ROG Phone เป็นสมาร์ตโฟนที่ต้องบอกว่า เดินหน้าลุยสาย Gaming อย่างเต็มตัวพร้อมกับเป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามาลุยตลาดนี้ตั้งแต่ยุค ROG Phone 1 และ ไม่ใช่แค่มือถือ แต่มาพร้อมกับบรรดา Gaming Accessory ทั้งหลายที่จัดเต็มมากขึ้นเรื่อยๆต้องบอกเลยว่าเป็นค่ายที่มีอุปกรณ์หลายๆตัวของเล่นเยอะมากที่สุดในบรรดา Gaming Smartphone ทั้งหมดแล้ว และทำให้มันมีจุดเด่นและมีความแตกต่างกับค่ายอื่นชัดเจน มาจนถึงรุ่น ที่ 4 ในชื่อ ROG Phone 5 ครับ แน่นอนว่าเลี่ยงการใช้ชื่อ 4 เพราะว่าตัวเลขการออกเสียงความหมายไม่ค่อยดีนักในเมืองจีน เลยใช้ชื่อ 5 แทน และรุ่น 5 นี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในด้านหลัง และ หน้าจอก็มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงสเปกในหลายๆส่วนก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วยทั้งหน้าจอ 144Hz 300Hz ในการตอบสนองที่ดีกว่าเดิม แบต 6,000 ที่ชาร์จไว 65W และระบบ AIR Triggers 5 ที่ดีขึ้น พร้อมกับในรุ่น พิเศษ ROG Phone 5 PRO ที่มาพร้อมกับจอด้านหลัง และ ระบบสัมผัสด้านหลังเครื่องเวลาเล่นเกม และ รุ่นเทพที่สุดในตระกูล ROG Phone 5 Ultimate ที่มาพร้อมกับ RAM 18 GB เจ้าแรกในมือถือ และ สีขาวพิเศษพร้อมกับหน้าจอหลังแบบขาวดำนั้นเอง

ROG PHONE 5 มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 888 ตัวล่าสุดและเป็นครั้งแรกที่เปิดตัวต้นปีเพราะว่าจะได้ทันใช้งานเมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆที่เปิดตัวใกล้ๆกันไม่ต้องรอรุ่นพิเศษ + เหมือนตอนปีที่แล้วนั้นเองครับ และทางด้านสเปกมาพร้อมกับ RAM 16GB และหน่วยความจำ 256GB UFS 3.1 ถือว่าสเปกเหลือๆต่อการใช้งาน จัดเต็มด้วยหน้าจอ Samsung AMOLED 144HZ 6.75 นิ้วขนาดใหญ่ขึ้น ไม่มีติ่งเช่นเดิม แต่การตอบสนองไวขึ้น ที่ 300Hz รองรับ สัมผัส 24.3ms ที่น้อยที่สุดในบรรดามือถือ และ ใช้งาน HDR 10+ รองรับ Delta E<1 และหน้าจอ E4  และยังคงวางลำโพงคู่ในด้านหน้าให้ทั้งหมด ขนาดใหญ่ขึ้นเสียงดีขึ้น พร้อมกับระบบเสียง HI-RES และ DAC  ESS SABRE PRO ในรหัส ES9280AC Pro ในตัวถ้าผ่านรู 3.5 มม. นั้นเอง อีกทั้ง ยังใช้งานแบต 6,000 mAh ที่แยกเป็น 2 ก้อนรองรับการชาร์จไว 65W จัดเต็มมากขึ้น และให้มาพร้อมกับในกล่องเลยครับ รวมถึงยังคงใช้เคส และ ตัวพัดลม รวมถึงหูฟังให้แยกมานอกกล่องด้วยนะ ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มาพร้อมกับ IMX686 Quad bayer 64MP และเป็น 16MP F.18 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.75 ที่รวมพิกเซลให้เก็บแสงสีได้ดีขึ้นใน ตัวเลนส์หลัก พร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 13MP และ มาโคร 5MP น่าเสียดายว่าไม่มีเทเลมาให้ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าสาย Gaming เลยไม่เน้นมากครับ ส่วนกล้องหน้านั้นให้มาที่ 24MP  F2.45 มาพร้อมกับ การรองรับละลายหลังเช่นเดิมครับ มาพร้อมกับบอดี้กระจกที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดในด้านหลัง ไม่มี Aero ที่มุมเครื่องแล้วเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่อีกครั้งในรุ่นนี้ครับถือว่าภาพรวมสเปกอะไรนั้นจัดเต็มมากขึ้น และยังมีการแตะขอบเครื่อง สัมผัสขอบเครื่อง บีบเครื่องได้เช่นเดิม แต่ในรุ่นนี้จะไม่มี แตะที่ฝาหลังนะครับ จะเป็นรุ่นที่มีจอข้างหลัง จะมีฟีเจอร์การแตะที่ฝาหลังสั่งงานได้เพิ่มเติมอีกถือว่าล้ำมาก ขึ้นเยอะครับ

ROG PHONE 5 เปิดตัวในประเทศไทยวันนี้ ส่วนทางด้านราคา นั้นมาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อย 
  • ROG PHONE 5 สเปค RAM 16 GB STORAGE 256 GB : 29,990 บาท
  • ROG PHONE 5 สเปค RAM 8 GB STORAGE 128 GB : 22,990 บาท

แถมฟรี KUNAI GAMEPAD 3  256 GB และ หมวก ROG CAP สำหรับรุ่น 128GB ภายในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ เวลา 21.00 น.

UNBOX

ตัวกล่องในรุ่นนี้เป็นตัวเริ่มต้นอาจจะไม่ได้หวือหวา รูปทรง 3 เหลี่ยมแบบรุ่นก่อนๆครับ แต่ก็ยังคงใส่ลูกเล่นเข้ามาเยอะมาก บอกเลยว่าเป็นการแกะกล่องที่มีอะไรให้เล่นและยาวพอสมควรเลย หน้าตากล่องสวยงามเขียน ROG PHONE 5 พร้อมกับเล่นลวดลาย DOT MATRIX เยอะมากๆ และ ยังคงธีมสีดำแดงได้สวยงามแต่เรียบง่ายมากขึ้น

จุดที่ล้ำมากๆของ ROG PHONE 5 UNBOX คือตัวลูกเล่น AR ที่เราจะเอามือถือ ROG PHONE 5 เนี่ยแหละครับ เมื่อเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรกจะให้สแกนตัวกล่อง ที่เค้าออกแบบมาอย่างดีในแต่ละส่วน เมื่อเอามือถือไปสแกนก็จะได้ภาพ เคลื่อนไหว กราฟิกสวยงามขึ้นมาเป็นเหมือนกันกับอ่าน การ์ตูนช่องๆเลยบอกเลยว่าเป็นลูกเล่นที่สวยงาม

เมื่อเอามือถือไปสแกนต่างๆนั้นเราจะเห็นว่าแต่ละช่องมีเรื่องราวของมันอยู่ ภาพที่ออกมาสวยงาม คมชัด และเป็นเรื่องราวได้ดี เมื่อดูจนจบก็จะมีเกมให้เล่นหลังสแกนทั้งหมด อีกทั้งเมื่อเล่นเสร็จแล้วก็จะตั้งค่าใบหน้า ไอคอนตัวเรามี กราฟิกเยอะแยะมาก ถือว่าเป็นการแกะกล่องที่ล้ำมากๆจริงในตัวนี้ และเป็นลูกเล่นให้การแกะกล่องนั้นไม่ธรรมดา

อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาเพียงพอ แต่ทั้งนี้กล่องรุ่นนี้จะไม่มีพัดลม และ หูฟังให้มา แต่ทาง ROG ก็ยังคงใจดีครับแถมมาให้นอกกล่องทั้งหมด และคุณภาพดีด้วยนะ ส่วนในกล่องนั้นจะมีให้ ตัวเคส ROG Phone 5 , Adaptor 65W USB-C , สาย USB-C ไป USB-C , สติกเกอร์ ROG , คู่มือการใช้งาน , ที่จิ้มซิม  แต่ไม่มีฟิล์มติดมาให้

จะเห็นว่า Adaptor ให้มาครบๆรองรับการใช้งาน 65W ชาร์จไว และ มีขนาดแอบใหญ่นิดหน่อยครับเป็นหัวแบบ USB-C รองรับการใช้งาน PD ด้วยเช่นกัน ส่วนตัวสายนั้นเป็นสายถักสวยงามและแข็งแรงมากๆ รวมถึงตัวเคสก็ดูดี

ตัวเคสนั้นยังคงให้หน้าตาพลาสติกสีดำคล้ายเดิมแต่มีการออกแบบ การเว้าอะไรใหม่ทั้งหมด แน่นอนว่าด้วยการปกป้องอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรจะเน้นความสวยงามและปกป้องรอยขนแมวพื้นฐานมากกว่า ไม่ได้เน้นกันกระแทกครับ ดีไซน์ยังคงอิงจากรุ่นก่อนมีการเปิดด้านหลังโชว์ไฟ Dot Matrix สวยงาม แต่เส้นสายลวดลายบนเคสอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่ากับรุ่น 3 ครับ ตัวนี้เหมือนจะเน้นความเรียบง่ายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็คงเป็นเคสสาย Gaming ได้ดีอยู่

ในการปกป้องเราจะเห็นว่าตัวเคสไม่ได้นูนขึ้นสูงจากตัวเครื่องทั้งด้านหลังหรือด้านหน้าเท่าไรนักแค่ช่วยเวลาวางคว่ำหรือวางกับพื้นเท่านั้นแบบเฉียดฉิวถ้าไม่ระวังก็สามารถโดนทั้งหน้าจอหรือตัวเลนส์กล้องได้แบบง่ายอย่างมากเลยครับ แต่ตัวเคสจะเน้นทำให้บาง น้ำหนักเบา เพราะว่าตัวเครื่องก็แอบมีน้ำหนักอยู่แล้วก็เป็นส่วนที่ดีทำให้ตัวเครื่องไม่หนักมากไปกว่านี้หรือหนามากว่านี้นั้นเองสำหรับ ROG PHONE 5 รุ่นนี้ แต่ทั้งนี้แนะนำให้หาฟิล์มมาติดไว้จะดีที่สุดครับ

ROG CETRA II CORE นั้นเป็นหูฟังคุณภาพอีกรุ่นนึง อันนี้ต้องรอในไทยว่าจะมีโปรแถมอะไรมาให้ไหม เพราะว่าในกล่องไม่ได้ใส่หูฟังเข้ามา จึงทำการแยกออกมาให้แบบนี้ต้องบอกเลยว่าคุณภาพการใช้งานนั้นดีกว่าของแถมทั่วไปทันที ทั้งวัสดุงานประกอบ อุปกรณ์ที่ให้มา ตัวเคส ตัวจุกยางทั้งหมดคุณภาพสมกับ ROG และให้มาแบบครบๆเลย

อุปกรณ์ในกล่องนั้นเราจะเห็นว่า มีเคสใส่หูฟังเวลาพกพาได้ด้วย รวมถึง หูฟัง และ จุกยาง ธรรมดา 2 ขนาดเพิ่มเติม และ ที่เกี่ยวหู อีก 2 ขนาดครับ อีกทั้งยังมีตัวแปลง 3.5 มม. แยกออกไป 2 สายสำหรับการใช้งานบน PC ด้วยเช่นกัน และมีคู่มือการใช้งานมาให้ครบ เรียกได้ว่าถ้ามองว่าเป็นหูฟังนั้นจะมีคุณภาพที่ให้มาดีที่สุดในบรรดาคู่แข่งด้วยกัน

พัดลมยังคงให้มา แต่รุ่นนี้จะแถมมาให้นอกกล่องนะครับไม่ได้ใส่เข้ามาในกล่อง งานออกแบบดีไซน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดเมื่อเทียบกับรุ่น 2-3 ก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบใหม่ การระบายอากาศแบบใหม่ พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ ทำให้รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด พร้อมได้เปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นแบบ Pin แทนแล้วครับ แต่เสียบในตำแหน่งคล้ายเดิมอยู่นะ มาพร้อมกับไฟ RGB และ ขาตั้งให้ในตัวสวยงามและดูแข็งแรง

DESIGN

งานออกแบบได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดครับในด้านหลังเราจะไม่เห็นเส้นสายแบบเดิมที่เคยเจอในรุ่นก่อนๆแล้ว แต่ส่วนตัวกล้องนั้นยังคงมีรูปร่างอะไรคล้ายเดิมเช่นกันนะ แต่ทั้งเส้นสาย ช่อง Aerodynamic แบบเดิมก็ได้หายออกไปแล้ว และโลโก้ด้านหลังใหญ่ขึ้น ดีไซน์แบบ Dot Matrix สวยงามและเล่นแสงสีได้ดี พร้อมกับ โลโก้เขียน ROG แบบใหม่ สีแดงสวยงามพร้อมเลข 05 อีกทั้ง เล่นกับแสงสีได้สวยในส่วนอื่นๆของฝาหลัง และหน้าจอยังคงใหญ่ขึ้น และไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิมครับ ส่วนน้ำหนักในภาพรวมตัวเครื่องมาพร้อมกับ น้ำหนัก กรัม และ หนาประมาณ มม.

ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.75 นิ้วใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาพร้อมกับหน้าจอแบบไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิม และยังคงมีขอบไว้ให้จับได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าบางลงกว่าเดิมครับ มาพร้อมกับสเปกหน้าจอ SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล  ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz และ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม

ทางด้านขอบบนนั้นใส่ลำโพงมาให้บนขอบหน้าจอเช่นเดิม และมาพร้อมกล้องหน้า 24MP F2.45 และมาพร้อมไฟแจ้งเตือนในด้านหน้า ซึ่งต้องบอกว่า Smartphone รุ่นใหม่ๆเริ่มจะตัดออกไปเยอะมาก แต่รุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาให้

ขอบด้านล่างนั้นพื้นที่ไม่ต่างกับด้านบนเท่าไรนักมาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิมเยอะมากๆ แต่เสียงยังคงเด่นดังเช่นเดิม และ ปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานแบบปุ่ม 3 ปุ่ม หรือ ว่า Gesture ก็รองรับได้

ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นเด่นชัดคือ ถาดซิมสีแดงขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อตรงกลาง ที่มีจุกยางปิดมาให้ที่ครั้งนี้เปลี่ยนจาก USB-C ทั้ง 2 ช่องเป็นพอร์ตแบบ Pin 1 อันแทนแล้วอาจจะส่งผลให้ใช้อุปกรณ์เก่าบางตัวไม่ได้ครับ แต่ก็ทำให้เชื่อมต่อนั้นเสียบอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าแบบเดิม นั้นเอง

ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นว่ามีการแทรกไมค์ อัดเสียง ตัดเสียงมาให้อีก 1 ตัว ดูกลมกลืนไม่ได้ใหญ่มากนัก ช่วยในเรื่องของฟีเจอร์การตัดเสียงลม และ ดูดเสียงคนพูด ส่วนกล้องหลังนั้นไม่ได้นูนออกมาอะไรเยอะมากในตัวนี้ครับ

ในฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นปุ่มทั้งหมด ทั้งสีแดงในปุ่ม Power และ ปุ่ม เพิ่ม ลด เสียง และจะเห็นว่ามีไมค์แทรกเข้ามาให้ด้วยในฝั่งซ้าย อันนี้ถือว่าค่อนข้างแปลกตาครับ อาจจะเน้นใช้งานในแนวนอนเวลาเล่นเกม เรื่องเสียงไมค์น่าจะดีขึ้นนั้นเองเพราะว่าตำแหน่งเวลาเล่นเกมก็ถือไว้ด้านบนพอดีทำให้รับเสียง คนพูดได้ดีกว่าแบบขอบล่างเครื่องนั้นเอง ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าก็ใส่เข้ามาให้ในตำแหน่งนี้ และส่งผลเวลาใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงลม หรือ Mic Focus ด้วยเช่นกันครับ

ในขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่า รู3.5 มม. กลับมาแล้ว พร้อมกับ USB-C ตัวที่ 2 ในเครื่องนี้ และ รูไมค์ทำให้เรื่องของไมค์รุ่นนี้มีมาถึง 3 ตัวแล้ว ในขอบบน ขอบล่าง และ ขอบข้างเครื่องนั้นเองครับ จัดเต็มมากๆเลย

ฝาหลังคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากที่รุ่นแรกเราจะเห็นช่องระบายความร้อนในมุมเครื่องที่เป็นช่องเปิดจริงๆ และเริ่มมีการปรับดีไซน์เรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นที่ 5 ครั้งนี้ไม่มีช่องสามเหลี่ยมนั้นแล้วแต่เปลี่ยนการออกแบบใหม่ทั้งหมด เล่นกับเส้นสาย Graphic สวยงามพร้อมกับโลโก้แบบใหม่ และ เขียนชื่อรุ่นอะไรทั้งหมดแบบใหม่ทำให้ใช้งานได้ลงตัว เนียนตามากขึ้นแต่ก็ยังสะท้อนกับแสงเงาได้ดี และโลโก้ยังสามารถปรับแสงสีและเปลี่ยน Effect ได้ตามแบบเดิม แต่การวางกล้อง ดีไซน์กล้องนั้นได้เปลี่ยนตำแหน่งจากเดิมไปทั้งหมด ยกไปสูงขึ้นรูปทรงเครื่องโค้งมนมากกว่าเดิมครับ

ROG PHONE 5 ใช้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีการรวมเซนเซอร์ QUAD BAYER ที่ใช้การรวมพิกเซลเหลือ 16MP แต่จะได้เหมือนเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเองครับจาก พิกเซลพื้นฐานที่ 64MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.7 รูรับแสง F1.8 มาพร้อมกับ เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) ให้มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับไฟแฟลช และจะเห็นว่ามีไมค์เสริมเข้ามาให้ในด้านหลังด้วย ทำให้ทั้งเรื่องนั้นมีทั้งหมด 4 ตัวเลยทีเดียวในเครื่องนี้ครับ แต่เหมือนกล้องเลนส์มุมกว้าง และ มาโคร นั้นจะใช้งานเลนส์ตัวเดิม ส่วนตัวเลนส์หลัก 64MP เช่นเดิมครับ

สำหรับพัดลมในรุ่นนี้ดีไซน์อะไรได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่เห็นชัดเจนเลยว่าดีไซน์มีความกว้าง กินพื้นที่ข้างๆมากขึ้น พร้อมกับ งานออกแบบที่มีเส้นสายมากกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นแค่เหลี่ยมๆตรงๆเท่านั้นครับ มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองเลยไม่ต้องมีฐานแยกแบบรุ่นก่อนๆ  และเมื่อกางขาออกมานั้นจะเป็นสีกราฟิก น้ำเงินแดง การวางขาตั้งนั้นถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีครับ ส่วนในฐานล่างนั้นมีรู  3.5มม. มาให้พร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จได้ และที่สำคัญนั้น ในตัวพัดลมจะเห็นปุ่ม ข้างๆพัดลม 2 แง่งนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับเล่นเกมที่เราตั้งค่าได้ว่าจะทำอะไรบ้างครับ

งานออกแบบตัวเคสนั้นเมื่อมามองดูชัดๆเราจะเห้นว่าดีไซน์เส้นสายตรงส่วนเคสนั้นเรียบร้อยมากขึ้น ถ้ามองกลับไปรุ่น 3 นั้นจะเป็นตัวอักษรภาษาเยอะมากๆทั้งหมด แต่พอรุ่นนี้มีการปรับเหลือแค่โลโก้ และ พื้นผิวแบบเรียบๆแทนครับ พร้อมกับเว้นช่อง โลโก้ และ ไฟไว้ให้ รวมถึงช่องกล้องในด้านบนและมุมขวาล่างเป็นดีไซน์ทั้งหมด ซึ่งถ้าในรุ่นที่เป็นหน้าจอด้านหลัง ตัวเคสอาจจะมีการออกแบบที่หวือหวาหรือเว้ามากกว่านี้ครับเพราะว่า รุ่นนั้นจะมีฝาหลังที่สั่งงานได้

SPEC

  • หน้าจอ 6.75 นิ้ว ใช้งาน SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล  ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz และ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นยำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 888  7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 660
  • RAM LPDDR5 16GB + storage (UFS 3.1) 256GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย ROG UI
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0)
  • กล้องหน้า 24MP (f/2.45)
  • ลำโพง 7-magnet stereo ที่มาพร้อม smart amplifier NXP TFA9874 คู่, ไมโครโฟน 4 ตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน ASUS Noise Reduction
  • ชิปเสียง ESS SABRE PRO HIRES ES9280AC Pro
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • AIR TRIGGERS 5 ที่สามารถ เลื่อน แตะ กด ได้มากกว่าเดิม พร้อมปุ่มหลังเครื่องบนตัวพัดลม
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Bluetooth 5.1, USB Type-C, NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ที่รองรับ Hyper Charge 65W, รองรับการชาร์จผ่านหัวชาร์จ 65W และ QC4.0 / PD3.0

PERFORMANCE

สำหรับทางด้านคะแนนนั้นตัวนี้แน่นอนไม่ต้องห่วง มาด้วยกับ Snapdragon 888 ที่รองรับการ Overclock สูงสุด มาด้วย RAM 16 GB คะแนนทำไปได้ ประมาณ 728357 ส่วนหน่วยความจำ UFS3.1 ขนาด 256 GB ไม่ต้องห่วงจุดนี้ ทำคะแนนพุ่งไป 1979 ส่วนคะแนน Geekbench ก็ทำได้ 1079 / 3629 ถือว่าไม่เลวครับสำหรับ คะแนนและความแรง รวมถึงความปลอดภัย DRM L1 ดูหนังอะไรสบายๆครับคมชัดสูงสุด ลำโพงคู่แน่นๆไปเลยครับ

SYSTEM UI

สำหรับหน้าตาตัวนี้เป็นการใช้หน้าตาการออกแบบทั้งหมดธีมไปทางสายเกมเลยทีเดียว มีสแกนใบหน้าอะไรมาให้ด้วยแต่ยังคงอิงการออกแบบของ ASUS UI มานิดหน่อย มีหน้าหลักมี App drawer มาปกติปัดขึ้นมาได้เลยครับสะดวกดีเหมือนกัน พร้อมกับหน้าจอเปลี่ยนได้ตามสภาพเช่นเปิด X MODE ธีมจะเปลี่ยนเป็นสีแดงรวมถึงมี Animation เปิดกล่องจะเป็นสีแดงและสวยงามเลยในพื้นหลังของตัวนี้ครับ และ หน้าตาเปลี่ยนได้หลากหลายตามใจชอบได้ครับ

หน้าตาการใช้งาน Quick setting นั้นก็มีมาให้เหมือนเดิมเข้าได้ง่ายและเป็นธีม ดำส้ม เมื่อลากลงมาเพิ่มอีกนั้นจะเป็นการเปิดปิดโหมดต่างๆได้ค่อนข้างเยอะเช่นพวก บีบเครื่อง x-mode แตะขอบเครื่องและอีกมากมายเลย และยังสามารถแบ่งหน้าจอได้ไม่ได้ตัดออกไปไหนสำหรับฟีเจอร์พื้นฐานของ Android และเป็นหน้าต่างแยกได้ด้วย

ความจำจัดเต็ม 256 GB  เหลือใช้จริงค่อนข้างเยอะมากประมาณ 240 เลยทีเดียว ถ้ารวมระบบไปแล้ว ส่วนเรื่องของ RAM 16GB เหลือๆเลย เหลือให้ใช้งาน 12 GB โดยประมาณ และ คีย์บอร์ดนั้นใช้จากทาง Google นะครับค่อนข้างใช้ดีและแอดมินชอบมากที่สุดเลยในบรรดาทั้งหมดของคีย์บอร์ด

การปรับแต่งเสียงสั่นก็สามารถปรับได้ ความแรงในการสั่นรวมถึงรูปแบบการสั่นพวกนี้ครับ ฟีเจอร์อื่นๆก็มีมาให้เยอะครับไม่ว่าจะเป็น แอปคู่ ระบบบีบตัวเครื่อง ระบบแตะขอบเครื่อง Gesture พวกนี้มีมาให้ครบเลยแหละ และ ความปลอดภัยก็ยังมีสแกนใบหน้าที่ค่อนข้างไวมากๆ สแกนนิ้ว และ แอนิเมชันสภาพอากาศที่สวยงาม เวลาฝนตกจะสวยเลย

หน้าจอยังมี Always on  มาให้ครับสามารถปรับเปลี่ยนได้ 6 แบบพัฒนาขึ้นนิดหน่อย ยังไม่มีแทรกอะไรใหม่ๆเข้ามา และส่วนของการปรับหน้าจอได้ว่าจะเอากี่ Hz และ โทนสีอะไรต่างๆครับผม และ Zenmotion นั้นก็เปลี่ยนชื่อแล้วแต่เรื่องของการ ควบคุมได้ทั้งหมด ทั้งวาดตัวอักษร ยกเพื่อรับสายอะไรพวกนี้ แตะเพื่อเปิดหน้าจอ

Gesture ทั้งหลายก็มีพวกเคาะหน้าจอ คว่ำจอเพื่อเงียบอะไรพวกนี้ปัดนิ้วไปมาค่อนข้างเยอะมากเลย และ ยังมีพวก AI ตัวช่วยได้อีกในหลายๆจุดครับ และ ระบบบีบตัวเครื่องว่าจะให้ทำอะไร เข้าโหมดมือเดียวเปิดแอป สั่งงานต่างๆแบบเดียวกับรุ่นแรกเลยนั้นเองครับผม และสามารถเลือกได้ว่าตอนปิดหน้าจอ กับ เปิดหน้าจอแล้วจะให้ทำงานยังไง

THEME

 ธีมการออกแบบเปลี่ยนได้ตามสไตล์ครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้พิเศษกันหน่อยคือมีส่วนของ ROG โดยเฉพาะครับจะเป็นสายเกมกันเลยมีให้เลือกหลายแบบครับโทนฟ้าขาว  หรือ โทนดำ และ ใครไม่ชอบแบบเกมก็มีหน้าตา ASUS UI มาให้เลยจะไม่เหมือนสายเกมเลยนั้นเอง และเปลี่ยนทั้งของ ICON / พื้นหลัง หน้าจอโทร หน้าจอตอนล็อกอะไรพวกนี้ครับผม และโทนสีแอปในบางแอปที่มากับเครื่องก็มีเปลี่ยนให้และมี หน้าตาร่วมกับเกม พิเศษเป็นภาพเคลื่อนไหวเพิ่ม

SCREEN

หน้าจอจัดเต็ม 6.75 นิ้วรองรับ AMOLED 144Hz FHD+ DCIP3 HDR10+ ความเที่ยงตรงของสีที่สูงมาก ๆ โดยมีค่า Delta E <1  และ ความไวสัมผัส 300Hz มีค่าความหน่วง touch latency เพียง 24.3ms  ใช้กระจก Gorilla Glass Victus และ ใช้งานหน้าจอชนิด E4  หน้าจอในรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ ความถี่อะไรนั้นยังคงเท่าเดิมนะครับแน่นอนว่าสำหรับสายเกม ดีกว่าจอตัวอื่นๆแบบสัมผัสได้เวลาเลื่อนใช้งานต่างๆครับ รวมถึงเวลาสัมผัสนั้นมันติดนิ้วและลื่นไหลมากๆถ้าได้ใช้จอนี้นานๆจะกลับไปใช้จอเดิมๆไม่ได้แน่นอนครับ เพราะมันจะเป็นความหน่วงแบบชัดเจน และภาพมันติดตาไปแล้วกับความเนียนแบบนี้ แต่ในตอนนี้ส่วนของเกมที่รองรับนั้นอาจจะยังมีน้อยเลยอาจจะหาความแตกต่างได้ยากเวลาเล่นเกมครับแต่ ถ้าใช้งานทั่วไปแค่เลื่อนดูภาพหรือ Facebook ก็เจอความแตกต่างแล้วนะ มาที่เรื่องของสีตัวจอรองรับมาตรฐานสีทั้งหมดที่มีได้ สวยสดและสู้แดดได้ดีมากครับ สีดำสวยและดูเนียนไปกับหน้าจอได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมไม่เจอสีเทาๆเวลาปิดจอแล้วมองเอียงๆแล้วรวมถึงสีค่อนข้างดีและสวย ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเป็นหน้าจอที่ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีมากๆตัวนึงและดีกว่าเรือธงตัวอื่นในแง่การตอบสนอง

หน้าจอตัวนี้นอกเหนือจากการที่ปรับเรื่องของการตอบสนองให้ไวที่สุดแล้วนั้นยังส่งผลในเรื่องของมุมมองของหน้าจอรวมถึงความสว่างและความเพี้ยนที่ดีขึ้นอย่างมากครับเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ จริงๆถ้ามองสเปกนั้นต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากถ้ามองแค่ Hz หรือว่า ความละเอียดแต่มันส่งผลในการใช้งานจริงๆทั้งเรื่องของการสัมผัส การตอบสนอง และความสวยงามรวมถึงมุมมองของหน้าจอด้วยเช่นกันครับ และด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้การใช้งานเต็มตากว่าเดิมพอสมควรเลยแหละ และยังคงเป็นหน้าจอแบบเต็มตา ไม่ได้มีติ่งหน้าจอหรือเจาะรูอะไรจุดนี้ถือว่าดี และมีความดำ สนิทมากกว่าเดิมชัดเจนครับถือว่าสเปกไม่ได้หนีกันมาก แต่คุณภาพการใช้งานดีขึ้นทุกๆด้านเลยครับ

แน่นอนว่ายังคงใส่ใช้งาน Always On เข้ามาให้แต่ยังคงไม่ได้มีให้ปรับหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไรนักทั้งเรื่องของหน้าตา หรือ ว่าการใช้งานยังคงเหมือนกับรุ่น 3 ก่อนหน้าทั้งหมด รวมถึงความสว่างต่างๆที่ยังคงใช้งานได้ดีครับ

FINGERPRINT / FACE 

สแกนใบหน้านั้นยังคงใส่เข้ามาให้เป็นแบบ 2 มิติครับ รองรับการทำงานมาตรฐานไม่ได้มี IR อะไรเสริมเข้ามาครับ สแกนนิ้วบนหน้าจอแล้วครับทำให้ด้านหลังนั้นออกแบบได้สวยและเรียบขึ้นและในหน้าจอก็ตามสมัยนิยมที่เปลี่ยนมาใช้งานกันหมดแล้วในการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ไวพอสมควร เพราะการเปลี่ยนมาใช้งานบนหน้าจอแบบในรุ่น 3 และรุ่นนี้นั้น พอมาอยู่ในหน้าจอนั้นกลับทำได้ไวและเข้าหน้าจอได้ไวกว่ารุ่นเดิมมาก สแกนนิ้วสามารถใช้งานได้ทั้งหน้าจอปิดและเปิดครับสามารถแตะสแกนนิ้วได้เลยไม่ต้องรอ สัญลักษณ์ขึ้นมา และไฟสีสแกนนิ้วนั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด แสงสีขาวทำให้เรื่องของการใช้งานนั้นไวกว่าเดิมและแม่นยำกว่าเดิมชัดเจนคุณภาพการสแกนนิ้วทำได้ดีขึ้นและติดได้ง่าย

AURA SYNC RGB

ทางด้านงานออกแบบด้านหลังแน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะขึ้นชัดเจน จากที่ตัวไฟของเดิมนั้นจะเป็นแค่สีเดียวทั้งโลโก้ แต่ในรุ่นนี้จะเป็นการออกแบบ Dotmatrix แน่นอนว่าสวยงามและอิงจากรุ่น G14 G15 ในบรรดาคอมพิวเตอร์แล้ว รวมถึงตัวนี้ยังรองรับการเปลี่ยนสีไฟแบบ Gradient แล้วด้วยเช่นกันสวยงามมากขึ้นไล่สีได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิมครับ และ ตัวไฟ Aura Sync นั้นสามารถปรับได้ค่อนข้างหลากหลายและโทรปรับได้เยอะ มี Effect ให้เลือกทั้งหมดประมาณ 4 แบบ สามารถปรับได้เหมือนในคอมพิวเตอร์เลยและสามารถรองรับ Aura Sync ร่วมกับพวก คอมพิวเตอร์ Gaming Gears ของ  ROG ได้ด้วยครับ และไฟนั้นสามารถปรับความสว่างและ ความไวของจังหวะการเปลี่ยนสีได้ด้วยเช่นกันครับ และปรับสามเสียงเพลงต่างได้แล้วและมีความหลากหลายขึ้นเยอะกว่าเดิมมาก

SOUND ESS PRO

รูหูฟังในรอบนี้กลับมาให้ใช้งานครับแน่นอนว่ารอบนี้ถือว่าเป็นการทำตามข้อเรียกร้องเพราะว่าสายเกมมิ่งหลายๆคนนั้นต้องบอกว่ายังชอบการใช้งานแบบสายอยู่ครับ ทั้งเรื่องของความหน่วงหรือว่าการรักษาแบตให้อึดเวลาเล่นเกมต่างๆ ทางด้าน ROG PHONE5 เลยยังใส่เข้ามาให้จากที่รุ่น 3 นั้นได้ตัดออกไปครับทำให้ต้องใช้งานตัวเสริมเท่านั้น และระบบเสียงนั้นไม่ใช่เล่นๆครับมาพร้อมกับการใช้งาน ชิปเสียง ESS ตัวเทพตัวนึงเลยแหละ เพราะว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับ DAC  ESS SABRE PRO ในรหัส ES9280AC Pro ทำให้เรื่องของการขับเสียงนั้นผ่านตัว 3.5 มม. รองรับการอ่านเสียง อ่านไฟล์ HI-RES ได้แบบสบายๆ รวมถึงทำให้สายฟังเพลงน่าจะชอบกัน แน่นอนว่าส่งผลทั้งเรื่องของกำลังขับ ทั้งการเล่นเกม ฟังเพลงต่างๆ เสียงที่ออกมานั้นถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ของค่าย ESS ที่อาจจะแปลกนิดๆเมื่อมาอยู่ใน มือถือสาย Gaming ครับ ทำให้เสียงเวลาเล่นเกมก็ต้องบอกว่ามีคุณภาพที่ดีขึ้นระดับนึง แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่นเพราะถ้าเกมไม่ได้ออกมา เน้นเสียงมากนักก็ไม่แตกต่าง ยกเว้นแค่ กำลังขับที่โหดขึ้น แต่เมื่อไรที่เอามาฟังเพลงอันนี้บอกเลยว่าคุณภาพมาแน่นขึ้นกว่า มือถือค่ายอื่นๆชัดเจน เสียงขับออกมาชัด ดีเทลเคลียร์ใส แถมมิติเสียง เวทีเสียงทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ รู้สึกเลยว่าคุณภาพนั้น เด่นดีขึ้นมากจริงๆ เวลาฟังเพลงบอกเลยว่าตัวนี้ทำได้โหด

หูฟังนั้นไม่ได้มีแถมมาให้ในกล่องครับ และ รุ่นที่ถ่ายนี้จะเป็นตัวขายแยกหรือว่าจะแถมแยกเป็นโปรโมชันก็ต้องรอติดตามกันไปครับ  ROG CETRA II CORE นั้นเป็นรุ่นใหม่ที่เปิดตัวกันไปรองรับการใช้งานผ่าน 3.5 มม. แน่นอนว่าตอบโจทย์สำหรับสายเกม ตัวนี้เป็นหูฟัง IN EAR  พร้อมกับที่เกี่ยวหูทำให้มีความกระชับมากขึ้น พร้อมกับปุ่มควบคุมบนตัวหูฟังครับ ตัวหูฟังมาพร้อมกับ  liquid silicone rubber (LSR) drivers ทำให้เรื่องของเสียงนั้น หนักแน่น และ แตกต่างกับไดรเวอร์ทั่วไป รวมถึงตัวไมค์ก็รับเสียงได้ดี รวมถึงตัวข้อต่อ 90องศาทำให้เวลาเล่นเกมไม่เกะกะครับ ถือว่าเป็นหูฟังที่ดีมากๆตัวนึง ทั้งคุณภาพงานออกแบบ รวมถึงเรื่องของเสียง จะเน้นไปทางหนักแน่น เบสแน่นๆ มากกว่า เสียงฟังเพลงอะไรอาจจะไม่ได้โหด แต่ถ้ามองเทียบกับหูฟังแถมทั่วไป หรือ ราคานี้ตัวนี้ทำได้ดีมาก

SPEAKER 

ระบบเสียงลำโพงตัวนี้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกครับ ยังคงใช้งานลำโพงคู่ในด้านหน้าเช่นเดิม แต่มีการพัฒนาเรื่องของขนาดลำโพง คุณภาพ การขับเสียงที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีการใส่โหมด Outdoor เสริมเข้ามาอีกด้วยเช่นกันทำให้ยังคงยกตำแหน่งลำโพงที่เทพมากๆตัวนึงให้กับทาง ROG อีกครั้งเลยครับเพราะว่า ค่ายนี้ยังคงโดดเด่นทั้งเรื่องของการการตำแหน่ง ความดังของเสียงลำโพง หรือว่าจะเป็นคุณภาพด้วยเช่นกัน เสียงมีความกังวาน มิติของเสียงนั้นหนักแน่นและเบสจะแน่นกว่ามือถือทั่วไป รวมถึงเมื่อเปิด outdoor mode เมื่อไรนั้นเสียงจะดังกว่าเท่าตัว แต่จะเน้นไปทางเสียงแหลมมากกว่า ทำให้คุณภาพดรอปลง แต่ได้ความดังที่มากขึ้นกว่าเดิมชัดเจน ก็ต้องแลกกันไปในเรื่องนี้

GPS

GPS ตัวนี้บอกเลยว่าสบายครับจริงๆ ASUS ในเรื่องการนำทางถือว่าดีจากที่แอดมินลองตัวเรือธงก่อนหน้านี้และในตัวนี้จับได้ไวและแม่นดีครับในการทดสอบขับรถและนำทางไม่เจออาการหลุดอะไร อีกทั้งลงในอุโมงค์ต่างๆก็ทำได้ดีครับส่วนในเรื่องจากการทดสอบผ่านแอปนั้นทั้งบนรถและกลางแจ้งทำได้ไม่แตกต่างกันมากครับ จับได้ทั้งหมด 36 ดวง จากทั้งหมด 96 ไม่หนีกันมากส่วนเรื่องระยะเวลาหลังจากเปิดแอปประมาณ 1 วิก็เริ่มจับได้ตามภาพแล้วครับ ถือว่าไว้ใจได้และในรุ่นแรกนั้นในส่วนนี้ก็ถือว่าทำได้ดีไม่แตกต่างกันเลย และในที่กลางแจ้งนั้นสามารถทำได้ 47 ดวง ทั้งหมด 96 ดวงถือว่าจำนวนการใช้งานทั่วไปสบายๆและนำทางจริงในความเร็วสูงก็เหลือๆแล้วครับในเรื่องนำทางนี้

BATTERY

ส่วนเรื่องของแบตตัวนี้แอดมินได้ทำการทดสอบ คือเปิดไฟ RGB ข้างหลังตรง โลโก้ และทำงานใช้งานแบบหนักๆไปเลยนำทางทั้งวัน ถ่ายรูป วีดีโอ เปิดเพลง เพื่อที่จะลงว่าใช้งานหนักๆนั้นเป็นยังไง ในเรื่องของตัวแบต 6,000 รองรับ 65W PD QC ซึ่งจากที่แอดมินลงนั้นภาพด้านบนคือการใช้งานแบบปิดไฟข้างหลังเครื่องใช้งานได้ทั้งหมด 12 ชั่วโมงทั้งวันแบบเกือบพอดี จอเปิดไป 6 ชั่วโมงครับผม เอาจริงๆถ้ามองจำนวนแบตมันอาจจะดูเยอะแต่ก็ทำออกมาให้รองรับกับทั้งหน้าจอ 144Hz ที่กินไฟมากๆและไฟข้างหลังรวมถึง CPU ที่มีการ Overclock นั้นเองครับเลยทำให้มันอึดทั้งวันได้แบบสบายๆแต่ก็ไม่ได้อึดเวอร์ถ้าเราใช้งานหนัก และเปิดไฟครับ แต่ถ้าเราปรับหน้าจอ ปิดไฟ และไม่ได้เปิด X-Mode เลยก็อาจจะทำให้แบตนั้นใช้งานได้นานกว่านี้เยอะแน่นอน ก็ถือว่ารองรับได้ทั้งวันแบบพอดีๆครับ

GAMING

ในการปรับแต่งทางด้านประสิทธิภาพนั้นจะเป็นส่วนของแอปที่เสริมเข้ามาที่หน้าตาสวยงามและสามารถปรับแต่งได้เยอะมากๆครับ ทั้งเรื่องของสถานะของตัวเครื่องบอกว่า CPU GPU วิ่งที่เท่าไรอุณหภูมิเท่าไร และระบบในภาพรวมความร้อนเท่าไร ความจุ แรม ใช้งานกันไปเท่าไรแบบละเอียดอย่างมากครับสำหรับรุ่นนี้ รวมถึงทางด้านประสิทธิภาพนั้นสามารถปรับได้ 3 ระดับแต่ถ้าระดับสูงสุดนั้นจะต้องเสียบพัดลมใช้งานก่อนถึงจะปรับได้สูงสุด และทางด้านหน้าจอนั้นสามารถปรับได้ว่าจะเอากี่ Hz และสามารถปรับแยกแต่ละแอปเล่นเกมได้ด้วยครับถือว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว รวมถึงสามารถปรับความไวในการสัมผัสได้ด้วยว่าจะเอาค่าประมาณไหน ไวหรือหน่วงแค่ไหนในการสัมผัส ในการเลื่อน หรือ แตะ ปรับได้ละเอียดมากครับ รวมถึงตัว การเชื่อมต่อก็รองรับการปรับแต่ง และรวมถึงไฟ RGB ตรงโลโก้ข้างหลัง

AIR TRIGGER 5

เป็นอีกฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าทางค่ายใส่เข้ามาและพัฒนามาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนครับ แต่ในครั้งนี้นอกเหนือจากแตะขอบเครื่องแล้วนั้น ยังสามารถทำอะไรได้เยอะกว่าเดิมเยอะมาก ทั้ง Slide หรือการเลื่อนขอบเครื่อง / การปัดเป็นจุดๆ Swipe / หรือการแตะ Tap แตะแบบเต็มๆ / และ การแตะแยกซ้ายขวาในแต่ละข้าง ทำให้แตะสูงสุด 4 ปุ่มในขอบเครื่อง สามารถปรับแต่งได้ทั้งเรื่องของน้ำหนัก การแตะ ความไวในการแตะขอบเครื่อง การสั่นตอบสนองของปุ่ม หรือจะเป็นความหน่วงของตัวปุ่มสัมผัสเรียกได้ว่าปรับได้เยอะ และสามารถตั้งค่าแบบวางนิ้วพักนิ้วแบบไม่มีการทำงานได้

CAMERA 

กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 3 เลนส์ แต่น่าเสียดายว่า ในเรื่องของเลนส์ สเปกมันไม่ได้หนีจากรุ่น 3 เท่าไรนัก ทั้ง เลนส์ และ พิกเซลทั้งหมด กล้องเลนส์หลักให้มา IMX686  64MP และมาพร้อมกับ (f/1.8) 1/1.7”  0.8 µm pixel size พร้อมระบบโฟกัส PDAF แต่น่าเสียดายว่ายังคงไม่มี OIS ใส่เข้ามาให้ครับ ส่วนทางด้านเลนส์ที่ 2 นั้นจะเป็นเลนส์มุมกว้าง 125 องศา และไม่มี AF อะไรครับ  พร้อมกับ  Real-time distortion correction ส่วนตัวที่ 3 นั้นเป็นแค่เลนส์ มาโครเท่านั้น 5MP จริงๆแอบเสียดายน่าจะใส่เลนส์ เทเลเข้ามาให้น่าจะตอบโจทย์ยุคนี้มากกว่าเยอะเลยครับ ส่วนทางด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพนิ่งนั้นจัดเต็มเหมือนกันรองรับทั้ง การถ่ายละลายหลัง การถ่ายโหมดกลางคืน มุมกว้างต่างๆแต่การซูมอะไรยังไม่ได้เด่นเท่าที่ควรในเรื่องของการถ่าย ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านัก เพราะว่า ROG Phone ก็ยังคงเน้นไปเรื่องของการระบายความร้อน การเล่นเกม เรื่องกล้องยังไม่ได้ฟีเจอร์หลัก

PORTRAIT

SELFIES

สำหรับกล้องหน้านั้นให้มาที่ 24MP (f/2.4) คุณภาพนั้นถือว่าใช้งานทั่วไปได้ รองรับการถ่าย ละลายหลัง หน้าเนียนอะไรครบๆเลย แต่รู้สึกว่ารอบนี้รูรับแสงนั้นจะเป็น 2.4 จากที่รุ่นเดิม 2.0 ครับแน่นอนว่าส่งผลในเรื่องการถ่ายกลางคืนกว่าเดิมนิดหน่อย แต่เรื่องของความละเอียดอะไรนั้นเท่าเดิมเลยครับ และจากเท่าที่ลองนั้นก็ถือว่าใช้ได้เลยในการถ่ายนั้นสามารถเห็บขอบภาพได้ดีในการเบลอและแต่งหน้าได้หลากหลาย เรื่องของ Softwareในการถ่ายย้อนแสงยังคงทำได้ไม่ดีเท่าไรนักในกล้องหน้ารุ่นนี้อาจจะไม่ได้สวยมากนัก จริงๆความรู้สึกของภาพทั้งการถ่ายกลางวันหรือกลางคืนนั้นโทนสีดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน สกินโทนอะไรดูสวยและเนียนตามากขึ้นไม่เพี้ยน แต่เรื่องของคุณภาพใกล้กันครับ

VIDEO 

8K UHD (7680 x 4320) 30 fps / 4K UHD (3840 x 2160) 30 / 60 // 1080p FHD 30 / 60 fps  3-axis electronic image stabilization for rear cameras Time Lapse (4K UHD video) Slow Motion video (4K at 120 fps; 1080p at 240 / 120 fps; 720p at 480 fps) ในการรองรับการถ่ายวีดีโอรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่องเลยทีเดียว และยังมาพร้อมกับ โหมดถ่ายแบบ Pro ที่สามารถปรับเสียงไมค์ได้ สามารถปรับได้ว่า จะซูมไปที่ไหน รวมถึงการปรับว่าจะตัดเสียงลม หรือ จะเน้นเสียงคนพูดได้มากน้อยแค่ไหนครับ ถือว่างานวีดีโอพัฒนามาดีกว่าเดิมเยอะ จากที่รุ่น 2 เราเคยบ่นกันไปแต่ครั้งนี้กลับมาว้าวและทำได้ดีเลยแหละครับ

ROG PHONE 5

” ROG โดดเด่นในเรื่องคุณภาพ การใช้งาน การเล่นเกม และดีไซน์ที่โดดเด่นตามสไตล์ “

ต้องบอกเลยว่าครั้งนี้เราได้ มือถือ มาก่อนที่จะเปิดตัวในตลาดโลก Exclusive สุดๆก่อนจะเปิดตัวทางการครับ และทาง ROG Phone ยังคงโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบ วัสดุ คุณภาพในการใช้งานทั้งหมดถือว่าเป็นค่าย Gaming ที่พัฒนาขึ้นเรื่อง รองรับการเล่นเกม คุณภาพทั้งลำโพง หน้าจอ อุปกรณ์เสริมต่างๆ แต่รุ่นนี้อาจจะไม่ได้มีความว้าวแตกต่างกับเดิมเท่าไรนัก จริงๆน่าจะไปเน้นในรุ่นที่มีจอด้านหลังมากกว่าที่สเปกอะไรนั้นมีความแตกต่างกับตัวนี้ครับ แต่ถ้ามองตัวนี้แน่นอนว่าหลายๆส่วนมีความคล้าย ROG Phone 3 ทั้งสเปกกล้อง สเปคหน้าจอ แต่ก็ได้ หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แบตที่ชาร์จไวมากขึ้น พร้อมกับ ดีไซน์ฝาหลังที่สวยและมีความแตกต่างมากกว่าเดิมทำให้เป็นตัวเลือกที่ยังคงน่าสนใจถ้ากำลังดู และที่สำคัญคือการใช้งาน Snapdragon 888 ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพนั้นโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ รวมถึง การใช้งานด้านการเล่นเกม ระบบเสียง HIRES ภาพรวมนั้นเป็นรุ่นที่ลงตัวมากๆในบรรดา Gaming แต่ในเรื่องของกล้องหน้าหลัง อะไรนั้นอาจจะไม่ได้เน้นเท่าไรนักในรุ่นนี้เมื่อเทียบกัน

ข้อดี

  • หน้าจอยังคงมีการพัฒนาในแง่ของ การตอบสนอง ความสวยงาม การสู้แสงได้ดี
  • งานประกอบ คุณภาพดีแน่น วัสดุแข็งแรง และ สวยงาม
  • RGB ด้านหลังสวยงามมากขึ้น ไล่แสงสีได้ แถมมีรุ่นที่มีหน้าจอข้างหลังให้เลือก
  • ลำโพงยังคงโดดเด่นที่สุด และ มีความดัง และ คุณภาพมากที่สุด
  • ระบบเสียง 3.5 มม. กลับมาแล้ว พร้อม ESS PRO DAC ตัวเทพ
  • ตัวเคสดีไซน์สวยงาม รองรับการใช้งานได้ดี
  • ระบบสั่งงานขอบเครื่อง และ ด้านหลังส่วนพัดลมทำออกมาได้ดี อิสระมากขึ้น
  • Snapdragon 888 รองรับการใช้งานได้ดีเช่นเดิม และ OC ให้โหดขึ้นจาก ROG
  • แบตยังคงอึดเช่นเดิม และมาพร้อมกับชาร์จไวที่มากขึ้นกว่าเดิม
  • อุปกรณ์เสริม ยังคงโดดเด่นของ ROG ทำออกมาได้ดี

ข้อสังเกต

  • เรื่องของกล้องยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม สเปกเดิมทั้งหมด
  • หน้าจอ 144Hz FHD+ ยังคงมีสเปกใกล้เคียงของเดิม
  • อุปกรณ์เสริมบางอย่างใช้ของเดิมไม่ได้แล้ว จากการออกแบบ ขนาดที่เปลี่ยนไป

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ