ASUS ยังคงเดินหน้าทำ Laptop สาย Flip อย่างต่อเนื่องและแน่นอนว่า นอกเหนือจาก Vivobook Flip จริงๆนั้นจะมีอีกตระกูลในรุ่น Zenbook Flip S ที่ครั้งนี้มีการพัฒนางานออกแบบ คุณภาพ รวมถึงความพรีเมี่ยมที่มากขึ้นแบบรู้สึกได้เลย และในครั้งนี้ได้พัฒนาทั้งหลากหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น วัสดุงานออกแบบ ความบางเบา รวมถึง เทคโนโลยี intel Gen 11 รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับได้มาตรฐาน intel EVO ตัวล่าสุดด้วยเช่นกัน และทางด้านหน้าจอเป็นค่ายที่เน้นเรื่องของหน้าจออย่างมาก มาพร้อมกับหน้าจอ 4K UHD OLED HDR500 ตัวใหม่ล่าสุดพร้อมกับรองรับ Pantone Validated และมาพร้อมกับ Response Time 0.2MS เท่านั้นครับถือว่าเป็นรุ่นที่หน้าจอสวยที่สุดในบรรดาเรทราคานี้รวมถึงดีที่สุดของตระกูล Flip ที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ในเรื่องนี้ครับ ในเรื่องของปากกานั้นเราจะเห็นการพัฒนาด้วยเช่นกันจะมาพร้อมกับการรองรับแรงกดที่มากกว่าเดิมที่ 4096 ระดับ
ทางด้านสเปกของ ASUS ZENBOOK FLIP S UX371 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Intel® Core™ i7-1165G7 และ Intel® Iris Xe ส่วนทางด้าน RAM นั้นให้มาที่ 16GB LPDDR4X และ มาพร้อมกับ SSD 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD และทางด้านหน้าจอนั้นจะเห็นว่า มาพร้อมกับหน้าจอ 13.3 นิ้ว OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 พร้อมกับ มาตรฐาน VERSA TRUEBLACK 500 พร้อมกับ DCI P3 ครับ ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพทั้งความคมชัด ความสวยงาม และ รายละเอียดได้ดีอย่างมากรุ่นนึงในตอนนี้ รวมถึงรองรับปากกา และ ระบบสัมผัสด้วยเช่นกันครับ ส่วนลำโพงนั้นมาพร้อมกับ HARMANเช่นเดิม รวมถึงมาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 4 มากถึง 2 พอร์ตเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้แล้วนะครับ ส่วนทางด้าน Number Pad นั้นมาพร้อมกับการใช้งานตรง Touchpad เช่นเดิม รวมถึงการรับประกันนั้นให้ 3 ปีเต็มๆ พร้อมกับ On Site 3 ปีเช่นกัน และ ประกันอุบัติเหตุ 1 ปีครับ และ รองรับ MIL STD810G ทนทานแน่นอน และแน่นอนว่า รองรับการหมุน 360 องศา และ ทางด้าน สเปกนั้นจะมาเป็นสเปกเดียวนะครับในราคา 55,900 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นต้องบอกว่ามีความพรีเมี่ยมมากขึ้น แน่นอนว่าสมกับตระกูล Zenbook ครับ และแม้ว่าจะตัดรู 3.5 มม. ออกไปแต่ก็ยังคงใจดีแถมตัวแปลงมาให้แล้ว ส่วนอุปกรณ์อื่นๆนั้นรองรับการใช้งานทั่วไปเลย
- ตัวเครื่อง ASUS ZENBOOK FLIP S
- ADAPTOR USB-TYPE C
- ตัวแปลง USB-C ไปยัง 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-A ไป RJ45
- คุ่มือ ใบรับประกัน
- ปากกา ASUS STYLUS PEN
- ซองหนัง ASUS
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆถ้าหากไปเทียบกับ Zenbook Flip S รุ่นเดิมหลักๆเลยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงคือในเรื่องของ วัสดุ การตัดขอบความเหลี่ยมสันที่มากกว่าเดิมชัดเจน และการตัดขอบเหลี่ยมสีทองแดงสวยงามอีกทั้ง ขอบหน้าจอมีความบางมากขึ้น ตัวเครื่องบางเบามากกว่าเดิม และทำน้ำหนักได้เพียง 1.2 KG พร้อมกับ หนาเพียง 13.9 มม. เท่านั้นครับ และ การออกแบบฝาหลังอะไรสวยงามพร้อมกับสีตัดขอบเยอะขึ้นทำให้เมื่อมองแรกสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่า รู้สึกแพงพรีเมี่ยมมาก พร้อมกับหน้าจอ 4K ทำให้ยกระดับขึ้นไปชัดเจน
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วที่ความละเอียดแบบ 4K UHD ขอบหน้าจอบางมากขึ้นแต่ยังคงมีกล้องหน้า พร้อมกับการสแกนใบหน้า IR เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ รวมถึงขอบข้างๆก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนขอบล่างยังคงมีความหนาเป็นปกติ เพราะว่าต้องมีพื้นที่สำหรับขอบยึดอะไรต่างๆเพื่อความแข็งแรงด้วยเช่นกันครับ แต่สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องบอกเลยว่ามีความสวยงามทันสมัยขึ้นเยอะ ส่วนฝาหลังนั้นยังคงลวดลาย Zen ไว้พร้อมกับย้ายโลโก้ไปมุมขวาครับ ปัดด้านสวยงามตรงฝาหลังและเล่นสะท้อนแสงสวยงามสีออกดำเข้มสวยงามไปอีกแบบ
ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะเขียน ASUS ZENBOOK พร้อมกับหน้าจอแบบเงาทั้งหมดรองรับการสัมผัสได้ดี และแสดงผลออกมาสวยงาม มีการตัดขอบสีทองแดงสวยงามขนาดใหญ่ที่จะคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นของ Zenbook อีกทั้ง บานพับอะไรนั้นดูแข็งแรงเช่นเดิม ส่วนช่องระบายในด้านหลังนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งระบายออกได้ดีเช่นกัน
การออกแบบส่วนขอบจะขอแอบติ ในส่วนขอบหน้าจอส่วนล่างถ้าหากเวลาพับใช้งานแบบ Tablet นั้นสอบมุมหน้าจอจะค่อนข้างคม บาดมือมากๆ ในการใช้งานจริงเวลาวาดแล้ววางมือจะวางมือแล้วจะทิ่มตรงใต้ทองแขนชัดเจนครับ เท่าที่ลองใช้ และวัสดุปัดลายสวยงามครับ ส่วนทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเต็มสัดส่วนหน้าจอพอดีเป๊ะๆตัวเครื่องอะไรทำได้กระชับมากขึ้น แต่ทางด้านปุ่ม Power หรือ เปิด-ปิดเครื่องนั้นจะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านขวาเป็นปกติครับเวลาใช้งานพับหน้าจอ ส่วนหน้าจอ 13.3 นิ้วนั้นมาพร้อมกับขอบหน้าจอที่บางมากขึ้น ในขอบซ้ายขวา และ ด้านบน แม้จะมีกล้องหน้าอยู่ก็ตามถือว่าทำให้สัดส่วนต่อตัวเครื่องนั้นบางมากขึ้น Screen-to-body ratio 80% เลยทีเดียวครับรุ่นนี้
ทางด้านฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่ามีความเรียบร้อยพอสมควรครับ ไม่ได้มีการเล่นลวดลายอะไร พร้อมกับยางรองทั้ง 4 มุมและจะเห็นว่ามีช่องระบายความร้อนในส่วนของด้านหลังทั้ง 2 แถบเท่านั้นและยิงออกไปในด้านหลังขอบเครื่องส่วนล่างหน้าจอครับ แต่ด้านหน้านั้นไม่มีช่องระบายอะไรเข้ามา ส่วนทางด้านลำโพงนั้นจะอยู่ซ้าย ขวา ด้านหน้าครับ เป็นปกติของพวก Ultrabook หรือว่าตระกูล Flip ทั้งหลายเพราะว่าจะต้องรองรับการใข้งานแบบพับหน้าจอเพิ่มมา
ภาพข้างบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานหลักๆ 4 รูปแบบ คือการใช้งาน เป็นเหมือน Tablet ที่สามารถพับได้พกพาได้ง่าย วาดรูปเขียนแบบได้ง่ายๆ หรือจะเป็นแบบทั่วไป Laptop โหมด แบบปกติที่ใช้ๆงานกัน หรือจะเป็นคล้ายๆ Tent Mode สำหรับวางเพื่อที่จะนำเสนองานหรือ วางโชว์รูปภาพ พรีเซนต์ต่างๆครับ และ อีกแบบก็จะเป็นการเอาวางฐานหน้าจอ ใช้งานสำหรับดูหนัง หรือจะเป็นตั้งวางแต่มีความมั่นคงที่ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่าใช้งานปากกาได้ทำให้มันใช้งานได้หลากหลายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ และสะดวกในการพกพาด้วยน้ำหนักแค่ 1.2KG
ปากกาในรุ่นนี้มาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ทั้งหมด รองรับแรงกดได้ดีมาก รวมถึงปุ่มการใช้งานที่เนียนไปกับปากกาด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของด้านหลังนั้นไม่มีที่หนีบปกเสื้ออะไรมาแอบน่าเสียดายครับ การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ดีเช่นเดิม รูปทรงสวยงามมากขึ้นและจะเห็นการปาดรูปทรงที่คล้ายกับดินสออะไรต่างๆจุดนี้ถือว่าดี ส่วนปุ่มในการควบคุมนั้นจะเป็นปุ่มที่รองรับได้กดทั้งบนและล่างแต่รวมอยู่ในปุ่มเดียวกัน ซึ่งในรุ่นก่อนจะเปลี่ยนปุ่ม
ทางด้านการเก็บปากกานั้น ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับการเก็บปากกาได้ดีเพราะว่าไม่ต้องมีที่หนีบแยกต่างหากรวมถึงสามารถแตะไว้ขอบหน้าจอส่วนหลังได้จะมีแม่เหล็กติดไว้ในด้านบนครับ แต่ทางด้านแม่เหล็กแอบจะเบาไปและใช้งานจริงๆนั้นต้องบอกว่าติดไม่ค่อยแน่นเท่าไรครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นต้องเก็บแยกครับ แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงๆ การติดขอบหน้าจอตรงขอบข้างๆนั้นจะทำงานได้ดีกว่าทั้งการพับใช้งานหรือหยิบใช้งาน
SPEC
- Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz)
- Intel® Iris Xe Graphics
- Display Touch screen, 13.3-inch, OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9,Glossy display, LED Backlit, 500nits, DCI-P3: 100%, Screen-to-body ratio: 80%, With stylus support
- Memory 16GB LPDDR4X on board
- Storage 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD
- I/O Ports 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A / 2x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery / 1x HDMI 1.4
- Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard 1.35mm Key-travel
- Support NumberPad
- Camera HD camera with IR function to support Windows Hello Without privacy shutter
- Audio SonicMaster Smart Amp Technology Built-in array microphone
- harman/kardon (Mainstream) with Cortana and Alexa voice-recognition support
- Battery 67WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion Power Supply
- TYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 19V DC, 3.42A, 65W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
- Weight 1.20 kg (2.65 lbs)
- Dimensions (W x D x H) 30.50 x 21.10 x 1.19 ~ 1.39 cm (12.01″ x 8.31″ x 0.47″ ~ 0.55″)
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพรุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน INTEL GEN 11 ที่รองรับมาตรฐาน INTEL EVO มาพร้อมกับตัวIntel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz) เทคโนโลยี 10nm ตัวล่าสุดครับ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ INTEL IRIS XE ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย แรงไม่แพ้ MX และ ให้ RAM 16GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ ส่วนเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD 1TBM.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD ครบๆเลย สำหรับรุ่นนี้ ส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ถือว่าครบจบในเครื่องเดียวเลย
PCMARK คะแนนทำได้ 3927 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมด เวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะ ถ้าเรามองในราคาแค่นี้ ทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้ ถือว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ส่วนการทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้น เพียงพอต่อการทำงานทั้งหมดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU อยู่ที่ 70 และ GPU 68 ครับ สำหรับการทดสอบนี้ในสภาพอากาศปกติ
3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Sky driver / Night Raid / Wild life ทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลย คะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 10861 คะแนนดีกว่ารุ่นเดิมอีกนะ การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วย แต่ทำคะแนนได้เท่ากับพวก MX เลย และใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวล ทำให้การทำงานเรนเดอร์ต่างๆสบายๆ ส่วนเรื่องคะแนน Sky Driver นั้นแตะ 10296 ได้เลย และ ทางด้าน Wild Life นั้นทำได้ 8769 ครับ ก็ถือว่าถ้าหากเทียบกับระดับคะแนนก็ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับตัวอื่นๆในระดับนี้ครับ ดีกว่าตัว Vivobook flip ครับ ส่วนทางด้านความร้อนนั้นไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไรนัก CPU 73 และ GPU 72 ในการทดสอบ
CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 828 และ 97.44 fps ทำได้ดีมาก อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาขึ้นเยอะครับในตัว Gen 11 ส่วนคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 1851Pts ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้ 3090 ถือว่าเป็นระดับที่สูงมากๆตัวนึงเลย ส่วนเขียนที่ 3366 ครับจากทดลองหลายๆรอบ และอ่านเขียนนั้นถือว่าธรรมดากลางๆ และครั้งนี้ให้มา 1TB ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป รวมถึงทำงานและเนื่องจากการอ่านเขียนนั้นทำได้ไวทำให้รองรับการอ่านเขียนกับโปรแกรมทำงานได้ดีมาก
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอที่มีความละเอียด 4K ใช้งานหน้าจอแบบเงาคือหน้าจอ ขนาด 13.3”4K UHD (3840 x 2160) 16:9 Glossy display, LED Backlit, 500nits, DCI-P3: 100%, Screen-to-body ratio: 80% และ ได้มาตรฐาน Panton Validated และ ยังมาพร้อมกับมาตรฐาน HDRVERSA 500 TRUEBLACK รองรับการสัมผัส และ ใช้งานปากกาได้ โดยมีความหน้าขอบหน้าจอที่บางมากขึ้นสวยคมมากขึ้น รองรับมุมมองกว้าง 178° และได้มาตรฐานสี 100% DCI-P3 ถือว่าโหดมากๆในการทำงานทั่วไปและสายงานตัดต่อแต่งภาพ ได้หน้าจอที่ค่อนข้างตรงมากๆ จากที่ลองต้องบอกว่าหน้าจอหลักมันเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีมากๆตัวนึงของบรรดาคอมพิวเตอร์พกพาทั้งเรื่องของสี และความสว่าง รวมถึงความแม่นยำของสีนั้นทำได้ดีมากๆ ยังรองรับ HDR ด้วย เวลาดูหนังนั้นภาพที่ได้คมชัดมากและสีนั้นดำสนิทมากๆเลย
ในด้านมุมมองของตัวหน้าจอนั้นสามารถรองรับการทำงานได้สบายๆทั้งหลากหลายมุมมอง แต่หน้าจอเงานั้นจะเจอแสงรบกวนได้ง่าย แต่เวลาเอามาทำภาพนั้นจะทำได้ดีกว่าจอแบบด้านเยอะมาก ส่วนเรื่องของสีนั้นแม้จะเอียงๆก็ยังทำได้ดีมากๆถือว่าหน้าจอรุ่นนี้โหดสุดๆในบรรดาคู่แข่งหลายๆตัวเลยนั้นเองและยังรองรับปากกาในการวาดเขียนหรือจะเป็นสัมผัสด้วย ส่วนความดำสนิทนั้นต้องบอกเลยว่าการที่ได้มาตรฐาน Display HDR Versa 500 Trueblack ทำให้สีดำนั้นมีความดำสนิทสวย และทำให้ภาพที่ออกมามีมิติสวยงามอย่างมาก ดีกว่าหลากหลายรุ่นในเรทนี้มากๆ สีที่ตรงทำให้เรื่องของการทำงาน วาดเขียนหรือแม้จะนำเสนออะไรนั้นต้องบอกเลยว่ารองรับได้ไม่มีปัญหาเลย
ASUS STYLUS
ปากกานั้นให้มาในกล่องไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มเติมครับสำหรับรุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหรือข้อดีก็ว่าได้เพราะสามารถใช้งานได้ทันทีและเป็นปากกาที่รองรับได้ดีที่สุดกับจอของรุ่นนี้ทำให้การใช้งานฟีเจอร์ น้ำหนักการกดอะไรถือว่าทำออกมาได้ดี ทดสอบกับหลากหลายโปรแกรมก็รองรับได้รวมถึงการใช้งานปุ่มสั่งงานต่างๆครับ ปากกาสามารถใช้ทั้งเซ็นเอกสาร หรือจะเป็นการเขียนงาน จดเลคเชอร์ต่างๆรวมไปถึงงานออกแบบวาดรูป เขียนแบบแก้ไขคร่าวได้ทั้งหมด ตัวปากกามีน้ำหนักกำลังดีและสามารถเอียงอะไรได้พอสมควร ในการใช้งานจริงก็อาจจะต้องปรับตัวกันนิดหน่อยถ้าหากใครไม่เคยใช้งานเพราะมันจะมีความลื่นไหลเพราะหน้าจอเงาแบบนี้อยู่บ้างแต่ก็ปรับตัวไม่ยากนัก และ ปากกานั้นรองรับการจับถือที่ดีกว่าเดิม รูปทรงแบบใหม่รองรับกับแรงกดได้ดีถือว่าปากกาใช้งานดีขึ้น
การสัมผัสใช้มือนั้นไม่มีปัญหาครับ ตอบสนองได้ไวพอสมควรในการใช้งานทั่วไปด้วยการใช้งานแบบทั่วไปก็ถือว่าตอบสนองได้ไวครับไม่เอ๋อหรือหนืดอะไรเลย ส่วนปากกานั้นไล่น้ำหนักอะไรได้ดีครับ รองรับแรงกดที่ดีมากขึ้น 4096 ระดับ และสามารถตอบสนองได้ลื่นไหลเลย ทั้งในการจดทั่วไป หรือวาดภาพ เขียนงานอะไรได้หลากหลายครับสามารถวางมือบนจอได้ในบางแอป และเขียนอะไรสะดวก ตอบสนองต่อหน้าจอความละเอียดสูงได้ดี ถ้าหากมองเทียบกับปากกาในรุ่น Vivobook Flip หรือว่าปากกาในรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ รู้สึกได้เลยว่ามีความเนียนมากขึ้น ในการลากเส้น ตอบสนองได้ดีมากในการไล่น้ำหนัก และ เส้นสายติดปากกามากขึ้นแม้จะวาดภาพที่เร็ว ถือว่าเป็นจุดหลักๆที่พัฒนาขึ้นแบบชัดเจนในเรื่องของการวาดเขียนของทาง ASUS Zenbook Flip S รุ่นนี้
KEYBOARD
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Layout ที่เราคุ้นเคยกันดีเลยแหละ รวมถึงความรู้สึกปุ่มสัมผัสอะไรต่างๆเป็นแบบเดียวกับพวกรุ่น 14 นิ้วก่อนหน้าทั้งหมดเพียงแต่ปุ่ม Power ไม่มีในมุมขวาบนนั้นเองครับแค่นั้นเลย ระยะห่างอะไรนั้นทำได้ดีเช่นเคย รวมถึงการกดต่างๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆ ด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่ายและระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาว แต่ตัวสีบนปุ่มนั้นจะออกสีทองอ่อนๆครับ สามารถปรับระดับได้ 3 ระดับ ความเด้งรับมืออะไรยังคงทำได้ดีเช่นเดิม และสีแบบนี้เห็นตัวอักษรชัดเจนแม้จะปิดไฟครับ ถือว่าเรื่องของโทนสีและความสว่างนั้นใช้งานได้จริงไม่มีปัญหา
การยกตัวเครื่องในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ยกสูงแบบบางรุ่น แต่ก็ยกขึ้นมานิดหน่อยพอสะดวกและถนัดขึ้น โดยรวมนั้นในความรู้สึกของตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่าย และความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไร แต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ตรงแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นตัวอักษรสีน้ำตาลตัดกับสีปุ่มชัดเจนดี ส่วนระยะในการกดปุ่มของตัวคีย์บอร์ดระยะการกดที่ 1.35 มม.ตื้นกว่าเดิมนิดหน่อยจาก 1.4มม. ใครที่ใช้ค่ายนี้มาบ่อยๆคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับเพราะ Zenbook จะใกล้ๆกัน
NUMBER TOUCHPAD
ตัว Numpad จริงๆนั้นถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆเพราะว่าค่ายนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนา ทั้งการใช้งาน Numberpad ที่รวมกันกับ Touchpad ทำให้สามารถแตะใช้งาน Number Pad และ กดเลขอะไรได้ทันที และเมื่อเปิดแล้วก็ยังสามารถใช้งาน Cursor ได้ปกติครับ ส่วนทางด้านไฟนั้นสามารถปรับระดับแสงสีได้ 3 ระดับจะแยกกับคีย์บอร์ดทั้งหมดนะครับ ส่วนการสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลย เพราะค่ายนี้ยังคงพัฒนาอะไรมาได้ต่อเนื่องจริงๆ
ส่วนทางด้านขนาดตัว Touchpad นั้นต้องบอกว่ามีขนาดกำลังดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องครับ รองรับการใช้งานหรือว่าวางนิ้วได้ดีเอาจริงๆ ถือว่ามีความยาวมากๆเพราะว่าสามารถวางทั้ง 5 นิ้วลงไปได้เลยเมื่อเทียบกับขนาด 13.3 นิ้วรองรับได้สบายมากๆ แม้ตัวเครื่องจะเล็กก็ตาม ส่วนทางด้านระบบตอบสนองอะไรนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ
SPEAKER
Harman/Kardon และจะมีให้ใช้งานกันยาวๆสำหรับแบรนด์นี้ มีมาให้ 2 ข้างยิงลงพื้นครับ เป็นแบรนด์ที่ร่วมมือกับทาง Asus มาโดยตลอดซึ่งลำโพงก็ยังคงแนวเสียงของมันเอาไว้ได้คุณภาพเสียงที่ได้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงทำได้ดีมีมิติแบบนี้ ทั้งความดังและมิติ แต่แค่จะขาดเสียงเบสที่มาค่อนข้างเล็กน้อย แต่เสียงอื่นๆเสียงร้อง ย่านอื่นๆมาดีมากๆฟังเพลงได้ค่อนข้างดีครับ ดูหนังก็แยกซ้ายขวาชัดเจนเลยแต่ถ้าเรื่องของเล่นเกม ยิงปืนพวกนี้ ระเบิดอาจจะไม่ได้ตูมตามสะใจเท่าไรนัก แต่ถ้าเทียบกับทางด้าน Flip ก่อนหน้า รุ่นนี้มีความแน่นมากกว่าเดิม
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นต้องบอกว่าให้มาครบมากๆ ให้ HDMI มาให้แต่ตัดรู 3.5 มม. ออกไป และในฝั่งซ้ายนั้นให้มาทั้ง USB-C Thunderbolt 4 ทั้ง 2 ช่องครับ รองรับการชาร์จไฟเข้า หรือว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลอะไรทั้งหมด หรือจะเป็นการต่อจอภายนอกด้วยเช่นกัน มีไฟสถานะตัวแบตใส่เข้ามาให้ มีการเว้าลำโพงไว้ให้ในด้านหน้า และตัวเครื่องนั้นบางเบามากๆ 1.2 KG เท่านั้น
ส่วนทางด้านขวานั้น ไม่มีรู 3.5 มม. ไม่มีช่องเสียบ Micro-SD มาให้ แต่ยังคงมีปุ่ม power ใส่มาให้ขอบเครื่องและ USB-A 3.2 GEN 1 ยังคงใส่มาให้ใช้งาน 1 พอร์ต สำหรับใครที่ยังคงใช้งานพอร์ตแบบนี้อยู่
ทางด้านการเชื่อมต่อ แน่นอนว่ารุ่นนี้ได้ตัด รู 3.5 มม. ออกไปแล้วเพราะว่าเน้นเรื่องของความบางและเข้าสู่ยุคไร้สาย ไปแล้ว พร้อมกับแถมตัวแปลงมาให้ทั้ง RJ45 และ 3.5 มม. ทำให้เป็นการใช้งานนั้นอาจจะลำบากขึ้น ถ้าหากใครที่เน้นเรื่องของการใช้งานแบบสาย แต่สำหรับคนที่ปรับไปใช้งานไร้สายอยู่ประจำนั้น อาจจะไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับ
WORKING
ทางด้านสเปกนั้นในรุ่นนี้มีการปรับมาใช้งาน INTEL GEN 11 แล้วแน่นอนว่ามาพร้อมกับ INTEL i7-1165G7 อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 16GB ก็ให้มาเหลือๆเลยครับ ส่วนของ ADOBE รองรับได้สบายอยู่ในส่วนของ Photoshop ทั้งหลากหลายเลเยอร์ เพราะว่า RAM 16GB นั้นเหลือเฟือมากๆ เพราะว่า เมื่อเทียบกับสเปกภาพรวมนั้นทำงานได้สบายแน่ๆ ถ้ามองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงาน รวมๆทำได้ดีกว่าตัวเดิมนะ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วิดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลย สามารถตัดต่อไฟล์ 4K ได้แบบสบายๆ ดูจากพรีวิวทดสอบได้ครับ
จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวิดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี แต่เวลาเรนเดอร์ นั้นก็ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงครับ จะทำได้ดีกว่า Ryzen 5U แต่ก็ไม่ได้หนีกันมาก เทียบกับไฟล์เดียวกัน ประมาณ 9 นาที แต่ช่วงการตัดต่อพวกนี้คือรับไหวสบายๆ ส่วนตัว Photoshop – Illustrator พวกนี้รองรับได้สบายๆเท่าที่ลองไม่เจอหน่วงเลยครับ ถือว่าตัว CPU ประสิทธิภาพมันรองรับพวกนี้ได้ และ RAM 16GB SSD 1TB ทำได้สบาย
GAMING
การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 55+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 75 องศา และ CPU แตะไป 78 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ถือว่าน่าสนใจเลยในตัว การ์ดจอในตัวแบบนี้ ความร้อนระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม รับได้ในการเล่นเกมทั่วไปพื้นฐานปรับลื่นได้สบาย คุณภาพนั้นปรับภาพระดับต่ำนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วย ก็ถือว่าเล่นเกมได้ลื่นและไม่ได้แย่ครับ เล่นได้ปรับภาพกลางได้ไม่ติดขัด และทำได้ไม่แพ้พวก การ์ดจอแยกที่มี MX250 เลยครับ ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นสูสีและสู้ได้สบาย ทางด้าน IRIS XE รอบนี้ถือว่าพัฒนามาดีขึ้น สู้กับค่ายแดงได้สมน้ำเนื้อมากครับ ถือว่ารองรับได้สบาย
ASUS ZENBOOK FLIP S
” FLIP ที่พรีเมี่ยม ปากกาดี หน้าจอสวย และ ประสิทธิภาพทำออกมาได้ดีที่สุดของ ASUS “
ในบรรดา Laptop หลากหลายรุ่นที่รองรับการใช้งาน Flip หรือว่า 360 องศาที่เน้นมากๆ คือเรื่องของปากกา และ หน้าจอครับ รวมถึงความแข็งแรงในการใช้งาน เพราะว่าในรุ่นนี้พัฒนาตอบโจทย์ออกมาได้ดีจริงๆ ทั้งหน้าจอ 4K UHD รองรับมาตรฐานทั้งความแม่นยำของสี รวมถึงความดำสนิท และ การสู้แสงรวมถึงคุณภาพต่างๆ และการที่ได้หน้าจอที่ดีทำให้การใช้งาน แต่งภาพทำงานได้ดีครับ ส่วนทางด้านปากกานั้นพัฒนามาดีขึ้น รองรับ 4096 ระดับทำให้การตอบสนองได้ดีมากขึ้น แรงกดอะไรได้ดีไล่น้ำหนักได้ดี สามารถวาดเขียนออกแบบ หรือจะเป็นการจดเลคเชอร์ได้สบาย และดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าชัดเจน ส่วนความแข็งแรง วัสดุงานออกแบบนั้นถือว่าเป็นมาตรฐาน MIL STD810G สบายๆไว้ใจได้ ส่วนข้อพับต่างๆนั้น ค่ายนี้ในรุ่น FLIP ถือว่าไม่มีปัญหาต่อการใช้งานครับ ส่วนทางด้าน สเปคนั้น i7 Gen 11 + Iris Xe นั้นถือว่ารับการทำงานหรือว่าเล่นเกมได้ดีมากกว่ารุ่นก่อนด้วยครับ
ข้อดี
- หน้าจอที่มีความ สวย ดำสนิท และคมชัดอันดับต้นๆของบรรดา Flip ทั้งหมด
- หน้าจอ สเปกที่ดี สีแม่นยำ ให้มาที่ 4K UHD
- งานออกแบบ สวยพรีเมี่ยม พร้อมกับ มีความเหลี่ยมสวยมากขึ้น
- ยังคงใส่กล้องหน้า พร้อม IR CAMERA มาให้
- ลำโพงยังคงเด่น พร้อม HARMAN / KARDON
- รองรับ ไมค์ตัดเสียง AI
- Numberpad ออกแบบมาใช้งานได้จริง
- ประกัน 3 ปี Onsite พร้อม อุบัติเหตุ 1 ปี
- INTEL GEN 11 ทำงานได้เร็วดีขึ้นจากเดิม
- RAM 16 GB พร้อมใช้งาน และ SSD 1TB ความเร็วสูง
- ปากกา พัฒนาขึ้นจากเดิมแบบชัดเจน รองรับได้ดีมากขึ้น
ข้อสังเกต
- ขอบเครื่องบางมุมแอบมีความคม และบาดอยู่
- หน้าจอแบบเงา ใช้งานภายนอกอาจจะไม่เหมาะมากนัก
- แม่เหล็กดูดปากกาไม่แรงเท่าไรในการใช้งาน
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr