ROG เป็นค่ายที่พัฒนาในนวัตกรรมใหม่ๆอยู่เสมอ และในครั้งนี้ได้เปิดตัว ROG ZEPHYRUS DUO ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของทางค่ายที่มาพร้อมกับ หน้าจอ 2 หน้าจอ จริงๆแล้วนั้นเราจะเห็นว่าทาง ASUS พัฒนาในเรื่องของการออกแบบ 2 หน้าจอมาเรื่อยๆ ทั้งที่เราคุ้นเคยกันในตระกูล Zenbook Pro Duo ในรุ่นก่อนๆและในครั้งนี้ได้จับมาใส่ในรุ่นเทพสายเกม ทำให้ในการใช้งานนั้นต้องบอกว่าได้ประโยชน์และใช้งานได้จริงแน่นอนสำหรับตัวนี้ มีการพัฒนาให้มีการยกหน้าจอขึ้นมาพร้อมกับรองรับฟีเจอร์สายเกมได้ดีมาก ขึ้นรวมถึงรองรับระบบสัมผัสได้ด้วย ทางด้านสเปกนั้นถือว่าจัดเต็มพอสมควรทั้งใช้งาน intel gen10 พร้อมกับ RTX 2070 รวมถึงงานประกอบอะไรที่เทพเหมือนเดิม พร้อมทั้งระบบเสียงลำโพง 4W และ รองรับ Hi-Res ด้วยเช่นกันในหูฟัง และหน้าจอ FHD 15.6” มาพร้อมกับ รีเฟรชเรทมากถึง 300Hz รองรับการใช้งานทำงานได้สบายรวมถึงเล่นเกมด้วยเช่นกัน
ทางด้านสเปกในตัว ZEPHYRUS DUO นั้นมาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อยที่จะแตกต่างกันในเรื่องของสเปก i7 i9 และ RTX 2070 , 2080 Super รวมถึงหน้าจอ 4K และ RAM32GB ก็แตกต่างกัน ส่วนรุ่นที่เรารีวิวนี้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นของ Zephyrus Duo ทำให้มันมาพร้อมกับ Intel i7-10875H และใช้งานการ์ดจอ NVIDIA® GeForce® RTX 2070 SUPER™ 8GB GDDR6 VRAM มาพร้อมกับ 16GB on board memory DDR4 3200 และทางด้านความจุให้มากับ 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD ที่เร็วแรงมากๆ อีกทั้งเรื่องของหน้าจอตัวนี้จะใช้งาน FHD แต่ได้ 300Hz เลยทีเดียวมาพร้อมกับสเปก ขนาด 15.6-นิ้ว, หน้าจอด้าน Full HD (1920 x 1080), IPS panel 300Hz/3ms, 100% sRGB, Pantone® Validated, G-SYNC™ with 14.1-inch (3840 x 1100) ระบบสัมผัสในจอเล็ก ส่วนทางด้านลำโพงให้มาเต็มๆ 4W 2 ตัวและรองรับระบบเสียง Hi-Res ใช้ชิพเสียง ESS เช่นเดิมในการฟังเพลงต่างๆผ่านทางหูฟัง
ทางด้านราคา รุ่นที่เรารีวิวนั้นจะเป็น GX550LWS-HF062T (Gunmetal Gray)
Windows 10 Home/i7-10875H/RTX™ 2070 Max-Q 8GB GDDR6/DDR4 16GB/1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD/MCAFEE 1YR/15.6” FHD 300Hz
ราคา 109,990.- บาท
ส่วนรุ่นท็อปสุดนั้นจะเป็น GX550LXS-HC060T (Gunmetal Gray)
Windows 10 Home/i9-10980HK/RTX™ 2080 Max-Q 8GB GDDR6/DDR4 16GB 3200 + 16GB[ON BD.]/1TB + 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 RAID0 SSD/MCAFEE 1YR/15.6” 4K UHD 60Hz
ราคา 149,990.- บาท
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมีการออกแบบสวยงามและแปลกตา การเปิด/ปิดของตัวกล่องนั้นสวยงามเลยทีเดียวยังคงเอกลักษณ์สวยงามเปิดแบบแบ่งครึ่งครับส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาพร้อมใช้งาน ชอบที่ทาง ROG ให้มาทั้งที่ชาร์จแบบ DC in ทั่วไปรองรับ 240W และที่ชาร์จ USB-C สำหรับการพกพาข้างนอก 65W ถือว่าตอบโจทย์มากๆ
- ตัวเครื่อง ROG ZEPHYRUS DUO
- ที่ชาร์จ USB-C PD 65W
- ที่ชาร์จ DC IN 240W
- ตัวกล้อง ROG EYE WEBCAM FHD60FPS
- ที่รองวางมือแบบยาง
- คู่มือ และ การใช้งานต่างๆ
DESIGN
งานออกแบบทางด้าน ROG Zephyrus Duo ยังคงมีการออกแบบที่มีกลิ่นอายจาก Zephyrus รุ่นก่อนๆหรือตระกูล S ของค่ายที่จะดับคีย์บอร์ดมาข้างล่างสุดนั้นเอง แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงขยายให้เต็มพื้นที่มากขึ้นและเอาหน้าจอแบบยกระดับได้ใส่เข้ามาแทนในส่วนด้านบนทำให้เป็นรุ่นแรกที่มีการใส่หน้าจอ 2 ตัวเข้ามาในตระกูลนี้รวมถึงเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่น Zenbook Pro Duo ที่มีการออกแบบคล้ายๆกันครับและครั้งนี้หน้าจอยกขึ้นมาทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ลดแสงสะท้อน รวมถึงวัสดุงานออกแบบมีความสวยงามและแข็งแรงเช่นเดิมของตระกูลนี้ และทางด้านน้ำหนักนั้นจะมีน้ำหนัก 2.4 kg ครับถือว่าในการพกพาไปไหนมาไหนบ่อยๆนั้นอาจจะเป็นข้อจำกัดนิดหน่อย
งานออกแบบทางด้านฝาหลังนั้นยังคงเส้นสายแนวเฉียงที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายอยู่เช่นเดิมแต่ครั้งนี้มาพร้อมกับวัสดุทำจากโลหะผสมแม็กนีเซียม-อลูมิเนียม ถือว่ามีทั้งเรื่องของความแข็งแรงและการใช้งานรวมถึงเวลาสัมผัสนั้นดูดีด้วยเช่นกันครับฝาหลังนั้นจะออกสีเทาฟ้าๆนิดหน่อยพอสวยงามและมีเส้นพาดเฉียงนิดๆให้เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับโลโก้ ROG สีโครมเมี่ยม แต่ด้านหลังนั้นจะไม่มีไฟอะไรนะครับแอบน่าเสียดายนิดหน่อย ส่วนด้านหน้าจอขอบบางสวยงามพร้อมกับจอที่ 2 และกล้องหน้าจริงๆมีให้มาแยกนะครับแต่ก็เป็น ROG EYE แบบที่เราเคยเห็นกันไปในรุ่นอื่นๆครับ
ขอบหน้าจอยังคงทำได้บางเช่นเดิมทั้งขอบด้านบนและขอบด้านล่างครับและการที่ตัดกล้องหน้าออกไปนั้นทำให้ขอบด้านบนมีความบางมากๆจนเท่ากันทั้งหมดในขอบซ้ายขวาและขอบด้านบนจึงทำให้ดีไซน์ดูทันสมัยและสวยงามที่สุด อีกทั้งขอบด้านล่างนั้นยังคงมีความหนาเพราะต้องให้พอดีกับตัวเครื่องและมีพื้นที่ในการจัดวางอะไรต่างๆของระบบครับ แต่การที่ตัดกล้องหน้าออกไปถือว่าดี เพราะกล้องหน้าที่ให้มามีคุณภาพสูง FHD 60FPS และมีตัวช่วยอะไรเยอะแยะสามารถใช้งานได้จริงมากกว่ากล้องแบบติดมากับเครื่องเยอะมาก ใครที่เน้นใช้กล้องก็ไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเลยครับ
ฝาส่วนของฐานนั้นจะไม่สามารถอัพเกรดอะไรได้มากนัก ส่วนการแกะต้องใช้งานหัวเฉพาะครับและแน่นอนว่าในส่วนข้างในนั้นจะเป็น RAM 16GB Onboard มาให้เลยพร้อมกับ M.2 SSD มาให้ใช้งาน จะเห็นว่าฝาฐานนั้นสวยงามพอสมควรมีการเขียนชื่อรุ่นและช่องระบายอากาศที่แปลกตาเล่นกับรูปทรงอะไรสวยงามช่องระบายต่างๆนั้นจะจัดวางตามตำแหน่งพัดลมคู่ด้านหลังและยิงออกด้านขอบเครื่องทั้งด้านหลังและด้านข้างพร้อมกันทั้งหมด 4 ทิศทางครับถือว่าจัดเต็มพอสมควรเลยแหละ และการยกขึ้นของตัวฐานที่วางยางรองต่างๆนั้นมีขนาดใหญ่และสูงพอสมควรเลย
วัสดุสวยงามในทั้งตัวเครื่องเพราะใช้งาน โลหะผสมับแม็กนีเซียม-อลูมิเนียมทำให้การขึ้นรูปวัสดุการเก็บงานรวมถึงผิวสัมผัสอะไรนั้นมีความสวยงามากๆในการใช้งานจริง ดีเทลต่างๆเก็บออกมาได้สวยงามมากครับและโทนสีจะออกเทาๆฟ้าๆเล่นกับแสงได้ดีอยู่พอสมควรสวยงามและมีการตัดกับโครมเมี่ยมนิดๆทำให้ดูไม่เรียบมากเกินไปด้วยเช่นกัน
การออกแบบขาพับหน้าจออะไรต่างๆนั้นถือว่ามีการออกแบบมุมอะไรให้มีความแข็งแรงรองรับกับหน้าจอได้ดีและยังเป็นส่วนของกลไกในการพับหน้าจอที่ 2 ด้วยเช่นกันจึงจะเห็นว่ามีการออกแบบที่แข็งแรงมากๆในส่วนนี้ครับ และในขอบฝาหลังนั้นจะยังคงมีความเว้าที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายอยู่พอสมควรช่วยในการระบายอากาศและบอกไฟสถานะเวลาพับฝาได้ด้วยจะเห็น 3 ตำแหน่งปกติพื้นฐานครับ
ทางด้านแป้นพิมพ์ที่มีการย้ายลงมาทำให้เราคุ้นเคยไปนึกถึง ROG Zephyrus S ในรุ่นก่อนๆพร้อมกับมีหน้าจอที่ 2 มาแทนในส่วนด้านบนครับจริงๆถือว่าปรับตัวอะไรไม่ยากถ้าหากเคยใช้งานรุ่นพวกนั้นมาก่อน แต่ถ้าใครมาใช้งานครั้งแรกนั้นจะไม่มีที่วางมือก็อาจจะต้องปรับตัวกันพอสมควรและเมื่อยมืออยู่บ้าง ส่วนวัสดุข้างในก็เป็นสีเดียวกับภาพรวมทั้งหมดสวยงามพอสมควรเลยแหละขึ้นรูปชิ้นเดียวกันเน้นๆครับ และ Touchpad ให้มามุมขวาพร้อมกับตัวเลข
กลไกการยกของหน้าจอที่ 2 นั้นยกขึ้นมาสวยงามและใช้งานได้จริงเพราะในรุ่นก่อนหน้าจอมันจะเป็นแบบเรียบๆในรุ่น Zenbook Duo อาจจะทำให้เจอแสงสะท้อนได้ง่ายแต่ในรุ่นนี้มีการพัฒนาเพื่อหลบจุดนั้นได้ดีมากๆการยกกลไกนั้นจะเป็นส่วนเดียวกับเวลาเราเปิดหน้าจอใช้งานครั้บมันจะยกขึ้นตามองศาหน้าจอหลักและสุดที่ตำแหน่งแบบในภาพครับ ถือว่ามีความแข็งแรงพอสมควรและสามารถออกแบบให้หลบซ่อนได้ดีเวลาพับไปแล้ว แต่ข้อระวังหรือข้อสังเกตคือจะมีฝุ่นเข้าไปส่วนที่พับได้ง่ายมากๆในช่องว่างตรงที่ยกขึ้นมา อาจจะต้องเป่าลมกันบ่อยๆ แต่ฝุ่นนั้นจะไม่ลงไปข้างในระบบ บอร์ดแน่ๆเพราะตรงพัดลมจะเห็นมีตระแกรงฟิลเตอร์กันฝุ่นอยู่ด้วยนั้นเองกลมๆข้างในส่วนนั้นครับ
ROG EYE นั้นยังคงให้มาเพราะว่าในรุ่นนี้ไม่มีกล้อง Webcam มาให้ทำให้ต้องใช้ตัวนี้มาแทนครับ แต่ส่วนตัวแล้วถือว่าให้มาแบบนี้ถือว่าดีกว่าเพราะว่าในการใช้งานจริง คุณภาพดีกว่ากล้องติดหน้าจอเยอะมากๆและใช้งานได้จริงเอาไปทำงาน สตรีมเกมได้ทันที จัดมุมมองได้ แตกต่างกับกล้องติดหน้าจอทั่วไปเยอะส่วนนี้ถือว่าดีครับ และทางด้านที่รองมือนั้นให้มาด้วยครับในการใช้งานเพราะว่าการออกแบบแบบนี้ทำให้วางมือลำบากเวลาพิมพ์ใช้งานด้วยเช่นกัน แต่ที่วางนั้นแอบสั้นไปนิดหน่อยในการใช้งานจริงแต่ก็มีความนุ่มเพราะเป็นวัสดุแบบยางกำลังดีสีเดียวกับตัวเครื่อง
SPEC
- Intel® Core™ i7-10875H
-
NVIDIA® GeForce® RTX 2070 SUPER™ 8GB GDDR6 VRAM (Boost Clock: 1390MHz, 90W)
- RAM 16GB on board memory DDR4 3200
- 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD
- หน้าจอ ขนาด 15.6-inch, Non-glare Full HD (1920 x 1080), IPS panel 300Hz/3ms, 100% sRGB, Pantone® Validated, G-SYNC™
- หน้าจอที่ 2 ขนาด 14.1-inch (3840 x 1100) touchscreen
- แป้นพิมพ์ Backlit chiclet keyboard พร้อม Per-key RGB lighting ระยะ 1.4mm travel distance N key rollover
- ลำโพง 2 ตัว x 4W speakers with Smart AMP technology ชิพเสียง ESS, High-res certified และ Array Microphone
-
1 x USB 3.2 Gen 2 Type C with DisplayPort™ 1.4, Thunderbolt™ 3 and Power Delivery2 x USB 3.2 Gen 1 Type A1 x USB 3.2 Gen 2 Type A1 x HDMI 2.0b1 x 3.5mm Microphone-in jack1 x 3.5mm Microphone-in/Headphone-out jack1 x RJ45
-
240W Power Adaptor พร้อมรองรับการชาร์จ Support Type-C PD 3.0 up to 65W
-
Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax) // Bluetooth 5.0
-
Width: 36.0cm Depth: 26.8cm Height: 2.0cm น้ำหนัก 2.4 kg
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 8 Core/16 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2070 Super มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะเป็น 16GB OnBoard อัพไม่ได้ และ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่องเท่านั้นและมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งานครับในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่อง
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5176 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,200 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3719 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 4827 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 83 CPU GPU 81 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 9667 และ FIRE STRIKE ULTRA 5085 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 2070 Super ครับ
CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1686 cb/ 130.59FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผม และเทียบกับ RYZEN 7 4800HS จะมากกว่าประมาณ 120 ครับไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีผลในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3961 เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 3265MB/s และ 3009 MB/s ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆอีกตัวนึง
SCREEN
หน้าจอครั้งนี้จัดเต็มปรับมาใช้งาน 300Hz 3MS แน่นอนว่าถ้าใครเล่นสาย FPS น่าจะเข้าใจกันดี ส่วนในเรื่องของความสว่างก็มามากกว่าเดิม และทำได้สู้แสงดีกว่าเดิมครับและสีที่แม่นยำกว่าเดิมด้วย และ รองรับ มาตรฐาน Pantone นะครับ อีกทั้งยังได้ 100% sRGB และยังรองรับ G-Sync ทำให้เล่นเกมภาพไม่ฉีกแน่นอน และทำงานนั้นเหลือๆครับอีกทั้ง จอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นเนียนตามากๆครับ และในส่วนของตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับ และทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น และ ด้วยความที่มันเน้นพกพามากขึ้นก็ทำให้หลายๆคนเลือกเอาไปใช้งานงานกันหลากหลายมากขึ้นนั้นเองครับตัวเดียวครบๆจบเลย และคุณภาพสีของตัวหน้าจอพร้อมใช้งานทันทีแอดมินเอามาแต่งภาพได้สบายๆเลยครับ
การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ต้องตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 300Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง คือมันเป็นจอเกมที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ทั้งรองรับมุมมองที่กว้าง Refresh rate 300Hz และ จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้น แต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้นมากพอสมควรครับและทำงานสบายครับ
จอที่ 2 นั้นจะเป็นแบบด้านเพราะวางจะวางเหนือคีย์บอร์ดทำให้มันต้องสะท้อนได้ง่ายกว่าทั่วไปเยอะมากเลยใช้งานแบบจอด้าน ส่วนตัวความสว่างนั้นเอาตรงๆมันไม่ได้สู้แสงได้ดีเท่าไรในการใช้งานหลายๆครั้งครับแต่เรื่องของสีสันอะไรพวกนี้นั้นก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ติดแค่สู้แสงเท่านั้น แต่ถ้าใช้งานภายใน หรือในอาคารนั้นจอที่ 2 ทำได้ดีมากๆในเรื่องของความสว่างและค่อนข้างสวยพอสมควรครับ แต่ถ้าหากเทียบกับรุ่น Zenbook รุ่นก่อนจะดีกว่าเพราะว่ารุ่นนี้มีการยกองศาหน้าจอขึ้นมาทำให้เรื่องของการใช้งานแสงสะท้อนลดลงไปแบบชัดเจนครับ และการสัมผัสอะไรใช้งานได้ถนัดมากขึ้นเยอะและใช้งานได้จริงมากกว่าเดิมไปอีกถือว่าแก้ไขการสะท้อนแสงอะไรได้ดีขึ้นแบบชัดเจนเลยแหละ
ROG SCREENPAD PLUS
หน้าจอที่ 2 นั้นต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำมากและครั้งนี้ยกมาใส่ในตระกูลสายเกมแล้วมีขนาดที่จัดเต็มเช่นเดิมครับ ถ้าใครเคยใช้พวก Touchbar แล้วติดใจอยากให้มันใหญ่นั้น รุ่นนี้คือตอบโจทย์มากๆในการใช้งานหน้าจออันนี้รองรับระบบสัมผัส ปากกา และ ยังให้ความละเอียดมาสูงถึง 4K ครับหน้าจอตัวนี้ที่ให้แบบด้านมาเพราะว่าตำแหน่งของมันจะสะท้อนได้ง่ายทั้งสะท้อนเพดานต่างๆ และมีการยกหน้าจอขึ้นมาองศาที่ใช้งานได้ดีกว่าเดิม และพัฒนาได้ดำครับสำหรับ ROG SCREENPAD PLUS ในขนาด 14.1 นิ้วใช้งานด้วยซึ่งฟีเจอร์หลักๆเวลาเรากดเปิดฟังก์ชันมันนะครับจะมีตามภาพเลย จะเป็นเหมือนแอพให้เลือกใช้งานทั้งตัว QuickKey – Handwriting – Number Key – Appdeal – Spotify นอกจากนี้หลักการทำงานมันก็จะเหมือน หน้าจอแยกเวลาเราต่อทุกประการเลยสามารถลากแอพลงไปมาได้ หรือ ใช้งานแอพติดเครื่องได้เลยนั้นเอง และสายเกมก็ได้ใช้ประโยชน์มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
สามารถตั้งค่าได้ทั้งเรื่องของความสว่าง เปลี่ยนพื้นหลัง รวมถึงขนาดของหน้าจอเวลามาใช้งานและสามารถปรับความละเอียดได้ด้วยเช่นกันครับว่าจะใช้ 4K-FHD และยังสามารถตั้งค่าพวกปุ่มที่จะโชว์ได้นิดหน่อย รวมถึงประหยัดแบต
ฟังก์ชันหลักๆที่ให้มาก็จะเป็น QuickKey หรือพวกคำสั่งลัด เราสามารถบันทึกได้ว่าจะกดตัวไหนบ้าง เรียงตามจังหวะเรากด และสามารถเพิ่มแยกเป็นแอพได้ รวมถึง เป็นชุดคำสั่งแต่ละแอพแยกกันได้เลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องมานั่งกดอะไรวุ่นวายเลย เลือกคำสั่งใช้งานบ่อยๆไว้ได้เลย และกดบนหน้าจอเสริมเอา และในตัว Number Key ก็ยังมีมาให้ใช้งานนอกเหนือจากด้านขวาของ Keyboard เผื่อใครใช้งานไม่ถนัดครับและแบ่งได้สูงสุด 3 แอพในแถบหน้าจอเสริมทั้งหมด นอกเหนือจาก 2 แอพครึ่งๆที่เห็นในภาพสามารถแทรกแอพเพิ่มเข้าไปได้อีก
ในการแบ่งหน้าจอก็รองรับการทำงานในหลายๆแอพครับหรือเรียกได้ว่าทุกแอพเพราะเราสามารถลากลงมาเหมือนต่อจอแยกได้เลยแบ่งเป็น 3 ช่อง 4 ช่อง หรือ 2 ช่องแบบในภาพข้างบนได้ทันทีเลยถือว่าสบายและใช้งานได้จริงนะถ้าใครที่ทำงานเยอะๆหรือทำงานหลากหลายโปรแรกมพร้อมกันการมีจอที่ 2 แบบนี้ถือว่าช่วยได้เยอะแบบชัดเจนครับ
ลายกราฟฟิคสวยงามก็ใส่เข้ามาเป็นพื้นหลังพิเศษสำหรับสายเกมครับดูว้าวและล้ำมากๆในการใช้งานจริงและสามารถรองรับการสัมผัสได้แบบเต็มที่รวมถึงเวลาเปิดใช้งานค่อนข้างโดดเด่นพอสมควรเลยแหละ และสามารถเคลียร์แอพอะไรใช้งานได้ทันทีและการที่ใช้งานระบบสัมผัสการทำงานในหลายๆอย่างนั้นจะสะดวกมากขึ้นด้วยครับ
ในด้านฟีเจอร์ HandWriting นั้นก็รองรับการใช้งานกับปากกาได้สบายและวาดและเป็นตัวอักษรได้ด้วยหรือจะให้มันวาดในหลายๆโปรแกรมก็ทำได้ครับและแน่นอนว่าใช้งานเซ็นอะไรต่างได้ดีมากเลย แต่ปากกานั้นในรุ่นนี้จะไม่ได้มีแถมมาให้ครับแต่สามารถใช้มือเขียนหรือวาดได้ด้วยเช่นกัน และแปลงเป็นตัวอักษณคร่าวๆได้เลยสำหรับตรงนี้
อีก 1 ฟีเจอร์ที่ชอบมากๆคือฟีเจอร์ Task Group มันคือการจำแอพว่าเราเคยเปิดแอพอะไรบ้างและวางไว้ตรงไหนของหน้าจอ เมื่อเรากด Taskgroup เลข 1 ไว้มันก็จะเปิดแอพทั้งหมดที่เราบันทึกไว้ให้เรา และวางตำแหน่งแบบที่เราเคยวางไว้ทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งเปิดทีละแอพเลย คือกด ปุ่มเดียวเปิดและเรียงให้เราทั้งหมด เช่นในภาพนั้นผมได้ ให้มันจำทั้งหมด 5 แอพ ในการวางแบบ จอบน 2 และ จอล่าง 3 เมื่อเรามาใช้งานวันอื่น เปิดคอมแล้วกด ฟังก์ชันนี้มันก็จะเปิดแอพให้เราทันที 5 แอพพร้อมกับวางแบบเดิมเลย ในภาพมุมขวาคือ หน้าจอตอนเรากดให้มันจำ สามารถจัดการได้ และ จำได้สูงสุด 4 กลุ่มครับ อันนี้สะดวกมากๆใครใช้แอพคู่กันบ่อยๆต้องชอบมาก
ในการใช้งาน 2 หน้าจอนั้นก็มีหลายๆแอพที่ใช้งานแล้วก็รองรับได้ดีเช่นในภาพข้างบนนั้นจะเป็นการใช้งานกับทางแอพ Premire Pro ในการตัดต่อหนัง วีดีโอต่างๆซึ่งแน่นอนว่าสายงานนี้เค้าใจกันดีต้องการใช้งานหน้าจอใหญ่ๆยาวๆไว้ก่อนครับมีจอเท่าไรก็ไม่พอซึ่งในรุ่นนี้นั้นทำได้ดีมากๆคือหน้าจอล่างนั้นสามารถเอามาใช้วาง ไทม์ไลน์ของตัวคลิปได้ดีมากๆทั้งขนาดและความยาวของมันทำให้เรามีจอพรีวิวที่ใหญ่ขึ้นและใช้งานได้โล่งตามากกว่าเดิมอีกครับ และพวก Lightroom ก็รองรับในการเอาตัวไฟล์มาดูในภาพล่างและทำงานในจอด้านบนได้เต็มที่กว่าเดิมนั้นเองครับ และ สายสตรีมเมอร์ก็ยิ่งมีประโยชน์เพราะสามารถใช้งานหน้าจอหลักเล่นเกม จอลองสำหรับดูแชท และ ดูไลฟ์ได้
KEYBOARD
การวางตำแหน่งนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกกว่ารุ่นอื่นๆมากจากการย้ายมาลงไว้ด้านล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์นั้นเองที่ย้ายแบบนี้ไม่ได้แค่เท่หรือแปลกๆแต่อย่างเดียวแต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่คิดไว้แล้วเพื่อที่จะช่วยระบายความร้อนให้ทางการ์ดจอ ระบบภายในให้มันเต็มที่มากที่สุดครับผมและแทนที่ด้วยหน้าจอที่ 2 เข้ามาแทนในส่วนนั้นทำให้ใช้งานได้เต็มที่มากขึ้น และ แป้นพิมพ์นั้นมาพร้อมกับไฟ ASUS AURA RGB 4 โซนปรับแต่งได้เยอะและปรับแต่งตามเสียงเพลงได้ด้วย ผ่านทาง ROG Armory Crate และ RGB PER KEY สวยงามเลยครับตำแหน่ง ปุ่มทั้งหมดวางตำแหน่งได้ดี แต่ขาด Numpad จริงๆไปเป็นแบบสัมผัสรวมกับ Touchpad ในขวามือสุดนั้นเองครับอันนี้ก็เป็นเพราะเพื่อนที่จำกัดแต่ก็แก้ปัญหาได้ค่อนข้างดีครับ แต่การใช้งานจริงอาจจะยังคงต้องปรับตัวกันเพราะมันจะไม่มีที่วางมือเวลาเล่นเกมทำงานนานๆเวลาไปข้างนอกนั้นอาจจะเมื่อได้ง่ายกว่าเดิมอยู่บ้างเช่นเดียวกัน
หลังจากการใช้งานตัวปุ่มทั้งหมดต้องบอกว่าระยะห่างของแต่ละปุ่มนั้นไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดใจอะไรเท่าไรนักมีแค่ปุ่ม F1-F4 ที่มีระยะห่างออกจาก F5 เลยไม่แน่ใจว่าจะเว้นไว้ในการใช้งานแบบไหนนะครับถ้ากดแบบไม่มองอาจจะปรับตัวกันนิดนึง ส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีปัญหา และตัว Numpad ก็มีแบบสัมผัสมาให้ใช้งานแอบลำบากไปนิดถ้าต้องใช้ งานข้างนอกเวลาไม่พกเมาส์ไปนั้นเอง ส่วนระยะการกด น้ำหนักปุ่มคียบอร์ดนั้นทำได้ดีครับกดเล่นเกมสนุก พิมพ์รีวิวสบาย ระยะการเดินทางที่ 1.4มม. พร้อมกับ พร้อมเทคโนโลยี Over Stroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG ตัวอื่นๆเลยที่เคยทดสอบมานั้นเองครับรวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบายเลยครับตัวนี้
TOUCHPAD+NUMPAD
แน่นอนว่าเหมือนรุ่นอื่นๆของทาง Zephyrus S ตัวก่อนครับถ้าหากใครใช้มาก่อนก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เป็นดีไซน์แยกออกมาครับ ปุ่มคลิกนั้นแยกซายขวาชัดเจนความนุ่ม ระยะการกดนั้นทำได้ดีอันนี้ชอบมากๆครับเพราะรุ่นหลังๆชอบทำให้มันแบนๆและกดไม่ดีเท่าไรในหลายๆตัว และอีก 1 ความสามารถมันคือมันเป็น Numpad ได้เลยจากการกดปุ่มข้างซ้ายของโลโก้ ROG ครับ ต้องบอกว่าเป็นแนวคิดที่ฉลาดที่ไม่ตัดมันออกไปและคนที่ใช้งานบ่อยๆก็ยังได้ประโยชน์ในการกดตัวเลขต่างๆครับ สัมผัสได้ไวแม่น แต่ถ้ามีสั่นตอบสนองหน่อยจะลงตัวเลยแหละคล้ายๆพวก Taptic Engine พวกนั้นถ้ารุ่นหน้าขอใส่มาด้วยจะครบเลย ซึ่งในรุ่นนี้ก็ยังคงดีไซน์ขนาดเท่ากับรุ่นก่อนๆเลยนั้นเอง
ตัวขนาดเนื่องจากเครื่องเล็กลง ขนาดก็เล็กลงไปด้วยครับการใช้งานก็ค่อนข้างพอดีต่อ 2-3 นิ้วอย่างมากเวลาใช้งาน อาจจะรู้สึกอึดอัดไปหน่อยถ้าใครใช้ทำงานนอกบ้านและต้องใช้ Touchpad ตลอดครับ สัมผัสอะไรเรื่องนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหานะ และปุ่มข้างบนนั้นๆจะเป็นปุ่มสลับ Numpad/Touchpad นะครับ และ โลโก้ ROG คือไว้เข้าโปรแกรม Armoury Create นั้นเองสำหรับการปรับแต่ง ทั้งหมดของเครื่องทั้งไฟ ความแรงพัดลมต่างๆครับ การใช้งานปรับตัวไม่ยากครับ แต่ถ้าใช้แรกๆบอกว่าว่ากดตัวเลขจะลั่นบ่อยมากถ้าเปิดไว้และทำงานไปชอบลั่นบ่อยเลยแหละ เป็นทัชแพดของ precision touchpad นะครับใช้งานได้ติดนิ้วและโอเคเลยแหละ ไม่มีปัญหา ติดแค่ขนาดมันแค่นั้นจริงๆ
SPEAKER
ลำโพง 4W ทั้ง2 ตัวในตัวเครื่องรุ่นนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ยิงลงข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวาเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาทำให้กำลังขับของตัวลำโพงนั้นดีกว่ารุ่นอื่นๆและมีมิติมากกว่าเดิมครับ การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม จริงๆคือคุณภาพเสียงลำโพงทาง ROG นั้นพยายามพัฒนาขึ้นเรื่อยๆก็ต้องบอกว่าเป็นอีกแบรนด์ที่เน้นเรื่องนี้ทั้งตัว ROG และ Zenbook ถือว่าไม่ผิดหวังเลยครับในด้านนี้ แต่ความดังสะใจนั้นก็อยู่ในระดับเดียวกับรุ่นอื่นๆของค่ายที่เคยทดสอบ และระบบเสียงนั้นยังคงใช้งาน ESS Sabre Hi-Res รองรับการเล่นไฟล์เพลงคุณภาพสูงได้สบายผ่านทางหูฟังครับ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้ยังคงให้มาด้านหลังพร้อมใช้งานเป็นตำแหน่งตรงกลางและเป็นช่องเสียบสายเชื่อมต่อเพื่อที่จะไม่ได้ไปเกะกะด้านข้างและทำให้สามารถต่อจอนอกอะไรพวกนี้ได้สบายขึ้นมาพร้อมกับพอร์ต RJ45 และ USB-A USB 3.2 Gen 2 Type A และ HDMI 2.0b ค่อนข้างเพียงพอต่อการใช้งานครับถือว่าโอเคเลยทีเดียวตรงนี้
ในด้านซ้ายตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามีช่องระบายความร้อนในด้านข้างมาให้ด้วยพร้อมกับ พอร์ตด้านหน้าจะเป็น จ่ายไฟเข้า DC IN พร้อมกับ รู 3.5 มม. สำหรับไมค์ และ รู 3.5 มม.สำหรับหูฟังแยกกันครับสำหรับสายทำงานเล่นเกมเน้นๆ ต่อไมค์เสริมได้สบายและยังคงใช้หูฟังได้แยกจากกัน และรองรับระบบเสียง HI-RES จาก ESS Sabre
ส่วนในด้านขวานั้นก็ยังคงมีช่องระบายความร้อนมาให้เช่นเดิมและเมื่อเปิดหน้าจอสุดนั้น จอที่ 2 จะยกขึ้นมาแบบในภาพเลยนั้นเองช่วยในการระบายความร้อนได้ด้วยเช่นกันอีกทั้งมาพร้อมกับพอร์ต 2 x USB 3.2 Gen 1 Type A ทั้ง 2 ช่อง และ 1 x USB 3.2 Gen 2 Type C with DisplayPort™ 1.4, Thunderbolt™ 3 and Power Delivery ถือว่าจัดเต็มพอสมควร สามารถชาร์จไฟได้ด้วยครับ แต่น่าจะให้มาอีกพอร์ตสำหรับใช้งานทั่วไปได้ด้วยจะลงตัวกว่านี้ และทางด้านเชื่อมต่อไร้สายนั้น รองรัล Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.0
ARMOURY CRATE
Armoury Crate เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync ที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับ และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลยครับผม
ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด รวมถึงการปรับหน้าจอ 3MS และ เปิดปิดการสัมผัสหน้าจอที่ 2 ก็สามารถทำได้
WORKING
การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับสำหรับ intel แน่นอนว่าการทำงานโปรแกรมเดียวเน้นๆทำได้ดีอยู่แล้วรวมถึงระยะเวลาการเรนเดอร์อะไรถ้าไม่ได้สลับทำงานเยอะมาก ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่าตัวอื่นๆเลยครับ แต่ถ้าเน้นทำงานหลากหลายโปรแกรมอะไรพวกนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้โหดแบบอีกค่ายแต่ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้น ในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน 14nm และ ใช้ CPU i7-10875H + NVIDIA® GeForce® RTX 2070 Super 8GB GDDR6 และ RAM 16GB 3200 Mhz ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียน แต่ทดสอบในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน
SKETCHUP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 110 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 31 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับไวกว่าตัว 4800HS ประมาณ 15 นาทีเลย
PREMIRE PRO
เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 23 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 3750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน แต่ตัว 7-9 นั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกันแบบเยอะมากแต่ก็มีผลบ้างนิดหน่อยครับ
LUMION 10
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับและเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 0.53 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวมาก เทียบกับ Ryzen 7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 1 ชั่วโมง และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 ตัวก่อนทำไปตั้ง 3 ชั่วโมง แต่รุ่นนี้ไวขึ้นเยอะมากครับอันนี้แตกต่างกันมาก
GAMING
ที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปค ไปยันกินสเปคโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ จัดการความร้อนได้ดีมาตลอดในด้านตรงที่วางมือ เรามาดูกันในหลายๆเกมว่าจะเป็นยังไงกันและตัว i7 10785H +RTX 2070 SUPER จะทำได้ดีแค่ไหน และครั้งนี้มาพร้อมกับ RAM 16GB แล้วด้วยครับ อีกทั้งตัว SSD ให้มาพร้อมกับความเร็วในการอ่านเขียนได้เยอะขึ้น โหลดแมพอะไรก็ทำได้ไวมากๆ
จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 300Hz ได้บางเกมรันได้สบาย แต่ถ้าเปิดภาพสุดนั้นจะได้ 60-70 FPS ครับเป็นปกตินะ แต่ต้องเข้าใจกันก่อนเลยนะครับหลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมความร้อนสูง เพราะ ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย และไม่ได้เปิดแอร์เล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 90 บ้างในบางครั้งครับ ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 200 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 83 CPU 86 : ULTRA
- APEX ทำไปได้ FPS 106 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 90 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 84 อุณหภูมินั้น GPU 69 CPU 80 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 76 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 89 : ULTRA
ROG ZEPHYRUS DUO
” นวัตกรรมที่แท้จริง จอที่ 2 กับการพัฒนาขึ้นในหลายส่วน รวมถึงสเปคที่จัดเต็ม “
การพัฒนาหน้าจอ 2 จอแบบนี้ส่งผลให้การทำงานรวมถึงการเล่นเกมนั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แน่นอนว่ายิ่งสายเกมที่เน้นในเรื่องของการสตรีมเกมต่างๆนั้นจะต้องใช้งานหน้าจอที่ค่อนข้างเยอะทั้งในการดูคอมเมนท์ หรือจะเป็นการดูสถานะตัวเครื่องต่างๆ การที่มีหลากหลายจอช่วยได้ดีครับและทาง ROG ก็คิดมาแล้วในรุ่นนี้ทำให้เราสามารถเล่นเกมหลักได้ พร้อมกับ ดู Discord – Facebook Live และสถานะการไลฟ์ได้ในจอล่างทำให้การใช้งานลงตัวอย่างมาก อีกทั้งในแง่ของการทำงานก็ช่วยได้ในการทำงานจอหลัก ฟังเพลงจอรอง หรือจะเป็นการดู Ref ในจอรองก็ทำได้ด้วยในขณะที่หน้าจอหลักนั้นเรนเดอร์หรือทำงานอยู่ถือว่ามีประโยชน์จริงๆครับถ้าใช้ให้เต็มที่ของมัน ส่วนประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องห่วงเลย ทำงานได้สบาย เรนเดอร์ได้ไว เล่นเกมขับ FPS ได้สบาย พร้อมกับ i7+RTX 2070 Super อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าจอลื่นไหลที่สุดเท่าที่ลองมาที่ 300Hz 3MS พร้อมกับสีสันที่ตรง sRGB100% และได้ G-SYNC เข้ามาอีกด้วย ต้องบอกว่าจัดเต็มสมราคาไม่ต้องไปทำอะไรอีกแล้วครับพร้อมใช้งาน และลำโพงเสียงจัดเต็มทุกอย่างครบครันที่สุดในบรรดา Gaming Notebook ได้เลยครับสำหรับตัวนี้พร้อมกับนวัตกรรม 2 จอรุ่นนี้
ข้อดี
- นวัตกรรมที่ต่อยอดจนมาถึงสายเกมที่ใช้งานได้ดี
- มาพร้อม i7 Gen10 + RTX 2070 Super
- หน้าจอสีค่อนข้างสวยตรงและทำงานได้ เล่นเกมได้
- หน้าจอคุณภาพสูง FHD 300HZ 3MS พร้อมกับจอที่ 2 แบบ 4K
- อายุแบตใช้งานได้ดีกว่าที่คิดไว้แม้จะทำงานข้างนอกและเปิด 2 หน้าจอ
- ลำโพงคุณภาพยังคงไว้ใจได้เช่นเดิม เสียงดัง มีมิติ
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกม ทำงาน 2 หน้าจอรันได้สบาย
- พอร์ตเชื่อมต่อทำออกมาได้ครบ และพร้อมใช้งาน
- ระบบระบายความร้อนใช้งานได้ดีแม้รันต่อเนื่องยาวๆ
- วัสดุงานออกแบบแข็งแรง งานประกอบแน่น
- SSD ประสิทธิภาพสูงพร้อมใช้งานเต็มที่
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับการอัพเกรด RAM
- คียบอร์ดใช้งานข้างนอกอาจจะพิมพ์ลำบาก
- ไม่มี Webcam มาในตัว ( แต่มีให้มาในกล่อง ROG EYE )
- ตัวยกหน้าจออาจจะมีฝุ่นเข้าไปได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ลงไปในบอร์ด
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget