว่าตัวหน้าจอนั้นจะมีฟิล์มติดมาให้อยู่เป็นพลาสติกปกติครับ
ขอบเครื่องด้านบน ทำได้ค่อนข้างบางมาก พร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรู พร้อมกล้องหน้า 16MP และ แทรกลำโพงอยู่ตามขอบ รวมถึง จะเห็นสถานะไฟแจ้งเตือนแทรกอยู่ ไฟ LED ขาวครับ และ ตรงเซนเซอร์อะไรก็แทรกไว้ทั้งหมดเลย
ขอบเครื่องทางด้านขวานั้นจะเป็น ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และมาพร้อมกับ ปุ่ม POWER พร้อมการรองรับสแกนนิ้วไปในตัวครับ ปุ่มนั้นจะสามารถกดลงไปได้เป็นปุ่มปกติ และสแกนนิ้วได้แบบสัมผัสครับ ตัวเครื่องทำออกมาได้บางกำลังดีเลย
ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของ ไมค์ตัดเสียง และ IR สำหรับการควบคุมอุปกรณ์ทั้งหลายครับ ยังคงมีมาให้นะ แต่ที่เห็นชัดนั้นจะเป็นเรื่องของกล้องหลังที่ค่อนข้างนูนพอสมควรเลยเมื่อเรามองจากด้านบนแบบนี้ครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Triple Slot พร้อมกับรองรับการเพิ่ม Micro-SD แน่นอนว่าถาดซิมนั้นมียางซีลกันน้ำมาให้ด้วยสำหรับการป้องกันน้ำกระเด็นพวกนี้แต่แน่นอนว่าไม่รองรับ IP Rating นะครับ
วัสดุขอบเครื่องเป็นสีแบบด้านครับดูดีสวยงามพอสมควรเลย พร้อมกับลำโพงหลัก และรูไมค์ รวมถึง มี USB-C และ รู 3.5 มม. ยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนครับสำหรับรุ่นนี้ ฝาหลังโค้ง 3D ลงมาสวยงามและรับมือได้กำลังดี
ฝาหลังนั้นเป็นสีเทาแบบเดียวกับรุ่นปกติครับ เล่นกับเงาแสงสีอะไรสวยงามมากมาพร้อมกับกล้องหลังทรงสี่เหลี่ยมแปลกตาดี และ โลโก้วางไว้ตรงกลางพร้อมกับ โลโก้ พิเศษ MFF 2020 เป็นจุดเดียวที่จะพอมองออกเลยก็ว่าได้ว่าเป็นรุ่นพิเศษครับ จริงๆถ้าทำสีพิเศษมาให้หน่อยจะดู LIMITED มากกว่านี้ไปอีก ฝาหลังใช้กระจก นะครับ และออกแบบลงสีอะไรมากว่า 20 ขั้นตอน ทับไปด้วย Corning Gorilla Glass 5 แบบเดียวกับด้านหน้าเลยโหดมาก
ทางด้านกล้องหลังมาในการออกแบบแบบสี่เหลี่ยมพร้อมกับ ไฟแฟลช และ มีการเล่นสีดำให้ดูใหญ่ขึ้นในส่วนของกล้องพร้อมกับ 4 ตัววางทำมุมสี่เหลี่ยมกัน มีกรอบล้อมรอบส่วนบน จริงๆถือว่าแปลกใหม่และแตกต่างดีครับเพราะบางยี่ห้อก็ยังคงอิงดีไซน์เดิมไม่ได้เปลี่ยนอะไรอาจจะเบื่อได้ง่าย แต่ของ redmi เองนั้นทำได้น่าสนใจเลยแหละ กล้องหลังมาพร้อมกับ 48MP f/1.79 + Ultra-Wide 119 องศา 8MP f/2.2 + Macro 5MP ระยะโฟกัส 2 ซม. + Depth 2MP ครับ
SPEC
- Android 10 + MIUI 11
- หน้าจอเจาะรู ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10 ใช้งาน Gorilla Glass 5
- ฝาหลังกระจก Gorilla Glass 5 3D
- CPU Snapdragon 720G 8nm
- RAM (LPDDR4x) 6GB
- STORAGE UFS 2.1 128GB รองรับ MicroSD card
- กล้องหลัง 48MP f/1.79 + Ultra-Wide 119 องศา 8MP f/2.2 + Macro 5MP ระยะโฟกัส 2 ซม. + Depth 2MP
- กล้องหน้า 16MP
- ใช้งาน USB-C พร้อมรองรับ IR Blaster
- แบตเตอรี่ 5020 mAh รองรับชาร์จไว 18W (แถมในกล่อง 22W )
- สีเทา Interstellar Grey แค่สีเดียวเท่านั้นในรุ่น MFF
SCREEN
ทางด้านหน้าจอนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรู มาในขนาด 6.67 นิ้ว. ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9 พร้อมกับสัดส่วนต่อตัวเครื่อง 91% ถือว่าเยอะขึ้นและใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูตรงกลางครับ ใช้กระจก GORILLA GLASS 5 พร้อมความสว่างสูงสุด 450 Nits รองรับ HDR 10 รวมถึง NTSC 84% ครับ ส่วนทางด้าน CONTRAST 1500:1 แน่นอนว่าเรื่องหน้าจอนั้นการแสดงผลอะไรทำได้สวยและสู้แสงกำลังดีอาจจะไม่ได้โหดมากนักแต่ก็พอใช้ได้ครับ หน้าจอสวยมีมิติ ใช้กระจกดี ขอบบางสวยงามแต่ในเรื่องของการสัมผัสนั้นแอบรู้สึกว่ามันยังไม่ลงตัวเท่าไรมีหน่วงบ้างครับในการสัมผัสความติดนิ้วอะไรนั้นยังไม่ค่อยดีมากนัก
ANTUTU
คะแนน Antutu นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 720G ตัวแรงเอาเรื่องเมื่อเทียบกับราคาของมัน ในรุ่นนี้มาพร้อมกับ RAM 6 GB ความจุขนาด 128GB ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบนั้นทำไปได้ที่ 279K ก็ถือว่าเป็นมือถือในเรทราคาต่ำกว่าหมื่นที่เน้นเรื่องสเปคความคุ้มค่าได้ดีมากๆอีกรุ่นครับทั้งการใช้งานและเล่นเกม เลยทำให้มันเป็นตัวเลือกสำหรับสายเกมได้ดีและในการใช้งานด้านอื่นๆ CPU ค่ายนี้ก็รองรับการใช้งานได้อิสระไม่ต้องกังวลเลยแหละครับ
ANDROBENCH
ในด้านของหน่วยความจำตัวนี้ใช้งาน UFS 2.1 ครับถือว่าน่าสนใจเลยแหละ อาจจะไม่ได้เป็นตัวสเปคแรงมากแต่เทียบราคาของมันก็ดีกว่า EMMC แน่นอน ในการอ่านเขียนจะทำไปได้ที่ 502 และ เขียน 209 ครับผม ในการใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ดีกว่ารุ่นก่อนๆและเทียบเท่ากับมือถือในเรทราคาหมื่นต้นๆของบางค่ายได้เลยครับ
CAMERA
กล้องหลังในรุ่นนี้ให้มา 4 ตัวแน่นอนว่ารองรับทั้ง มุมกว้าง โหมดกลางคืน และ โหมดโปรครับ กล้องหลังให้มาสูงสุด 48MP พร้อมกับรูรับแสง f1.79 ในตัวหลักเรื่องของคุณภาพนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆเท่าไร ส่วนเรื่องของมุมกว้างให้มาด้วยในตัวที่ 2 Ultra-Wide 119 องศา 8MP f/2.2 และแน่นอนว่าในยุคนี้หลายๆคนให้ Macro 5MP สามารถถ่ายได้ที่ระยะโฟกัส 2 ซม. และ เลนส์ตัวสุดท้ายเป็นจับระยะ สำหรับทำหน้าชัดหลังเบลอ Depth 2MP ในภาพรวมนั้นถือว่าถ่ายได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าใครเน้นเรื่องของกล้องหนักๆอาจจะไม่ได้เหมาะมากนักครับสำหรับรุ่นนี้ แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นในเรื่องของกล้องจากรุ่นเดิมแต่อาจจะไม่ได้เยอะมากนัก เราไปลองดูตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยครับ
REDMI NOTE 9S MFF เน้นความ Limited !
ทางเรื่องของสเปคนั้นแน่นอนว่ามันไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติมาก รวมถึงราคาก็ไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติด้วย ถ้าใครกดทันถือว่าคุ้มค่าเลยแหละครับเพราะได้โลโก้ MFF มาท้ายเครื่องดูเด่นดีแต่แอบเสียดายในหลายๆอย่างถ้ามองมันเป็นรุ่น MFF LIMITED น่าจะทำสีเฉพาะไปเลยมากกว่าหรือมีเคสพิเศษทำให้ดูน่าสนใจอาจจะเพิ่มราคานิดหน่อยก็รับได้นะ แน่นอนว่าทำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบคือราคาไม่ต่างจากเดิม ใครกดทันคือดีมากครับแต่ถ้ากดไม่ทันก็ไม่ต้องเสียดายอะไรเพราะมันไม่ได้มีจุดแตกต่างกันมากเท่าไร ถ้ามองราคามันทั้งสเปคเอง หน้าจอพวกนี้ทำออกมาได้ลงตัวทั้งหมด ส่วนการใช้งานจริงๆเรื่องการเล่นเกม นำทาง ลำโพง ระบบเสียงจะเป็นยังไงนั้นรอติตตามรีวิวเต็มได้เร็วๆนี้
สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview by Nineztr