realme นั้นยังคงเป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่าเปิดตัวกันไม่หยุดยั้งจริงๆ สำหรับแบรนด์นี้เรียกได้ว่ามีข่าวออกมาทุกเดือน ทุกสัปดาห์ก็ไม่เวอร์เกินไปมีการเปิดตัวพัฒนารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องครับ และในไทยก็เป็นประเทศที่เอาเข้ามาขายและจำหน่ายได้ไวเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้และในวันนี้ก็ได้เปิดตัว realme 7 Series ที่น่าสนใจมากๆคือตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland (ทียูวี ไรท์แลนด์) ประเทศเยอรมัน และเป็น realme7Pro รุ่นล่าสุดที่ต่อยอดจาก 6 Pro แต่มีการพัฒนาขึ้นในหลายๆอย่างเรียกได้ว่าฟังความเห็นจากคนใช้ไปพัฒนาปรับปรุงได้ดีเพราะในรุ่น 7 Pro นั้นมาพร้อมกับลำโพงคู่พร้อมกับหน้าจอ sAMOLED อีกทั้งยังมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงงานออกแบบแล้วรวมถึงการให้ที่ชาร์จมามากถึง 65W ในการชาร์จเข้าที่ไวอย่างมากรวมถึง สแกนนิ้วบนหน้าจอ กล้องกล้องหลัก 4 เลนส์ ความละเอียด 64MP พร้อมเซนเซอร์ Sony IMX682 พร้อม Starry Mode, Pro Nightscape Mode และ Ultra Nightscape Video กล้องหน้า In-display ความละเอียด 32MP ถือว่าพัฒนาขึ้นมากด้วยเช่นกันเรียกได้ว่าน่าสนใจอย่างมากสำหรับค่ายนี้เป็นการพัฒนาที่เยอะขึ้นอย่างมากสำหรับรุ่นนี้
สำหรับรุ่น 7 Pro จะมาพร้อมหน้าจอที่เปลี่ยนไปจากรุ่นที่ผ่านมา คือเปลี่ยนจากจอ LCD 90Hz มาเป็นจอ AMOLED 60Hz แทน โดยตัวจอจะมีขนาด 6.4 นิ้ว ส่วนภายในจะใช้เป็นชิป Snapdragon 720G นอกจากนี้แบตเตอรี่ของ 7 Pro นั้นมีขนาด 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จแบตได้ 100% ได้ในเวลาเพียง 34 นาทีส่วนของกล้องหลังจะมีจำนวน 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 64MP + กล้องมุมกว้าง 8MP + กล้อง portrait 2MP + กล้องมาโคร 2MP ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ Starry mode (สำหรับถ่ายดาว), Pro Nightscape Mode, Ultra Nightscape video mode ส่วนกล้องหน้าจะเป็นแบบเจาะรูที่มีความละเอียด 32MP และงานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดทำให้การใช้งานนั้นถือว่าดูดี และแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า ขอชมครับว่าเปลี่ยนออกมาสวยขึ้นพอสมควรไม่ยึดติดกับงานออกแบบเดิมแล้ว อีกทั้งสเปกในภาพรวมทำให้น่าใช้งานพอสมควรเลย และอีกจุดที่ค่อนข้างชอบคือการปรับมาใช้งานลำโพงคู่แล้ว เป็นลำโพง Stereo มาพร้อม Dolby Atmos, คุณภาพเสียง Hi-Res ในการเสียบหูฟังถือว่า หน้าจอ เสียงลำโพง ดีไซน์พัฒนาขึ้นทั้งหมด
realme 7 Pro เปิดตัวมาพร้อมกับราคา 10,990 บาท มาพร้อมกับสี Mirror Silver และ Mirror Blue และ ราคาร่วมโปรกับเครือข่ายที่ 3,990 บาท
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม
- ตัวเครื่อง realme 7 Pro
- เคสใส TPU
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 65W
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
ตัวเคสถือว่าแอบรู้สึกบางและเบาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าตัวเคสมีความนิ่มและบางกว่าเดิมแบบรู้สึกได้ ก็แล้วแต่คนชอบครับแบบนี้จะทำให้น้ำหนักไม่หนักมากนัก แต่การป้องกันแอบชอบแบบรุ่นก่อนมากกว่า ส่วนตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน การปกป้องนั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบายคล้ายๆกับเคสรุ่นก่อน และ ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป
จะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีก และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ ซึ่งเคสปกติทั้วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ และเป็นการออกแบบเดียวกันกับ realme 6 Pro แต่ทำให้มันบางและนิ่มมากขึ้นดูไม่หนามากนักเวลาใส่ใช้งาน สำหรับเคสตัวนี้
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ได้ถึงเวลาเปลี่ยนแล้วซักทีครับแน่นอนว่าในรุ่นก่อนๆที่เรารีวิวไปต้องมีบ่นในเรื่องของงานออกแบบเพราะว่ายังคงใช้ดีไซน์เดิมมาตั้งแต่ยุค realme 3 Pro และไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักยกเว้นฝาหลังของเครื่องลวดลาย และสีสันเท่านั้น และการวางกล้องแนวตั้งเหมือนเดิมตั้งแต่ยุคนั้น แต่ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงแล้วครับดีไซน์ใหม่ทั้งเลนส์กล้อง สีสันฝาหลังและการเล่นลวดลายมาใช้งานฝาหลังกระจกด้านพร้อมกับตรงเลนส์แบบใหม่แล้วอีกทั้งยังมาพร้อมกันกับสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเพราะใช้งานหน้าจอ sAMOLED ถือว่าครบเครื่องมาก ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิต ด้วยเทคโนโลยี AG เพิ่มความพรีเมี่ยมให้แก่ตัวฝาหลังของสมาร์ทโฟน
ทางด้านหน้าจอนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้งานหน้าจอ sAMOLED แล้วสีสันสวยงามสู้แสงได้ดีพร้อมกับสีดำสนิทสวยงามเลยทีเดียวมาในขนาด ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) 120Hz Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และใช้กระจก Gorilla Glass 3+ ส่วนงานออกแบบนั้นเป็นแบบเจาะรูเช่นเดิม ดีไซน์ถือว่าไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่การเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบนี้ถือว่าถูกใจแน่นอน
ทางด้านขอบหน้าจอล่างนั้นถือว่ามีความหนาอยู่พอสมควรตามระดับเรทมือถือประมาณนี้ครับมาพร้อมกับการควบคุมทั้งแบบปุ่มและแบบท่าทางปกติเลยส่วนฟิล์มกันรอยนั้นติดมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานเป็นแบบพลาสติก
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ากล้องหน้าเหลือแค่ตัวเดียวในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหน้า 32MP (f/2.5) และขอบหน้าจอนั้นเราจะเห็นว่ามีทั้งลำโพง และ เซนเซอร์แทรกเข้ามาและเป็นลำโพงคู่ทำให้ตัวนี้เป็นลำโพงตัวที่ 2
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงอยู่และถาดซิมแบบ Triple Slot ทำให้รองรับการใช้งานค่อนข้างดี และจะเห็นว่ามีซีลกันน้ำมาให้รองรับกันในเรื่องของละอองน้ำได้ดีพอสมควร ตัวเครื่องป้องกันละอองน้ำ โดยมีระบบป้องกันถึง 3 ชั้น จากภายในสู่ภายนอกตัวเครื่อง ชั้นที่ 1 : กาวกันน้ำ เนื่องจากภายในตัวสมาร์ทโฟนมีส่วนประกอบชิ้นเล็กอยู่จำนวนมาก การออกแบบที่ไม่กันน้ำอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน realme จึงออกแบบดีไซน์ที่ใช้กาวกันน้ำมาเพื่อป้องกันชั้นที่ 2 : ซิลิโคนเจลกันน้ำ ถูกใช้ในรูเสียบหูฟังและ USB เพื่อกันน้ำเข้าสู่ตัวเครื่องชั้นที่ 3 : กรอบกันน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ตัวเครื่องผ่านช่องว่างเล็กๆ เช่น บริเวณถาดใส่ซิม ฝาหลังและ ขั้วต่อส่วนประกอบ
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ แต่ขอบเครื่องนั้นจะเป็นดีไซน์เรียบๆพร้อมกับวัสดุพลาสติก
ในส่วนของขอบเครื่องด้านขวานั้นเราจะเห็นเป็นปุ่มเปิดปิดแบบปกติ จากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นสแกนนิ้ว ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาย้ายสแกนนิ้วไปไว้บนหน้าจอแล้วทำให้ด้านข้างนั้นเรียบมากขึ้น และหน้าจอก็ใช้งานได้ล้ำมากขึ้นด้วย
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีลำโพงหลักตัวแรกในด้านซ้ายสุด พร้อมกับช่อง USB-C และ รูไมค์ รวมถึงยังคงมีรู 3.5 ใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนด้วย ถือว่ายังดีที่ใส่เข้ามา และรุ่นนี้มาพร้อมลำโพงคู่แล้วด้วยถือว่าดีมาก
ฝาหลังมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทั้งเรื่องของวัสดุแบบกระจกด้านอีกทั้งเล่นลวดลายแบ่งพื้นผิวนิดหน่อยพอสวยงามและสีจะเป็นสีเงินอมฟ้าสวยงาม เรียกกันในชื่อ Mirror White สวยงามลงตัวเล่นกับแสงสะท้อนอะไรดูดีเลยทีเดียวและเจอแสงแดดก็เป็นอีกสีโทนนึงสวยงาม กล้องหลังเปลี่ยนดีไซน์แล้วมาเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมกับเลนส์กล้องวางแบบตัว L กลับด้าน พร้อมกับไฟแฟลชสวยงามมีความเรียบเนียนพอสมควรไม่ได้นูนอะไรมาก
ทางด้านกล้องหลังมีเขียนชัดเจนว่า 64MP พร้อมกับการวางเลนส์ข้างในแบบใหม่เปลี่ยนดีไซน์อะไรใหม่ทั้งหมดแล้วเป็นแบบตัว L คว่ำแทนพร้อมกับมีการแยกพื้นผิวข้างในด้วยทำให้มีลูกเล่นนิดหน่อย แต่งานออกแบบก็ตัด realme ring วงแหวนรอบกล้องออกไปแล้วครับเปลี่ยนการออกแบบชัดเจนมากขึ้นไปอีก พร้อมกับกล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
SPEC
- หน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และใช้กระจก Gorilla Glass 3+
- ชิปเซต Snapdragon 720G 8nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 618
- RAM LPPDDR4x 6GB / 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB ที่ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 10 ที่ครอบด้วย realme UI
- กล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 32MP (f/2.5)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพง Stereo, มาพร้อม Dolby Atmos, คุณภาพเสียง Hi-Res
- ขนาดตัวเครื่อง: 160.9×75.4×8.7mm; น้ำหนัก: 182กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS, NavIC, ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว VOOC SuperDart 65W, ชาร์จแบบ PD/QC 18W.
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นรุ่นนี้ยังคงใช้งานค่าย Snapdragon 720G ที่ยังคงเป็นตัวเดียวกับรุ่น 6 Pro เดิม พร้อมกับ RAM 8GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 128GB ตัวนี้คือเร็วใช้งานได้ดีเลยทีเดียวและทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 321291 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 612/1741 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 970 MB/s และ DRM L1 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด HD ครับการใช้งานทั่วไปนั้นสบายๆเลย
SYSTEM UI
realme UI นั้นเริ่มใส่เข้ามาแล้วในหลากหลายรุ่นพัฒนาขึ้นให้มีความแตกต่างความลื่นไหลและมี อนิเมชั่นมากกว่าเดิม รวมถึงยังคงอิงความเรียบง่ายที่จะไปคล้ายๆ Pure Android มากขึ้นครับ ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI แล้วไม่ได้ใช้งาน Color OS แล้วนั้นเอง การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติครับไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับสวยงามเลย
หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้นครับ การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ
ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 128GB นั้นเหลือใช้งานได้ 110 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 3.7 จาก 8 GB ครับ
Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ และการสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย ส่วนทางด้าน Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย
การใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย
SCREEN
การกลับมาของAMOLED ในตระกูลคุ้มค่าถือว่าห่างหายไปนาน และครั้งนี้มาแบบเทพขึ้นชัดเจน หน้าจอแบบนี้หลายๆคนเรียกร้องและอยากให้มีมานานมากๆ ตั้งแต่ยุค realme XT จนมาถึงตอนนี้ครับแน่นอนว่าทำออกมาได้ดีหน้าจอครั้งนี้ปรับมาเป็น sAMOLED 60 Hz แล้วอาจจะไม่ได้มีความลื่นไหล เท่าแต่ใช้งานได้เทพขึ้นเยอะ ทั้งการสัมผัส การตอบสนอง รวมถึงความคมชัด การสู้แสงอะไรต่างได้ดีงามมากกว่าเดิมเยอะพอสมควร มาพร้อมกับการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรู รวมถึงรองรับสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเช่นกัน ทางด้านสเปกนั้นมาพร้อมกับ จอ sAMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และใช้กระจก Gorilla Glass 3+ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานและความสวยงามของสีหน้าจอ มุมมองตรงๆแสดงผลได้ดีเลยทีเดียว และสีดำนั้นดำสนิท ใช้งานกลางวันกลางคืนได้สวยงามและมีความเข้มชัดเจน
ในเรื่องของมุมมองของตัวภาพนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยแหละ เพราะถ้าหากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านั้นมุมมองอาจจะไม่ได้โหดมาก เพราะทางค่ายเองก็เน้นไปหน้าจอ IPS LCD กันตลอด แต่ครั้งนี้ยกระดับไปอีกครั้งเลยแหละทั้งเรื่องของ สีสัน มุมมอง การสัมผัส รองรับการใช้งานกลางแจ้งได้สบายมากๆ อีกทั้งยังให้สีที่มีมิติพอสมควร และเนียนตา มุมมองเอียงๆยังไงสียังไม่ดรอปเลย แต่เรื่องของความละเอียดอาจจะแค่ FHD+ เท่านั้นและยังคงใช้งาน 60Hz นั้นเอง ทางด้านหน้าจอนอกเหนือจาก ความละเอียดแล้วนั้นไม่มีจุดไหนให้ต้องกังวลเลย สบายๆ เป็นหน้าจอที่ดีอีกรุ่นเลย เป็นหน้าจอที่ชอบและใช้งานได้ดีมากๆตั้งแต่ XT จนมาถึงรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ทำออกมาทดแทนได้เต็มที่และสมบูรณ์แบบที่สุดเลยก็ว่าได้ในเรทราคาประมาณนี้ของทาง realme
ในส่วนของ Always On ค่ายนี้ยังคงปรับเปลี่ยนอะไรได้น้อยมากๆ หรือปรับเปลี่ยนไม่ได้เลยแอบเสียดายจริงๆในทำให้ในการใช้งานนั้นได้แค่แบบในภาพเท่านั้น และตำแหน่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพื่อป้องการหน้าจอไม่ให้ Ghost นั้นเอง ก็เพียงพอต่อการใช้งาน และเป็นข้อดีของหน้าจอ AMOLED ทำให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ได้แบบสบายๆ
FINGERPRINT
แน่นอนว่าการปรับมาใช้งานหน้าจอ AMOLED นั้นทำให้สแกนนิ้วบนหน้าจอได้ และ การสแกนนิ้ว ถือว่าน่าสนใจเลย รุ่นนี้คือไวมากจริงๆ ใช้เซนเซอร์ Goodix รุ่นใหม่แน่นอนว่าเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่าตัวแสงไฟนั้นเป็นสีขาวส้มตรงกลาง เป็นแบบเดียวกับรุ่นใหม่ๆที่ออกมาปีนี้ มาแทนที่พวกแสงสีฟ้า เขียว และจากที่ลองนั้นแสงสีขาวทำได้ดีกว่าพอสมควรเลย และให้ฟีลลิ่งความรู้สึกไม่ต่างจากเรือธงค่ายอื่นๆเลยทีเดียวในส่วนนี้
SOUND
ทางด้านระบบเสียงในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้เน้นมากนัก แต่ก็ได้ใส่ระบบเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาให้ด้วยเพราะรองรับการอ่านไฟล์เสียงคุณภาพสูงหรือไฟล์ Hi-Res นั้นเองเท่าที่ได้ลองฟังนั้นต้องบอกว่าเสียงขับออกมาได้ดีหลักๆคือเรื่องของกำลังขับที่ชัดเจนมากขึ้น และรายละเอียดเสียงเพลงที่ดีขึ้นในไฟล์คุณภาพสูง ส่วนทางด้านเสียงก็รองรับการปรับแต่งผ่านทาง Software ได้ด้วยทั้งระบบเสียง Dolby Atmos และปรับ EQ ได้ แต่ถ้าทดสอบนั้นทางเราจะปิดตัวช่วยทั้งหมดและเท่าที่ลองฟังนั้น รายละเอียดเสียงออกมาดีระดับนึง และเสียงเวทีเสียงนั้นกว้างกว่ารุ่นก่อนแบบรู้สึกได้ เสียงเบสมาแบบกลางๆกำลังดีแต่อาจจะไม่ได้สะใจ ส่วนกำลังขับนั้นมากขึ้นจากรุ่นที่ไม่ได้มีรองรับ Hi-Res ด้วยเช่นกันในระดับเสียงเดียวกันแต่ถ้าเทียบกับเรทราคาก็ถือว่าทำได้ดี แม้จะยังสู้ของชิพเสียงระดับเรือธงยังไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้ามองในเรทของมัน แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการฟังเพลงคุณภาพที่ดีกว่าทั่วไปได้ชัดเจนมากนั้นเองสำหรับตัวนี้
SPEAKER STEREO
ลำโพงถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างน่าสนใจและเป็นในรุ่นระดับราคานี้ที่ใส่เข้ามาให้เป็นครั้งแรกของทางค่ายด้วยเช่นกันเพราะว่าเป็นลำโพงคู่ครั้งแรกของตระกูล Pro อีกทั้งในเรื่องของมิติเสียงอะไรถือว่าดูดีและใช้งานได้จริง การแยกซ้ายขวาของตัวเสียงเวลาใช้งานแนวนอนอันนี้ดีขึ้นชัดเจน รวมถึงตำแหน่งลำโพงก็ทำให้เวลาดูหนังเล่นเกมไปบังได้ยากขึ้นเพราะมี 2 ตัวด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของความดังนั้นชัดเจนขึ้นแน่นอนว่าดีกว่าเดิมไปเทียบกับรุ่นราคาแพงกว่าได้ทันทีรวมถึงมิติเสียงอะไรนั้นก็ทำได้ดีขึ้น เสียงแหลมเด่นชัดเจน แต่แน่นอนว่าเสียงเบสอะไรนั้นอาจจะไม่ได้แน่นมากนัก
GPS
ในการนำทางนั้นทำได้ดีต่อเนื่องจากรุ่นเดิมเลยแน่นอนว่าใช้ Snap720G ตัวเดิมที่คุ้นเคย จากที่ใช้งานจริงและใช้แอปทดสอบเช่นเคย ก็จับได้ทั้งหมด 18 ดวง จากทั้งหมด 49 ดวง ที่อับทึบเช่นใต้ทางด่วนพวกนี้ ส่วนของกลางแจ้งจับได้ทั้งหมด 36 ดวง จากทั้งหมด 49 ดวง ใกล้ๆ กับเรือธงและรุ่นอื่นๆที่ลองกันมา และใช้งานได้ดี ส่วนการเรียกใช้งานแอป หรือ เวลาหลังจากเปิดแอป นั้นก็ทำได้ค่อนข้างไว ถือว่าทำได้แม่นยำดี ในการนำทางใครที่เน้นในเรื่องนี้
BATTERY
แบตเตอรี่ตัวนี้ให้มาที่ความจุ 4,500 mAh การจัดการพลังงานมันทำได้ดี จากที่เคยทดสอบแบรนด์นี้มาพอสมควร แม้จะใช้งาน Snapdragon 720G ถือว่าประหยัดเอาเรื่องเลยทีเดียว และแน่นอนว่ายังได้ใช้งานเทคโนโลยีชาร์จไว 65W ที่เร็วและแรงมากๆเลยทีเดียวถือว่าเร็วแรงสุดในเรทราคานี้แล้ว และ ในการทดสอบนั้นต้องบอกว่าทั้งวันได้ จากที่ลองใช้งานหนักๆ ใช้งานนำทางต่อเนื่อง 3-4 ชั่วโมงเต็มๆ และ เปิดเพลง ถ่ายรูป วีดีโอ เล่นเกมไป 1 ชั่วโมงกว่า ถือว่าทำได้ดีนะ และ แบตเหลือ 28 % ครับ ซึ่งหน้าจอเปิดทั้งหมด 6-7 ชั่วโมง และ ใช้งานทั้งหมด 11 ชั่วโมงถือว่าอึดมากๆ แต่ถ้าจอเปิดโหดๆยังไงก็ทั้งวันสบายๆรุ่นนี้ยังคงไว้ใจได้ครับ อีกทั้งการชาร์จเข้าถือว่าไวมากๆ
CHARGING 65W
แน่นอนว่าจุดเด่นหรือตัวชูโรงในรุ่นนี้คงหนีไม่พ้น เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ภายใน 34 นาที ที่ระบบนั้นสามารถทำงานได้แม้กระทั่งในขณะเล่นเกมอย่างหนักหน่วง 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตได้ 43% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ ยังใช้เวลาเพียง 3 นาที ในการชาร์จได้ถึง 13% และสามารถเล่นเกม PUBG ได้ 3 เกม (ชาร์จ 3 นาที เล่น PUBG ได้ 3 เกม) นอกจากนี้ยังสแตนด์บายเครื่องได้เป็นระยะเวลา 4 วันแบตเตอรี่แบบ Dual 3C Cells จะแบ่งเซลล์หลักเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 2250 mAh ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่โดยตรงด้วยอะแดปเตอร์ 10V 6.5A ภายใต้การควบคุมด้วย อัลกอริธึมการชาร์จเร็ว สำหรับกระบวนการปล่อยไฟของการชาร์จเร็ว SuperDart ใช้วงจรอัดประจุเพื่อลดแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่สองเซลล์ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจถึงความเร็วในการชาร์จและการควบคุมอุณภูมิ + 10 เซนเซอร์ ในการตรวจจับอุณหภูมิ + มาพร้อมการป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ถือว่าเป็นระบบชาร์จไวที่ปลอดภัยที่สุด และไวมากเมื่อนับเป็นมือถือในเรทราคานี้ทำให้เกินหน้าเกินตารุ่นอื่นๆแบบชัดเจน และทดสอบจริงนั้นก็ทำได้เร็วจริง
ทดสอบในเรื่องของการชาร์จไฟเข้าตั้งแต่ชาร์จไฟเข้าจาก 5% จนถึง 100% ครับและเมื่อ 15 นาทีก็สามารถอัดประจุแบตเข้ามาได้มากถึง 53% และในเรื่องของความร้อนนั้นถือว่าเป็นมาตรฐานเลยไม่ได้รู้สึกร้อนเกินไปแต่อย่างใดครับ แต่ต้องใช้ที่ชาร์จ และสายชาร์จที่ให้มาในกล่องเท่านั้นถึงจะรองรับระบบนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่โหดสุดๆในรุ่นนี้ ทำให้ชาร์จเต็มภายใน 40 นาทีเท่านั้นโดยประมาณครับถือว่าไวมากๆเลยทีเดียว
GAMING
CAMERA
ทางด้านกล้องหลังนั้นมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ภาพที่ได้ก็ดีขึ้นพอสมควร ยังคงให้เลนส์มาครบทุกระยะ ทั้งมุมกว้างพิเศษ มุมปกติ และ มาโคร แต่น่าเสียดายยังไม่มี เทเลอะไรมาให้ แต่การเพิ่มฟีเจอร์ก็ถือว่าเยอะขึ้นพอสมควรทั้งงานวีดีโอ ภาพนิ่งต่างๆ การดูดสีของบุคคลหรือว่าจะเป็น โหมดถ่ายกลางคืน โหมดถ่ายดาวที่ใส่เข้ามามากขึ้น อีกทั้งวีดีโอ Night mode ก็ใส่เข้ามาด้วย ทางด้านสเปก กล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)พร้อมกับมีโหมดถ่ายภาพต่างๆเข้ามาครับ ทั้งการถ่ายกลางคืน หรือจะเป็น AI Colour Portrait และ Night Filters รวมถึงโหมดถ่ายดาวก็ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน
PORTRAIT
NIGHTSCAPE
ULTRA NIGHTSCAPE
STARRYMODE
NIGHT FILTER
SELFIES
ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นให้มาที่ 32 (f/2.5) รองรับฟีเจอร์พื้นฐาน แต่เนื่องจากมาแค่ตัวเดียวทำให้มุมกว้างแบบในรุ่นก่อนนั้นไม่มีแล้วเป็นเลนส์เดี่ยวเลยแต่งานภาพคุณภาพนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การถ่ายละลายหลังทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอรวมถึงสามารถปรับ AI BEAUTY ได้ด้วยค่อนข้างหลากหลาย และแน่นอนว่าตัวกล้องหน้ายังมาพร้อม Nightscape อีกด้วยทำให้ถ่ายกลางคืนก็สบาย แม้จะมีรูรับแสงแคบก็ตาม รายละเอียดต่างๆนั้นเก็บได้ดี สีผิวสวยงามและสว่างสดใส เหมาะกับสาวๆและมุมกว้างของภาพกำลังดีไม่ได้กว้างหรือแคบเกินไป
VIDEO
ถือว่าในเรื่องของงานวีดีโอกล้องหลังมีโหมดโปร หรือโหมดภาพยนต์เข้ามาทำให้เรื่องงานวีดีโอนั้นเทพขึ้นอย่างมากเลยแหละ ในรุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มขึ้นอย่างมากทั้งเรื่องของการถ่ายกลางคืนแบบวีดีโอ การดูดสี ดูดสีนางแบบบุคคลต่างๆรวมถึงการละลายหลังด้วย อีกทั้งมาพร้อมกับการรองรับ 4K 40FPS และรองรับการถ่ายแบบกันสั่นพิเศษด้วยเช่นกัน กันสั่น UIS Video และ UIS Max Video รวมถึง Pro Nightscape Video AI Color Portrait Video ถือว่าจุดเด่นมากๆ คือในเรื่องของการถ่ายกลางคืนที่เด่นชัดเจน และหน้าตาโหมดโปรอันนี้ค่อนข้างชอบครับ รวมถึงคุณภาพในการถ่ายวีดีโอรู้สึกว่าดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลย กันสั่นก็ทำได้เนียนตามากกว่าเดิมเช่นกัน
NIGHTSCAPE VIDEO เทียบกับ การถ่ายปกติ
หน้าตาโหมดภาพยนต์ หรือ การถ่ายแบบโปร สามารถปรับแต่งได้ทั้งหมด
REALME 7 PRO
” ชาร์จไวสุดในตอนนี้ พร้อม หน้าจอ ลำโพง งานออกแบบ คุณภาพกล้องที่ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ “
ต้องบอกว่ารุ่นนี้ถือว่าส่วนตัวค่อนข้างประทับใจมากๆคือในเรื่องของหน้าจอที่ปรับมาใช้งาน sAMOLED แล้วแม้จะโดนลด Hz ไปแต่ต้องบอกเลยว่าแอดมินยอมใช้ sAMOLED มากกว่าถ้าต้องเทียบกับ LCD 90Hz ครับและรวมถึงหลายๆคนน่าจะชอบหน้าจอแบบนี้ รวมถึงความสวยงามการสู้แสงและการสัมผัสทำได้ดีแบบที่เราติดใจกันในรุ่น XT และแน่นอนว่าได้สแกนนิ้วบนหน้าจอเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ทำงานได้ไวมากๆ อีกทั้งเป็นรุ่นที่เปลี่ยนงานออกแบบแล้วเปลี่ยนใหม่หมดในด้านหลังและตัวกล้อง รวมถึงวัสดุการออกแบบฝาหลังแบบด้านสวยงามมากๆและเล่นกับแสงได้ดี อีกทั้ง ลำโพงคู่ทำได้ดีและเป็นรุ่นแรกด้วยเช่นกัน แต่ที่ล้ำหน้าเกินค่ายอื่นๆคงจะเป็นชาร์จไว 65W DART CHARGE นั้นเองที่ไวมากๆ ไวเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ รุ่นอื่นๆ หรือจะเป็นค่ายอื่นแบบชัดเจนชาร์จไฟได้ไวมากและรองรับได้ดี ไม่ร้อนอะไรเลยรวมถึงเป็นรุ่นแรกที่ได้มาตรฐาน จาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability (ทียูวี ไรน์แลนด์) ที่เป็นการทดสอบการใช้งานหลากหลายหัวข้อด้วยถือว่าโหดเอาเรื่องครับ แต่จุดสังเกตก็มีในเรื่องของ CPU ที่ใช้ตัวเดิมแต่ก็ยังแรงอยู่นะ พร้อมกับหน้าจอที่โดนปรับลดลงจากเดิมแต่ก็แลกกับชนิดจอแบบใหม่แทน
ข้อดี
- ปรับมาใช้งานหน้าจอ sAMOLED คุณภาพที่ดีขึ้นชัดเจน
- งานออกแบบเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ฝาหลังดูดี วัสดุดูดีขึ้น
- หน้าจอสู้แสงได้ดี สีดำสนิทสวยงามกว่าเดิมชัดเจน
- การสัมผัสตอบสนองทำได้ดี
- มาพร้อมกับ ลำโพงคู่ เสียงดีขึ้นดังขึ้น
- รองรับเสียง HI-RES และรองรับ DOLBY ATMOS
- สแกนนิ้วบนหน้าจอทำงานได้ไวเทียบเท่ารุ่นเรือธงของค่าย
- 65W SuperDart charge ไวและคุมความร้อนได้ดี
- คุณภาพกล้องหลัง ทำได้ดี ทั้งกลางวันกลางคืน รวมถึงโหมดเสริมทั้งหมด
- กล้องมุมกว้างคุณภาพทำได้ดีใช้งานได้
- กล้องหน้าเก็บระยะได้ดีพอสมควร
- realme 7Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability (ทูฟไรน์แลนด์)
ข้อสังเกต
- หน้าจะเป็น 60Hz ลดจากเดิมที่ 90Hz
- ใช้งาน Snapdragon 720G ตัวเดิม
- ไม่มีกล้องหน้ามุมกว้างแบบรุ่นก่อน
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr