หนังของ Christopher Nolan ผู้กำกับที่ต้องบอกว่าทำหนังออกมามีอะไรให้คิดเยอะเสมอ แม้จะดูจบไปแล้วก็ตาม เป็นผู้กำกับที่ทำหนังให้ดูยากมากๆ สำหรับใครหลายคนและมีอะไรซับซ้อนเยอะแยะไปหมด จนขึ้นชื่อว่าเป็น ผกก ที่ทำหนังดูรอบเดียวไม่เคยพอ ถ้าใครที่คุ้นเคยกันในหนังของ ผกก คนนี้นั้นทั้ง Batman 3 ภาค Begin / Dark Knight / Dark Knight Rise รวมถึงหนัง สงครามอย่าง Dunkirk หรือจะเป็นหนัง Intersellar ก็น่าจะพอจับแนวทางหนังได้อยู่พอสมควร หรือจะเป็นหนังอย่าง INCEPTION ด้วยถือว่าถ้าใครดูหนังพวกนี้รู้เรื่องแล้ว แต่ถ้ามาดู TENET เรื่องนี้บอกเลยว่าเป็นหนังที่คิดอะไรค่อนข้างเยอะ ตัวหนังเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้ยาก แต่การดูการตัดต่อ การเล่าเรื่อง การหาเหตุผลว่าทำไมตัวละครถึงทำแบบนี้ มาจากอะไร อันนี้มาจากไหน แล้วทำไมเป็นแบบนั้นจะมาเต็มหัวไปทั้งหมด ตั้งแต่ต้นเรื่องจนหนังจบ จนชนิดที่ว่าถ้าใครไม่ทันหนังจะพาลากยาวไปแบบไม่หยุดจนหนังจบแบบงงๆ จนส่วนตัวเองแล้วในการรีวิวเรื่องนี้อาจจะไม่กล้าขอพูดอะไรมากเกี่ยวกับเนื้อหามากนัก แต่จะเล่าภาพรวมจะดีกว่า และในไทยเองนั้นเป็นที่เดียวใน เอเชียที่มาพร้อมกับการฉาย 70 มม. แบบระบบ ฟิล์ม IMAX เท่านั้นและเป็น 1 ใน 8 ที่ทั่วโลก ทำให้ภาพที่ได้จะเต็มตาที่สุดอัตราส่วนแบบคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เราจะไม่ได้ดูหนังแนวที่มานานมากๆ เพราะการฉายระบบฟิล์มมีไม่กี่เรื่องที่เอาเข้ามาฉาย และอีกนานกว่าเราจะได้ดูเรื่องต่อไป ถือว่าไม่ควรพลาดเลย
ตัวหนังเนื้อเรื่องนั้นเล่นเกี่ยวกับคล้ายๆการย้อนเวลาของสิ่งของต่างๆ สถาพแวดล้อม การย้อนแย้งของเวลา และ กฎเอนโทรปีเป็นเรื่องราวที่ต้องทำความเข้าใจกันพอสมควรครับ แน่นอนว่าทางด้านเนื้อเรื่องเป็นอะไรที่อาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แต่ถ้าใครไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในช่วงแรกๆก็อาจจะงงจนหนังจบและสงสัยว่าที่ผ่านมาเราดูอะไรกันอยู่ แต่ถ้าใครพอเข้าใจนั้นก็จะพอจับได้ว่าเนื้อหามันเป็นมาอย่างไร และพอเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่ดูยากมากถึงมากที่สุด ในแง่ของการติดตามการกระทำของตัวละครในหนังว่าสาเหตุที่ทำทำไมเป็นแบบนั้น ส่วนนี้มาจากไหน ส่วนนั้นมาจากไหน แล้วเหตุผล ของการกระทำนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจุดพวกนี้ทั้งหมดนั้นบอกเลยว่าต้องดูหลายรอบมากๆจนว่าจะเข้าใจ และ ดูจบแล้วต้องมาคิดเยอะไปอีกครับ เป็นเรื่องที่หนังจบแค่สมองเราคิดไม่จบจริงๆ เนื้อหาไม่ได้เข้าถึงยากมากนัก แต่การตัดต่อการเล่าเรื่องนั้นเป็นส่วนที่ทำให้เราอาจจะมึนๆได้เยอะมาก รวมถึงผสมกับเนื้อหาที่ซับซ้อน ในการเล่นกับเวลา เหตุการณ์อาจจะทำให้ตามไม่ทันได้ง่ายๆเลย เป็นเรื่องที่ไม่สามารถลุกเข้าห้องน้ำได้จริงๆ ก็อาจจะต้องบอกว่าเนื้อเรื่องเนื้อหานั้นมีอะไรซ่อนอยู่เยอะมาก ทำได้ดีจริงๆในแง่ของการซ่อนอะไรไว้ต่าง และการเล่าเรื่องแบบนี้ต้องดูหลายรอบจริงๆกว่าจะพอจับประเด็นได้
ตัวละครนั้นจริงๆจุดที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของหนังของ โนแลนหลายๆเรื่องคือมิติของตัวละคร การผูกพันหรือว่าการทำให้เราเป็นส่วนนึงของหนังนั้นค่อนข้างดรอปครับ และเรื่องนี้ก็ยังคงเจออยู่บ้างเพราะตัวละครนั้นการเล่าเรื่องทำให้เราเป็นเหมือนคนดูจริงๆที่อยู่ไกลๆไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับหนังเท่าที่ควร แต่ก็อาจจะเป็นการตั้งใจและการเล่าเรื่องในแนวนี้อีกส่วนที่ทำให้เป็นแบบนั้น ตัวละครหลักๆนั้นเราได้ นักแสดงผิวสี John David Washington ที่เป็นลูกของ Dezel Washington นั้นเองที่ได้พิสูจน์ฝีมือเน้นๆในหลายๆเรื่องก่อนหน้านี้ แต่น้อยคนจะรู้จัก แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแน่นอน และการแสดงนั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ สามารถเอาหนังได้อยู่แบบสบายๆในการเล่น การแสดงถือว่าโอเคอย่างมาก แสดงร่วมกันกับ Robert Pattinson ที่เราคุ้นเคยกันดีแน่นอน และหนังของโนแลนมักจะดึงนักแสดงหลายๆคนที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนเข้ามาแจมเยอะแยะมากๆครับ ถือว่าในส่วนนักแสดงนั้นทำได้ดีอย่างมากทั้งการเล่นในแต่ละซีนความรู้สึกของแต่ละช่วงเวลาต่างๆนั้นถือว่าแตกต่างกันชัดเจน
งานภาพ และเสียง นั้นถือว่าเป็นจุดที่แนะนำที่สุดของเรื่องนี้ ในหนังของโนแลนหลายๆเรื่องนั้นเรื่องของงานภาพและงานเสียง ซาวด์ประกอบนั้นถือว่าเป็นจุดที่เข้าไปเสพได้ดีมากๆ เสียงอะไรนั้นทำได้มีพลังและกระตุ้นในแต่ละฉากได้ดีมาก รวมถึงในครั้งนี้งานภาพนั้นในไทยเท่าที่ได้ดูในพารากอนนั้นในโรง IMAX เป็นโรงภาพยนต์เดียวที่ฉายแบบ 70มม. พร้อมกับเป็นที่เดียวในเอเชียที่ฉายระบบนี้ครับ ส่วนในแง่ของความแตกต่างนั้นฟิล์ม IMAX 70 มม. นั้นจะได้ภาพที่เต็มตาที่สุดของหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ง่ายๆคือมันเป็นภาพที่เต็มๆในการถ่ายเลย แต่ถ้าไปดูโรงทั่วไปนั้นภาพจะโดนตัดออกไปเกือบเท่าตัวในส่วนของขอบบนและล่างครับ และระบบฟิล์มนั้นเรียกได้ว่ามีหนังไม่กี่เรื่องที่จะเอาเข้ามาฉาย และด้วยอายุเครื่องฉายในไทยที่เก่ามากๆแล้ว อีกไม่นานเราน่าจะไม่มีระบบนี้ให้ดูกันแล้วครับ จึงอยากจะแนะนำให้ลองกันซักหน่อย งานภาพฟิล์มจะมีการทำสี โทนฟิล์มต่างๆที่ดูแล้วให้ความรู้สึกแตกต่างกับดิจิทัลชัดเจน ภาพสวยงามเกรดสีอะไรสวยและมิติของภาพนั้นทำได้ดีจริงๆ ดูแล้วให้ฟีลแตกต่างกับที่เคยดูเรื่องอื่นๆเยอะมาก และในแต่ละเรื่องของโนแลนจะมีโทนฟิล์มแตกต่างกัน รวมถึงเรื่องนี้ก็จะรู้สึกด้วยครับ งานภาพสวยเช่นเดิม มุมกล้องอลังการโชว์โปรดักชั่นเรียลๆตามแบบฉบับของ โนแลนทำให้สามารถดูรายละเอียดดีเทลได้สะใจมากๆครับ เพลงประกอบอะไรนั้นมีความอลังการเช่นเดิม ซาวน์ในรอบนี้ได้ Ludwig Göransson ที่แอบแปลกใจว่าไม่ได้ใช้งาน Hans Zimmer เหมือนเรื่องก่อนๆครับ แต่ซาวด์นั้นยังคงคุมโทนหนังได้ดี และมีความอลังการเหมือนกัน
ภาพรวมหนังเรื่องนี้ต้องบอกกันตรงๆว่าเป็นหนังที่ดูยากมากที่สุดในบรรดาหนังของ Nolan เองด้วยเช่นกัน และก็เป็นหนังที่มีเรื่องราว การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ด้วยเช่นเดียวกันทำให้ค่อนข้างดูสนุกในแง่ของ เนื้อหาถ้าพอเข้าใจอยู่รวมถึง การดูภาพรวมของหนังฉากต่างๆก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูแล้วสนุกแต่มีเรื่องให้คิดเยอะมาก มีอะไรแทรกเข้ามาตลอดเวลาให้สมองได้ทำงานตลอดจริงๆครับ ถ้าใครดูแล้วไม่ทันก็จะงงจนหนังจบได้เลย แนะนำว่าก่อนดูควรทำหัวโล่งๆไม่ต้องคิดอะไรเยอะแล้วเก็บรายละเอียดของหนังให้ได้ก็จะพอตามทัน และสนุกไปกับการเล่นเวลา สภาพแวดล้อมต่างๆของหนังได้ดีเลยทีเดียวครับ แต่รอบเดียวไม่พอสำหรับเรื่องนี้จริงๆสำหรับ TENET
## ข้อควรทราบในระบบ IMAX 70 มม. นั้นจะเป็นการใช้ฟิล์มจริงๆทำให้ในเรื่องของความคมชัด ความเคลียร์ของภาพ โทนภาพนั้นแตกต่างกับระบบโรงหนังทั่วไป มีความเกรดสีที่สวย แต่ก็จะเป็นโทนแบบฟิล์มรวมถึง ความเนียนตานั้นจะสู้ Digital ไม่ได้ครับรวมถึงจะมีรอยถ้าหากไปดูรอบหลังๆแบบในหนังสมัยก่อนที่เราคุ้นเคยกัน ซับไตเติ้ลนั้นมีขนาดเล็กมากๆๆ เพราะต้องมีเครื่องฉายแยก รวมถึงเสียงนั้นจะไม่ได้แน่นแบบหนังดิจิทัลทั่วไปนะครับ ต้องทำความเข้าใจกันไว้ก่อน แต่ถ้าประสบการณ์เต็มจอสุดขอบจอโรงหนัง พารากอนที่เดียวในไทยแบบนี้ แนะนำให้ไปลองสัมผัสซักครั้งก่อนที่เครื่องฉายจะลาโลกไปครับ เพราะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีทางหาได้อีกแล้วจริงๆ อารมณ์ภาพแบบนี้ ขนาดอัตราส่วนเต็มๆแบบนี้รวมถึงโรงที่เสียงดังและรอบทิศทางได้ดีแบบ IMAX ยังไงก็แนะนำครับ
By Nineztr