การนำหัวชาร์จและหูฟังออกจากกล่อง iPhone ส่งผลให้ตัวบรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กลงและแท่นขนสินค้าสามารถบรรจุกล่อง iPhone ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ทำให้ในการขนส่งหนึ่งครั้ง Apple สามารถส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้จำนวนมากขึ้น

นอกจากนั้นกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลงยังทำให้ Apple สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 2 ล้านเมตริกตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้รถยนต์บนท้องถนนพร้อมกันจำนวน 5 แสนคัน

อย่างไรก็ตามก็มีความเห็นต่อการกระทำดังกล่าวของ Apple ว่าไม่ใช่การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจริง ๆ แต่เป็นการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรให้แก่ทางบริษัท เพราะ iPhone รุ่นแรกที่ไม่มีการแถมหัวชาร์จมาในกล่องคือ iPhone 12 ที่เป็นรุ่นแรกของทาง Apple ที่รองรับเครือข่าย 5G ทำให้ทาง Apple ตัดสินใจลดต้นทุนในการแถมหัวชาร์จและหูฟังเพื่อชดเชยกับต้นทุนการผลิตโมเด็ม 5G ที่เพิ่มขึ้น

รายงานจาก Daily Mail ระบุว่าการตัดหัวชาร์จและหูฟังออกจากกล่อง iPhone ทำให้ Apple สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 5 พันล้านปอนด์ (ประมาณล้านบาท) แต่ทาง Apple ไม่ได้ลดราคา iPhone ตามต้นทุนที่ลดลงแต่อย่างใด นอกจากนั้นผู้ใช้ iPhone ที่ไม่มีมีหัวชาร์จหรือมีหัวชาร์จเก่า 5W ที่ต้องการชาร์จแบต iPhone ที่เร็วขึ้นเป็น 20W ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 690 บาท

ทั้งนี้ในกรณีที่ไม่แถมหูฟังอาจมีเหตุผลกว่าการไม่แถมหัวชาร์จเพราะผู้ใช้งานบางรายอาจไม่ต้องการใช้หูฟังแบบมีสายที่เคยแถมมากับ iPhone และหันไปใช้ AirPods แทน แต่ถึงกระนั้นลูกค้าที่ต้องการใช้หูฟังแบบมีสายของ Apple ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 690 บาท

ด้วยเหตุนี้ลูกค้าที่ซื้อทั้งหัวชาร์จและหูฟังแบบมีสายเพิ่มต้องจ่ายเงินให้ Apple ถึง 1,380 บาท และหากมีลูกค้าลักษณะนี้เป็นหลักล้านคนก็ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่บริษัท Apple หลายพันล้านบาทต่อปี

นอกจากนั้นการที่กล่อง iPhone มีขนาดลดลง 70% ทำให้ Apple มีต้นทุนในการขนส่งลดลงถึง 40% โดยนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า Apple สามารถลดต้นทุนในการผลิต iPhone ได้ราว 1,100 บาท และคิดจากยอดขาย แต่กลับไม่มีการลดราคาสินค้าแต่อย่างใด

นอกจากนั้น Apple ยังมีรายได้มากถึง 293.4ล้าน$ (ประมาณล้าน9.8พันล้านบาท) จากการขายอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ของ iPhone ที่ทางบริษัทไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง

อย่างไรก็ตามกำไรมากกว่า 2 แสนล้านบาทที่กล่าวไปนั้นเข้าสู่บริษัท Apple แบบเต็ม ๆ และแสดงผลออกมาในราคาหุ้นที่ดันตัวสูงขึ้น กลยุทธ์การลดต้นทุนการผลิตแต่ไม่ลดราคาสินค้าจึงถือเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างได้ผลในการทำกำไรเลยทีเดียว

SOURCE