เร็วๆนี้ทาง iPhone ได้ทำการเปิดตัวรุ่นกลางมาลุยตลาดมือถือราคาหมื่นกลางและเรียกเสียงกระแสได้พอสมควรครับ และแน่นอนว่าเมื่อเปิดตัวมาแบบนั้นทำให้มีหลายๆรุ่นในเรทราคานี้ของ Android ที่หลายคนสอบถามกันมาว่ารุ่นไหนเป็นยังไงกันเยอะมากครับ และ ในคู่ที่เราเอามาเทียบกันนั้นมีคนสอบถามกันมาเยอะมากก แน่นอนว่าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและติดตลาดมากๆทั้งคู่ ทางเราเลยเอามาเทียบ กันก่อนเพราะทางเครื่องจริงนั้นในไทยยังไม่มานะครับ บทความนี้เลยเน้นในเรื่องของการ compare spec กับการจับตามองของคนทั้งโลก ระหว่าง Samsung Galaxy A51 กับ iPhone SE 2020 ซึ่งถือได้ว่า เป็นสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ใครที่กำลังตัดสินใจ สองรุ่นนี้ไม่ควรพลาด อันไหนดีกว่ากัน อันไหนคุ้มสุด เรามาดูกันเลยครับ ในแง่ของสเปกภาพรวมทั้งหมดมาเทียบกันให้ดูในแต่ละด้านเลยว่ารุ่นไหนเหมาะกับเรามากที่สุดและใช้งานได้เข้ากับสไตล์ของเรานะครับ
แน่นอนว่าทาง iPhone นั้นก็ถือว่ามีสเปกที่เด่นๆคือเรื่องของ CPU A13 ตัวล่าสุดครับ ส่วนสเปกด้านอื่นๆนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างธรรมดา และมันคือการเอา iPhone 8 ในยุคก่อนหน้าเมื่อหลายปีมาเปลี่ยนสเปกข้างในนิดหน่อยเท่านั้น และขนาดยังค่อนข้างเล็กครับ แต่ด้วยระบบ iOS ตัวนี้เป็นจุดขายหลักๆของเค้าเลยแหละ แล้วมันจะเพียงพอที่จะสู้กับ Android ในเรทราคานี้ได้ไหม เมื่อมาเจอกับ Samsung Galaxy A51 ที่อยู่ในช่วงเรทราคาที่ถูกกว่าแต่ เป็นแบรนด์ที่สูสี ติดตลาดใหญ่ทั้งคู่ มาพร้อมกับสเปกที่อัดแน่นๆในหลายๆด้าน กล้องหน้าหลัง หน้าจอ การสแกนนิ้ว แบต รวมถึงดีไซน์ที่ไม่ได้เอารุ่นเก่ามายำใหม่แบบอีกค่ายครับ แน่นอนว่าสเปกเหลือๆเลยสำหรับตัวนี้ แต่ก็มีบางจุดเช่น CPU หรือ การกันน้ำ รวมถึง ชาร์จไร้สายที่อาจจะไม่ได้มีแบบ iPhone นั้นเองต้องบอกว่าสูสีเลยแหละมีเด่นเด่นแตกต่างกันไป เราเลยมาเจาะสเปกในแต่ละส่วนว่ามันมีอะไรที่เอามาเทียบกันและเห็นได้ชัด ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
DESIGN
เริ่มจากทางฝั่ง iphone SE2020 กันก่อนเลยครับ ในส่วนของ ไอโฟนเรียกได้ว่าย้อนยุคกลับไปอีกครั้งกับ ดีไซน์เดิมๆที่คุ้นตากันอย่างดี รูปลักษณ์ขนาดเครื่องกระทัดรัดยังกับว่าเอา เครื่องรุ่นพี่ อย่าง iPhone 8 มารีเมคใหม่ยังไงยังงั้นเลยครับ ยังคงกลิ่นอายเก่าๆ ขนาดหน้าจอก็ไม่ได้ใหญ่มาก ขนาด 4.7″ ปุ่มการวาง ต่างๆ ทรงเดิมๆ ใครที่คิดว่าอยากได้อะไรใหม่ๆจากทางฝั่ง แอปเปิ้ลคงแอบผิดหวังเล็กๆกับดีไซน์เล็กน้อยครับ หรืออาจจะเป็นที่ถูกใจสำหรับใครที่ต้องการเครื่องไม่ใหญ่มาก แต่คงแบบฉบับ ไอโฟนแท้ๆก็มีเช่นกันครับ ส่วนทางฝั่ง Samsung Galaxy A51 นั้น รูปร่างหน้าตา ดีไซน์เครื่องถอดแบบจากรุ่นพี่ที่เป็นเรือธงอย่าง Galaxy Note10 มาเลยที่เดียว
ดีไซน์ดูทันสมัย ธีมสีเข้มๆ หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5″ ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นเรียกได้ว่า ดีไซน์แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล จะเอาแบบกระทัดรัด พกพาสะดวก หรือ ชอบจอใหญ่ๆ ใช้งานเต็มตา ดูหนังสะใจ ดีไซน์ล้ำๆ ก็แล้วแต่ชอบกันเลยครับในเรื่องของดีไซน์
งานออกแบบนั้นต้องบอกกันตรงๆเลยว่าทาง iPhone มันตกยุคไปแล้วครับทั้งเรื่องของอัตราส่วนหน้าจอ ความหนาของขอบหน้าจอรวมถึงรูปทรงที่เป็นการเอา บอดี้ตัวเดิมมาใช้งานแบบเป๊ะๆจนใส่เคสของ iPhone 8 ได้เลยเรียกได้ว่า่ไม่มีการพัฒนา การออกแบบอะไรทั้งนั้นงานดีไซน์ทางเราจึงขอยกให้ A51 แบบชัดๆเลยอย่างน้อยก็มีความใส่ใจในการออกแบบ การพัฒนาให้มันแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า การเล่นลวดลายฝาหลัง รวมถึงการใช้งานหน้าจอแบบใหม่ดีไซน์แบบรุ่นเรือธง รวมถึงการวางกล้องต่างๆด้วยเช่นกันครับวัสดุนั้นจะเป็น Glasstic ส่วน iPhone เป็นกระจก
SPEC
ต่อมาว่าด้วยเรื่องสเปก ทางฝั่ง iPhone SE 2020 เริ่มจากหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วเป็นแบบ Retina HD ความละเอียด 1334×750 (326 ppi) มาพร้อมกับซีพียูตัวโหดสุดอย่าง Apple A13 Bionic เป็นซีพียูตัวเดียวกับ iPhone 11 Ram 3 GB,Rom 64,128,256 GB, กล้องหน้า 7MP กล้องหลัง 12MP+Flash ,ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ แต่ไม่สามารถสแกนใบหน้าได้นะครับ พอร์ตเชื่อมต่อแบบ ไลนิ่ง เหมือนเดิมครับ แบตเตอรี่ให้มาที่ 1,821 mAh น้ำหนักอยู่ที่ 148 กรัม รันบนระบบปฎิบัติการ ios 13 ส่วนทาง Samsung A51 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED Full HD 2400×1080 (404ppi) ซีพียู Exynos 9611 ,Ram 6/8 GB, Rom 128 GB (สามารถเพิ่มเมมได้สูงสุด 512GB) กล้องหน้า 32 MP,กล้องหลัง 4ตัว 48MP,12 MP(Ultra Wide), 5MP (Micro), 5MP (Depth)สามารถสแกนนิ้วบนหน้าจอได้เลย หรือจะสแกนใบหน้าก็ทำได้เช่นกันครับ ,ใช้งานได้2ซิม, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C แบตเตอรี่ให้มาที่ 4,000 mAh, น้ำหนัก 172 กรัม มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 10 ทั้งสองรุ่นนี้ไม่รองรับ 5G นะครับ แน่นอนว่าเรื่องของ CPU ยังไงในรุ่นนี้ A13 คือหน่วยประมวลผลที่เร็วสุดๆแล้วในบรรดามือถือตอนนี้เป็นจุดที่ยากจะสู้ได้ครับ อันนี้ต้องยอมทาง Apple เลยแหละ แต่ถ้าคนที่ไม่ได้เน้นในเรื่องของความแรงอะไรมากนัก เพราะสเปกอื่นๆนั้นต้องบอกว่า A51 นั้นก็ไม่ยอมกันเช่นกันในหลายๆส่วนเลยครับ
CAMERA
กล้องหลังรุ่นนี้จัดเต็มมากครับ ให้มาที่ 4ตัวเลย ครั้งนี้ใส่ มาโคร ระยะใกล้เข้ามาด้วย เป็นจุดแตกต่างกับตัวเดิมแบบชัดเจน แต่กล้องหลังมุมกว้างคือจุดเด่นในรุ่นนี้และยังคงทำได้ดีครับ กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 4 ตัวความละเอียด 48 MP (F/2.0) ในเลนส์ระยะปกติ + 8 MP (F/2.2) แบบมุมกว้างพิเศษไม่มี AF + 5 MP (F/2.2) สำหรับจับระยะ และ + 5MP สำหรับ มาโครระยะ 4 เซนติเมตร ครับ มีโหมดถ่ายกลางคืนอะไรมาให้ครบครับ
ในส่วนของกล้องนั้น ของ iPhone SE 2020 กล้องหน้าอาจจะมีความละเอียดน้อยไปหน่อยครับ ที่7MP รองรับการถ่ายวิดีโอในระดับ Full HD 1080P 30fps กล้องหลังความละเอียดที่ 12 MP พร้อมไฟแฟลซ 1ดวง รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ได้ถึง 60 fps,ระบบกันสั่นเป็นแบบ ออปติคอล ,ซูมดิจิตัล 3เท่า ส่วนของ Samsung Galaxy A51 นั้น กล้องหน้าให้มาถึง 32 MP สามารถถ่ายละลายหลังได้ พร้อมทั้งยังมีพวก AR Stickers ลูกเล่นต่างๆ หรือจะปรับหน้าเนียนก็ทำได้เช่นกันครับ ส่วนการถ่ายตอนกลางคืนนั้นมี Nightmode แทรกเข้ามาให้ด้วยทำให้ชดเชยแสงได้ดีเวลาถ่ายกลางคืน
SCREEN
หน้าจอ iPhone SE 2020 มีขนาด 4.7 นิ้ว หน้าจอแบบ Retina HD Display (IPS) โดยความละเอียดที่ 1334×750 พิกเซล 326ppi ส่วนของ Samsung Galaxy A51 นั้นมีขนาด 6.5 นิ้ว หน้าจอแบบ Infinity-O ในความละเอียด Full HD+ 2400×1080 พิกเซล 404 ppi หน้าจอในการแสดงผลนั้นรองรับการมองที่หลากหลายมุมได้ดีครับหน้าจอดำก็ดำสนิทไม่เจอสีเทาๆเวลามองมุมอื่นๆซึ่งบางรุ่นในเรทราคานี้จะมีเจอกันอยู่เวลามองมุมเอียงๆครับ ส่วนการใช้งานจริงนั้นความละเอียดเยอะกว่าย่อมสวยกว่าแน่นอนเลยแหละรวมถึงการออกแบบของหน้าจอที่แตกต่างกันเยอะมากทั้งเรื่องของ อัตราส่วนแบบใหม่ ขอบบางๆ กับ อัตราส่วนแบบเก่าขอบหนาๆนั้นเองในรุ่นนี้ครับ
การสแกนนิ้วนั้นต้องบอกว่า iPhone คือเอาเทคโนโลยีเก่าของตัวเองมาขายใหม่ในยุคที่เค้าไปใช้งาน สแกนใบหน้า และ สแกนนิ้วบนหน้าจอทั้งหมดแล้วครับเราจะไม่ค่อยเห็นสแกนนิ้วบนปุ่ม ขอบหนาๆกันเท่าไรแล้วแต่มันก็ยังมีคนที่ชอบการสแกนนิ้วแบบดั้งเดิมอยู่นะ แน่นอนว่าเรื่องความไวในการใช้งานไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จะได้เรื่องของความล้ำในการใช้งานมากกว่าและการรองรับไม่ได้แตกต่างกันชัดเจนครับแต่งานออกแบบทำให้ขอบจอหนานั้นส่งผลต่อการใช้งานแน่นอน ทำให้พื้นที่ของการใช้งานนั้น A51 จะได้เปรียบกว่าเยอะมากๆแอบเสียดายทาง iPhone น่าจะเอาหน้าจอแบบใหม่มาใช้งานกันได้แล้วครับ ยกหน้าจอของ 11 XR มาใช้งานน่าจะสวยกว่านี้เยอะเลยจุดนี้เลยแปลกๆไป
BATTERY
ด้านแบตเตอรี่ ในส่วนของ iPhone SE 2020 นั้นให้แบตมาค่อยข้างน้อยไปหน่อย อยู่ที่ 1,821 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W Fast ส่วนของ Samsung Galaxy A51 นั้นให้แบตมาสะใจมากๆ ถึง 4,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W ครับในแง่ของสเปกไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่ที่ชอบคือทำน้ำหนักและความบางได้ดีแบบเดิมเลยครับอันนี้ดี ส่วนในการใช้งานนั้น ทั้งวันได้อยู่นะ 12 ชั่วโมงได้ เหลือ 19% จอเปิดไป 4 – 5 ชั่วโมงครับ ส่วนตอน 1 ทุ่มกลับมาบ้านเหลือ 35% ถือว่ากำลังดีเลยแหละใช้งาน นำทางหนักหน่วงมาก และเปิดเพลง เล่นโซเชี่ยลนิดหน่อยถือว่าไม่ได้ไหลมาก และ ใช้งานได้สบายอยู่ครับตัวนี้
STORAGE
หน่วยความจำ ทางด้าน iPhone SE 2020 ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆคือไม่สามารถเพิ่มได้ ทำให้ต้องตัดสินใจเลือกไปเลยว่าจะใช้ความจุเท่าไร 64/128/256 GB ไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าที่ควรครับ แต่กลับกัน ในฝั่งของ Samsung Galaxy A51 นั้น สามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 512 GB ทำให้สะดวกมากกว่าครับ และในความจุเริ่มต้นนั้นให้มาที่ 128GB เลยทีเดียว และถ้ามามองด้าน RAM 8 GB ถือว่าเยอะพอสมควร และทาง iPhone นั้นให้มาที่ 3GB ครับแต่อย่างว่าด้วยที่มันคนละระบบกันทำให้การใช้แรมการประมวลผลแน่นอนว่าจัดการกันคนละแบบกันเลยนั้นเองครับ
APP STORE VS PLAY STORE
ในส่วนของแอปพลิเคชั่น ระหว่าง แอปสโตร์กับ เพลย์สโตร์นั้น ค่อยข้างชัดเจนว่า เพลย์สโตร์นั้นจะค่อยข้างได้เปรียบให้เรื่องของจำนวนแอปที่มากว่า และ ส่วนให้จะเป็นฟรีแวร์ซะด้วยครับ ซึ่ง ณ ตอนนี้คงต้องยอมรับว่า แอปในฝั่งแอนดรอยด์มีคนใช้มากที่สุดในโลก ก็ไม่แปลกว่าแอปทำไมเยอะกว่า แต่ก็ใช่ว่าในส่วนของแอปเปิ้ล หรือ แอปสโตร์จะไม่ดี หรือ มีน้อยนะครับ ทั้งนี้ ถ้ามองในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ฝั่งของแอปสโตร์จะมีระบบความปลอดภัยที่มากกว่า สุดท้ายนั้นก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนครับ
SAMSUNG GALAXY A51 VS iPhone SE 2020
จริงๆต้องบอกว่าทั้ง iPhone SE และ Samsung Galaxy A51 นั้นสู้กันได้มีดีคนละหมัดเลยแหละ มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุด ต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน เลยเอามาเทียบกันในแง่ของสเปก และให้ลองตัดสินใจกันดูว่าเราเน้นอะไรชอบแบบไหนซื้อแบบไหนจะตอบโจทย์มากที่สุด
สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget