เมื่อวานนี้ Qualcomm ได้เปิดตัวระบบชาร์จเร็วรุ่นใหม่ของตนในชื่อว่า Quick Charge 5.0 ซึ่งถือว่าเป็นการอัพเกรดขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากรุ่นที่ผ่านมา เพราะว่าเจ้า QC 5.0 นี้รองรับการชาร์จเร็วถึง 100W (วัตต์) ในขณะที่สามารถลดอุณหภูมิแบตเตอรี่ลงได้ 10 องศาเซลเซียส รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการชาร์จสูงขึ้นถึง 70%
ในการทดสอบของ Qualcomm ที่ได้ทดสอบกับแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ก็ได้พบว่าเจ้า QC 5.0 นี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ดังกล่าวจาก 0 ถึง 50% ได้ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น และสามารถชาร์จจาก 0 ถึง 100% ได้ในเวลาเพียง 15 นาที
ซึ่งการชาร์จดังกล่าวจะใช้ระบบการชาร์จแบบคู่ (dual charging solution) ที่แบ่งการชาร์จแบตที่กล่าวไปข้างต้นเป็นจำนวน 2 เซลล์ เซลล์ละ 2,250mAh ทำให้สามารถชาร์จด้วยจำนวนโวลต์เทจ (voltage) ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังรองรับระบบชาร์จการแบ่งชาร์จเป็น 3 เซลล์ (Triple charge) อีกด้วย
QC 5.0 นั้นมาพร้อมช่วง output voltage อยู่ระหว่าง 3.3 ถึง 20 โวลต์ อีกทั้งยังสามารถรองรับการชาร์จเร็วในอุปกรณ์รุ่นเก่า ๆ ได้ตั้งแต่ Quick Charge 2.0 ไปจนถึงรุ่นใหม่กว่านั้น นอกจากนี้เจ้า QC 5.0 ยังสามารถชาร์จบนอุปกรณ์ที่ใช้ USB PD รวมทั้งอุปกรณ์ของ Apple (iPhone 7 หรือใหม่กว่า) ได้อีกด้วย
นอกจากนั้น Qualcomm ยังได้เคลมว่าเทคโนโลยีดังกล่าวมีความปลอดภัยในการจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ ด้วยการมีตัวป้องกันโวลต์เทจ (voltage protect) ถึง 8 ชั้น, ตัวป้องกันกระแสไฟฟ้า (current protection) 3 ชั้น, ตัวป้องกันอุณหภูมิ 3 ชั้น และตัวป้องการความเสียหายจากระยะเวลาการชาร์จ (timer protection) อีก 3 ชั้น
อีกทั้งตัวชิปควบคุมการชาร์จยังมีการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ชาร์จว่าตรงตามมาตรฐาน PD หรือไม่ โดยการวัดกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่สามารถจ่ายได้ ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบอุณหภูมิระหว่างการชาร์จไปด้วยเช่นกัน
เป็นที่คาดการณ์กันว่า Qualcomm อาจเป็นตัว Quick Charge 5.0 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยทางบริษัทได้เปิดตัวชิปควบคุมการชาร์จเป็นจำนวน 2 ตัว คือ SMB1396 และ MSB1398 ซึ่งทั้งคู่รองรับทั้งการชาร์จแบบมีสายและไร้สาย รวมทั้งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นเซลล์เดี่ยวและเซลล์คู่ ซึ่งหากเป็นเซลล์เดี่ยวสามารถชาร์จได้เพียง 45W (ซึ่งก็ถือว่าเร็วอยู่ดี)
อย่างไรก็ดีเจ้าชิปประมวลผล Snapdragon 865 และ 865+ นั้นรองรับระบบชาร์จเร็ว QC 5.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปดังกล่าวในปัจจุบันอาจไม่สามารถใช้ได้ เพราะยังไม่ได้มีการติดตั้งชิปควบคุมการชาร์จตัวใหม่บนสมาร์ทโฟนนั่นเอง