realme ตระกูล C นั้นจะเป็นตระกูลที่ทำออกมาเน้นราคาเริ่มต้นช่วงเรทราคาไม่แพงสำหรับคนที่หาซื้อใช้งานกันงบไม่เยอะมากและทางด้าน realme เองก็เปิดตัวมาเรื่อยๆและทำสเปก ราคาได้ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เช่นในรุ่น C12 นี้มาพร้อมกับสเปกที่ปรับขึ้นเยอะในหลายจุดถ้าหากเทียบกับ C รุ่นก่อนๆ โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ C11 นั้นมีหลายๆจุดที่ปรับทั้งเรื่องของ กล้องหลัง กล้องหน้า รวมถึง แบตที่เยอะขึ้นมากเช่นกัน และ ทางด้าน Software ก็ปรับอะไรใหม่ในเรื่องของการถ่ายภาพ ส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นยังคงมีแนวทางเดิมแต่พัฒนาเปลี่ยนฝาหลังใหม่ จึงทำให้ตระกูล C นั้นเป็นรุ่นคุ้มค่าในราคาเริ่มต้นสำหรับ ผู้ใช้งานใหม่ๆได้ดีและได้แบตที่เยอะมากๆถึง 6,000 mAh

realme C12 เปิดตัวมาพร้อมกับสเปกที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุด แต่ในเรื่องของ CPU นั้นมาพร้อมกับ MTK HELIO G35 ตัวเดียวกับ C11 และใช้งาน GPU Mali-GE8320 RAM LPDDR4X RAM 3GB STORAGE 32GB เพิ่มหน่วยความจำได้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นยังคงเป็นดีไซน์แบบเดิมหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ส่วนในเรื่องของกล้องนั้นเป็นจุดหลักๆที่แตกต่างกันเพราะว่าปรับมาใช้ 3 เลนส์พร้อมรองรับโหมดกลางคืน กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ  5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ส่วนจุดหลักๆที่พัฒนาขึ้นอีกคือในเรื่องของ แบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 6,000 mAh รองรับชาร์จ 10W เช่นเดิมแต่ได้ความจุมากขึ้นถึง 1,000  ส่วนทางสเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไร และยังคงรองรับ Wifi 2.4 Ghz เท่านั้นด้วยและยังคงใช้งาน พอร์ต Micro-USB อยู่สำหรับในตระกูล C รุ่นล่างสุด

realme C12 มาพร้อมกับ สี Marine และ Coral Red  RAM 3GB STORAGE 32GB
เปิดราคาในไทย ราคาร่วมโปรทำได้ดีมากๆครับ 1,289 บาท  และ ราคา โปรอื่นๆติดตามได้ในภาพข้างล่างเลยครับ โดยราคาปกติ จะอยู่ที่ 3,999 บาทครับ 


UNBOX

ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม

  • ตัวเครื่อง realme C12
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 10W
  • สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
  • ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว

DESIGN

งานออกแบบของตระกูล C ในรุ่นเริ่มต้นของค่ายนั้นยังคงอิงงานออกแบบที่เป็นการต่อจากรุ่น 11 อยู่บ้างในเรื่องของทรงกล้องในด้านหลังและฝาหลังแบบด้านที่เล่นลวดลายเหมือนเดิม ส่วนทางด้านกล้องหลังมีการเพิ่มกล้องมาอีก 1 ตัวและดีไซน์โลโก้อะไรใหม่ ส่วนทางด้านขนาดและหน้าจอนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเช่นกัน มาพร้อมกับสีแดง และ สีน้ำเงินรองรับการใช้งานได้ดีสวยงามมากๆสีจะค่อนข้างสดสวยพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนน้ำหนัก และ ขนาดของตัวเครื่องนั้นจะอยู่ที่ขนาดตัวเครื่อง 164.5 x 75.9 x 9.8 มม. และหนัก 209 กรัม

หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจก Gorilla Glass  ด้วยนะครับถือว่าโอเคเลย และมีฟิล์มติดมาให้แล้วเช่นกัน

หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิมมาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.4 ครับเป็นปกติของรุ่นตระกูล C

ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C11

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ลำโพงหลัก ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ 2 ตัว รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ

ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power  กับ เพิ่ม/ลด เสียง  จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกเลยแม้แต่น้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และ งานออกแบบตามขอบนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และ รุ่น 7i เลย ดีไซน์การทำทรงปุ่มอะไรนั้นมีความเหมือนกันทั้งหมดเลย

ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีแดงสดแบบเดียวกับข้างหลังแต่ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่น Pro อยู่เหมือนเดิมนิดๆครับ

ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า

การออกแบบฝาหลังรูปทรงเรขาคณิตถูกใช้ครั้งแรกกับ realme C11 และในตัว realme C12 ยังคงต่อยอดจากแรงบันดาลใจเดิม โดยเผยในฝาหลังรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ที่ถูกไล่ระดับเป็น 3 เฉดสี ด้วยมุมและเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เกิดเอฟเฟกต์สี และแสงที่แตกต่างกันจากแต่ละมุมมองของฝาหลัง โดยมี 2 สี ได้แก่ Marine Blue และ Coral Red แน่นอนว่าตัว ฝาหลังผ่านกระบวนการเคลือบและขัดพื้นผิวอย่างแม่นยำถึง 300 นาที โดยใช้เครื่องแกะสลักเรเดียม 5 แกนชั้นนำจากประเทศเยอรมัน เพื่อให้ได้เส้นแกะสลักที่มีความโค้งและเอฟเฟกต์แสงสะท้อนพิเศษ สีสันสวยงามน่าสัมผัส และ พร้อมป้องกันรอยนิ้วมือและขีดข่วน และที่ชอบคือตัวเลนส์ไม่ได้นูนออกมาด้วยครับ

กล้องหลังนั้นจะยังคงใช้งานการออกแบบกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกับรุ่นก่อนๆครับ และมาพร้อมกับการเพิ่มเลนส์กล้องเข้ามาอีก 1 ตัวที่มากกว่าเดิมที่เป็น 2 ตัวนั้นเอง  เพราะได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้

SPEC

  • Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
  • จอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
  • Mediatek Helio G35 + GPU Mali-GE8320
  • RAM LPDDR4X RAM 3GB
  • STORAGE 32GB เพิ่มหน่วยความจำได้
  • กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost 
  • กล้องหน้า 5 MP f/2.0
  • Wi-Fi 2.4GHz GPS A-GPS, GLONASS, BDS
  • microUSB 2.0, USB On-The-Go , Reverse Charing
  • มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม
  • แบตเตอรี่ 6,000 mAh + 10W
  • ขนาดตัวเครื่อง 164.5 x 75.9 x 9.8 มม. หนัก 209 กรัม
  • สี Marine และ Coral Red

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไร เพราะในประเด็นหลักๆนั้นยังคงใช้งาน MTK G35 เช่นเดิม มาพร้อมกับ RAM 3GB STORAGE 32GB เท่ากันเลยนั้นเอง ทั้งนี้ในเรื่องคะแนนเลยไม่ได้มีจุดเปลี่ยนหรือแตกต่างกันมาก แต่จะเด่นที่แบตที่มากกว่าเดิมและใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิมนั้นเองที่เป็นจุดต่างทำให้การใช้งานนั้นมีอายุยาวนานขึ้นมาก ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้106225 คะแนน และ Geekbench ทำไปได้  116/963 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้.300 MB/s และ เขียน 89MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ

SYSTEM UI 

realme UI นั้นเริ่มใส่เข้ามาแล้วในหลากหลายรุ่นพัฒนาขึ้นให้มีความแตกต่างความลื่นไหลและมีอนิเมชั่นมากกว่าเดิม รวมถึงยังคงอิงความเรียบง่ายที่จะไปคล้ายๆ Pure Android มากขึ้นครับ ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI  การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติ ไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับสวยงามเลยหน้าตาเเหมือนรุ่นพี่ 7 Pro แบบเป๊ะๆ

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้น การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 32GB นั้นเหลือใช้งานได้ 19 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 971MB จาก 3 GB ครับ

Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆ และการสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย ส่วนทางด้าน Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ   รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

Gesture ต่างๆนั้นรองรับการใช้งานครบเหมือนเดิม แต่รุ่นนี้จะไม่มี Smartsidebar ใสเข้ามานะครับ แต่ในเรื่องของการใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ และ หน้าจอปรับอุณหภูมิอะไรใช้งานได้ปกติเลย

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้นั้นใช้งานหน้าจอแบบ 6.5 นิ้ว IPS LCD เช่นเดิม ตัวหน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจากรุ่นเดิม หน้าจอให้มาในส่วนของสเปก ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ติ่งหยดน้ำเล็กกว่าเดิม และใช้งาน วัสดุกระจก Gorilla Glass  รองรับโหมดถนอมสายตา ปรับระดับแสงหน้าจอ และ Dark Mode เช่นกันครับในภาพรวมหน้าจอโอเคเลยถ้ามองตรงๆ สู้แสงได้ระดับนึงแต่ไม่ได้โหดมากนัก ส่วนมุมมองนั้นกำลังดีแต่ถ้าเริ่มเอียงๆอาจจะมีมืดไปหน่อย และเร่งแสงสุดยังไม่สว่างมากเท่าไร ส่วนในตัวการสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่าเหมือนกับรุ่น C11 ก่อนหน้านี้ครับมีความหน่วงอยู่บ้างไม่ได้ติดนิ้วมากเท่าไร

แต่ในเรื่องของมุมมองหลายๆด้านกันบ้างด้วยการที่เป็นจอ LCD มุมมองบางครั้งอาจจะไม่ได้โหดมาก ถ้าเจอฉากสีดำเยอะๆ และเอียงมองจะออกไปทางสีเทาๆซะมากกว่ากว่าไม่ได้ดำสนิท ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้าง ถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควร และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร ซึ่งเมื่อเทียบกับเรทราคานี้อาจจะเป็นเรื่องปกติครับ แน่นอนว่าดีกว่าจอหลายๆรุ่นของคู่แข่งในระดับเดียวกันอยู่นะ และในรุ่นนี้ได้หน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยเป็น 6.5 นิ้ว เต็มตาสะใจกว่าเดิมเช่นกันครับ

FINGERPRINT

การสแกนนิ้วให้มาในด้านหลัง รองรับการใช้งานทำงานได้ไวระดับนึงเป็นปกติครับ ตำแหน่งใช้งานได้ง่ายและเป็นตำแหน่งพื้นฐานเวลาจับเครื่อง ในตระกูล C ยังคงใช้งานสแกนนิ้วแบบนี้เป็นหลักครับ และรองรับการใช้งานแตะสแกนนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้ด้วยรวมถึงทำงานได้ดีเหมือนกัน ตัวเครื่องนั้นรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกันครับถือว่าทำได้ดี

SOUND

เสียงนั้นก็เป็นปกติที่ไม่ได้เน้นมากนักเสียงที่ได้ออกมาแอบคล้ายตัวเดิม ไม่ได้เจอจุดแตกต่างอะไรกันมาก เสียงยังคงออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆ คล้ายๆกับของแบรนด์ realme ในรุ่นก่อนหน้ามากเหมือนเดิมครับ ตัวนี้หน้าตาการ ปรับได้เยอะขึ้นมากเลยแหละ EQ ได้ 7 ย่านหลักๆครับ และมีการเปิด Effect เสียงของค่ายเข้ามาแน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่เราบ่นไปหลายๆรอบ และมีการเปิดปิด real HD เข้ามาและสามารถปรับโหมดแนวเสียงได้ว่าจะเน้นอะไร แต่ถ้ามองเทียบเรื่องเสียงกันตรงๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากนักในแต่ละค่าย พอใช้งานได้เสียงขับกลางๆครับไม่ได้มีตัวไหนเด่นกว่ามากนักและตัวนี้ก็ทำได้พอๆกับรุ่นก่อนเลยครับ

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้ ในตระกูล C นั้นถือว่าไม่ได้มีอะไรมากครับ รองรับการทำงานใช้งานทั่วไปเนื่องจากเรทราคาที่ไม่ได้แพงมากนักเลยทำให้ความดังนั้นจะเด่นแต่คุณภาพนั้นอาจจะไม่เท่าไร เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ 7i เลยจะได้ยินความแตกต่างชัดเจนทั้งเรื่องของมิติเสียง ความดังของเสียงครับ แต่ถ้าหากไปเทียบกับรุ่นอื่นๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากรวมถึงหากไปเทียบกับรุ่น C11 ก่อนหน้าต้องบอกว่าเสียงนั้นแบบเดียวกัน น่าจะใช้งานลำโพงรุ่นเดียวกันเลยครับ

GPS

แอปทดสอบเช่นเคย ตัวนี้จากที่ทดสอบจริงๆพบว่านำทางได้แต่ตัวการนำทางอัปเดตดีขึ้น ใช้งานได้ดีเลยแหละในเมืองครับ ในการใช้แอปทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 17 ดวง จากทั้งหมด 48 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ ส่วนของกลางแจ้ง จับได้ทั้งหมด 23 ดวง จากทั้งหมด 42 ดวง นะครับ ถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีกว่าเดิมแบบชัดเจนและแม่นยำ อัปเดตได้ไวมากใช้นำทางได้ดีในระดับนึ้ เมื่อเทียบกับราคาและการนำทางนั้นสบายๆ สามารถเอาไปใช้งานนำทางทั้งวันได้แบบที่แบตไม่หมดจริงๆเพราะทดสอบนำทางทั้งวันอันนี้เอาไปวิ่ง GRAB สบายๆเลยแหละครับ

BATTERY 

รุ่นก่อนเราว่าอึดแล้วนะแต่รุ่นนี้มันเเบตเตอรี่โคตรอึดขึ้นเยอะมาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แบตเตอรี่ 6,000 mAh ของรุ่นนี้จะทำให้คุณลืมว่าชาร์จแบตไปเลย การใช้หน้าจอแค่ HD+ รวมถึง CPU MTK แน่นอนว่าขึ้นชื่อในเรื่องของการจัดการพลังงานอยู่เเล้ว เล่นเกมไปเลย 3-4 ชั่วโมง แบตยังเหลือกลับบ้านได้ และ ทางเราก็ได้ลองกันจริงๆถือว่าอึดมาก แบตนั้นใช้งานทั้งหมด 13 ชั่วโมง 28 นาที หน้าจอเปิดไป 9 ชั่วโมง และ นำทางใช้งานไป 5 ชั่วโมง  ครับบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆใครที่เน้นเรื่องแบตนั้นต้องใช้งานรุ่นนี้เท่านั้นน่าจะเยอะและอึดที่สุดในบรรดามือถือในเรทนี้ ส่วนการเล่นเกมส์ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงแบตลดไปเพียงแค่ 10% เท่านั้นถือว่าอึดมากๆ ทำได้ดีเช่นเดิมในตระกูล C

GAMING 

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้เป็นการเปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้าที่มี 2 ตัวมาเป็น 3 ตัวในตระกูล C11  โดยตัวเลนส์ที่เสริมเข้ามาเป็นเลนส์ถ่ายระยะใกล้หรือมาโคร 4 เซนติเมตรนั้นเอง แต่ตัวเลนส์หลัก หรือกล้องหน้านั้นยังคงเหมือนเดิมกับรุ่นก่อน แต่ยังคงปรับปรุง Software มาให้ดีขึ้นกว่าเดิมรองรับการถ่ายกลางคืนได้ด้วยเช่นกัน ตัวเลนส์นั้นมาพร้อมกับสเปก ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost  ส่วนตัวคุณภาพนั้นถือว่าทำได้ดีในหลายๆสภาพแสงครับ และมาพร้อมกับโหมดกลางคืนช่วยให้การถ่ายกลางคืนมีคุณภาพความสว่างที่ดีขึ้นครับ ถือว่าทำได้ดีตามเรทราคาของรุ่นนี้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เทพแบบรุ่นพี่ แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ใส่โหมดนี้เข้ามาส่วนกล้องหน้านั้นทำได้ดีในสภาพแสงเพียงพอครับ และมาพร้อมกับการถ่ายละลายหลังด้วยถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว จากที่ทดสอบหลายๆสภาพแสงนั้นทำได้ดีเลยและสีค่อนข้างตรงอยู่เช่นกัน

PORTRAIT

SELFIES 

ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ 5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ให้ที่ 5 MP, f/2.4, 27mm (wide), 1/5″, 1.12µm  ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง F2.4 มาพร้อมโหมด HDR และ Panoramic View  AI Beautification  Time lapse แน่นอนว่าเรื่องของกล้องหน้าอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนักและไม่มีพวกสติกเกอร์ลูกเล่นอะไร แต่ก็มีละลายหลังมาให้ใช้งานอยู่ครับ รวมถึง ตัดขอบอะไรสวยดีเหมือนกัน ส่วนมุมกว้างอยู่ในระดับกลางๆพอๆกับรุ่นก่อนหน้าครับไม่ได้กว้างเท่าไรนัก ถือว่ากลางวันอะไรทำได้ดีและกลางคืนอาจจะสั่นได้ง่ายเหมือนกัน

VIDEO

งานวีดีโอนั้นรองรับการถ่าย FHD 30FPS และมี ฟิลเตอร์ปรับโทนสีมาให้นิดหน่อยครับ ส่วนกล้องหน้าก็รองรับเช่นเดียวกัน ส่วนตัว Slowmotion 120Fps ใส่เข้ามาด้วย ในแง่ของคุณภาพในภาพรวมนั้นอยู่ในระดับกลางๆครับ ทั้งเรื่องของกันสั่นที่ไม่มี และ การอัดเสียงที่ไม่มีไมค์ตัดเสียงเลยทำให้งานวีดีโอไม่ได้เด่นเท่าไรด้วยเช่นกัน แต่คุณภาพพอใช้งานได้เวลากลางวันกลางคืนก็พอไหวอยู่ถ้าตั้งกล้องนิ่งๆครับ ส่วนกล้องหน้ามุมแคบประมาณนึงในตัวมุมกล้อง งานวีดีโอนั้นจึงไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักเมื่อเทียบกับ C11 เพราะเลนส์ ทั้งหน้าหลังยังคงเหมือนเดิม

realme C12

” น้องเล็กสุด ปรับสเปก แบตอึดขึ้น กล้องมากขึ้น พร้อม ราคาที่จับต้องได้ง่าย “

realme ยังคงทำมือถือที่ครอบคลุมหลายๆตลาดออกมาเรื่อยๆ และในรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นตระกูล C ตัวเริ่มต้นที่ปรับสเปกออกมาให้ลงตัวมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นแบตที่มากขึ้นกล้องหลังที่เพิ่มเข้ามาทำได้ดีขึ้นรวมถึงระบบภายในเช่นในการถ่ายโหมดกลางคืนที่ใส่เข้ามาครับทำให้หลายๆอย่างนั้นลงตัวมากขึ้นโดยที่ราคานั้นไม่ได้แตกต่างกับเดิมเท่าไร ส่งผลดีสำหรับคนที่กำลังหามือถือเอามาใช้งานในตัวเริ่มต้นไม่แพงนั้นได้สเปกที่คุ้มค่า คุ้มราคาได้ดีกว่าเดิม ส่วนการรองรับหลายๆอย่างนั้นก็ทำได้ตามเรทราคาของรุ่นนี้ไปครับไม่ได้แย่มาก ถ้าหากมองย้อนไปช่วงก่อนๆในเรทนี้เราจะหาอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ในการทดสอบหลายๆจุดที่ชอบก็ยังคงทำได้ดี ในเรื่องราคาที่ดีแต่ได้แบตอึดขึ้นหลายเท่าตัวพร้อมกับรองรับการใช้งานทั้งวันได้สบายๆ สายรับงาน หรือ ทำอะไรเยอะๆ นำทางนานๆทั้งวันได้แบบสบายครับ รวมถึงกล้องที่เพิ่มเข้ามา โหมดกลางคืนเข้ามา ทำให้มันน่าใช้งานมากขึ้น แต่ก็มีหลายๆจุดที่ก็ต้องบอกว่าถ้ารับได้ก็สบายเช่น การรองรับ Wifi และ ความหน่วงตามราคาเวลาสัมผัสใช้งานต่างๆ และ Micro USB ครับ ถ้ารับได้ก็สบายสำหรับรุ่นนี้ในการใช้งาน เพราะแบตมันอึดใช้งานได้ทั้งวันเหลือกลับมา 40% ได้เลยแม้จะนำทางนานมากๆก็ตาม

ข้อดี

  • มาพร้อมดีไซน์ฝาหลัง ดีไซน์ใหม่สวยงาม ลดรอยนิ้วมือ
  • หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์แบบติ่งหยดน้ำ
  • กล้องหลัง รองรับการถ่ายโหมดกลางคืน
  • เสริมเลนส์มาโครเข้ามาให้ จากรุ่นเดิม
  • แบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6,000 mAh
  • CPU MTK G35 ยังคงคุมความร้อน และ จัดการแบตได้ดี
  • กล้องหน้าหลัง ถ่ายในสภาพแสงกลางวันทำได้ดี โหมดถ่ายเพียงพอต่อการใช้งาน
  • สเปกเทียบราคายังถือว่าทำได้ดี

ข้อสังเกต

  • รองรับแค่ 2.4Ghz
  • CPU ยังคงใช้งาน G35 ตัวเดิม
  • ใช้งาน Micro-USB

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr