หลังจากที่ realme 9 Pro ทั้งสองรุ่นถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในตอนนี้ realme ก็ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน realme 9 5G และ 9 SE 5G ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ประเทศอินเดีย โดยในรุ่น 9 SE (Speed Edition) 5G นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่า realme 9 Pro เล็กน้อย
realme 9 5G
โดยในรุ่นธรรมดามาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว Full HD+ ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนอง 180Hz ส่วนกล้องหน้าแบบเจาะรูมีความละเอียด 16MP ภายในตัวเครื่องใช้ชิบประมวลผล Dimensity 810 ตัวเดียวกับในรุ่น 8s และมี RAM 6GB และ RAM เสมือน (DRE) สูงสุด 5GB นอกจากนั้นตัวเครื่องด้านหลังยังมีดีไซน์คล้ายคลื่นที่เคลือบด้วยนาโนฟิล์ม 6 ชั้น
ตัวเครื่องรองรับเครือข่าย 5G ทั้งในแบบ SA และ NSA ในส่วนของซอร์ฟแวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0 และทางบริษัทระบุว่าจะอัพเดทเป็นระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ในเร็ว ๆ นี้
กล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 48MP + กล้อง B&W 2MP + กล้องมาโคร 2MP ตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง และมีแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 30W
สเปคของ realme 9 5G
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ความสว่าง 600nits, รีเฟรชเรท 90Hz, ความถี่การตอบสนอง 180Hz
- ชิบประมวลผล Dimensity 810 6nm ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G57 MC2
- RAM LPDDR4x 4GB + storage (UFS 2.2) 64GB / RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB, ใส่ความจุเพิ่มได้ถึง 1TB ด้วย microSD
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
- กล้องหลังตัวหลัก
- กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8)
- กล้อง B&W 2MP
- กล้องมาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4)
- แฟลช LED
- กล้องหน้า 16MP (f/2.1)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, คุณภาพเสียง Hi-Res
- ขนาดตัวเครื่อง: 162.5×74.8×8.5มม.; น้ำหนัก: 188 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA (N1/N28A/N41/N77/N28), Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS/Beidou
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge 18W
เจ้า realme 9 5G มีให้เลือกในตัวเครื่องสีขาว (Stargaze White) และสีดำ (Meteor Black) โดยมีราคาอยู่ที่ 14,999 รูปี (ประมาณ6,500บาท) ในรุ่น 4GB + 64GB และราคา 17,499 รูปี (ประมาณ7,500บาท) ในรุ่น 6GB + 128GB ซึ่งจะถูกวางขายที่ประเทศอินเดียในวันที่ 14 มีนาคมนี้
realme 9 5G Speed Edition
ส่วนในรุ่น 9 5G SE (Speed Edition) มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว Full HD+ ที่มีรีเฟรชเรทแบบปรับได้สูงสุด 144Hz ปรับความสว่างได้ 4,096 ระดับ กล้องหน้าแบบเจาะรูมีความละเอียด 16MP ภายในตัวเครื่องใช้ชิบ Snapdragon 778G ซึ่งแรงกว่าชิบ Snapdragon 695 ที่ใช้ใน realme 9 Pro เล็กน้อยและมีการ์ดจอประสิทธิภาพแรงกว่าในรุ่น Pro ค่อนข้างมาก ส่วน RAM มี 8GB ที่มี RAM เสมือน (DRE) เพิ่มขึ้นอีก 5GB
ตัวเครื่องรองรับเครือข่าย 5G ทั้งแบบ SA และ NSA ซอร์ฟแวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0 และทางบริษัทระบุว่าจะอัพเดทเป็นระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ในเร็ว ๆ นี้
กล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 48MP + กล้อง B&W 2MP + กล้องมาโคร 2MP ตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลสายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 30W ที่สามารถชาร์จแบตได้ 50% ได้ในเวลา 25 นาที
สเปคของ realme 9 5G Speed Edition
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ความสว่างหน้าจอ 600nits, รีเฟรชเรท 144Hz (เลือกปรับได้ 24Hz / 30Hz / 48Hz / 60Hz/ 90Hz/144Hz)
- ชิบประมวลผล Snapdragon 778G 6nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 642L
- RAM LPDDR4x 6GB/8GB + storage (UFS 2.2) 128GB, ใส่ความจุเพิ่มได้ถึง 1TB ด้วย microSD
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
- กล้องหลัง
- กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8)
- กล้อง B&W 2MP
- กล้องมาโครขนาด 4ซม. 2MP (f/2.4)
- แฟลช LED
- กล้องหน้า 16MP (f/2.1)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5มม., คุณภาพเสียง Hi-Res
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.4×75.8×8.5มม.; น้ำหนัก: 199 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA/ NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS/GLONASS/Beidou
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge 30W
เจ้า realme 9 5G Speed Edition มีให้เลือกในตัวเครื่องสีขาว (Starry Glow) และสีน้ำเงิน (Azure Glow) โดยมีราคาอยู่ที่ 19,999 รูปี (ประมาณ8,600บาท) ในรุ่น 6GB + 128GB และราคา 22,999 รูปี (ประมาณ10,000บาท) ในรุ่น 8GB + 128GB ซึ่งจะถูกวางขายที่ประเทศอินเดียในวันที่ 14 มีนาคมนี้