หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว Apple Watch และ iPad รุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในตอนนี้ทางบริษัทก็ได้เปิดตัว iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยถือว่าเป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับเครือข่าย 5G และใช้ชิปรุ่นใหม่ของ Apple อย่าง A14 Bionic ที่แรงกว่าเดิมถึง 50%

โดยทั้งสองรุ่นมีหน้าจอ Super Retina XDR ที่ผลิตด้วยกระจก Ceramic Shield ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของ Corning ที่ทนทานต่อการตกมากกว่าเดิมถึง 4x นอกจากนี้ตัวเครื่องยังกันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ 6 เมตรเป็นเวลา 30 นาที

 

กล้องหลังของทั้งคู่มีจำนวน 3 ตัว โดยกล้องสองตัวแรกมีเหมอนกันคือกล้องมุมกว้าง 12MP และกล้อง Ultra-wide 12MP ส่วนกล้องตัวสุดท้าย iPhone 12 Pro จะมีกล้องเทเลโฟโต้ 12MP ที่สามารถซูมแบบ optical ได้ 4x และฟีเจอร์ night mode สามารถใช้งานได้บนกล้องทุกตัว สำหรับ iPhone 12 Pro Max กล้องตัวที่สามจะใช้เป็นกล้องเทเลโฟโต้ 12MP เช่นเดียวกันแต่สามารถซูมแบบ optical ได้ 5x และทั้งคู่ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR สำหรับตรวจจับความลึกเพื่อใช้งาน AR และถ่ายภาพ Night mode portrait ด้วย

iPhone 12 ทุกรุ่นยังรองรับการใช้เคสหรือแท่นชาร์จไร้สายผ่านแม่เหล็กที่ด้านหลังตัวเครื่อง โดยใช้ฮาร์ดแวร์ที่ชื่อว่า MagSafe ซึ่งสามารถชาร์จแบตได้โดยไม่ต้องถอดเคสได้ด้วย

สเปคของ iPhone 12 Pro

  • หน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว (2,532×1,170พิกเซล) รองรับ HDR, Dolby Vision, ใช้กระจก Ceramic Shield
  • ชิปประมวลผล A14 Bionic
  • RAM 6GB + ความจำ 128GB/256GB/512GB
  • iOS 14
  • กล้องหลังมุมกว้าง 12MP (f/1.6) ที่รองรับ OIS + กล้อง Ultra-wide 120 องศา 12MP (f/2.4) + กล้องเทเลโฟโต้ 12MP (f/2.0) สำหรับถ่าย portrait และซูมแบบ optical ได้ 4x, ซูมแบบ digital ได้ 10x และสามารถถ่ายภาพ Night mode portrait ได้ด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR scanner
  • กล้องหน้าตรวจจับความลึก 12MP (f/2.2)
  • รองรับ Face ID
  • ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 ×71.5×7.4มม.; น้ำหนัก 187 กรัม
  • กันน้ำและกันฝุ่น IP68
  • ใช้พอร์ต Lightning และลำโพง stereo
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub‑6 GHz), Gigabit-class LTE, Wi‑Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5.0, NFC, GPS และ GLONASS
  • แบตเตอรี่ความจุ 2,775mAh ที่สามารถใช้ได้ติดต่อกัน 17 ชั่วโมง

โดยตัวเครื่อง iPhone 12 Pro จะมีให้เลือกในสีทอง, สีน้ำเงิน, สีเทา (Graphite) และสีเงิน (Pacific Blue) ซึ่งวางขายในราคาเริ่มต้น 999 USB (ประมาณ31,200บาท) และเริ่มวางขายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้

สเปคของ iPhone 12 Pro Max

  • หน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว (2,778×1,284พิกเซล) รองรับ HDR, Dolby Vision, ใช้กระจก Ceramic Shield
  • ชิปประมวลผล A14 Bionic
  • RAM 6GB + ความจำ 128GB/256GB/512GB
  • iOS 14
  • กล้องหลังมุมกว้าง 12MP (f/1.6) ที่รองรับ Sensor-shift OIS + กล้อง Ultra-wide 120 องศา 12MP (f/2.4) + กล้องเทเลโฟโต้ 12MP (f/2.2) สำหรับถ่าย portrait และซูมเข้าแบบ optical ได้ 5x,แบบ digital ได้ 12x และสามารถถ่ายภาพ Night mode portrait ได้ด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR scanner
  • กล้องหน้าตรวจจับความลึก 12MP (f/2.2)
  • รองรับ Face ID
  • ขนาดตัวเครื่อง : 160.8 ×78.1×7.4มม.; น้ำหนัก 226 น้ำหนัก
  • กันน้ำและกันฝุ่น IP68
  • ใช้พอร์ต Lightning และลำโพง stereo
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub‑6 GHz), Gigabit-class LTE, Wi‑Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5.0, NFC, GPS และ GLONASS
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,687mAh ที่สามารถใช้ได้ติดต่อกัน 20 ชั่วโมง

โดยตัวเครื่อง iPhone 12 Pro Max จะมีให้เลือกในสีทอง, สีน้ำเงิน , สีเทา (Graphite) และสีเงิน (Pacific Blue) ซึ่งวางขายในราคาเริ่มต้น 1,099 USD (ประมาณ34,300บาท) และเริ่มวางขายในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้