ASUS ได้เดินหน้าเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องและแน่นอนว่า Gaming Notebook นั้นในตระกูล TUF ถือว่าเป็นตระกูลที่ทำออกมาคุ้มค่า คุ้มราคาโดยเสมอและในครั้งนี้เป็น TUF ท่ีจัดเต็มที่สุดตัวนึง ที่เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดทั้งเรื่องของประสิทธิภาพ งานออกแบบ บอดี้แบบ ROG รวมถึง โลโก้ใหม่ที่เรียบง่ายมากขึ้นจนไม่คิดว่าจะเป็น TUF อยากให้ลืม TUF รุ่นก่อนๆไปทั้งหมดเพราะว่าครั้งนี้ TUF ทำออกมาได้ดี ทั้งวัสดุงานประกอบ สเปค ความแข็งแรงทั้งหมดเลยก็ว่าได้ครับ ในรุ่นนี้มาพร้อมกับชื่อ TUF DASH F15 จัดเต็มสเปคแน่นๆ บอดี้แบบใหม่แบบเดียวกับ ROG G เลยครับและแน่นอนว่า หน้าจอ 240Hz พร้อมกับ 3MS 100% sRGB รวมถึงใช้งาน i7 Gen11 และ RTX 3070 RAM 16GB รวมถึง 3200Mhz และ รองรับ Thunderbolt 4 ด้วยนะ และ ขอบจอบางสวยเช่นกัน
ASUS TUF DASH F15 FX516PR มาพร้อมกับเป็นตัวแรกๆในไทยที่มาพร้อมกับ Intel generation 11 “Intel® Core™ i7-11370H” พร้อมกับ GPU Nvidia GeForce RTX 3070 รองรับ Ray Tracing มาพร้อมกับ RAM 16GB DDR4 3200MHz รองรับอัพเกรดได้ 24GB และ มาพร้อม SSD 1TB พร้อม อัพเกรด M.2 PCIe 3.0 x4 SSD ได้อีก 1 ช่อง และใช้งาน หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS-level panel FHD 240 Hz 100% sRGB รองรับ สีสันที่ตรงและแม่นยำเป็นหน้าจอแบบด้านด้วยเช่นกัน และ ตัวเครื่องนั้นทำจากตัวบอดี้ที่ทำจากโลหะในขนาดเครื่องที่บางเพียง 1.99 CM ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นพี่ Zephyrus G บอดี้เดียวกัน พร้อม มาตรฐานกองทัพ US MIL-STD-810G และ ทางด้านคียบอร์ดนั้น เป็นสีเขียวสีเดียว Backlit Chiclet Keyboard, 4 Hot Keys เกมมิ่งคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาให้พร้อมใช้งานทุกสถาณะการณ์ และรองรับการกดได้ถึง 20 ล้านครั้ง พร้อมไฮไลท์ปุ่ม WASD ให้โดดเด่นเป็นพิเศษ และ ระบบระบายความร้อน Anti-Dust Cooling และ ASUS Intelligent Cooling ด้วยชุดระบายความร้อนแยกอิสระสองฝั่งและช่องระบายลมร้อนทั้งหมด 4 ช่อง และท่อส่งความร้อนอีก 5 เส้น จัดเต็ม ระบบเสียง DTS:X Ultra ให้เสียงที่ดังขี้น 1.8 เท่า เบสดีขี้น 2.7 เท่า และ แบตเตอร์รี่ขนาด 76W ที่ออกแบบการใช้งานอย่างพิถีพิถัน สามารถใช้งานได้แม้ไม่ต่อสายชาร์ทได้ถึง 3.5 ชั่วโมงเลยนั้นเอง
ASUS TUF DASH F15 FX516PR-AZ019T ราคา : 44,990 บาทไทย ใช้งาน i7 11th gen, 3070, RAM 16, 1TB SSD, 240HZ 100% sRGB /
UNBOX
- ตัวเครื่อง ASUS TUF DASH F15
- ADAPTOR ชาร์จไฟ 180W
- คู่มือ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้เป็น TUF ที่ดูดีที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมา แน่นอนว่าครั้งนี้ทาง ASUS ตั้งใจเปลี่ยนและยกระดับขึ้นไปทำให้คุณภาพการใช้งาน งานออกแบบนั้นดูดีขึ้นเยอะหลายเท่าตัว บอดี้ใช้งานบอดี้แบบเดียวกับตระกูล ROG Zephyrus G เลยนั้นเองอีกทั้งคุณภาพงานประกอบ วัสดุความแข็งแรงก็ยกระดับตามขึ้นไปด้วย อีกทั้งดีไซน์ฝาหลัง โลโก้ หรือจะเป็นด้านในไม่ได้รกหรือลวดลายเยอะแบบรุ่นก่อนๆแล้วด้วยเช่นกันทำให้ครั้งนี้ เรียบหรู บาง พรีเมี่ยมขึ้นทุกๆส่วน ทำให้ตัวเครื่องบางแค่ 2 เซนติเมตร และ หนัก 2 กิโลเท่านั้นถือว่าทำได้ดีและพัฒนาขึ้นแบบชัดเจนครับ
งานออกแบบฝาหลังทั้งเส้นสายหรือการเปิดช่องต่างๆนั้นจะได้รับการออกแบบมาจากรุ่น G เลยจริงๆรวมถึงจุดที่ทางเราชอบมากๆคือการที่เส้นสายและงานออกแบบไม่ได้เยอะหรือรกแบบรุ่นก่อนๆแล้วทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่ได้เป็นสายเกมมิ่งมากเกินไปและสามารถเอาไปใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เอาไปทำงานหรือเสนองานต่างๆก็ไม่ได้ดูเป็นสายเกมมากเกินไป งานออกแบบข้างในเรียบแต่ดูดี มีความแข็งแรงมากขึ้น โลโก้เปลี่ยนใหม่เหลี่ยมสันสวยงามมากขึ้น
งานออกแบบฝาตัวเครื่องนั้นเป็นการใช้งานวัสดุโลหะสีเทาด้านทั้งหมดจะเห็นว่ามีความเรียบไม่มีส่วนนูนหรือโลโก้แบบรุ่นก่อนๆแล้ว แต่จะเป็นการยิงเลเซอร์โลโก้ในมุมขวาบนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นจากเดิมครับ และทางด้านชื่อรุ่นนั้นจะเป็น TUF ตัวอักษรเหลี่ยมแบบชัดเจนมากขึ้นถือว่างานดีไซน์ทั้งหมดดูดีขึ้นและจะเห็นว่าจะมีความคล้ายตระกูล ROG แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเส้นสายและโลโก้เท่านั้นเรียกได้ว่า TUF ยกระดับ
ส่วนงานออกแบบข้างในนั้นคียบอร์ดวางตรงกลางกับหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่ถ้ามองนั้นการวางแบบนี้ทำให้สวยงามมากขึ้นแต่ก็จะเสียในเรื่องของ NUMPAD ออกไปรวมถึงตรงขอบหน้าจอก็ไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วแต่ถ้ามองในเรื่องของความสวยงามนั้นจะดูดีขึ้นชัดเจน การวางตำแหน่งระบายอากาศส่วนบนหรือคียบอร์ดนั้นก็ทำออกมาได้ดีรวมถึงมีลวดลายข้าง ซ้าย และ ขวาทำให้มีพื้นผิว Texture ที่มากกว่าเดิมเป็นการสานต่อลวดลายต่อจากรุ่นก่อนๆแต่ทำให้เรียบร้อยมากขึ้นดูทันสมัยมากขึ้นไปอีก ทางด้านปุ่มลัดทั้ง 4 นั้นใส่เข้ามาให้ด้านบน เปิดปิดไมค์ต่างๆครบครับ
ขอบหน้าจอมีความบางมากขึ้นทั้งขอบซ้าย ขวา และขอบด้านบน ทำให้ตัวหน้าจอดูสวยงามขึ้นแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่ไม่มีกล้องหน้า จริงๆใส่เข้ามาแบบTUF A15 น่าจะดีกว่านี้ ส่วนไฟสถานะนั้นสามารถมองเห็นได้แม้พับหน้าจอเป็นดีไซน์ที่เราเห็นได้ในหลายๆรุ่นของค่ายนี้ รวมไปถึงข้อต่อ ข้อพับนั้นรองรับการใช้งานดี แข็งแรงและแน่นครับ
ฝาหลังส่วนฐานเครื่องนั้นดีไซน์ออกแบบเรียบง่ายมากขึ้นมีความเหลี่ยมชัดเจนไม่ได้มีเส้นสายอะไรเยอะมากนักจะเป็นแบบเดียวกับ ROG บางรุ่นเลยพร้อมกับช่องระบายอากาศทั้ง 4 ทิศทาง ซ้าย ขวา และ ด้านหลัง 2 ทำให้สามารถระบายความร้อนได้แบบเต็มที่และสามารถแยกซ้ายขวา อิสระ รองรับการทำงานผ่าน Heatpipe ได้ดีกว่าแบบเดิม
ในเรื่องของการอัพเกรดนั้น ในรุ่นนี้รองรับการอัพเกรดได้เยอะพอสมควรครับ RAM 8 GB Onboard มาให้ และ อัพเกรดได้ 1 แถว ที่ของเดิมใส่มาให้ 8GB DDR4 3200MHz ทำให้สูงสุดได้ 24GB และ SSD M.2 1TB PCIe 3.0 x4 SSD ให้มา 1 แถว และ ว่าง 1 แถวทำให้ใส่ได้ทั้งหมด 2 แถวครับ และ ที่ชอบคือมีแผ่น Silicone สำหรับการระบายความร้อนมาให้ทั้งหมด และเก็บงานได้ดีรวมถึง แผ่นกราไฟต์ระบายความร้อนนั้นใส่มาให้ด้วยตรง RAM ครับ ส่วนทางด้านการระบายความร้อนอื่นๆนั้น มี Heatpipe 5 เส้นพร้อมพัดลม คู่รวมถึงระบบดักฝุ่นด้วย
SPEC
- CPU: Intel® Core™ i7-11370H
- Memory: 16GB DDR4-3200 RAM (Up to 24GB)
- Graphics: Nvidia GeForce RTX 3070 8GB GDDR6
- Storage: 1TB M.2 PCIe 3.0 x4 SSD (With 1 M.2 SSD Free Slot)
- Display: 15.6” FHD (1920 x 1080) IPS-level panel, 240Hz, 100% sRGB
- Keyboard: Backlit Chiclet Keyboard
- Intel® Wi-Fi 6 with 802.11ax Bluetooth 5.1
- OS: Windows 10 Home
- Battery: 76WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
- 1 x Thunderbolt™ 4
- Weight: 2 kg.
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-11370H 10nm จะมีความเร็วพื้นฐานที่ 3.3GHz และเร่งขึ้นไปสูงสุดได้ที่ 4.8GHz ใช้งาน 4 core 8 thread ส่วนการ์ดจอ นั้นใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3070 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะเป็น 8GB OnBoard อัพไม่ได้ และ 8GB แยกครับ ทำให้รองรับได้สูงสุด 24GB ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่องและรองรับการอัพเกรดได้อีก 1 ช่อง และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งานครับในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่องเป็น TUF ที่จัดเต็มมากๆรุ่นนึงในตอนนี้เลย
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen11 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ดีกว่าGen10 ถึง1000 คะแนนครับ ทำไปได้ 6153 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,200 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่กันแบบชัดเจนเลยนะถือว่าถ้าเน้นโปรแกรมเดียวตัวนี้ทำได้ดี
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3879 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 5150 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 79 CPU GPU 76 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 10289 และ FIRE STRIKE ULTRA 5613 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3070 ครับจัดเต็มมากๆ
CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1078 cb/ 130.78FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆแต่ไม่หนีกับ GEN10 เท่าไรและเทียบกับ RYZEN 7 4800HS จะประมาณ 120 ครับไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีผลในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 2751 ครับ แต่คะแนนส่วนนี้เหมือนจะน้อยกว่าเดิม และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 3553 MB/s และ 3023 MB/s ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆอีกตัวนึงเลยในระดับเรทราคาแบบนี้
SCREEN
หน้าจอในตระกูล TUF รุ่นก่อนๆอาจจะไม่ได้จัดเต็มเท่าไรนักแต่ในรุ่น TUF DASH F15 นั้นมีการยกระดับขึ้นมาในการใช้งานหน้าจอที่ดีขึ้น คุณภาพสีสันดีขึ้นเช่นกัน มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6” นิ้ว FHD (1920 x 1080) IPS-level panel, 240Hz, 100% sRGB ถือว่าเป็นหน้าจอที่พัฒนาขึ้นดีขึ้นชัดเจน แม้จะไม่ได้มาตรฐาน Pantone แบบรุ่นพี่ตัวอื่นๆแต่ถ้ามองในตระกูล TUF นั้นต้องบอกเลยว่าดีขึ้นหลายเท่าตัวรองรับ 240Hz ลื่นไหลในการเล่นเกมต่างๆที่ดีกว่าเดิม ยังได้ 100% sRGB จอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นเนียนตามากๆครับ และในส่วนของตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับ และทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น และ ด้วยความที่มันเน้นพกพามากขึ้นก็ทำให้หลายๆคนเลือกเอาไปใช้งานงานกันหลากหลายมากขึ้นนั้นเองครับตัวเดียว เป็น TUF ที่พัฒนาขึ้นและเอาไปใช้งาน และ เล่นเกมได้ครบๆเลยครับ
การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ต้องตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 240Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้น แต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้นมากพอสมควรครับและทำงานสบายครับ และด้วยที่ได้ 3MS ทำให้การใช้งานทำงานนั้นมีความเนียนตาและดีขึ้นกว่าปกติชัดเจน
KEYBOARD
คียบอร์ดในรุ่นนี้นั้นมาแปลกกว่า TUF รุ่นก่อนทั้งการออกแบบ การวางตำแหน่งต่างๆ ทางด้าน Numpad ก็ได้ตัดออกไปแล้วเป็นการวางตรงกลางแบบรุ่น ROG ทั่วไปครับพร้อมกับปุ่มเปิดปิดทรงที่คุ้นเคยกันดี และปุ่มลัด 4 ปุ่มด้านบนซ้ายมือ และมีการเล่นสีสันบนปุ่ม WASD ทำให้เป็นปุ่มแบบใสตามเอกลัษณ์ของTUF แต่การวางปุ่มแบบ ROG เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวผสมกันได้ดี แต่จะไม่มีปุ่มลัดด้านขวามือครับ และตำแหน่งแต่ละปุ่มนั้นวางออกแบบมาระยะห่างอะไรนั้นใช้งานได้ดี และปุ่ม ARROW นั้นมีความกว้างกำลังดี แต่ปุ่ม SpaceBar นั้นไม่มีการเว้าอะไรแบบรุ่นก่อนๆแล้วเน้นความเรียบมากขึ้นนั้นเองครับ แต่น่าเสียดายแค่ Numberpad ที่ตัดออกไปเท่านั้น
ตัวปุ่ม WASD นั้นจะเป็นปุ่มแบบใสสวยงามทำให้แสงนั้นสว่างขึ้นกว่าปุ่มอื่นๆและดูดีด้วย ตัวระยะห่างแต่ละปุ่ม รวมถึงความลึกในการกดนั้นทำได้ดีในการเล่นเกม หรือ พิมพ์งาน เสียงไม่ได้ดังมากนัก ไฟแสดงได้สวยในหลายๆสีและค่อนข้างคมเข้มตัวอักษรมองเห็นชัดดีครับ เวลาเปิดไฟก็ทำได้ดี เพราะครั้งนี้ตัวอักษรเป็นสีขาวมองเห็นชัดกว่าสีแดงเยอะมากในรุ่นเล็ก และถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในด้านการใช้งานหลายๆสภาพแสงครับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการ หรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับแต่เสียดายไฟมากๆเลยทั้งที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะสามารถปรับแต่งได้เยอะกว่านี้ แต่พอเป็นรุ่นนี้กลับเป็นแค่ Zone เดียวเท่านั้นครับ และเปลี่ยนสีอะไรไม่ได้เลยทำให้เป็นสีเขียวเดิมๆเท่านั้นครับ
TOUCHPAD
ในด้านการใช้งานตัวทัชแพดนั้นตัวนี้แตกต่างกับรุ่นอื่นๆคือจะไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา แยกกันนะครับ ซึ่งรุ่นนี้จะเหมือนไปทางสายใช้งานทั่วไปมากกว่าแต่ก็ดูเป็นชิ้นเดียวกันและแน่นดูแข็งแรง รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ แต่ที่ชอบคือขนาดของทัชแพดนั้นใหญ่ขึ้นแบบชัดเจน และ รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอปก็รองรับการทำงานได้ดี และ เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับ ในด้านการใช้งานจริงๆก็มีผลในการทำงานนอกสถานที่ต่างๆได้สะดวกมากขึ้นถนัดมากขึ้นครับ
SPEAKER
การวางตำแหน่งลำโพงหรือการออกแบบนั้นคุ้นหน้าตากันดีการวางตำแหน่งของรุ่นนี้ยิงลงข้างล่างเสียงดังชัดเจนครับมีมาให้ทั้งหมด 2 ตัว ข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวา และแน่นอนว่าตัวเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาด้วย การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม และแน่นอนว่าค่ายนี้เป็นไม่กี่ค่ายที่เน้นเรื่องลำโพงเสียงมาเรื่องๆ แน่นอนว่าเรื่องของรายละเอียดมาดีมากจริงๆ และ เสียงเบสก็จะเด่นกว่าเดิมมากๆเสียงยังคงเทพไม่ต่างจากเดิมเลย และเทียบกับรุ่น TUF ก่อนหน้าเสียงแน่นขึ้นชัดเจนครับ เสียงมีมิติมากขึ้นและดังสะใจมากขึ้น แต่ถ้าไปเทียบกับรายละเอียดที่เป็น Hi-Res นั้นอาจจะยังสู้ไม่ได้เท่าไรนักหรือเทียบพับรุ่นที่มีชิพเสียง ESS พวกนั้นครับ ทำให้รุ่นนี้ดีขึ้นแต่ก็ตามเรทราคาของตัวนี้
CONNECTOR
ในด้านหลังนั้นไม่มีพอร์ตเชื่อมต่ออะไรเสริมเข้ามาแต่จะเป็นที่อยู่ของช่องระบายความร้อนทั้ง 2 ฝั่งหลักๆและตัวเครื่องมีการยกขึ้นมาจากพื้นสูงพอสมควรครับ แต่ด้านหลังจะไม่มีการเขียนชื่อรุ่นอะไรตรงขอบเครื่อง แบบ ROG พวกนั้น แต่ที่ชอบหรือเห็นได้ชัดนั้นจะเป็นความบาง ของตัวเครื่องมากกว่าแม้จะพับฝาลงไปก็ไม่เกิน 2 เซนติเมตรครับ
ในด้านขวานี้จะรองรับการใช้งาน Type-A 3.2 GEN 2 ทั้งหมด 2 ช่อง และ รวมถึงช่องระบายความร้อน และ ตัว Kinsington Lock อยู่หลังสุดครับ ส่วนลำโพงนั้นจะยิงลงด้านล่างมุมขวาและซ้ายของเครื่อง เรียกได้ว่ามีความบางและบอดี้ งานออกแบบช่องระบายทั้ง 2 ฝั่งแบบนี้ทำให้เรื่องการระบายนั้นดีมากขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจนครับตรงนี้
ในด้านซ้ายด้านนี้จะมาพร้อมกับ ช่องระบายความร้อนซึ่งครั้งนี้ให้มาทั้ง 2 ข้างซ้ายขวา และมาพร้อมกับ DC-IN และ RJ45 ในการใช้งาน LAN รวมถึง HDMI และ USB-A 3.2 GEN 2 พร้อมกับ Type-C 1 Thunderbolt™ 3 with USB 3.2 Gen 2 Type-C รองรับ DisplayPort™ 1.4 and Power Delivery ช่อง รองรับ PD และ รูหูฟังพร้อมกับรูไมค์ 3.5 มม. ส่วนในเรื่องของการเชื่อมต่อก็รองรับทั้ง Bluetooth 5.1 และ Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax) จัดเต็มครับ
AMOURY CATRE
Armoury Crate เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับ พัดลม ดูข้อมูลการใช้งานตั้งพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับซึ่งหน้าตาจะแตกต่างกับ ROG เล็กน้อยในเรื่องของสีสันและการปรับแต่งบางอย่าง อันนี้จะเป็นธีม ดำทองนั้นเองครับ และโลโก้มุมซ้ายบนก็เปลี่ยนหน้าตาใหม่แล้วครับ แต่น่าเสียดายว่าปรับสีสันคียบอร์ดไม่ได้ครับตัวนี้
ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน เปลี่ยนจังหวะคีย์บอร์ดรวม Effect ว่าจะให้แสดงผลยังไงครับ กระพริบ หรือ Breathing หรือ ไฟนิ่งๆแค่นั้น รวมถึงในส่วนของ Hardware ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU รวมถึงสามารถโหลดแอพอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมีโปรแกรมของ DTS X ต่างๆที่รองรับและแอพอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับแต่งไฟ Effect ทั้งหมด ปรับตั้งค่าตามเกมที่เราเลือกได้ว่าจะตั้งค่าอะไรบ้างเป็นต้นครับ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ และ รองรับ AURA SYNC สำหรับควบคุม อุปกรณ์อื่นๆที่มาเสียบใช้งานที่มี RGB เพิ่มเติมครับ
GAMING
การเล่นเกมสำหรับตัว intel นั้นรุ่นนี้ถือว่าเน้นการอัพมาแรงขึ้น แต่ยังคงเป็น 4 core 8 thread ในตัวใหม่ CPU i7-11370H 10nm จะมีความเร็วพื้นฐานที่ 3.3GHz และเร่งขึ้นไปสูงสุดได้ที่ 4.8GHz ใช้งาน 4 core 8 thread ส่วนการ์ดจอ นั้นใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3070 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM ตัวแรงนี้ก็เอาเรื่องเช่นเดิมและค่ายนี้ยังคงเน้นเรื่องของการเล่นเกม การขับ FPS ได้ดีเป็นทุนเดิมครับ และในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมที่กำลังเป็นกระแสครับรวมถึงหลายๆเกมที่กินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลย และในรุ่นนี้ถือว่าจัดการความร้อนได้ดีมากๆตัวนึงของ TUF เลยครับและสามารถขับ FPS ได้ลื่นไหลสบายๆ ปรับภาพสูงสุดของตัวเกมยังได้เกิน 100FPS ได้ในหลายๆเกมและลื่นไหลรองรับกับหน้าจอ 240Hz
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 147-150 อุณหภูมินั้น GPU 77 CPU 71 : EPIC
- APEX ทำไปได้ FPS 101-110 อุณหภูมินั้น GPU 76 CPU 81: ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 103-105 อุณหภูมินั้น GPU 76 CPU 80 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 68-70 อุณหภูมินั้น GPU 73 CPU 79 : ULTRA
ต้องบอกว่าสายเกมไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับการรัน FPS ปรับภาพสูงสุดยังสามารถดันได้สูงมากๆและลื่นไหล อีกทั้ง ขอชมในเรื่องของความร้อนเพราะใช้ยังไงก็ไม่แตะ 90 เลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ GPU 70-80 ย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 3ชม + และ CPU 75-80 ไม่เกินนี้เลยครับบอกเลยว่าความร้อนทำได้ดีมากๆ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลาง +FHD จะขับได้เกิน 80 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป แต่โดยรวมชอบเรื่องของความร้อนที่จัดการได้ดีมากๆและ CPU ใช้งานแค่ 20-30% เท่านั้นในการเล่นเกมหลายๆเกม และแม้จะทำงานหนักก็ไม่แตะเลย 90 องศาเท่าไรเลยครับทำได้ดี และขับได้เยอะแม้จะปรับภาพในเกมแบบ ULTRA
WORKING
การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับสำหรับ intel แน่นอนว่าการทำงานโปรแกรมเดียวเน้นๆทำได้ดีอยู่แล้วรวมถึงระยะเวลาการเรนเดอร์อะไรถ้าไม่ได้สลับทำงานเยอะมาก ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่าตัวอื่นๆเลยครับ แต่ถ้าเน้นทำงานหลากหลายโปรแกรมอะไรพวกนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้โหดแบบอีกค่ายแต่ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้น เป็น 11nm แต่น่าเสียดายว่ายังคงเป็นแบบ 4 core 8 thread ทำให้ในการทำงานหลายโปรแกรมอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรนักครับ แต่ถ้าเน้นโปรแกรมเดียวก็ถือว่าสบายๆ ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าช่วยงานทำงานได้ไวขึ้นระดับนึงแต่แอบเสียดายน่าจะใช้ตัวความเร็วสูงกว่านี้ครับ แต่ในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน แต่ถ้าเน้นทำงานหลายๆโปรแกรมนั้นฝั่ง AMD เรนเดอร์ตอบโจทย์ได้ดี
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดี แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบาย แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 60 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 35 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับ ไวพอสมควรเลยและทำงานได้ดีมากๆ
PREMIRE PRO
เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 22 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 25 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 9750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมดถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าหากมองเทียบกับ GEN 10 นั้นไม่ได้ต่างกันเท่าไรนักหรือเรียกได้ว่าระยะเวลาในการใช้งานนั้นเท่ากันกับตัวนั้น
LUMION 10
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลย ทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับ และเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 48 นาทีเท่านั้นถือว่าไวมาก เทียบกับ Ryzen 7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 1.27 และถ้าหากเทียบกับ i7 9750H ตัวก่อนหน้านั้นจะทำเลาไป 2 ชั่วโมงกว่าครับถือว่าไวขึ้นชัดเจนเลยครับ
ASUS TUF DASH F15
” ออกแบบ วัสดุ สเปค ยกระดับเทียบ ROG แต่ราคา สเปคยังคงคุ้มค่าตามสไตล์ TUF ! “
จริงๆถือว่าตระกูล TUF ไม่ต้องบอกหลายๆคนก็น่าจะรู้ว่ามันมีความคุ้มค่าในเรื่องสเปคอยู่ในตัวเอง แต่ถ้าพูดตามความจริงคือมันอาจจะมีในเรื่อง วัสดุอะไรพวกนี้ที่ต้องบอกว่าอาจจะไม่ถูกใจหลายๆคนนักในรุ่นก่อนๆ แต่ในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแบบใหม่หมด บอดี้ใหม่ทำให้มันลบจุดด้อยในรุ่นก่อนไปทั้งหมดเลยจนมีความคุ้มค่าน่าเล่นและดีขึ้นแบบชัดเจน วัสดุ งานประกอบ บอดี้ความแข็งแรงไม่ต่างกับ ROG ที่เคยสัมผัสมาแต่ครั้งนี้มาในราคาที่คุ้มกับสเปคมากขึ้นทั้ง i7 Gen11 RTX3070 หน้าจอ 240Hz แถมยังได้ sRGB100% แบบนี้ในราคาแบบนี้ต้องบอกว่าคุ้มแล้วครับ และงานประกอบอยากให้มาลองสัมผัสจริงๆมันดีขึ้นแบบชัดเจน และดีไซน์เรียบร้อยมากขึ้นดูดีขึ้น ทำให้มันเป็น TUF ที่ดูดีที่สุดที่เคยออกมาและคุณภาพเทียบกับราคานั้นคุ้มค่ามากขึ้นและใช้งานได้ดีเช่นเดิมเลยครับตัวนี้
ข้อดี
- ยกระดับ คุณภาพ วัสดุ งานออกแบบ เทียบกับ ROG ได้ทันที
- บอดี้งานออกแบบ จากรุ่น Zephyrus G
- พอร์ตเชื่อมต่อ ครบ พร้อมใช้งาน และ Thunderbolt 4
- มาพร้อม i7 Gen11 + RTX 3070 รองรับการทำงาน เล่นเกมสบาย
- RAM 16GB 3200MHz จัดเต็ม พร้อม SSD 1TB
- รองรับการอัพเกรดได้หลากหลาย
- หน้าจอคุณภาพสูง สีสันสวยและตรง sRGB100%
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีขึ้น
- ระบายความร้อนทำได้ดี 4 ทิศทาง
ข้อสังเกต
- ไฟคียบอร์ดเปลี่ยนสีไม่ได้
- ไม่มี Numpad ในตัว ไม่มีกล้องหน้า
- 4 Core / 8 Threads ยังมีข้อจำกัดนิดๆ
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr