ASUS เป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีครับ แต่ถ้าบอกว่า ProArt หรือ ซีรีย์ StudioBook หลายๆคนคงยังไม่ค่อยคุ้นกันแน่ๆเพราะมันเป็นซีรีย์ที่ทำออกมาตอบโจทย์สายงาน ครีเอเตอร์ งานออกแบบ แบบเต็มที่ครับเป็นสายงาน Workstation เลยก็ว่าได้ครับมันจึงมีสเปค อะไรที่เน้นในเรื่องของความแม่นยำของจอภาพรวมถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ รองรับการเรนเดอร์ระดับสูงได้ดีมากๆและรองรับการประมวลผล 3 มิติได้เยอะกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปและในครั้งนี้เรามาอยู่กับ Studiobook 15 เป็นตัวเริ่มต้นของทางค่ายครับที่มีราคาที่ไม่แรงและสเปคยังรองรับการทำงานได้ดี และรวมถึงใช้งานทั่วๆไปเล่นเกมได้บ้างโดยการใช้ RTX 2060 Studio และ i7 Gen9 ครับในรุ่นนี้ และที่เด่นๆคือมาพร้อมกับหน้าจอที่มีความแม่นยำของสี Delta <1.5 และ 100%SRGB อีกด้วยครับโหดมากๆ

ASUS Proart StudioBoook15 H500GV นั้นจะมาพร้อมกับ i7-9750H พร้อมกับ Nvidia RTX2060 Studio 6GB GDDR6 VRAM และ RAM 16GB DDR4 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1และ SSD 1TB ครับในรุ่นนี้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้น 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits รองรับมาตรฐาน 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color และ Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated ถือว่าเรื่องหน้าจอนั้นจัดเต็มเอาเรื่องมากๆสีมีมิติและตรงจริงๆเป็นจอที่สวยอันดับต้นๆเลยครับ ส่วนทางเรื่องของเสียงนั้นมาพร้อมกับ ชิพเสียง   ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification ถือว่าในภาพรวมทั้งหน้าจอ เสียง ประสิทธิภาพนั้นไม่น่ามีปัญหาเลยในการใช้งานทำงานจริงๆครับและเป็นตัวที่เริ่มต้นสำหรับสายงานนี้ได้ดีมาก

ASUS PROART STUDIOBOOK 15 มาพร้อม i7 9750H+RTX2060+ RAM 16GB + SSD1TB  ราคาเปิดมาที่ ProArt StudioBook H500GV-HC002T ราคา 64,990 บาท

UNBOX

อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้เหมือนรุ่นอื่นๆครับ ทางด้านการออกแบบตัวกล่องนั้นเรียบๆการเปิดนั้นเป็นเหมือนลิ้นชักดึงออกมาแล้วตัวเครื่องมันก็จะสไลด์ออกมาในด้านข้างครับ ถือว่าสวยงามพอสมควรเลย แต่จริงๆจะมีตัวกล่องใหญ่ข้างนอกอีกชั้นนะครับสำหรับใส่ที่ชาร์จเพราะในกล่องนั้นจะไม่สามารถใส่ได้จะเป็นที่ชาร์จกล่องแยกออกมาครับ

DESIGN 

งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่าแอบมีความคล้ายกับตระกูล Zephyrus เลยแหละครับทั้งงานออกแบบและขนาดของมันรวมถึงการใช้งานวัสดุข้างนอกข้างในผสมกับแม็กนีเซียมถือว่าแข็งแรงใช้ได้เลย ส่วนเรื่องของขนาดและน้ำหนักก็ถือว่ากำลังดีครับ จริงๆมันน่าจะเป็นโมเดลเดียวกับสายเกม แต่จะเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยให้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทางด้านสีนั้นก็เป็นสี  Star Grey จะเป็นสีดำๆเทาๆครับจะคนละแบบกับรุ่นอื่นและมีเพียงแค่สีเดียวเท่านั้นด้วยในรุ่นนี้ โดยรวมงานประกอบและการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ดีพรีเมี่ยมเท่าเดิมเลยและเก็บงานอะไรเนียนตาและไม่หนักเท่าไร

การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับ แต่เแม้จะไม่มี Ergo Lift แต่ตัวเครื่องก็มียกด้านหลังให้สูงเพื่อระบายได้ดีขึ้นมาด้วยครับ และรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ  เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเองเพราะขอบบาง

วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่องครับ ตัว ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 32GB + รวม 16GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น 48GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซับเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 4-5 เส้นที่ให้มา ถือว่าเยอะมากๆครับในการใช้งานระบายความร้อนและคิดมาดีมากๆ

ข้อต่องานประกอบนั้นมีแน่นหนาแข็งแรงครับสามารถกางได้ระดับนึง แต่ไม่ได้กางได้สุดตัวขาพับนั้นไม่ได้มีระบบยกตัวเครื่องอะไรครับแต่ตัวเครื่องรุ่นนี้ด้านหลังจะยกสูงกว่าปกติอยู่แล้วระดับนึงเลย และขอบหน้าจอนั้นบางมากๆทั้ง 3 ด้านและขอบล่างนั้นจะมีเขียนโลโก้ชื่อรุ่น และไม่มีกล้องหน้านะครับ ส่วนด้านหลังเขียนโลโก้ตรงกลางเครื่องพร้อมการปัดลายเอียงๆตามสไตล์แบรนด์เค้าแหละรวมถึงตัวโลโก้ของ ASUS ก็เป็นโครมเมี่ยมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน

ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่อง ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม และด้านในจะเป็นช่องสำหรับดูดลมร้อนเข้าไป

งานออกแบบด้านในจะเป็นวัสดุแบบด้านสีโทนเดียวกับฝาหลังและจะมีการเล่นพื้นวผิววัสดุ 2 แบบครับจะเห็นว่าด้านบนนั้นจะเป็นลายๆชีดและมีตัดขอบสีทองด้านบนแบบเข้มๆสะท้อนแสงนิดหน่อย แต่ด้านล่างที่เป็นแป้นคียบอร์ดนั้นจะเป็นอีกวัสดุโทนสีนึงครับก็ถือว่ามีลูกเล่นให้มานิดหน่อยมีความหรูหราเพิ่มมากขึ้น ส่วนปุ่มลัดต่างๆให้มาเยอะครับ และพวกปุ่มเปิดปิดหรือจะเป็นปุ่ม เพิ่มลดเสียงจะอยู่มุมซ้ายของเครื่องวางตำแหน่งเดียวกับพวกรุ่น ROG ทั้งหมดเลย

SPEC

  • Windows 10 
  • Intel® Core i7-9750H processor 2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
  • NVIDIA GeForce RTX 2060, 6GB GDDR6 VRAM
  • Display 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits IPS-level 1200:1 contrast ratio 400nits Anti-glare panel 7.5mm-thin bezel with 82% screen-to-body ratio 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated
  • Memory 16GB 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1)
  • Storage 1 TB (PCIe® NVMe Gen 3 x4 SSD x 2) Supports RAID 0/1 (up to 48Gbps)
  • Interfaces 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C with Display Port (10Gbps) 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (10Gbps) 2 x USB 3.1 Gen 1 Type-A (5Gbps) 1 x HDMI 2.0 1 x Audio combo jack 1 x Microphone input jack 1x RJ45 LAN jack
  • Keyboard Full-size backlit keyboard with 1.2mm key travel and designer-tailored hot keys, Discrete Arrow key area
  • Audio ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification
  • 2 speakers with Smart AMP technology
  • Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
  • Wi-Fi. Dual-band 2×2 Wi-Fi 6
  • Bluetooth® Bluetooth® 5.0
  • Battery and Power 76Wh 4-cell lithium-polymer battery 230W power adapter Plug Type: ø6.0 (mm) (Output: 19.5V DC, 11.8A, 230W) (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)
  • Weight and Dimensions  Height:  1.89cm (0.74 inches) Width: 36.0cm (14.17 inches) Depth:  25.2cm (13.85 inches) Weight:  1.98kg (4.37 pounds)

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ ใช้งาน i7-9750H 2.6GHz hexa-core พร้อมด้วย Turbo Boost (สูงสุด 4.5GHz) และมาพร้อมกับ 12MB cache และในด้านของการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 แต่จะแยกเป็น 16GB OnBoard และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 48GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้

PCMARK

นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างดีระดับนึง แน่นอนว่าตัว i7 9750H นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 4201  คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 4,400 คะแนนครับ

3DMARK

นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5287 ถือว่าดี และในคะแนน Time Spy Extream นั้นทำไปได้ 2628 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง  ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 2 แบบ และ ในการทดสอบนั้นถ้าทดสอบในห้องแอร์นั้นจะได้ที่ 5408 และ 2710 คะแนนครับ ส่วนตัว Port Royal และ  Fire Strike Ultra  นั้นทำคะแนน 3091 และ 2628 คะแนนครับ

CINEBENCH R20 R15 / SSD 

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1279 cb/ 98.03 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผมส่วนเรื่องความร้อนนั้นตามที่แจ้งไป ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันครับ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3030 CB เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ถือว่าคะแนนทำได้ดีทั้ง Single และปกติ ส่วนตัว SSD นั้นทำการอ่านเขียนไป 3420MB/s และ 2363MB/s  ถือว่าแรงเอาเรื่องและรองรับ RAID0 ด้วยครับ และแน่นอนว่าตัวนี้ก็สามารถใส่ได้เพิ่มอีก 1 แถวนะครับในการอัพเกรดถือว่าค่อนข้างยืนหยุ่นและรองรับการทำงานได้สบายๆทั้งประสิทธิภาพและเร็ว

SCREEN

ถ้าถามว่าสายทำงานจอสวยๆตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่ทำได้ดีอีกตัวดีกว่าตระกูลอื่นๆครับแต่แน่นอนว่าในตระกูลนี้ก็ยังมีจอเทพกว่านี้มาอีกแน่นอนที่ค่าเดลต้าต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้ามองว่าเป็นตัวเริ่มต้นตัวนี้ก็ถือว่าเอาเรื่องเหมือนกันในเรื่องของหน้าจอ ทั้งเป็นจอ 4K และมีความแม่นยำสูงรองรับ sRGB 100% + Delta E น้อยกว่า 1.5 ถือว่าดีกว่าตัวอื่นเยอะครับ หน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอ 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) ความสว่างสูงสุด 400 nits หน้าจอแบบ IPS-level ค่าคอนทราส 1200:1 พร้อมหน้าจอด้านขอบบาง 7.5 มม. และสัดส่วนต่อตัวเครื่องสูงถึง 82% รองรับ 100% Adobe RGB color gamut, และสี 8-bit Delta-E < 1.5 ความแม่นยำสูง และยังได้ โทนสี PANTONE® Validated ถือว่าเป็นจอสายทำงานจริงๆและยังได้จอด้านครับจริงๆจะเจอแต่จอเงาในสายทำงาน แต่จริงๆจอด้านนั้นเหมาะกับการพกพามากกว่าหลายๆรุ่นในยุคนี้เลยหันมาใช้งานหน้าจอแบบนี้กันหมดเลย ก็ถือว่าอาจจะสวยไม่สุดเท่าจอแบบเงา แต่ก็ได้ในความหลากหลายในการใช้งานเข้ามาแทนนั้นเองครับ และจอตัวนี้ทำได้ดีมาก

หน้าจอด้วยความที่มันเป็นแบบ IPS ทำให้มันรองรับการทำงานแบบต้องการความแม่นยำได้อย่างดีครับ ความเพี้ยนของสี เวลาเอียงๆหรือใช้งานในมุมต่างๆแทบจะไม่แตกต่างเลยรวมถึงคุณภาพของตัวมิติสี ต้องบอกว่าตัวนี้เป็นจอที่ดีสุดเท่าที่รีวิวมาของ ASUS เลยครับทั้งเรื่องมุมมอง ความสว่างและความสวยงามของสีรวมถึงมิติของภาพและได้จอที่มีความแม่นยำสูงมากๆตัวนึงทำงานแล้วชัดเจนเลยว่าสีตรงครับ และมิติของภาพสวยจริงๆในการเล่นเกม ทำงานหรอืดูหนังอันนี้รู้สึกต่างจริงๆ และรวมถึงในความสว่างของจอภาพนั้นมาดีมากๆแม้จะเป็นจอด้านก็สู้แสงข้างนอกสบายครับ

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่พร้อมกับ SmartAMP แน่นอนว่าทางด้านลำโพงค่ายนี้นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่แล้วครับและในครั้งนี้ใส่ในเรื่องของ ชิพเสียงมาให้ด้วยเป็นของ ESS และรองรับ Hires ครับแน่นอนว่าช่วยในเรื่องชองเสียงที่มีมิติคุณภาพขึ้นในตัวหูฟัง แต่ในเรื่องของลำโพงนั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากครับเพราะลำโพงนั้นยังไม่ได้รองรับส่งเสียงแบบ Hires ออกมาไม่เหมือนทางด้านหูฟังที่จะจับได้ง่ายกว่าส่วนเรื่องของลำโพงแน่นอนว่ามีตัวช่วยขับทำให้เสียงมันดังขึ้นและมีกำลังมากขึ้นครับ เสียงค่อนข้างมีมิติพอสมควรแยกซ้ายขวาได้ชัดเจน รวมถึงความดังอันนี้ก็ต้องบอกตรงๆว่ามันไมไ่ด้ดังสะใจมากเท่าไรถ้าเราเทียบกับพวกสายเกมมิ่งรุ่นใหม่ๆครับ แต่จะได้มิติเสียงมาแทนความดัง เลยเมื่อเทียบกันนั้นลำโพงตัวอื่นๆความดังเลยอาจจะยังไม่ได้ดีเท่าไรหรือสะใจมากเท่าไรนั้นเองครับ

TOUCHPAD 

ตัวทัชแพดนั้นตัวนี้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือจะไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา แยกกันนะครับ ดูเป็นชิ้นเดียวกันและแน่นดูแข็งแรง รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ  ทัชแพดอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่สะใจอะไรมากครับขนาดกำลังดีต่อการใช้งาน โทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอป เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักการกดปุ่มก็ไม่เจอปัญหาอะไร

KEYBOARD 

ตัวคีย์บอร์ดมาครบทั้งตัวปุ่มเสริมในด้านบน ลูกศรในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันครับ ส่วนรุ่นนี้นั้นจะแอบแปลกตาซะหน่อยเพราะไฟนั้นเป็นสีขาวล้วนครับ ส่วนตัวปุ่มนั้นการออกแบบเว้นระยะห่างยังคงทำได้ดีความรู้สึกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ส่วนพวกปุ่มการวางตำแหน่งต่างๆนั้นก็ยังคงคุ้นเคยกันได้อย่างดี การจัดวางปุ่มอะไรใช้งานได้ง่ายและเว้นระยะห่างกำลังดีครับ รวมถึงคีย์ลัดต่างๆ ปุ่ม Spacebar ก็มีขนาดกำลังดี การวางทำให้เราคุ้นเคยแบบเดียวกับ ROG G15 เป๊ะๆครับทั้งปุ่มต่างๆ แต่จะเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นสายทำงานมากขึ้นจะไม่ได้มีพวก ปุ่มปิดไมค์ หรือ เล่นเกมอะไรพวกนี้มาให้

ปุ่มนั้นลงไประยะที่ 1.2 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี Over Stroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG เลยนะทั้งการวางและความรู้สึกครับรวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเปลี่ยนเพลง เล่่นเพลง เปิดเครื่อง อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก แน่นอนว่าตำแหน่งวางอะไรคล้ายรุ่นอื่นมากๆครับทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะถ้าเคยใช้งานรุ่นอื่นๆของค่ายนี้มาก่อนรวมถึง ROG ด้วยครับเป๊ะมากๆเลย

CONNECTOR

พอร์ตต่างๆในด้านขวาด้านนี้ USB Type-A 3.0  ทั้งหมด 2 ช่อง และ รวมถึงช่องระบายความร้อน และ ตัว Kinsington Lock อยู่หลังสุดครับ ส่วนลำโพงนั้นจะยิงลงด้านล่างมุมขวาและซ้ายของเครื่องครับ เสียงก็ยังคงทำได้ประทับใจ จริงๆถือว่างานออกแบบในตระกูลนี้ยังคง Layout เดิมๆทั้งหมดเลยครับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

ด้านนี้นั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์ และ รูหูฟังแบบ 3.5มม แยกกันนะครับ และ USB A 3.2 และ HDMI 2.0 รวมถึง ยังคงมีช่อง LAN และ ช่องสำหรับจ่ายไฟเข้าเครื่องครับ ในด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สายจะเป็น Bluetooth 5 และ Wi-Fi 6 ถือว่ารองรับการใช้งานเชื่อมต่ออะไรได้สบายๆครับแบบไร้สายและแบบมีสาย

WORKING

ในการทำงานจริง สายทำงานในตัว intel นั้นจะค่อนข้างเด่นถ้าเราเน้นทำงานแบบโปรแกรมเดียวล้วนๆและลองประสิทธิภาพของมันน่าจะทำได้ดีครับแต่ถ้าเข้าทำงานหลายๆโปรแกรมพร้อมกันนั้นอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรแน่นอนว่าถ้าเทียบในช่วงนี้ที่อีกค่ายนั้นมีคอร์ เทรด มากกว่านั้นเอง แต่ยังไงเราก็ต้องมาลองเจ้านี้กันหน่อยสำหรับการทำงานจริงๆครับในหลายๆสายงามหลายๆโปรแกรมที่หนักๆหน่อยจริงๆการทำงานเลยขอยกตัวอย่างการทำงานจริงมาให้ชมกันครับทั้งในเรื่องของงานออกแบบ งานเรนเดอร์ทำคลิป หรือจะเป็นงานด้าน 3 มิติ รองรับได้สบายพอสมควรเลยแต่ถ้าเทียบกับตัวอื่นๆนั้นที่ใช้งานอีกค่ายก็ต้องยอมรับว่าในการทำงานเรนเดอร์ตัวนั้นกลับทำได้ไวกว่าอยู่พอสมควรครับ

LUMION 10

ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับและเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 1.12 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวพอสมควรครับเรื่องทำงานโปรแกรมนี้จัดว่าดีมากๆ

PREMIRE PRO  

CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัวอื่นด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 38 นาที แต่ถ้าเรนเดอร์นั้น Ryzen รุ่นใหม่จะทำได้ไวกว่าประมาณ 20 นาทีคร่าวๆครับ และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน

SKETCHUP 

ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว นี้จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 80 นาที แต่ถ้าพวกสายเกมรุ่นอื่นๆจะได้ประมาณ 110 นาทีถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ครับ

GAMING  (ทดสอบ 4K ทั้งหมด )

แน่นอนว่าการเล่นเกมแน่นอนว่าไม่น่ามีข้อสงสัยสำหรับค่ายนี้ ที่ค่อนข้างเด่นในเรื่องเล่นเกมและดัน FPS ได้ดีและใช้งาน i7 9750H ก็เอาเรื่องเช่นเดิมในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือจัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ และในสเปคนั้นใช้งาน i7 9750H พร้อมกับ RTX2060 และ RAM 16GB 2666MHz และ มาพร้อมกับ 1TB SSD ครับ ถือว่าเล่นเกมอะไรพวกนี้ขับได้ดีครับแม้จะเป็นสายทำงานแต่ได้ประสิทธิภาพของ  RTX i7 เข้ามาช่วย เมื่อปรับภาพสุดจะได้เฉลี่ยในหลายๆเกม 45-50 ประมาณนี้ แต่ถ้าปรับภาพแบบ FHD นั้นจะได้เท่าตัวเลยคือจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 70-80 ในหลายๆเกมครับถือว่าทำได้ดีเลยแหละ

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 46 อุณหภูมินั้น GPU 66 CPU 84  : ULTRA
  • APEX ทำไปได้ FPS 45 อุณหภูมินั้น GPU 70 CPU 73 : ULTRA
  • PUBG ทำไปได้ FPS 48 อุณหภูมินั้น GPU 63 CPU 69  : ULTRA
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS  30 อุณหภูมินั้น GPU 65 CPU 78  : ULTRA  

ASUS PROART STUDIOBOOK 15 

” สายทำงานตัวเริ่มต้นที่หน้าจอสีแม่นสวยงาม ประสิทธิภาพสูง ขนาดกำลังดี “

ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ทำออกมาตอบโจทย์สายทำงานแบบเต็มที่ ทั้งเรื่องของฟีเจอร์ที่รองรับและประสิทธิภาพของมันรวมถึง Hardware ที่ทำออกมาครับแน่นอนว่าทั้งเรื่องของหน้าจอที่ค่อนข้างแแม่นยำอันนี้คือจุดเด่นหลักๆของสายทำงานและยังมาพร้อม Intel i7 9750H และใช้งาน RTX 2060 ครับส่วนเรื่องของการอัพเกรดถือว่าอิสระพอสมควรเลยทั้ง RAM 48GB สูงสุด และ ให้ 1TB SSD มารองรับ RAID 0/1 (up to 48Gbps) ครับถือว่าการอัพเกรดทำได้ดีตอบโจทย์หลากหลายจริงๆครับ ในเรื่องของงานออกแบบเหมือนเอาโมเดลสายเกม Zephyrus มาปรับปรุงซึ่งแน่นอนพวกสายเกมคิดในเรื่องความแข็งแรง และการระบายมาได้ดีอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่จะนำมาต่อยอดกันครับ โดยรวมนั้นถือว่าเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับสายทำงานจริงๆ แต่แอบเสียดาย CPU น่าจะขยับไป Gen10 น่าจะทำประสิทธิภาพได้เต็มที่มากกว่านี้ไปอีกนั้นเอง แต่ยังดีที่ได้ RTX 2060 มาเสริมในการทำงานและรวมถึงเล่นเกมได้

ข้อดี

  • หน้าจอมีความแม่นยำสูงมาก รองรับมาตรฐาน sRGB100% + Delta E น้อยกว่า 1.5 และ Pantone
  • หน้าจอคมชัดในความละเอียด 4K พร้อมหน้าจอแบบด้าน
  • ตัวเครื่องมีความแข็งแรง โครงแมกนีเซียมพร้อม ทรงที่เราคุ้นเคยในตระกูล ROG
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน และ เล่นเกมทำได้ดี
  • ระบบเสียงผ่านหูฟัง รองรับ Hi-Res และ มีชิพเสียง ESS
  • ตัวเครื่องมีการยกสูงในด้านหลังช่วยระบายความร้อน
  • เสียงพัดลมทำงานสูงสุดเงียบมากๆ และระบายได้ดีมาก
  • มีขนาดและพกพาในการทำงานได้ดี
  • รองรับการปรับแต่งทั้ง RAM – SSD ได้เพิ่มเติมอีก

ข้อสังเกต 

  • ไม่รองรับ SD Card Slot
  • ลำโพงยังไม่ดังเท่าไรนัก
  • ไม่มีกล้อง WEBCAM มาให้
  • ยังใช้ RTX 2060 ไม่ใช่ตระกูล Quadro

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr