ด้วยเหตุที่ Apple อาจผลิต iPhone 12 เกือบทุกรุ่นให้รองรับเครือข่าย 5G ทำให้ต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องหาทางลดต้นทุนในการผลิตลง เพื่อให้สามารถวางขายได้ในราคาที่ไม่แพงนัก โดยการลดคุณภาพหรือต่อรองราคาของวัสดุในส่วนอื่น ๆ กับผู้ผลิต เช่น หน้าจอ เมนบอร์ด เป็นต้น
นักวิเคราะห์อย่าง Ming Chi Kuo ได้เผยว่าต้นทุนในการทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งรองรับเครือข่าย 5G Sub-6GHz นั้นอยู่ที่ประมาณ 75-85 USD (ประมาณ2,500บาท) และการทำให้รองรับเครือข่าย 5G ความถี่ในระดับมิลลิเมตรนั้นสูงถึง 125-135 USD (ประมาณ4,000บาท) จึงไม่แปลกใจนักที่ทาง Apple จะมองหาวิธีการลดต้นทุนการผลิตโดยการลดคุณภาพวัสดุในส่วนอื่น ๆ แทน
ซึ่งส่วนประกอบที่ทาง Apple สนใจนั้นคือบอร์ดสำหรับแบตเตอรี่นั่นเอง โดยทางบริษัทอาจทำให้ส่วนประกอบดังกล่าวมีขนาดเล็กลง รวมทั้งมีการออกแบบให้มีความซับซ้อนน้อยลงด้วย อย่างไรก็ดีในตอนนี้ Apple ได้ลดต้นทุนการผลิตของ iPhone 12 ได้ถึง 40-50% แล้ว จากการที่ต่อรองราคาแบบสุดโหดกับผู้ผลิตวัสดุเจ้าต่าง ๆ
นอกจากนี้ Apple ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่ง คือการที่ไม่แถมหัวชาร์จมาพร้อมกับ iPhone 12 นั่นเอง ตามที่เคยตกเป็นข่าวลือไป ซึ่งถ้าทุกเรื่องที่กล่าวไปนั้นเป็นความจริง ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิต iPhone รุ่นใหม่ลดลงไปได้มากพอสมควรเลย ทางผู้ใช้งานรวมทั้งสาวก Apple ก็ได้แต่หวังว่าราคาจำหน่ายของ iPhone 12 จะไม่สูงมากนัก หรือถ้าถูกกว่ารุ่นที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก ๆ เลย