HYPER X เป็นแบรนด์สายเกมที่หลายๆคนน่าจะเคยผ่านตาผ่านการใช้งานมากันบ้างในเรื่องของ Gaming Gear หลากหลายอย่างรวมถึงในเรื่องของ RAM อะไรทั้งหลายก็น่าจะคุ้นเคยกันดีครับ และในครั้งนี้ในด้านของหูฟัง Gaming นั้นต้องบอกว่าค่ายนี้ก็เปิดตัวมาเรื่อยๆมีหลากหลายโมเดลและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และในตระกูลที่ได้รับความนิยมนั้นต้องบอกว่า ตระกูล Cloud Flight ก็ถือว่าเป็นอีกตระกูลที่ทำได้ดีครับในครั้งนี้ได้เปิดตัว Cloud Flight S รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี และฟีเจอร์ใหม่ๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพจากหูฟังเกมมิ่งรุ่นก่อนอย่าง Cloud Flight เช่น แบตสามารถชาร์จสะสมนานสูงสุดถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และ มาพร้อมกับไดรเวอร์เสียง 50 มม. สามารถ Output เป็นเสียง 7.1 virtual surround sound รวมถึงหูฟังสามารถส่งสัญญาณเสียงห่างประมาณ 65 ฟุตด้วยตัวส่งสัญญาณแบบ USB 2.4GHz ที่เสียบเข้ากับเครื่อง PC หรือ PlayStation 4ได้ด้วย และยังเป็นหูฟังรุ่นแรกที่มาพร้อมกับการรองรับการชาร์จไร้สายเข้าสู่ตัวหูฟังได้โดยตรงเลยนั้นเองครับเป็นรุ่นแรกเลยทีเดียวสำหรับแบรนด์นี้ และในเรื่องของการใช้งานต่างๆนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นมาติดตามอ่านบทความกันเลย
HYPER X CLOUD FLIGHT S นั้นถือว่าเป็นรุ่นล่าสุดในตระกูล CLOUD FLIGHT ครับและเป็นรุ่นแรกที่ใส่ระบบการชาร์จแบบไร้สายเข้ามาด้วยทำให้ค่อนข้างน่าสนใจและทันสมัยอีกทั้งรวมถึง เสียง 7.1 ที่ใส่เข้ามาเป็นตัวแรก และยังมีในเรื่องของปุ่มควบคุมแบบตั้งค่าเองได้เป็นรุ่นแรกด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของเสียงนั้น ยังคงมาพร้อมกับไดรเวอร์ ขนาดใหญ่ 50มม. และ ตัวระบบเสียงรองรับ ความถี่ 10Hz-20,000Hz และ ระยะทางการเชื่อมต่อนั้นไกลมากถึง 20 เมตรครับช้งาน 2.4Ghz ในการเชื่อมต่อไร้สาย ความหน่วงต่ำ และมีความเสถียรสูง ส่วนทางด้านการใช้งานอายุแบตนั้นรองรับ 30 ชั่วโมง และ ชาร์จผ่าน Micro-USB และ Wireless Charge นั้นเอง และงานออกแบบยังคงสไตล์เดิมและสามารถหมุนตัวหูฟังได้ 90 องศาอิสระพอสมควรและยังมาพร้อมกับ วัสดุแบบหนังเทียมและมีความนุ่มกำลังดี และมีตัวปุ่มที่สามารถปรับแต่ง 4 ปุ่มทั้งหมดตั้งค่าได้ว่าปุ่มไหนทำหน้าที่อย่างไรถือว่าทำได้ดี
ทางด้านราคานั้น HYPER X CLOUD FLIGHT S ราคา 5,990 บาท ไม่รวมที่ชาร์จไร้สาย
UNBOX
- Hyper X Cloud Flight S
- ตัวส่งสัญญาณ สำหรับ PC
- Micro-USBสำหรับชาร์จไฟ
- ตัวไมค์ถอดแยกได้
- คู่มือ
DESIGN
การออกแบบในรุ่น CLOUD FLIGHT นั้นยังคงมาในแนวเดิมเหมือนหลายๆตัวของค่ายเน้นความเรียบๆโทนสีดำและเป็นการสลักโลโก้ลงไปแต่ครั้งนี้ตรงโลโก้มีการใส่สีขาวเข้ามาให้ดูชัดเจนกว่าเดิมครับ แต่ในส่วนวัสดุเป็นพลาสติกแบบดำด้านพร้อมพื้นผิวแบบกันลื่นเล็กน้อย และมีการใช้งานวัสดุยางเข้ามาในส่วนของตรงโลโก้ทั้งหมด และเป็นปุ่มที่ควบคุมพิเศษด้วย จริงๆการออกแบบของค่ายนี้ในหลายๆตัวจะไปทางเรียบๆ และเน้นสายเกมพอสมควรครับ ส่วนงานประกอบต่างๆนั้นทำออกมาได้ดีแน่นและแข็งแรง ขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักเบามากๆอีกทั้งยังปรับการออกแบบให้ดูเรียบมากขึ้นแต่ยังคงรูปทรงเดิมได้ดีครับ แต่จะเห็นว่าไม่มีการแทรกสีแดงอะไรเข้ามาแบบรุ่นก่อนๆ
ปุ่มควบคุมนั้นเราจะเห็นว่าในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกๆที่มีการใส่ปุ่มแบบนี้มาครับทั้ง 4 ทิศทางและยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานได้ด้วยว่าปุ่มนั้นจะสามารถทำหน้าที่อะไรได้บ้าง ทางด้านปุ่มนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ระบบสัมผัสนะครับเป็นปุ่มปกติแต่มีการซ่อนไปในตัววัสดุยางนิ่มๆอีกทีนึงทำให้ดูเรียบเนียนไปกับแผ่นด้านข้างทั้งหมด และทางด้านนี้จะเป็นที่รองรับการชาร์จไร้สายด้วยนั้นเอง ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นวัสดุยาง พร้อมกับโลโก้ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรพิเศษครับในส่วนนี้
โลโก้ข้างบนยังคงเป็นการเขียนชื่อเต็มของแบรนด์อยู่ แบบสีดำเงาเจาะลงไปครับ ส่วนการปรับความสูงของตัวก้านนั้นสามารถเลื่อนเพื่อปรับเปลี่ยนความยาวของมันได้สบายๆโดยเป็นก้านแบบสแตนเลสสีดำสวยงามและมีความแข็งแรงรวมถึงการให้ตัวที่มากกว่าปกติ ทำให้ไม่บีบและไม่ง้างเยอะเกินไปด้วยนั้นเอง มีตัวอักษรบอกข้างซ้ายขวาชัดเจน และตัวล็อคแต่ละความสูงนั้นถี่พอสมควรเลยปรับได้ละเอียดครับ และ ไม่ค่อยเลื่อนง่ายเท่าไรคือมีการล็อคได้แน่นกำลังดี แต่ที่ยังบ่นอยู่เรื่องเดิมคือในตัว รับสัญญาณที่เสียบบนคอมนั้น ขนาดใหญ่ และไม่สามารถเก็บในตัวหูฟังได้ครับ ส่วนที่ชอบนั้นจะเป็นตัวหูฟังที่สามารถหมุนได้ค่อนข้างเยอะปรับได้ 90 องศาทำให้หมุนมุมอะไรได้ดีกว่าเดิม
ทางด้านฟองน้ำให้มานุ่มทั้งด้านบนและตัว Earcup ครับและเป็นหนังทั้งหมดแม้จะไม่ใช่หนังแท้แต่ก็มีความนุ่มกำลังดีในการใช้งาน แต่แน่นอนว่าวัสดุแบบนี้ถ้าไม่ได้ใช้งานในห้องแอร์ก็อาจจะมีร้อนได้ง่ายพอสมควร ส่วนทางด้านระยะความลึกนั้นกำลังดีครับไมไ่ด้ชนใบหูข้างในและรูปทรงของตัว Earcup นั้นทำออกมารองรับได้หลากหลายรูปทรงของแต่ละคนได้สบาย และความลึกที่ออกแบบมาก็รองรับได้อิสระเช่นเดียวกันถือว่าการใส่อะไรนั้นค่อนข้างสบายครับ
ทางด้านไมค์นั้นจะเป็นแบบที่สามารถถอดออกมาได้และเป็นแจ็คแบบ 3.5 มม. ปกติเป็นอีกจุดที่ใช้งานได้ง่ายเพราะถ้าไม่ได้เน้นเรื่องคุยก็สามารถใช้งานหูฟังล้วนๆได้ครับ ส่วนตัวไมค์นั้นจะเป็นแบบพับงอได้อิสระ พร้อมกับรองรับเสียง 2 ด้าน และมีไปสถานะสีแดงเมื่อกด Mute บนตัวหูฟัง สายของหูฟังนั้นให้มากำลังดีครับสามารถรองรับได้สบาย
ทางด้านปุ่มควบคุมนั้นมีมาทั้ง 2 ข้างของตัวหูฟังในด้านขวานั้นจะเป็นการปรับเสียงปุ่มมีขนาดค่อนข้างใหญ่เช่นเดิมใช้งานง่ายและเลื่อนได้ถนัดครับ ส่วนทางด้านซ้ายนั้นเป็น รูไมค์สำหรับเสียบไมค์ที่ให้มา และ พอร์ต Micro-USB รวมถึง ปุ่มการเปิดปิดเสียง 7.1 และ ปุ่ม Power ครับถือว่าให้มาครบแต่เสียดายในพอร์ต Micro-USB พอสมควร
SPEC
- เฮดโฟน
- ไดรเวอร์: 50 มม. แบบไดนามิคพร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
- ประเภท: แบบครอบเต็ม ปิดด้านหลัง
- ความถี่: 10Hz-20,000Hz
- ระบบเสียงเซอร์ราวด์เสมือนจริง 7.1
- ความต้านทาน: 32 Ω
- ระดับแรงดันเสียง: 99.5dBSPL/mW ที่ 1kHz
- T.H.D.: < 1%
- น้ำหนัก: 310 ก.
- ความยาวและประเภทสายต่อ: สายชาร์จ MICRO- USB (1 ม.)
- ไมโครโฟน
- ส่วนประกอบ: ไมโครโฟนอีเล็คเตรทคอนเดนเซอร์
- รูปแบบขั้ว: สองทิศทาง พร้อม ระบบตัดสัญญาณรบกวน
- ความถี่: 50Hz-18,000Hz
- ความไว: -40.5dBV (0dB=1V/Pa,1kHz)
- เวลาใช้งานแบตเตอรี่1: 30 ชั่วโมง
- ช่วงสัญญาณไร้สาย2: 2.4GHz สูงสุด 20 เมตร
โปรแกรมตัว HYPERX NGENUITY ก็เป็นโปรแกรมที่เราคุ้นเคยกันในการจัดการอะไรต่างๆแน่นอนว่า รวมถึงการปรับแต่งสีของ GamingGear ด้วย และเมื่อโหลดมารวมถึงปรับความดังของไมค์ และ เสียงหูฟังได้ว่าจะระดับไหนครับไม่ค่อยมีอะไรเยอะมาก และสามารถปรับแต่งการควบคุมได้ว่าปุ่มไหนจะสั่งงานอะไรครับเพราะเป็นระบบสัมผัสปรับแต่งได้อิสระเลยแหละแต่ที่ชอบคือการปรับ 7.1 รุ่นนี้จะแม้จะไม่มีตัว Software ก็สามารถเปิดปิดได้ผ่านตัวหูฟังครับ ทำให้ใช้งานได้อิสระมากขึ้นกว่าตัวรุ่น Stinger และในการปรับ SIDETONE ในการฟังเสียงตัวเองรวมถึงการปรับ GAME CHAT ว่าเน้นทางด้านไหนมากกว่า ส่วนตัวปุ่มนั้นปรับได้ 4 ปุ่มและสั่งงานได้ทั้งหมด 2 หน้าตามที่ทางเราโชว์เลยครับถือว่าเป้นฟีเจอร์ที่น่าสนใจและใช้งานค่อนข้างโอเค แต่ตอนกดต้องลงน้ำหนักนิดหน่อยไม่ใช่สัมผัส
SOUND
ในส่วนของตัวเสียงนั้นรายละเอียดกำลังดีและเวลาเล่นเกมเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดีครับเสียงคนพูด เสียงร้องชัดเจน แหลมชัด และ มิติเสียงนั้นมาดีพอสมควร เวทีเสียงนั้นไม่ได้แคบจนเกินไปกว้างพอสมควรครับจริงๆในภาพรวมเสียงจะเด่นเรื่องของมิติเสียง และ เสียงรายละเอียดต่างๆนั้นชัดเจนและแยกได้ดีครับ ตอบสนองเล่นเกมได้ชัดเจนมากขึ้น และฟังเพลงด้วยเช่นกัน แต่เสียดายแรงขับไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนๆเท่าไร ส่วนเรื่องของสัญญาณนั้นทำได้ดี ไม่มีขาดหายและทำได้ดีไม่ดีเล เลยครับส่วนระยะก็ได้ตามปกติของพวกหูฟังไร้สายไกลๆก็ยังไหวครับ และแบตก็อึดมากๆ 30 ชั่วโมงเยอะมากครับ ตามที่บอกไว้เลยนั้นเอง และ สัญญาณไม่ไปกวนกับหูฟังอื่นๆเลย อาจจะเป็นข้อดีของการใช้งานเชื่อมต่อ 2.4Ghz ด้วย ส่วนในเรื่องของการเล่นเกมก็รองรับได้สบาย เสียงไมค์ เสียงคนพูดชัดเจน และยังรองรับเสียงได้ทุกทิศทางด้วยระบบเสียง 7.1 ที่ใส่เข้ามาครับ เลยทำให้มิติของเสียงในรอบทิศทางนั้นดีกว่าเดิม แยกทิศทางได้ชัดเจนมากขึ้นเยอะเลย และไม่ใช่การปรับแต่งเสียงในตัว Software ทำให้เสียง 7.1 ค่อนข้างใช้งานได้จริงและชัดเจน ถือว่าเรื่องเสียงยังคงเป็นจุดที่ไว้ใจได้ใช้งานจริงได้สบายเล่นเกมฟังเพลงครับ
ส่วนในเรื่องของเสียงถ้าเราเอามาฟังเพลงนั้นก็ถือว่าใช้ได้ครับตัวไดรเวอร์ 50มม.ขับได้ดีอยู่แต่ถ้าฟังเพลงจะแนะนำปรับแค่ Stereo ดีกว่าครับเพราะ 7.1 แอบแปลกๆจริงๆแม้ในรุ่นนี้จะไม่ได้มีระบบเสียง Hi-res อะไรแต่ถ้าเทียบกับงบของมันน่าจะใส่มาหน่อยครับเพราะคู่แข่งบางตัวก็แอบใส่มาให้กันแล้ว ถ้ามองกันรวมๆก็ถือว่าฟังได้ไม่แย่ครับเอาจริงๆเสียงรู้สึกว่ามันปรับมาได้ลงตัวมากขึ้นไม่ใช่สายเกมล้วนแบบรุ่นก่อน เสียงนั้นครบรสมากขึ้นเสียงทำได้ดีทั้งเรื่องของเสียงเบสที่รู้สึกมีน้ำหนักกว่าเดิมและฟังสนุกขึ้นเวลาดูหนัง ฟังเพลง เสียงเวลาฟังเพลงก็เสียงร้องทำได้ดี ชัดเจน เวทีเสียงแยกชิ้นดนตรีได้ดีเลยแหละ แต่เสียงย่านต่ำนั้นเด่นขึ้น ชัดเจนขึ้น เสียงย่านแหลมก็ทำได้ดีไม่จัดแสบหู ครับ รู้สึกกลมกล่อมมากขึ้นนั้นเองถือว่าฟังเพลงก็ทำได้ดีกว่าที่คิด และดีกว่ารุ่นก่อนพอสมควรเลยครับตัวนี้ ไม่ได้แย่ครับและดีกว่าตัว Cloud Stinger ที่ทดสอบกันไปก่อนหน้าพอสมควร
FEELING
ความรู้สึกในเรื่องของการสวมใส่เวลาใช้งานจริงๆนั้นแน่นอนว่าต้องเข้าใจกันก่อนสำหรับในเรื่องของน้ำหนักในรุ่นนี้ที่อาจจะเยอะกว่าพวกตระกูลอื่นแต่ก็แลกมากับการใช้งานไร้สาย ชาร์จไร้สายและแบตที่อึดกว่าหลายเท่าตัวอันนี้ก็ถือว่ารับได้ครับ เท่าที่ลองใช้งานนั้นตัวนี้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้นวัสดุหนังเทียมเช่นเดิมพร้อมกับมีความหนานุ่มอย่างมาก ที่รองอะไรนั้นรองรับได้ดีและใช้งานโอเคไม่ได้บีบหัวหรือใหญ่เกินไปครับ ฟองน้ำอะไรนุ่มกำลังดี แต่เนื่องจากมันเป็นวัสดุแบบหนังเทียมทำให้เวลาใช้งานสภาพอากาศปกติอาจจะร้อนได้ง่ายกว่าแบบผ้าก็ต้องแลกกันไปครับส่วนตัวเท่าที่ใช้งานถือว่าโอเคอยู่เหมือนกันในห้องแอร์เล่นเกมต่อเนื่องนานๆได้ไม่ได้อึดอัดอะไรครับสำหรับตัวนี้ใช้งานสบายๆเลยแหละ
ตัวไมค์รุ่นนี้สามารถถอดออกได้ถ้าเราจะเน้นแค่ฟังเพลงอันนี้ถือว่าดีครับไม่เกะกะและสามารถตอบโจทย์การใช้งานแบบทั่วไปได้ที่ไม่ได้คุยเวลาเล่นเกมและแม้จะเสียบไมค์เข้าไปแล้วแต่ถ้าอยาก MUTE ก็สามารถแตะตรงหูฟังได้ตรงปุ่มที่เราสามารถตั้งได้เองครับแต่ถ้าเดิมๆมันนั้นปุ่มล่างจะเป็นปุ่มสำหรับMUTE นั้นเองเมื่อ MUTE จะมีไฟสีแดงขึ้นตรงไมค์ครับว่าเสียงเงียบอยู่ ถือว่าสะดวกในการใช้งานเวลาปิดเสียง และ ถ้าเราไม่ใช้ไมค์เลยก็ถอดออกได้สบายไม่เกะกะด้วยนั้นเองครับส่วนระยะในการใช้งานโค้งปรับได้สบายและระยะพอดีกับปากเราเวลาคุยครับเสียงชัดเจนดีเลยแหละรองรับ 2 ทิศทางพร้อมตัดเสียงได้นิดหน่อย แต่เรื่องของคุณภาพอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรนักสำหรับตัว Hyper X ส่วนตัวปุ่มใช้งานจริงๆก็ไม่ใช่ระบบสัมผัสนะครับเป็นปุ่มแบบยางครับกดลงไปนิดหน่อยแบบรู้สึกได้แต่เอาจริงๆน่าจะทำแบบนูนน่าจะกดง่ายกว่านิดหน่อยครับ แต่อาจจะเน้นเรื่องดีไซน์มากไปนิดครับจริงๆไม่ได้ยากเท่าไรนักแต่ก็ออกแรงนิดนึงก็ทำงานแล้วแต่แรกๆอาจจะต้องทำความคุ้นเคยกันนิดหน่อยในการหาตำแหน่งและกดใช้งานครับ
ทดสอบไมค์ HYPER X CLOUD FLIGHT S ตัวล่าสุด!
ทดสอบไมค์ HYPER X CLOUD FLIGHT S ตัวล่าสุด!พร้อมระบบชาร์จไร้สาย และ ไร้สาย 2.4Ghz รองรับ 7.1 จากตัวหูฟัง และ ไมค์ 2 ทิศทาง #HYPERX #HYPERXCLOUDFLIGHTS
โพสต์โดย Pipatpanichkul Jakchalat เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2020
MIC
ในเรื่องของไมค์นั้นทดสอบโดยการเล่นเกมในไลฟ์นี้ครับผมจะเป็นเสียงแอดมินณาย รุ่นนี้จะไม่ได้มีระบบตัดเสียงอะไรเข้ามาครับเลยทำให้มันมีเสียง คีย์บอร์ดหรือเสียงอะไรเข้ามาได้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เข้ามาชัดเจนทั้งหมดครับ ยังเหมือนมีการตัดเสียงโดยการออกแบบอยู่บ้างแล้วและในรุ่นนี้จะรับเสียง 2 ทิศทางครับก็ถือว่าเสียงคนพูดชัดเจนมีมิติอยู่พอสมควรครับการสื่อสารใช้งานโอเค แต่ถ้ามองในเรื่องของคุณภาพไมค์เทียบกับราคาน่าจะทำได้ดีกว่านี้หรือใส่ระบบตัดเสียงที่ดีกว่าที่ดีกว่านี้เข้ามาได้ครับในตัว Cloud Flight S เพราะเสียงหายใจเสียงลมอะไรยังเข้านิดหน่อย ตัวนี้ลองไปฟังกันได้เลยครับสำหรับเสียงการทดสอบไมค์ในการเล่นเกมตัวนี้ครับ
HYPER X CLOUD FLIGHT S
” เข้าสู่ยุคไร้สาย พร้อมรองรับการชาร์จไร้สายอีกรุ่น พร้อมกับระบบเสียงที่ไว้ใจได้เช่นเดิม “
เป็นหูฟังสายเกมที่ยังคงเด่นในเรื่องการใช้งานทั้งตัวปุ่มอะไรที่ออกแบบมาใหม่ทั้งหมดเป็นรุ่นแรกอีกทั้งยังมาพร้อมกับการรองรับการปรับแต่งที่ค่อนข้างเยอะและอิสระพอสมควรในทั้ง 4 ปุ่มสามารถปรับแต่งในโปรแกรมได้เลย อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่รองรับ 7.1 รุ่นแรกของตระกูลนี้ด้วยเช่นกันครับช่วยในเวลาเล่นเกมค่อนข้างแยกเสียงทิศทางได้ดีกว่าแบบ 2.0เดิมๆเยอะอันนี้ถือว่าดี และในเรื่องของแบตนั้นทำได้ดีมากเช่นกันอายุใช้งาน25+ชั่วโมงได้เลยทีเดียวในการชาร์จ 1 ครั้งและแน่นอนว่าการชาร์จนั้นรองรับทั้งแบบสาย และ แบบไร้สาย Wireless Charge ที่รองรับมาตรฐาน QI ด้วยเช่นกันสามารถใช้แท่นชาร์จทั้งแบบทั่วไปและของ Hyper X ได้อันนี้ถือว่ารองรับได้หลากหลายครับ แต่การชาร์จแบบสายนั้นขอบ่นในจุดที่เป็น Micro-USB ที่ค่อนข้างเก่าแล้วอันนี้สมควรที่จะปรับเป็น USB-C ได้แล้วในจุดนี้ รวมถึงในเรื่องไมค์เสียงอาจจะยังไม่ได้ดีมากเท่าไรนักครับ แต่ส่วนเสียงนั้นถือว่ายังคงเอกลักษณ์ไม่ต่างกับเดิมมากเท่าไรนัก แต่ได้แรงขับที่รู้สึกดีกว่าเดิม เสียง 7.1เข้ามาก็ถือว่าเป็นรุ่นที่น่าเล่นอีกตัวสำหรับ HyperX
ข้อดี
- รองรับการใช้งานแบบไร้สาย
- รองรับเสียง 7.1 มีเฉพาะรุ่นนี้ในตระกุล Cloud Flight
- ไดรเวอร์ขนาด 50 มม.
- ชาร์จไร้สายได้ในตัว มาตรฐาน QI
- แบตอึดเอาเรื่องในการใช้งาน
- เสียงยังคงฟังได้สนุก แน่นตามสไตล์ค่ายนี้
- งานออกแบบยังคงทำได้ดีสวยงามและเรียบง่าย
- น้ำหนักกำลังดีไม่ได้หนักมากนัก
ข้อสังเกต
- ยังใช้งานพอร์ต Micro-USB
- เสียงไมค์ไม่ได้เด่นมากนัก
- ที่ชาร์จไร้สายต้องซื้อแยก
- Adaptor 2.4GHz ยังคงใหญ่อยู่
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr