สำหรับสายงานออกแบบ หรือ สายงานเฉพาะนั้นต้องบอกว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นต้องบอกว่ามีความต้องการพิเศษในหลายๆอย่างโดยเฉพาะทางด้าน CPU ที่ต้องการเน้นประมวลผลที่พิเศษมากกว่าเดิม และทางด้านคอมพิวเตอร์สำหรับสายงานนี้จะเรียกกันว่า Workstation นั้นเองครับซึ่งจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะและสามารถปรับเปลี่ยนได้อิสระในหลายสเปกครับ และมีการ์ดจอพิเศษในตระกูล Quadro และ ในรุ่นนี้จะเด่นมากๆพร้อมกับ CPU ตัวแรงของค่ายที่เป็นตระกูลเทพที่สุดเลยก็ว่าได้ในชื่อ AMD RYZEN THREADRIPPER PRO ซึ่งเป็นตระกูลที่เน้นทำงานมากๆด้วยการรองรับที่มี Core Thread ที่เยอะมากกว่าปกติ เจ้าแรกที่ใช้ขุมพลัง ที่มีถึง 64 core และความเร็ว clock speed ถึง 4.0GHz และ เจ้าแรกที่รองรับ PCIe Gen 4 และมี PCIe สูงถึง 128 เลน ECC RAM ถึง 1TB ผ่าน 8 ช่องสัญญาณ และพื้นที่เก็บข้อมูลถึง 20TB  เป็นเจ้าแรกที่ให้ Ethernet ขนาด 10Gb ตามมาตรฐาน เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ช่อง PCIe เหมาะแก่การทำงาน เรนเดอร์ 3มิติ ตัดต่อภาพ หรือแม้จะเป็นขึ้นโมเดล 3 มิติ เรนเดอร์วีดีโอ เรนเดอร์โปรแกรมต่างๆ และในครั้งนี้จะทดสอบ งานสำหรับสาย สถาปัตยกรรม ทั้งโปรแกรม Autocad Lumion Sketchup และ บรรดา Adobe ที่รองรับการทำงาน

LENOVO THINKSTATION P620 นั้นเป็น คอมพิวเตอร์สายทำงานอย่างแท้จริง ที่ออกมารองรับการทำงานแบบหนักหน่วงเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าพวก Workstation นั้นจะสามารถรองรับการทำงานหนักมากๆทั้งวันทั้งคืนได้ ต้องมีการออกแบบทั้งเรื่องของการ Service และ การระบายความร้อนต่างๆที่คิดมาพิเศษกว่าทั่วไป และเป็น Workstation นั้นจะเป็นการออกแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนสเปกได้ละเอียดมากๆ เรียกได้ว่า Config ได้ทั้งการ์ดจอ และ ทุกๆส่วนของตัวคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นจุดเด่นของบรรดา Workstation พวกนี้ และทางด้าน CPU ตัวนี้ป็นตัวแรกๆที่มาพร้อมกับ AMD Ryzen Threadripper PRO ที่เราสามารถเลือกได้ทั้ง ตัวเริ่มต้น Ryzen Threadripper PRO 3945WX  (12 core / 24 thread) และ 3955WX  (16 core  / 32 thread) และ 3975WX  (32 core / 64 thread) รวมถึง  3995WX (ุ64 core / 128 thread) นั้นเองเรียกได้ว่ารองรับการทำงานได้อิสระ แน่นอนว่าตัวเครื่องปรับได้เยอะมากๆ ทั้ง RAM SSD HDD GPU ทุกๆส่วนเลยนั้นเอง สำหรับสเปกที่ รีวิวนั้นจะใส่ RAM 128GB – SSD 512GB – HDD 1TB  และใช้งาน การ์ดจอ RTX 2080 Super นะครับ สามารถเลือกสเปกได้อิสระตาม Partner ทั่วไปครับ และ สเปกตามเว็บก็รองรับการปรับได้เช่นกัน แน่นอนว่า ทางด้าน AMD Ryzen Threadripper Pro นั้นจะเป็นตัวเทพมากๆที่รองรับการเรนเดอร์หนักๆมากๆถึง 8K และทำงานพร้อมกันได้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้ง Workstation นั้นจะใช้งาน RAM ECC ที่รองรับการทำงานได้ดี  เป็นแรมที่มีความสามารถในการเช็กและแก้ไขข้อมูลในแรมโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่เกิดอาการแฮงค์หรือรวนนั้นเอง ส่วนทางด้านสเปกนั้นการรองรับไม่ธรรมดา ในตัวนี้จะรองรับ PCIe® 4.0 จำนวน 128 เลน พร้อมแบนด์วิดท์ที่มีความเร็วสูงขึ้นถึง 5 เท่า และ การรองรับหน่วยความ ECC DDR4 (with ECC) แบบ 8-channel บัสสูงสุด 3200 MHz ขนาดรวมสูงสุด 2TB  และทางด้าน AMD Pro จริงๆจะมีระบบรองรับความปลอดภัยครบเช่นเดิมครับ ส่วนทางด้านราคานั้นจะเริ่มต้น 71K และ สามารถปรับเปลี่ยนสเปกได้ค่อนข้างเยอะ อิสระมากๆ ตามแต่ที่เราจะเลือกปรับนั้นเอง

UNBOX

อุปกรณ์ในกล่องนั้นต้องบอกว่าให้มาครบพร้อมใช้งานทั้ง คีย์บอร์ด และ เมาส์ รวมถึงเสา สัญญาณ Wifi ครับ เรียกได้ว่าครบมากๆ ขาดเพียงแค่หน้าจอเท่านั้น และการ Service ตัวเครื่องนั้นรองรับได้สบายๆโดยไม่ต้องมีไขควง

  • ตัวเครื่อง LENOVO P620
  • เมาส์
  • คีย์บอร์ด
  • เสาสัญญาณ WIFI พร้อม Bluetooth®ชุดเสาอากาศภายนอก (9260 AC)
  • คู่มือการใช้งาน
  • และสายไฟ DC IN

DESIGN

งานออกแบบนั้นต้องต้องบอกว่าการดีไซน์ในบรรดา Workstation นั้นจะไม่ได้มีความหวือหวาหรือเส้นสายเยอะเหมือนบรรดา Gaming แน่นอนครับเพราะว่าพวกนี้จะเน้นใช้งานเป็นหลัก และการระบายความร้อนที่เด่นมากๆเลยนั้นเองทำให้ดีไซน์จะมุ่งไปยังการใช้งานเป็นหลัก ด้านหน้าจึงเป็นตัวดูดอากาศเข้าเป็นหลักขนาดใหญ่ทั้งหมด นั้นเองส่วนสีนั้นจะเน้นโทนสีดำ และโทนสีแดง ตามสไตล์การออกแบบของ Thinkstation นั้นเอง ส่วนตัวเคสนั้นมีขนาดใหญ่เหมือนกันในการวางออกแบบ แต่ก็ยังมีการดีไซน์มาเน้นในเรื่องของการจับถือ โยกย้ายได้ง่ายกว่าปกติด้วยครับ

ตัวเคสนั้นเราจะเห็นเลยว่ามีขนาดใหญ่มากๆเป็นเคสขนาด Full Tower เต็มๆแน่นอนว่าใหญ่กว่า PC ทั่วไปชัดเจน แต่ก็จะใกล้ๆเคียงกับ Gaming ที่เป็นแบบ Full ด้วยเช่นกัน แต่เอาจริงๆนั้นก็ถือว่าพกพาได้ง่ายในการยกไปไหนมาไหน มีหูหิ้วหน้าหลัง แน่นอนว่าในเรื่องของวัสดุนั้นจะเป็นเหล็กทั้งหมดพร้อมกับสีดำ และเป็นงานออกแบบเรียบๆทั้งบนล่างและข้างๆจะมีช่องลมแค่ด้านหน้าเท่านั้นเพื่อการคุมระบบลมได้ดีที่สุด และเป็นเคสที่ออกแบบ การเปิด การแกะ การเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ง่ายมากๆไม่ต้องใช้ ไขควงแม้แต่ตัวเดียวในการเปลี่ยน ในการแกะการ์ดจอ หรือแม้แต่การเปลี่ยน PSU

งานออกแบบฝาเคสด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่าตัวฝาเคสทั้ง 2 นั้นไม่ได้มีช่องระบายหรือกระจกอะไรแบบเคสอื่นๆที่เรารู้จักพร้อมกับฝาข้างนั้นจะเห็นว่ามีตัวเปิดที่ทำให้เราเปิดฝาข้างได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องใช้ไขควง หรือ แกะน็อตด้านหลังเลยแม้แต่น้อย และสะดวกมากๆในการใช้งานทั้งหมด และ ฝาด้านซ้ายนั้นจะเขียนโลโก้ LENOVO ครับ

ด้านหน้าจะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อที่รองรับการใช้งาน USB-A 3.2 GEN 2 ทั้ง 2 ช่อง และ USB-C 3.2 GEN 2 อีก 2 ช่อง และ รูหูฟัง 3.5 มม. ที่รองรับ Combo นั้นเอง อีกทั้งมีไฟตามตัวอักษรสีขาว และ ตัวเลขแจ้งเตือนเวลาเปิดเครื่องและปุ่มเปิด ปิดเครื่องในด้านหน้า พร้อมกับ Drive DVD ในด้านหน้า และ งานออกแบบช่องดักลมข้างหน้าขนาดใหญ่ที่เน้นการไหลเวียนของลมมากๆ โดยไม่ต้องมีพัดลมเยอะแต่สามารถระบายอากาศ จัดการอากาศได้ดี ทำให้ตัว อุปกรณ์ภายในนั้นไม่เกิดอาการ Heat เลยก็ตาม และใช้พัดลมไม่ต้องจำนวนเยอะ เลยครับถือว่าออกแบบมาดีมากๆ และ ในการพกพาอย่างที่แจ้งไปนั้นจะมีหูหิ้วในตัว ในหน้า และหลัง

พอร์ตการเชื่อมต่อในด้านหลังนั้น มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนที่มีช่องระบายด้านหลังเรียกได้ว่าช่องหน้า ถึง หลัง มีช่องระบายเยอะมากๆ ทั้งข้าง จนด้านล่าง และทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อ ส่วน IO นั้นจะมาพร้อมกับ USB 3.2 Gen 2 Type-A ทั้ง 4 ช่อง  และ USB 2.0 Type-A 2 ช่อง และ PS/2 2 ช่อง รวมถึง RJ45 10Gb Ethernet และ รู Audio in และ Audio out รวมถึง ช่องเสียบไมโครโฟน เป็นพอร์ตพื้นฐาน ในการใช้งานครับ แต่น่าเสียดายด้านหลังไม่มี USB-C ใสเข้ามาให้เลย และ ทางด้านการ์ดจอนั้น มาพร้อมกับ Display Port 3 ช่อง และ HDMI 1 ช่อง รวมถึง ในด้านบนจะให้ช่องเสียบสัญญาณ WIFI ที่ใช้งานกับตัว เสาที่ให้มาในกล่อง

ในด้านล่างนั้นจะเห็นว่าไม่มีแม้แต่ช่องระบายตัว PSU ครับ เพราะคิดคำนวณเรื่องของการระบายอากาศมาอย่างดีเลย การเปิดฝาเคสนั้นต้องบอกว่าไม่ต้องใช้ไขควงอะไรครับพร้อมฝาเคสนั้นจะบอกรายละเอียดตำแหน่งของตัว RAM และ ช่องสล็อตต่างๆทั้งหมดไว้บนฝาให้แล้ว รวมถึงบอกรายละเอียดสำหรับการใช้งานปรับเปลี่ยน Service

ในตัวเคสนั้นต้องบอกว่ามีการจัดการในเรื่องของการออกแบบ การเปลี่ยนแปลงหรือว่าการแกะใช้งาน ทั้งหมดได้อย่างง่ายรวมถึงการเก็บสายและการถอดเปลี่ยนทั้งหมด และไม่ว่าจะเป็นการออกแบบนั้นจะยังส่งผลถึงเรื่องการระบายความร้อนในการใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิมแม้จะใช้งานพัดลมไม่ได้เยอะมากนักครับ และการใช้สีแดงตามขอบต่างๆนั้นจะเห็นว่า มีการทำสีแดงเพื่อเป็นจุดสังเกตที่สามารถดึงถอดเปลี่ยน และปลดล็อกตัวล็อกต่างๆทั้งหมด  และทางด้านการ์ดจอ RTX 2080 Super นั้นมาพร้อมกับตัวค้ำด้านหน้าในตัวเลย เรียกได้ว่าออกแบบมาดีมากๆในทุกๆส่วนของการ์ดจอและอุปกรณ์

ทางด้านล่างนั้นจะเป็น ไดร์ฟที่รองรับการเสริมหรือติดตั้งได้เยอะมากๆทั้งหมด 6 ไดร์ฟครับ รองรับการใช้งาน 2TB M.2 ทั้งหมด 2 ส่วน และ 4TB 3.5 นิ้วทั้งหมด 4 ช่องรองรับอัพเกรด ได้ทั้งหมด 6 ไดร์ฟเลยนั้นเอง และการถอดเปลี่ยนแต่ละชิ้นนั้นง่ายมากๆโดยไม่ต้องใช้งานไขควงหรือน็อตอะไรเลยแม้แต่น้อยแค่ปลดสายและดึงออกเท่านั้น

และที่น่าสนใจนั้นจะเป็น PSU 1000W 80 Plat ที่การออกแบบนั้นแตกต่างกับ PSU ทั่วไปเยอะมากๆทั้งการเปลี่ยน การออกแบบหรือแม้แต่จะเป็นการเสียบเชื่อมต่อ แค่ดึงตามภาพออกมาเท่านั้นเป็นพอร์ตทั้งหมดเสียบเข้าตรงกับเมนบอร์ดไม่ยุ่งยากเลยครับ เป็นสเปกสำหรับองค์กร และ มีความแข็งแรงเสถียรมากกว่ารุ่นปกติทั่วไปที่เราเจอกัน

ทางด้าน CPU ตัวนี้มาพร้อมกับการใช้งาน AMD Ryzen™ Threadripper™ PRO ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานเต็มรูปแบบ ใส่ใช้งาน Heatsink ขนาดใหญ่มาให้ทั้ง 2 ตัวที่แยกกันมีพัดลม 2 ตัวใช้งานระบายความร้อนแบบจัดเต็ม และยิงออกไปทางด้านหลังเครื่องที่มีพัดลมเสริมเข้ามาอีกนั้นเอง ถือว่าเน้นการระบายเต็มที่เลยครับ

ทางด้าน RAM นั้นต้องบอกว่ามาพร้อมกับ 2 ส่วนด้านบนและด้านล่าง และตัวพัดลมนั้นจะเห็นว่าให้มาทั้งหมดและล่างในการระบาย RAM แยกส่วนอีกชั้นนึงนั้นเอง และการถอดออกมาก็ง่ายๆในส่วนสีแดงที่เห็นในภาพแค่ดึงออกมาเท่านั้นครับ ตัวสเปกที่ให้ RAM ตัวนี้จะเป็น ECC ที่สามารถตรวจสอบ ทวนข้อมูลได้ทั้งหมด รองรับได้ บน 4 แถว และ ล่าง 4 แถวทั้งหมด 128GB  DDR4 3200MHz ซึ่งในสเปกรีวิวจะเป็นตัว RAM 128GB สูงสุดครับ

ในการถอดการ์ดจอนั้นเราจะเห็นว่าตัวนี้มาพร้อมกับขาค้ำการ์ดจอในด้านหน้า พร้อมกับการถอดที่รองรับได้ง่าย ไม่ต้องใช้งานไขควงในการปลดล็อกทั้งด้านหน้าและหลังเพราะว่าปกตินั้นเราจะต้องมีน็อตยึด แต่ตัวนี้ไม่ต้องเลยนั้นเองถือว่าออกแบบมาดีมาก

การ์ดจอในตัวนี้ใส่ RTX 2080 Super เข้ามาพร้อมกับขาค้ำการ์ดจอในตัวครับ แน่นอนว่า ตัวนี้สามารถปรับสเปกได้เยอะมากๆ รวมถึงการ์ดจอด้วยเช่นกัน เลือกได้ทั้ง Quadro – RTX – Radeon ปรับได้อิสระมากๆ ทั้งในเว็บ หรือสั่งตาม Partner

บอร์ดนั้นจะเห็นว่ามีช่องการใส่ใช้งานครบๆแบบ PCI เป็นรุ่น 4.0 แล้วนะ รองรับ x16 Gen4 ทั้งหมด 4 Slot พร้อมกับ x4 อีก 2 Slot ตามภาพด้านบนครับ และส่วน Heatsink สีดำนั้นจะเป็นที่อยู่ของบรรดา SSD และหน่วยความจำที่รองรับการเปลี่ยน

รวมถึงตัว DVD Drive เองก็สามารถถอดออกมาได้ง่ายมากๆไม่ต้องใช้งานไขควง หรือตัวถอดเลยแม้แต่น้อย สามารถปลดล็อกด้านหลังและดึงออกมาด้านหน้าได้เลย

ตัวคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบธรรมดาเหมาะสำหรับสำนักงาน ปุ่มมาตรฐาน และระยะกดทั่วไปครับเป็นแบบยางปกติ รวมถึงตัวเมาส์ นั้นให้มาในของ Lenovo ขนาดเล็กพอใช้งาน และ ตัวเสาสัญญาณ Wifi Bluetooth นั้นให้มาในกล่อง ขาดแค่จอก็พร้อมใช้งานครับ

SPEC

  • Ryzen Threadripper PRO 3955WX Up to 4.3 GHz ,L3 Cache 64MB (16 core  / 32 thread)
  • NVIDIA GEFORCE RTX 2080 Super
  • RAM 128GB DDR4 3200MHz ECC
  • SSD M.2 512 GB
  • HDD 1TB
  • 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A
  • 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-C
  • ไมโครโฟน/แจ๊คหูฟังแบบคอมโบ
  • 4 x USB 3.2 Gen 2 Type-A
  • 2 x USB 2.0 Type-A
  • 2 x PS/2
  • RJ45 10Gb Ethernet
  • Audio in
  • Audio out
  • ช่องเสียบไมโครโฟน
  • PCIE 4.0 X16 Gen 4
  • PSU 1000W 80 Plat

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพตัวนี้เด่นๆได้ใช้งาน AMD Ryzen Threadripper Pro ตัวแรกๆที่แรงมากๆในการใช้งานพร้อมกับระบบความปลอดภัยพิเศษ ซึ่งรุ่นเทพๆสุดให้มาถึง 64 คอร์เลยนะ แต่ในรุ่นที่เรารีวิวจะเป็นตัวกลางๆ 16 คอร์ 32 เทรด แทนครับในรหัส Ryzen Threadripper PRO 3955WX Up to 4.3 GHz ,L3 Cache 64MB (16 core  / 32 thread) พร้อมกับการ์ดจอ RTX 2080 Super ซึ่งตัวนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้อิสระเลยนะจะใช้งานตัวไหนก็ได้ เวลาสั่งซื้อครับ พร้อมกับ เมนบอร์ดเฉพาะของค่าย และ RAM 128GB ECC ทั้งหมด 8 แถว และ พัดลมระบายส่วนตัวทั้งหมด รวมถึงใช้งาน SSD 512GB + HDD 1TB ทำให้รองรับการทำงานทุกรูปแบบในตัว และมาพร้อมกับ Windows 10 Pro ใช้งานได้สบาย รองรับทั้งหมดครับ

PC MARK

นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว AMD Ryzen Threadripper Pro ถือว่าเป็นสายงานนี้อยู่แล้วครับทำ 6479 คะแนน บอกเลยว่าโหดมากสมกับ 32 Thread 16 Core จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีจากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU – 87 GPU 61

3D MARK

ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงและตัวนี้ทางเราได้จัดสเปกที่ออกมาเป็น Gefore RTX 2080 Super แน่นอนว่ารองรับการเรนเดอร์ 3 มิติในบรรดาเกมส์ได้ด้วย และทำงานได้แม้จะไม่ได้โหดเท่า Quadro ก็ตามครับ ในการทดสอบรวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ  แบบโหด Time SpyExtream นั้นทำได้ 5665 คะแนนครับ  และ Port Royal สำหรับ Ray Tracing นั้นทำไปได้ 6864 คะแนน และ FireStike Extream 12962 คะแนน และ Ultra 6546 คะแนนนั้นเองครับ ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 86 และ GPU 59 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดครับผม

CINEBENCH R15 R20 – CRYSTALDISK

เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง  ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 9337 เลยครับ  R15 นั้นทำได้ 4071 /147 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบาย มากๆและดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลยแหละ และ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 90 และ GPU 70 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม และในแง่ของการอ่านเขียนของ SSD 512GB แบบ M.2  การอ่านที่ 3504 MB/s และเขียนที่ 2517 MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ไวที่สุดแล้วและสามารถรองรับการทำงานได้แบบลื่นไหลสุดๆทั้งอ่านและเขียนข้อมูล จริงๆทำ RAID 0 จะได้ไวกว่านี้ไปอีกนะครับแล้วแต่สะดวกเลย ส่วนตัว HDD ที่เสริมมาเน้นการเก็บข้อมูลไม่ต้องแรงมากครับ

WORKING TEST ARCHITECT 

AMD Threadripper Pro แน่นอนเราต้องเน้นเรื่องนี้นิดหน่อนเลยขอโอกาสเอางานที่ทำงานบ่อยๆคือในโปรแกรมที่ผมใช้งานกันจริงๆมาทดสอบกันเลยครับ โดยเป็น Project ตึกสูง และ เป็นคอนโดด้วยแน่นอนว่าเป็นงานที่มีสเกลใหญ่พอสมควรครับและงานแบบนี้ในการเขียนแบบแปลน และบ้านส่งแบบก่อสร้างต่างๆ งานออกแบบค่อนข้างละเอียดพอสมควรครับเลยทำให้ในการทำงานก็ต้องพึ่งคอมที่รองรับการทำงานหลากหลายงานพร้อมกันได้ แน่นอนว่าหลักๆที่จะทดสอบคือใช้งานโปรแกรมทั้ง LUMION 11- AUTOCAD – SKETCHUP 3D – PHOTOSHOP -PREMIERE PRO และจริงๆจะมี ILLUSTRATOR ด้วยครับ เป็นโปรแกรมพื้นฐานอาจจะไม่ได้ลึกมากแต่ก็เป็นโปรแกรมที่ใช้งานจริงๆในการทำงานส่งลูกค้าครับ เลยลองใช้งานกันเลย หลังจากที่ได้ลองต้องบอกว่าประทับใจในการซัพพอร์ตทำงานจริงๆคือทางผมสามารถ เรนเดอร์งานโดยที่สลับไป ใช้งาน AUTOCAD ได้ในการแก้ไขแบบแต่อีกโปรแกรมนั้นยังเรนเดอร์อยู่โดยที่ไม่กระตุกหรือหน่วงจนเด้งเลย ถ้าใช้งานพวกคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือแม้แต่  Gaming ก็ตามล้วนเจอปัญหานี้แน่นอนแต่ตัวนี้ไม่เจอ และด้วยการใช้งาน RAM ECC ทำให้โอกาศเจออาการแฮงค์หรือค้าง หรือ รวนนั้นจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับ RAM ปกติครับและบอกเลยว่าใช้งานมาหนักยังไงก็ไม่เจอเอ๋อหรือแฮงค์จริงๆแม้จะทรมานหนักๆด้วยการเปิดโปรแกรม 7 โปรแกรมพร้อมกันเรนเดอร์พร้อมกัน

LUMION 11 RENDER 

ในการทำงานโปรแกรมที่เริ่มเข้ามามีส่วนหนักจริงๆในช่วงหลังคือ LUMION 11 ตัวนี้จะเป็นโปรแกรมสำหรับการเรนเดอร์โมเดลที่เราสร้างในแบบภาพเคลื่อนไหว สามารถใส่รถ ใส่คนให้เดินหรือวิ่งบนโมเดลของเรา จำลองภาพออกมาให้ลูกค้าดูได้ง่ายมากขึ้นครับแม้ว่าจะเสียเวลาแก้บ่อย เรนเดอร์นานในแต่ละการแก้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้ามักจะชอบกันในแบบภาพเคลื่อนไหวสวยๆแบบนี้ครับ จึงได้ใช้งานบ่อยเลยนะสำหรับตอนสุดท้าย ซึ่งโปรแกรมนี้กินทรัพยากรหนักมากๆ แต่ด้วย AMD RYZEN THREADRIPPER PRO + RAM 128GB กลายเป็นง่ายขึ้นเยอะมากๆครับ ซึ่งทดสอบ RENDER 4K 60FPS จากปกติจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในคอมสายทำงานทั่วไป แต่ตัวนี้สามารถทำได้ 54 นาทีเท่านั้นเลย ไวและ การทำงานของ CPU แค่ 2-5% เท่านั้นเลยครับทำให้ขณะเรนเดอร์นั้นสามารถไปทำงานอย่างอื่นได้แบบ 80-90% สบายๆไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะหน่วงเลยแม้แต่น้อยและความร้อนคุมได้ดีเลยทีเดียวครับ

SKETCHUP V RAY RENDER 

ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับ แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม I7 RYZEN 7+ RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 120 นาที+ แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 20 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับ บอกเลยว่าเป็นการเรนเดอร์ที่ไวที่สุดแล้วเพราะว่า Sketchup ตัวนี้จะดันการทำงาน CPU100% ทำให้มันเรนเดอร์แบบเต็มที่ของ CPU เลยมีผลและไวที่สุดเท่าที่แอดเคยทดสอบมาในหลายๆเครื่อง ตัว AMD Threadripper Pro ตัวนี้สุดมากๆ

และจากภาพ แรกที่เรนเดอร์ไวกว่าคอมทั่วไป 120 นาที เหลือแค่ 20 นาทีรู้สึกว่ามันยังไม่ทรมานเครื่องเท่าที่ควรครับทางเราเลยทดสอบเรนเดอร์ไฟล์ภาพที่ใส่ท้องฟ้า ใส่ไฟ กระจก ต้นไม้และเงาสะท้อนสระน้ำอะไรเสริมเข้าไปอีกขั้น ซึ่งทดสอบภาพนี้จะใช้เวลานานกว่าภาพแรกชัดเจน ภาพนี้จะเรนเดอร์ประมาณ 40 นาทีครับ แต่ถ้าเทียบกับคอมอื่นที่เป็น RYZEN 7 พวกนี้ จะใช้เวลาน 2-3 ชั่วโมงแน่นอนครับเท่าที่ทดสอบและอิงมาบอกเลยว่าประหยัดเวลาเยอะมากในการทำงาน และ แม้จะ 100% ก็ตามแต่ก็สามารถทำงานอื่นควบคู่ไปโดยที่ไม่หน่วง อันนี้แหละข้อดี

PREMIRE PRO RENDER 

แน่นอนว่าใครสายครีเอเตอร์ก็น่าใช้เหมือนกันเพราะว่ารุ่นนี้รองรับการเรนเดอร์ได้ดีครับในตัว CPU ทางผมเองก็ทำช่องอยู่แล้วก็ทดสอบกันง่ายๆเทียบกับคอมทั่วไป แบบปกติครับในการเทียบคร่าวๆในคลิปเดียวกันทั้งหมดความละเอียดเดียวกันทั้งหมด เทียบได้คร่าวๆคือถ้าใช้งาน ตัว Thinkstation AMD Threadripper Pro จะเรนเดอร์ได้ภายใน 10 นาที แต่ถ้าใช้งานคอมพื้นฐานไม่ใช่สายเกมจะเรนเดอร์ 40 นาที และ ทั่วไปที่ใช้งานแต่สเปกแรง จะใช้เวลาประมาณ 34 นาทีครับในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับบอกเลยว่า ถ้าทำงานด้านนี้แนะนำ Workstation ตัวเดียวจบและไปได้ไกลกว่าแน่นอน บอกเลยว่าการเรนเดอร์นั้นมีผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน การทำงานเยอะมากและตัวนี้ซื้อเวลาได้ดี

AUTOCAD PROJECT TEST 

AUTOCAD ในการทำงานนั้นเป็นโปรแกรมหลักในการทำงานด้านสถาปัตยกรรมทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของแต่ละอย่างเลยก็ว่าได้และการทำงานจริงๆจะเปิด CAD ประกอบกับการทำงานอย่างอื่นไปด้วยเช่นกัน และ โปรแกรมนี้ในการอ่านไฟล์แปลน หรือ ไฟล์โปรเจคขนาดใหญ่ๆในการใช้งานเวลาซูม เวลา Hatch ต่างๆนั้นจะเริ่มหน่วงแล้วถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่ไม่ได้ใช้งาน พวกสายทำงานครับ แต่สำหรับ Thinkstation AMD Threadripper Pro ตัวนี้ที่รองรับได้สบายมากจริงๆ ที่ในภาพคือเปิด 6 โปรเจคพร้อมกัน แต่ตัวเครื่องก็ยังสามารถซูม ย้ายไฟล์ทำงานได้ไหลลื่นเลยแหละ แม้จะเป็นขนาดไฟล์ใหญ่ก็ตามครับ ถือว่าใครสายงานนี้ ทดสอบมาให้แบบเน้นๆเลย

PHOTOSHOP + ILLUSTRATOR

โปรแกรมพื้นฐานในการทำงานนั้นจะเป็น PHOTOSHOP + ILLUSTRATOR ด้วยเช่นกันแต่โปรแกรมพวกนี้จะเป็นช่วงหลังๆของงานแล้วจริงๆแอดเองจะเน้นการจบใน Photoshop มากกว่าเรนเดอร์หนักๆ ทำให้มันจะมาหนักที่ตัวนี้เยอะมากๆ เช่นในภาพแต่ละ ซีน แต่ละมุมนั้น ไฟล์จะใหญ่มากๆถึง 3GB ต่อไฟล์ และอันนี้ทดสอบโดยเปิดไฟทั้งหมด 6 ไฟล์ครับใน PHOTOSHOP และ ILLUSTRATOR ทั้งหมด 4 ไฟล์ แต่ที่น่าสนใจคือมันลื่นมากกจริงๆ ทั้ง RAM 128GB ช่วยในการสลับทำงานได้ดี และ AMD Threadripper Pro ตัวนี้เรียกได้ว่าเบาๆสำหรับงานพวกนี้ครับ เพราะจริงๆ AMD Threadripper Pro มันรองรับได้หนักกว่านี้หลายเท่าตัวมากจริงๆแหละ

MULTITASK  8 APP RENDER

ในการทดสอบการทำงานหลากหลายโปรแกรมครับจริงๆอันนี้คืออยากทรมานเครื่องให้สุดๆเท่าที่ทดสอบได้ในตอนนี้จริงๆ มันได้มากกว่านี้อีกนะถ้าสายงานขึ้น อนิเมชั่นหรือสายตัดต่อหนังที่ไฟล์หนักหน่วงกว่านี้ ทำให้แม้จะทดสอบ 8 โปรแกรมพร้อมกันก็ตาม พร้อมกับเรนเดอร์ 3 โปรแกรมพร้อมกัน รวมถึงเปิดทุกอย่างทำงานแบบสุดทั้งหมดก็ยังไม่หน่วงหรือเจออาการค้างหรือ Not Respond เลยแม้แต่น้อย อันนี้เป็นข้อดีที่สุดของการจัดการในตัว AMD Threadripper Pro เลยจริงๆ  ในการทำงานทั่วไปในสายงานนี้ เปิดหลายโปรแกรมหน่อย ใช้งานหนักหน่อยจะเจอ ค้างได้ง่ายมากถ้าเป็น CPU + RAM ทั่วไปครับ แต่ตัวนี้จัดการได้อยู่สบายมาก แม้จะรัน 100% แต่ก็ยังไหว

ในภาพข้างบนจะเห็นว่าเปิดทั้งหมด 8 โปรแกรมครับ และมีการโหลดเกมลง HDD SSD และ เรนเดอร์ 3 โปรแกรม เปิด CHROME รวมถึง เรนเดอร์ LUMION 11 4K ไว้ด้วย บอกเลยว่าสุดมากในการทำงาน ช่วยได้เยอะมากครับ

MULTITASK ที่ทดสอบในการทำงานของเครื่องทั้งหมด 8 โปรแกรม

  • เปิด AUTOCAD พร้อมกับ เปิดแปลน 6 ไฟล์งาน ไฟล์งานใหญ่ทั้งหมด 
  • เปิด LUMION 11พร้อมเรนเดอร์ Entire Movie 4K 60FPS
  • เปิด PREMIRE PRO พร้อมเรนเดอร์ 4K 60FPS 
  • เปิด SKETCH UP + VRAY เรนเดอร์ ภาพ 4K
  • เปิด PHOTOSHOP พร้อมกับ เปิดไฟล์งาน 3GB ทั้งหมด 5 งาน 
  • เปิด ILLUSTRATOR พร้อมกับเปิดไฟล์งานใหญ่ 1 งาน 
  • เปิด BATTLE NET โหลดเกมลง HDD 130 GB 
  • เปิด GOOGLE CHROME อัพรูปลงเว็บ + PINTEREST

GAMING

การเล่นเกมได้บ้างไหมจริงๆด้วยการที่เป็นสเปกแบบ RTX2080 Super ทำให้การเล่นเกมนั้นสบายและขับออกมาได้ 100+ FPS แม้จะเปิดภาพสูงสุด ต้องยกความดีให้ CPU ที่รองรับการทำงานได้ดีอยู่แล้วประสิทธิภาพที่ดีอยู่แล้วการเอามาเล่นเกมยิ่งตอบโจทย์ได้ดีดีถ้าเราใช้งานการ์ดจอสายเกมครับ ทำให้เล่นได้สบายภาพสวยปรับภาพ ULTRA พร้อมรองรับกับหน้าจอ 240Hz ได้สบายๆสามารถรัน FPS สูงได้อยู่รวมถึงในตัวเกม Overwatch ที่ปรับภาพ Ultra นั้นก็รองรับได้สบายครับ FPS 210 นิ่งๆเลยแหละ และความร้อนก็มีพอประมาณ  ส่วนอีกเกมนั้นทดสอบ COD MW ในภาคล่าสุดก็ปรับภาพสูงสุด เล่นได้ลื่นไหล 100+ พอสมควรครับ เล่นได้แหละสบายๆภาพความสวยมากๆและสตรีมมิ่งแคสเกมส์นี้สบายๆครับถ้าเลือกการ์ดจอแบบนี้แต่ถ้าเป็นพวกQuadroแน่นอนว่าอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าแน่นอนครับ ความร้อน เท่าที่ทดสอบเล่น CPU 70-75 GPU 50-60 ครับผม 

THINKSTATION P620 + AMD THREADRIPPER PRO !

” AMD THREADRIPPER PRO คือสุดมากในการ เรนเดอร์  ซื้อเวลาได้มากจริงๆ “

ราคาเริ่ม 71K แบบไม่มีการ์ดจอ และ สเปกแบบรีวิวประมาณ 130,000 แต่สำหรับบางงาน หรือสายงานแบบแอดมินเองบอกเลยว่าไม่กี่งานก็คุ้ม เพราะมันเป็นตัวช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมาก และ มันลดโอกาสเสี่ยงที่จะเจออาการหน่วง แฮงค์ได้หลายเท่าตัวทั้งการออกแบบ CPU RAM หลายๆส่วนมันคิดมาแล้วครับ ทั้ง ECC RAM สำหรับงานแบบนี้ และ AMD PRO ที่จะช่วยในการปกป้องข้อมูล การทำงาน และ Core Thread เยอะๆส่งผลการทำงานหลากหลายโปรแกรมและเรนเดอร์แบบชัดเจนมากจริงๆครับ เป็นการลงทุนที่ระยะยาวได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ประหยัดเวลา เรนเดอร์ 2 ชั่วโมงต่อภาพ ต่อมุม แค่ 5 ภาพก็สามารถประหยัดเวลาจากคอมพิวเตอร์เดิมๆได้ 10 ชั่วโมงแล้ว ทำให้ต่อวันสามารถทำงานได้เยอะมากขึ้น หรือแม้จะเป็นการเรนเดอร์คลิปก็ตามครับ ส่งผลทุกอย่าง เป็นคอมเฉพาะสายจริงๆ งานออกแบบเรียบๆแต่เน้นการระบายลม และ ปรับแต่งสเปกได้เยอะมาก ใส่การ์ดจอเกมส์ก็ได้ เล่นเกมก็ลื่นไหลมาก สตรีมเกมก็ไหวถ้าใช้งานการ์ดจอ RTX 2080 3080 เพราะ CPU มันโหดเกินสายเกมไปแล้วครับ ทำให้เป็นรุ่นที่ ซื้อมาแล้วจบ ทำงานหนัก 8K 4K หรือจะว่างๆ เล่นเกมก็ได้แบบเหลือๆ ครั้งนี้ AMD Threadripper Pro มาโหดมากจริงๆยอมรับเลยครับว่า สายทำงาน การคุมประสิทธิภาพตัวนี้คือสุดมาก

ข้อดี

  • AMD RYZEN THREADRIPPER PRO คือสุด ประสิทธิภาพไม่ต้องกังวล
  • ทำงานได้หลากปลายโปรแกรมพร้อมกัน ในตัว 16 Core 32 Thread + RAM 128GB
  • ปรับแต่งสเปกได้ตามต้องการทั้งหมด RAM- GPU-CPU-SSD-HDD-ทั้งหมดรวมถึงพอร์ตเพิ่มเติม
  • งานประกอบเรียบแข็งแรง แน่น และ ระบายความร้อนได้ดี
  • การถอด Service ไม่ต้องใช้ไขควงเลยแม้แต่การถอดการ์ดจอ
  • งานออกแบบภายในเคส จัดการทิศทางลม และเก็บสายได้ดีมาก
  • สเปก แรง ประหยัดเวลาเรนเดอร์ได้หลายเท่าตัว
  • ระบายความร้อนได้ดีมากๆ ไม่เจอคอขวดหรือหน่วง
  • RAM ECC รองรับการทำงานลดอาการ แฮงค์ได้ดีมาก

ข้อสังเกต

  • เสียงพัดลมดังตามการเรนเดอร์
  • ในด้านหลังไม่มีพอร์ต USB-C  มาให้ อยู่ด้านหน้าทั้งหมด 2 ช่อง
  • ราคา ตาม สเปก และสายงาน อาจจะดูสูงไปนิดๆ แต่ปกติสำหรับสายงานนี้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr