ทางด้าน realme 7 Pro รุ่นพิเศษนี้แน่นอนว่าดีไซน์ฝาหลังนั้น สีส้ม กับ ขาว และ เป็นครั้งแรก realme ใช้วัสดุหนัง Vegan Micrograin ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการออกแบบ ด้วยแรงบันดาลใจจากสีส้มของแสงอาทิตย์รุ่งอรุณ ณ ริมขอบฟ้า ที่การออกแบบยังคงคอนเซ็ปต์ Mirror Design ใน realme 7 Series ที่เหมือนเงาสะท้อนในกระจก เแบ่งฝาหลังหลังออกเป็น 2 ส่วน แต่เพิ่มดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และให้สัมผัสระดับไฮเอนด์ครับ สำหรับหนัง Vegan Micrograin เป็นวัสดุหนังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความทนทาน และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มสบายมือ มีความหนาเพียง 0.4 มิลลิเมตร เพื่อให้ตัวเครื่องคงความบางและเบา โดยผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันถึง 14 ขั้นตอน ตั้งแต่นำหนังดิบมาอัดขึ้นรูปแบบเย็น แบบร้อน ตัดเย็บ นำไปตกแต่ง-ทำสี และสู่ขั้นตอนการ Finishing ต่างๆ เหมือนเครื่องหนังอื่นๆ ทำให้ดูพรีเมี่ยมมากกว่าเดิม อีกทั้งสเปก การใช้งานอะไรนั้นยังคงมีเป็นแบบเดิมกับรุ่นปกติ
รุ่น 7 Pro Horizon Orage นั้น แน่นอนว่าสเปกนั้นเหมือนกันทั้งหมด จะมาพร้อมหน้าจอที่เปลี่ยนไปจากรุ่นที่ผ่านมาคือเปลี่ยนจากจอ LCD 90Hz มาเป็นจอ AMOLED 60Hz แทน โดยตัวจอจะมีขนาด 6.4 นิ้ว ส่วนภายในจะใช้เป็นชิป Snapdragon 720G นอกจากนี้แบตเตอรี่ของ 7 Pro นั้นมีขนาด 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จแบตได้ 100% ได้ในเวลาเพียง 34 นาทีส่วนของกล้องหลังจะมีจำนวน 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 64MP + กล้องมุมกว้าง 8MP + กล้อง portrait 2MP + กล้องมาโคร 2MP ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ Starry mode (สำหรับถ่ายดาว), Pro Nightscape Mode, Ultra Nightscape video mode ส่วนกล้องหน้าจะเป็นแบบเจาะรูที่มีความละเอียด 32MP และงานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดทำให้การใช้งานนั้นถือว่าดูดีและแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าและขอชมครับว่าเปลี่ยนออกมาสวยขึ้นพอสมควร ไม่ยึดติดกับงานออกแบบเดิมแล้ว อีกทั้งสเปกในภาพรวมทำให้น่าใช้งานพอสมควรเลย และอีกจุดที่ค่อนข้างชอบคือการปรับมาใช้งานลำโพงคู่แล้ว เป็นลำโพง Stereo มาพร้อม Dolby Atmos, คุณภาพเสียง Hi-Res ในการเสียบหูฟังถือว่า ดีไซน์สีสวยงามขึ้น
realme 7 Pro ที่มาพร้อมกับดีไซน์สีใหม่ Horizon Orange ความจุ 8+128GB ซึ่งจะมาในราคาเพียง 10,990 บาท รับฟรี VIP Card ประกันจอแตก 1 ปี และrealme Backpack มูลค่า 1,890 บาท รวมมูลค่า 5,890 บาท พิเศษกับการขยายเวลารับประกันเครื่องเป็น 2 ปี เมื่อซื้อภายในวันที่ 10 มกราคม 2564 ครับ โดย realme 7Pro รุ่น Limited Edition นี้จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ realme Brand Shop ทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lazada Shopee และ Thisshop
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม
- ตัวเครื่อง realme 7 Pro
- เคสใส TPU
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 65W
- สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
ตัวเคสถือว่าแอบรูสึกบาง และเบาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าตัวเคสมีความนิ่มและบางกว่าเดิมแบบรู้สึกได้ ก็แล้วแต่คนชอบครับแบบนี้จะทำให้น้ำหนักไม่หนักมากนัก แต่การป้องกันแอบชอบแบบรุ่นก่อนมากกว่า ส่วนตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน การปกป้องนั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบายคล้ายๆกับเคสรุ่นก่อน และ ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป
จะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีก และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั้วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ และเป็นการออกแบบเดียวกันกับ realme 6 Pro แต่ทำให้มันบางและนิ่มมากขึ้นดูไม่หนามากนักเวลาใส่ใช้งานครับสำหรับเคสตัวนี้
DESIGN
งานออกแบบนั้นมีจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนฝาหลังอย่างเดียวถ้ามองเทียบกับรุ่นปกติครับแน่นอนว่าถ้าเป็นรุ่นปกตินั้นจะเป็นคล้ายกระจกด้านๆเล่นกับแสงสีได้ดี แต่ในครั้งนี้ทาง realme นั้นได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดเป็นวัสดุแบบหนังพรีเมี่ยมสวยงาม แต่ยังคงการเล่นการตัดกัน 2 สีแบบเดียวกับรุ่นปกติ แต่จะเป็นสี ส้ม ขาว แทนและใช้งาน Sun Kissed Leather ที่พื้นผิวนั้นเหมือนกับหนังจริงๆ ที่การออกแบบยังคงคอนเซ็ปต์ Mirror Design ใน realme 7 Series ที่เหมือนเงาสะท้อนในกระจก เแบ่งฝาหลังหลังออกเป็น 2 ส่วน แต่เพิ่มดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และให้สัมผัสระดับไฮเอนด์ครับ สำหรับหนัง Vegan Micrograin เป็นวัสดุหนังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความทนทาน และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มสบายมือ มีความหนาเพียง 0.4 มิลลิเมตร ถือว่าทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้นเยอะมาก
ทางด้านหน้าจอนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้งานหน้าจอ sAMOLED แล้วสีสันสวยงามสู้แสงได้ดีพร้อมกับสีดำสนิทสวยงามเลยทีเดียวมาในขนาด ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) 60Hz Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และใช้กระจก Gorilla Glass 3+ ส่วนงานออกแบบนั้นเป็นแบบเจาะรูเช่นเดิมครับ ดีไซน์ถือว่าไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก แต่การเปลี่ยนมาใช้งานหน้าจอแบบนี้ถือว่าถูกใจแน่นอน
ทางด้านขอบหน้าจอล่างนั้นถือว่ามีความหนาอยู่พอสมควรตามระดับเรทมือถือประมาณนี้ มาพร้อมกับการควบคุมทั้งแบบปุ่มและแบบท่าทางปกติเลยส่วนฟิล์มกันรอยนั้นติดมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานเป็นแบบพลาสติก
ขอบหน้าจอด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ากล้องหน้าเหลือแค่ตัวเดียวในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหน้า 32MP (f/2.5) และขอบหน้าจอนั้นเราจะเห็นว่ามีทั้งลำโพง และ เซนเซอร์แทรกเข้ามาและเป็นลำโพงคู่ทำให้ตัวนี้เป็นลำโพงตัวที่ 2
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ แต่ขอบเครื่องนั้นจะเป็นดีไซน์เรียบๆพร้อมกับวัสดุพลาสติก และฝาหลังแบบหนังก็ไม่ได้นูนอะไรมากนักครับเรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงกับรุ่นปกติเลยนั้นเองจะไม่เลยไปส่วนกล้อง
ในส่วนของขอบเครื่องด้านขวานั้นเราจะเห็นเป็นปุ่มเปิดปิดแบบปกติ จากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นสแกนนิ้ว ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาย้ายสแกนนิ้วไปไว้บนหน้าจอแล้วทำให้ด้านข้างนั้นเรียบมากขึ้นและหน้าจอก็ใช้งานได้ล้ำมากขึ้นด้วย จะเห็นได้เลยว่าฝาหลังแบบนี้ถือว่าสวยและความหนาก็ไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติมากนักแต่พรีเมี่ยมมากขึ้นเยอะครับ
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีลำโพงหลักตัวแรกในด้านซ้ายสุด พร้อมกับช่อง USB-C และ รูไมค์ รวมถึงยังคงมีรู 3.5 ใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหน ถือว่ายังดีที่ใส่เข้ามา และรุ่นนี้มาพร้อมลำโพงคู่แล้วด้วยถือว่าดีมาก
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะมีปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงอยู่และถาดซิมแบบ Triple Slot ทำให้รองรับการใช้งานค่อนข้างดี จะเห็นว่ามีซีลกันน้ำมาให้รองรับกันในเรื่องของละอองน้ำได้ดีพอสมควร ตัวเครื่องป้องกันละอองน้ำ โดยมีระบบป้องกันถึง 3 ชั้น จากภายในสู่ภายนอกตัวเครื่อง ชั้นที่ 1 : กาวกันน้ำ เนื่องจากภายในตัวสมาร์ทโฟนมีส่วนประกอบชิ้นเล็กอยู่จำนวนมาก การออกแบบที่ไม่กันน้ำอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน realme จึงออกแบบดีไซน์ที่ใช้กาวกันน้ำมาเพื่อป้องกันชั้นที่ 2 : ซิลิโคนเจลกันน้ำ ถูกใช้ในรูเสียบหูฟังและ USB เพื่อกันน้ำเข้าสู่ตัวเครื่องชั้นที่ 3 : กรอบกันน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ตัวเครื่องผ่านช่องว่างเล็กๆ เช่น บริเวณถาดใส่ซิม และส่วนอื่นๆ
ฝาหลังนั้นเป็นจุดเปลี่ยนแปลงหลักๆของรุ่น HORIZON ORANGE รุ่นพิเศษนี้ครับเป็นการใช้งานวัสดุแบบหนัง Vegan Micrograin เป็นวัสดุหนังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความทนทาน และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มสบายมือ มีความหนาเพียง 0.4 มิลลิเมตร เพื่อให้ตัวเครื่องคงความบางและเบา โดยผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันถึง 14 ขั้นตอน ตั้งแต่นำหนังดิบมาอัดขึ้นรูปแบบเย็น แบบร้อน ตัดเย็บ นำไปตกแต่ง-ทำสี และสู่ขั้นตอนการ Finishing ต่างๆ เหมือนเครื่องหนังอื่นๆ ทำให้ดูพรีเมี่ยมมากกว่าเดิม และจากที่จับสัมผัสนั้นถือว่าเนียนและนุ่มกำลังดี และก็รักษาได้ง่ายครับ มีพื้นผิวลวดลายอะไรดูดีและมีมิติพอสมควร แต่สีขาวอาจจะต้องรักษากันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ยากมากนัก
ทางด้านกล้องหลังมีเขียนชัดเจนว่า 64MP พร้อมกับการวางเลนส์ข้างในแบบใหม่เปลี่ยนดีไซน์อะไรใหม่ทั้งหมดแล้วเป็นแบบตัว L คว่ำแทนพร้อมกับมีการแยกพื้นผิวข้างในด้วยทำให้มีลูกเล่นนิดหน่อย แต่งานออกแบบก็ตัด realme ring วงแหวนรอบกล้องออกไปแล้วครับเปลี่ยนการออกแบบชัดเจนมากขึ้นไปอีก พร้อมกับกล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
SPEC
- หน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และใช้กระจก Gorilla Glass 3+
- ชิปเซต Snapdragon 720G 8nm พร้อมการ์ดจอ Adreno 618
- RAM LPPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB ที่ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 10 ที่ครอบด้วย realme UI
- กล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 32MP (f/2.5)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, ลำโพง Stereo, มาพร้อม Dolby Atmos, คุณภาพเสียง Hi-Res
- ขนาดตัวเครื่อง: 160.9×75.4×8.7mm; น้ำหนัก: 182กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS, NavIC, ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว VOOC SuperDart 65W, ชาร์จแบบ PD/QC 18W
- วัสดุฝาหลัง หนัง Vegan Micrograin
SCREEN
การใช้งาน AMOLED แล้วทำให้คนที่เคยบ่นๆต้องซื้อเลยทีเดียวเพราะหน้าจอสวยและมีมิติ สีดำสวย สัมผัสดีขึ้นมาก โดยเป็นหน้าจอที่โหดสุดๆอีกรุ่นทั้งเรื่องของความคมชัดสวยงามการสัมผัสที่ไว และรวมถึงอัตราการตอบสนองที่ไวมากๆ หน้าจอนั้นอัพเกรดเป็น sAMOLED ส่วนเรื่องของสเปกนั้นมาพร้อมกับ หน้าจอ sAMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+ อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 600nits, 98% NTSC color gamut และ ใช้กระจก Gorilla Glass 3+ ถือว่าเป็นการอัพเกรดที่ทำได้ดีอย่างมากทั้งคุณภาพหน้าจอ การสัมผัส และ การสู้แสงในการใช้งานกลางแจ้ง รวมถึงการสแกนนิ้วนั้นจะเป็นการใช้งานบนหน้าจอด้วยนั้นเอง
ANTUTU
ในส่วนของคะแนน Antutu นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 720G และ RAM 8GB รวมถึงใช้งาน UFS 2.1 ในความจุขนาด 128GB แน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการเรียกแอป รวมถึงการดูรูปต่างๆทำงานได้ไวขึ้นแน่นอน ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบนั้นทำไปได้ที่ 290K ก็ถือว่าแรงพอสมควรเลย เรื่องความแรงเล่นเกมใช้งานนั้นสบายๆ และเมื่อเทียบกับเรทราคานั้นต้องบอกว่า ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่า และสบายมากในการใช้งานจริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่วไปและการทำงานได้หลากหลาย และทางด้านการรองรับการใช้งานลื่นไหลตอบสนองได้ดีกับหน้าจอ
ANDROBENCH
หน่วยความจำนั้นใช้งาน UFS แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเรทราคาของมันนั้นถือว่าทำได้ไวครับ ทั้งเรื่องของเซฟภาพอะไรก็ไวขึ้นแน่นอน รวมถึงการเปิด/ปิดแอปต่างๆก็ทำได้ดีถือว่าเป็นจุดเด่นๆ ทำคะแนนได้ 479 ในการอ่าน และเขียนไปที่ 195 ถือว่าเร็วแรงตามสเปกของตัวเครื่องใช้งานดูรูปภาพ หรือ เรียกดูข้อมูลและบันทึกอะไรได้ไว
CAMERA
ทางด้านกล้องหลังนั้นมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยแต่ภาพที่ได้ก็ดีขึ้นพอสมควร ยังคงให้เลนส์มาครบทุกระยะ ทั้งมุมกว้างพิเศษ มุมปกติ และ มาโคร แต่น่าเสียดายยังไม่มี เทเลอะไรมาให้ แต่การเพิ่มฟีเจอร์ก็ถือว่าเยอะขึ้นพอสมควรทั้งงานวิดีโอ ภาพนิ่งต่างๆ การดูดสีของบุคคลหรือว่าจะเป็น โหมดถ่ายกลางคืน โหมดถ่ายดาวที่ใส่เข้ามามากขึ้น อีกทั้งวีดีโอ Nightmode ก็ใส่เข้ามาด้วย ทางด้านสเปก กล้องหลัง 64MP (f/1.7) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX682, ขนาดพิกเซล 0.8μm, LED flash, รองรับ UIS/UIS Max + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.3) + กล้อง B&W สำหรับถ่าย portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4) กล้องหน้า 32MP (f/2.5) ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นให้มาที่ 32 (f/2.5) รองรับฟีเจอร์พื้นฐาน ละลายหลังต่างๆ แต่เนื่องจากมาแค่ตัวเดียวทำให้มุมกว้างแบบในรุ่นก่อนนั้นไม่มีแล้วเป็นเลนส์เดี่ยวเลยแต่งานภาพคุณภาพนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าเดิม และงานวีดีโอกล้องหลังมีโหมดโปร หรือโหมดภาพยนต์เข้ามาทำให้เรื่องงานวีดีโอนั้นเทพขึ้นอย่างมากเลยแหละตัวนี้
REALME 7 PRO : HORIZON ORANGE
แน่นอนว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาน่าสนใจและในรุ่นพิเศษแบบนี้ที่เด่นๆเลยคือเรื่องของฝาหลังแบบใหม่ที่ใช้งานหนัง และมาพร้อมกับพื้นผิวอะไรที่ดูดีสวย อีกทั้งยังทำให้ตัวเครื่องมีความโดดเด่นมาว่าเดิมเยอะมาก ส่วนตัวนั้นค่อนข้างชอบการเล่นสีสันของตัวเครื่อง สีส้มตัดกับขาวนั้นทำออกมาได้ดีเป็นคู่สีที่สวยและยังคงเอกลักษณ์การตัด Mirror Design ของค่ายไว้ได้ดี และพื้นผิวของจริง จับถนัดมือไม่ได้หนักหรือหนาเพิ่มขึ้นมากนักครับ อีกทั้งยังให้สเปกภาพรวมมาจัดเต็มหน้าจอเปลี่ยนมาใช้ sAMOLED แล้วในรุ่นนี้พร้อมกับสแกนนิ้วบนหน้าจอรวมถึงการชาร์จไวที่สูงมากถึง 65W ทำให้ชาร์จได้เต็มและไวขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว พร้อมกับตัวควบคุมความร้อนกระแสไฟต่างๆ เท่าที่สัมผัสค่อนข้างชอบในแง่ของดีไซน์ใหม่ และสเปกอะไรหลายๆอย่างเช่นหน้าจอที่ทำได้ดีขึ้นอย่างมาก รวมถึงกล้องด้วยเช่นกัน
สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview by Nineztr