ASUS TUF ยังคงเป็นตระกูลที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมอย่างมากทั้งเรื่องของสเปกและราคา จนเรียกได้ว่าของขาดตลาดได้ง่ายมากเนื่องจากหลายๆคนจับตาซื้อคอยกดกันอย่างต่อเนื่องครับแน่นอนว่ารุ่น TUF A15 ตัวนี้เองก็เป็นตัวที่หายากมากๆตัวนึงแต่ครั้งนี้มีของเข้ามากันเยอะขึ้นจับต้องได้ง่ายขึ้นแล้วเลยขอเอามารีวิวกันซักหน่อยครับ ASUS TUF A15 นั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้จัดเต็มอย่างมากในเรื่องของ สเปกที่มาพร้อมกับ AMD RYZEN 7 5800H และยังใช้งาน RTX3070 รวมถึงในเรื่องของหน้าจอที่จัดเต็มมาให้ 240Hz พร้อมกับ RAM 16GB ที่ต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ในงบราคา 47K เท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงขาดตลาดและหาค่อนข้างยาก เรียกได้ว่าสเปกพร้อมใช้งาน

ASUS TUF GAMING A15 นั้นจริงๆจะมีมาด้วยกันหลากหลายรุ่นครับและแน่นอนว่ามีหลากหลายเรทราคาเหมาะสำหรับคนงบน้อยไปถึงสูงได้ครอบคลุมมาก และตัวนี้จะมาพร้อมกับ CPU AMD RYZEN7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร และมาด้วยการ์ดจอ RTX 3070 8GB GDDR6 VRAM และมาพร้อมกับ RAM 16GB DDR4 3200MHz เต็มๆครับเป็นแบบ 2 Slot ใส่มาให้ และในเรื่องของ SSD นั้นให้มาที่ PCIe NVMe 1TB M.2 ถือว่าสเปกการใช้งานเน้นๆคุ้มๆครับ และหน้าจอในรุ่นนี้นั้น  ให้มาที่ขนาด 15.6″ นิ้ว (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz หน้าจอแบบด้าน Anti-Glare IPS-level Panel พร้อมกับ Adaptive Sync พร้อมรองรับมาตรฐานความแข็งแรง MIL-STD-810H ครับ และที่สำคัญนั้นยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ รวมถึงทางด้าน Keyboard นั้นเป็นไฟ RGB ปรับเปลี่ยนได้แต่จะเป็นโทนสีเดียวทั้งหมดครับ และ ทางด้านลำโพงนั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ ถือว่าสเปกยังคงจัดเต็มและมา พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home  ได้ประกัน 2 ปี Global Warranty และยังมาพร้อมกับ ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก + 7-11 droppoint ด้วยเช่นกัน รองรับกว่า1หมื่นสาขาทั่วประเทศ

ASUS TUF A15 FA506QR-AZ001T // AMD RYZEN 7 5800H // RAM 16 GB (8GB X2) DDR4 3200MHz // STORAGE  1 TB PCIe/NVMe M.2 SSD // DISPLAY 15.6″ FULL HD IPS ANTI-GLARE 240Hz // NVIDIA GEFORCE RTX 3070 8 GB GDDR6 เปิดในราคา 46,900 บาท 

UNBOX

ทางด้านตัวกล่องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบทั้งหมด ทั้งของรูปทรงตัวกล่องและตัวลวดลายที่ปรับเข้ากับตัวเครื่องมากขึ้นด้วยครับแอบดูดีกว่าเดิมเยอะเลยสมราคามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องให้มาพอดี เหมือนทั่วไปครับทั้งเรื่องของ Adaptor ชาร์จไฟ 200W ตัวคู่มือต่างๆ และแน่นอนว่าตัวเครื่องด้วย แต่มีสติกเกอร์มาให้ด้วยครับ อุปกรณ์ต่างๆนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด แต่จะได้ ADAPTOR 200W มาแทนจากรุ่นเดิมแค่180W

DESIGN

งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในภายนอกฝาหลังและทั้งหมดของตัวเครื่อง เป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆครับเพราะมีความเรียบหรูลงตัวมากกว่าเดิมเยอะมากดูแพงขึ้นเยอะมากครับ เพราะรุ่นก่อนๆเราบ่นไปว่าดีไซน์มันดูเยอะไปในด้านหลังแม้จะดูสายเกมก็จริง แต่บางทีมันเยอะไปหน่อยชอบแบบเรียบๆแต่ดูเท่ๆหน่อย ซึ่งตัวนี้ก็ได้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดฝาหลังสวยพร้อมโลโก้แบบรุ่น F15 แล้วและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ทันสมัยขึ้นรวมถึงมี เขียนชื่อ TUF ไว้ในมุมขวาของฝาหลัง และมีเว้าอะไรรวมถึงออกแบบเหมือนมีน็อต 4 มุมด้วยและตัวเครื่องก็ใช้ฝาหลังแบบเรียบสีด้าน คนละแบบกับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกันถือว่าสวยและเรียบง่าย

เมื่อเปิดเข้ามาข้างในนั้นเราจะยังคงเห็นการออกแบบที่คล้ายๆตัวเดิมอยู่บ้างในส่วนของที่วางมือและลวดลายตรงส่วนนั้นครับ จริงๆทำเรียบไปก็ดูดีอีกแบบเหมือนกันแต่ก็อาจจะเป็นการออกแบบที่คงเอกลัษณ์ของตระกูลนี้อีกทางนึงครับ และขอบจออะไรบางขึ้น การออกแบบอะไรขนาดเครื่องกระชับมากขึ้น แป้นพิมพ์สุดขอบมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ ส่วนวัสดุอะไรพวกนี้รู้สึกดีกว่าเดิมแน่นแข็งแรงมากขึ้นในระดับของมัน และฝาหลังสวยขึ้นเยอะมากๆเรียบสวยลงตัว

ขอบหน้าจอรุ่นนี้มีความบางอะไรไม่หนีจากเดิมแต่รูปทรงงานออกแบบขอบหน้าจอการตัดมุมอะไรนั้นมีความเล็กลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหน้านั้นยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนส่วนข้างในยังคงมีโลโก้ ASUS อยู่ครบ

งานออกแบบฝาตัวเครื่องนั้นเป็นการใช้งานวัสดุโลหะสีเทาด้านทั้งหมดจะเห็นว่ามีความเรียบไม่มีส่วนนูนหรือโลโก้แบบรุ่นก่อนๆแล้ว แต่จะเป็นการยิงเลเซอร์โลโก้ในมุมขวาบนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นจากเดิมครับ และทางด้านชื่อรุ่นนั้นจะเป็น TUF ตัวอักษรเหลี่ยมแบบชัดเจนมากขึ้นถือว่างานดีไซน์ทั้งหมดดูดีขึ้นและจะเห็นว่าจะมีความคล้ายตระกูล ROG แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเส้นสายและโลโก้เท่านั้นเรียกได้ว่า TUF ยกระดับ

ฝาหลังมีการออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมีการเจาะรูคล้ายรังผึ้งด้วยเช่นกัน และลวดลายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหละ ส่วนช่องระบายมีมาให้พอประมาณแต่จริงๆน่าจะเจาะได้เยอะกว่านี้ครับแอบดูน้อยไปหน่อย ส่วนทางด้านในนั้น Layout เหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะๆเลยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างภายในเท่าไรนักครับ ทั้ง พัดลม 2 ตัว ระบายได้ 3 ทิศทาง พร้อม Heat pipe 4 เส้นวางตำแหน่งเดิม รวมถึง ช่องใส่ M.2 ให้มา 2 ช่อง ว่าง 1 และ RAM 2 Slot ใส่มาเต็ม 16GB และพื้นที่ว่างสำหรับใส่ SATA SSD ได้ด้วยครับถือว่ารองรับการอัพเกรดได้สบาย

ในส่วนของขาพับอะไรต่างๆนั้นดูแข็งแรงขึ้นและวัสดุอะไรนั้นแอบคล้ายๆเดิมครับ มีการเล่นลวดลายของตัวเครื่องที่แตกต่างกันเหมือนเดิมไม่ใช่วัสดุแบบเรียบๆสีดำครับ ก็ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้นส่วนวัสดุความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติกเยอะหน่อยในรุ่นนี้ครับ ส่วนการระบายตรงกลางนั้นยังมีมาให้เหมือนกันครับ สำหรับดูดอากาศเข้าเครื่อง และมีบอกไฟสถานะรวมถึงเขียนชื่อรุ่นมาให้ และตรงหน้าจอก็เว้าสำหรับการระบายอากาศได้เหมือนรุ่นอื่นๆของค่ายนี้เลยครับ

ในส่วนของช่องระบายอากาศนั้้นจะเห็นว่าตัวช่องระบายอากาศนั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมดเล่นลวดลายอะไรสวยงามขึ้นดูดีขึ้นเยอะมาก และแน่นอนว่ามีทั้ง 2 ฝั่งเช่นเดิมและมีเพิ่มฝั่งขวาตัวเครื่องมาด้วย ระบาย 3 ทิศทางครับ แต่แอบชอบการออกแบบตรงนี้มากๆเลยดูดีกว่าเดิมเยอะครับ ส่วนตรงกลางก็ดูดีถือว่าทีมออกแบบครั้งนี้ทำได้ดีครับ

SPEC

  • AMD Ryzen™ 7 5800H Processor 3.2 GHz (16M Cache, up to 4.4 GHz)
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
  • DDR4 3200MHz SDRAM, 2 x SO-DIMM socket 16 GB SDRAM, Dual-channel
  • การแสดงผล 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9,anti-glare display,sRGB:ใช่ x 1,sRGB:100.00%,Adobe:75.35%,Refresh Rate:240Hz,IPS-level, Adaptive Sync
  • กราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 3070 Laptop GPU,ใช่ x 1,With Dynamic Boost up to 1510MHz at 90W (95W with Dynamic Boost),8GB GDDR6
  • สตอเรจ Solid state drive: 1TB PCIe® Gen3 SSD
  • คีย์บอร์ด Chiclet keyboard with isolated numpad key + RGB
  • WebCam HD 720p CMOS module
  • Bluetooth Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;
  • อินเตอร์เฟส
    1 x COMBO audio jack
    2 x Type-A USB 3.2 (Gen 1)
    1 x Type-C USB 3.2 (Gen 2) with display supportDP1.4
    1 x Type-A USB2.0
    1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
    1 x HDMI, HDMI support 2.0b
    1 x AC adapter plug
  • ออดิโอ DTS:X® Ultra
  • แบตเตอรี่ 90Wh lithium-polymer battery Battery
  • ขนาด NB: 35.9 x 25.6 x 2.49 ~2.47 cm (WxDxH) น้ำหนัก NB:2.3 kg

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในรุ่นนี้เด่นๆเลยคือเจ้า CPU ตัวใหม่ที่ได้ใช้งาน AMD Ryzen 5000 Series  มากับเจ้า AMD Ryzen 7 5800H ขนาด 7nm 3.2-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้ และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3060 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 2 ช่องใส่มาเต็มครับ รองรับได้ 32GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้ทันที

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว 4800H ก็ถือว่าแรงพอสมควรแล้วนะ แต่ตัวนี้ทำไปได้ 6516 คะแนน มากกว่าคู่แข่งและรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ  ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,700 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับประมาณก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่กันแบบชัดเจนเลยนะถือว่าพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวมากๆ และส่งผลในแง่ของการใช้งานจริง รวมถึงความร้อนยังคุมได้ดีไม่แตะ 90 อย่างใดในการทดสอบ

3D MARK

ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3857 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 6316 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 80 CPU GPU 77 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 10868  และ FIRE STRIKE ULTRA 5791 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3070 ครับจัดเต็มมากๆแรงสุดๆ

CINEBENCH R15 R20 – CRYSTALDISK

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 2135 cb/ 150.35FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆหนีกับ GEN111 แบบชัดเจนและเทียบกับ RYZEN 7 4800HS ตัวนั้นจะประมาณ 120 ครับถือว่าพัฒนาขึ้น และมีผลในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 Gen11 ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 5042 ครับ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 3607 MB/s และ 3219 MB/s  ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆอีกตัวนึงเลยในระดับเรทราคาแบบนี้ ทำให้สเปกรวมๆนั้นไม่มีจุดให้ติเลย

SCREEN

TUF A15 มีการใช้งานหน้าจอที่ดีขึ้น คุณภาพสีสันดีขึ้นเช่นกัน มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6” นิ้ว FHD (1920 x 1080) IPS-level panel, 240Hz, 100% sRGB ถือว่าเป็นหน้าจอที่พัฒนาขึ้นดีขึ้นชัดเจน แม้จะไม่ได้มาตรฐาน Pantone แบบรุ่นพี่ตัวอื่นๆแต่ถ้ามองในตระกูล TUF นั้นต้องบอกเลยว่าดีขึ้นหลายเท่าตัวรองรับ 240Hz ลื่นไหลในการเล่นเกมต่างๆที่ดีกว่าเดิม ยังได้ 100% sRGB  จอด้านทำให้มันใช้งานได้ดีไม่เจอแสงสะท้อนหรือใช้งานข้างนอกก็ทำได้ดีครับ มาที่เรื่องของสีสันต่างๆนั้นสบายๆจอแบบ IPS FHD นั้นความแม่นยำของตัวสีและมุมมองนั้นทำได้ดีและจากที่ลองมันก็ เล่นเกมได้ ดีคือลื่นเนียนตามากๆครับ และในส่วนของตัดต่อแต่งภาพได้ดีพอสมควรครับไม่มีปัญหาเลย ทำมาเพื่อรองรับสายทำงานแต่งภาพตัดต่อ กราฟิกได้มากขึ้นเพราะมีหลายคนนั้นเอาไปใช้งานด้านนี้กันครับ และทางค่ายก็เอาใจด้านนี้มากขึ้น และ ด้วยความที่มันเน้นพกพามากขึ้นก็ทำให้หลายๆคนเลือกเอาไปใช้งานงานกันหลากหลายมากขึ้นนั้นเองครับตัวเดียว เป็น TUF  ที่พัฒนาขึ้นและเอาไปใช้งาน และ เล่นเกมได้ครบ

การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ยังมีกล้องหน้าถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวเพราะต้องการขนาดที่เล็กลงในจอเท่าเดิมครับ ส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 240Hz ที่ดีมาๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง จากที่ได้ลองสีนั้นค่อนข้างตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้สบายมากๆครับ และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้น แต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้นมากพอสมควรครับและทำงานสบายครับ ทำให้การใช้งานทำงานนั้นมีความเนียนตาและดีขึ้นกว่าปกติชัดเจน เป็นจอที่ดีมากๆครับ

KEYBOARD

ตัวนี้ยังคงเป็นไฟแบบ RGB FULLZONE แล้วสามารถปรับสีได้หลากหลายสีและ Effect ได้แต่มันจะปรับทั้งหมดนะครับแยกโซนไม่ได้ ปรับทีปรับทั้งแผงเลยไฟค่อนข้างสวยเลยนะ ส่วนการดีไซน์มาแบบเต็ม แต่จะเห็นว่า่การจัดวางตัวปุ่ม ลูกศร รวมถึง Numberpad นั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมครับ วางอะไรได้โล่งขึ้น มีพื้นที่ดีขึ้นด้วยพร้อม NumPad ด้านขวา รวมถึงการเล่นกับปุ่ม WASD ที่เป็นแบบโปร่งแสงสวยงาม ตัวปุ่มมีระยะการกดที่ 1.8 มม.ที่คุ้นเคยกันดี และ มีความโค้ง 0.25 มม เล็กน้อยครับ โดยรวมการวางตำแหน่งไม่ได้มีอะไรติดขัดทำได้ปกติของรุ่นนี้ แต่ด้วยราคาที่ไม่แพง วัสดุความแน่นเวลาวางมือนั้นอาจจจะไม่ได้ดูแน่นหนามากนักตรงส่วนที่วางมือหรือวัสดุปุ่มอะไรพวกนี้ครับ แต่เรื่องความทนทานก็ทดสอบกันมาเยอะครับ รองรับการใช้งานได้เป็น20ล้านครั้งเลยแหละ

ตัวปุ่ม WASD นั้นจะเป็นปุ่มแบบใสสวยงามทำให้แสงนั้นสว่างขึ้นกว่าปุ่มอื่นๆและดูดีด้วย ตัวระยะห่างแต่ละปุ่ม รวมถึงความลึกในการกดนั้นทำได้ดีในการเล่นเกม หรือ พิมพ์งาน เสียงไม่ได้ดังมากนัก ไฟแสดงได้สวยในหลายๆสีและค่อนข้างคมเข้มตัวอักษรมองเห็นชัดดีครับ เวลาเปิดไฟก็ทำได้ดี เพราะครั้งนี้ตัวอักษรเป็นสีขาวมองเห็นชัดกว่าสีแดงเยอะมากในรุ่นเล็ก และถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในด้านการใช้งานหลายๆสภาพแสงครับ แบบเดียวกับรุ่นเดิม แต่น่าเสียดายว่ายังไม่สามารถปรับแยกโซนสีได้ครับยังคงเป็นสีเดียวทั้งแผ่นเลยในคีย์บอร์ดรุ่นนี้

TOUCHPAD

ทัชแพดยังคงตามการออกแบบคล้ายกับ TUF รุ่นอื่นๆครับขนาดนั้นพอดีกับตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่สะใจ และ ไม่ได้เล็กเกินไปครับแต่การออกแบบนั้นจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆเพราะครั้งนี้ตัดขอบตรงๆแล้วไม่ได้มีการตัดมุมเหมือนรุ่นก่อนครับ เรียบสวยมากขึ้น โดยรวมของตัวเครื่องตระกูลนี้ พร้อมกับปุ่มกดซ้ายขวาแบบชิ้นเดียวกันทั้งหมดครับ ผิวด้านแบบลื่นๆใช้งานได้ลื่นแต่ติดคราบมันได้ง่ายมากๆครับ และ ความรู้สึกในการกดลงไปนั้นแอบรู้สึก ความแน่นหนาในการใช้งานจริงได้ดีอยู่ดีกว่าในรุ่นก่อนๆครับรู้สึกถึงความแข็งแรงขึ้นในฟีลลิ่งการทัช การกดปุ่มต่างๆจุดนี้ถือว่าโอเคขึ้น

SPEAKER

ลำโพงยังคงเป็น 2 ตัวเช่นเดิมครับแต่เปลี่ยนช่องออกใหม่ ลำโพงตัวนี้รอบรับระบบเสียง STEREO และการยิงออกมา 4 ทิศทำให้เสียงดังขึ้น 1.8 เท่า และเบสที่ลึกกว่าเดิม 2.7 เท่า และ รองรับเสียงระบบ DTS X 7.1 ด้วยนะ แต่เป็นการฟังผ่านหูฟังครับทำให้เสียงรอบทิศทางได้ดีและตอนสนองในการเล่นเกมได้ดีมากๆในเรื่องของมิติเสียง แต่มาดูลำโพงกันคือลำโพงมาซ้ายขวา ยิงลงพื้น เสียงที่ได้บอกตรงๆว่าดังดี แต่เสียงเบสหายไปครับ เสียงออกมาในโทนแหลมๆ ดังๆมากกว่าเลยอาจจะไม่ได้สะใจมากครับ ส่วนเรื่องความดังใช้ได้เลยแหละ แต่คุณภาพก็ตามราคานะ ขาดแค่เบสนิดหน่อยเท่านั้น ในเรื่องคุณภาพความแน่นของเสียงนั้นใกล้เดิมแต่ทิศทาง ความดังดีขึ้นในการใช้งาน

CONNECTOR 

เชื่อมต่อในจุดต่างๆนั้นรุ่นนี้ในด้านขวาจะเป็นแค่ตัวล็อก Kensington และจากที่บ่นไปในรุ่นก่อนว่าไม่มีช่อง USB มา ในครั้งนี้เลยใส่ USB-A 2.0 สำหรับใช้งานมาบ้างแล้วเพราะเสียบพวกเมาส์อะไรพวกนี้ในด้านนี้จะใช้งานได้บ่อยมากๆครับอันนี้ขอชมที่ปรับปรุงจุดนี้มาให้ รวมถึงช่องระบายความร้อนก็มีมาให้ฝั่งนี้ด้วยเช่นกันครับ 3 ทางแบบเดิม

ด้านซ้ายนั้นจัดเต็มครบเลย มาอยู่ฝั่งนี้กันหมดทั้งช่องไฟเข้า-LAN-HDMI 2.0 – USB-A 3.2 X2 ช่อง USB-C 3.2 display supportDP1.4 และ รูหูฟัง 3.5มม.ที่เป็นไมค์ในตัวครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็ รองรับ Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2; ปกติครับ ถือว่าพอร์ตใกล้เคียงกับตัวเดิมแต่ไร้สายดีขึ้น

ARMOURY CRATE

Armoury Crate  เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับ พัดลม ดูข้อมูลการใช้งานตั้งพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับซึ่งหน้าตาจะแตกต่างกับ ROG เล็กน้อยในเรื่องของสีสันและการปรับแต่งบางอย่าง อันนี้จะเป็นธีม ดำทองนั้นเองครับ

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน เปลี่ยนไฟคีย์บอร์ดรวมถึงปรับ Effect ว่าจะให้แสดงผลยังไงครับ รวมถึงในส่วนของ Hardware ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับ และมีโปรแกรมของ AMD / DTS X ต่างๆที่รองรับและแอปอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับแต่งไฟ Effect ทั้งหมด ปรับตั้งค่าตามเกมที่เราเลือกได้ว่าจะตั้งค่าอะไรบ้างเป็นต้นครับ  ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์

WORKING

การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับ และ AMD ค่ายนี้เรื่องของการเรนเดอร์การทำงานหลากหลายโปรแกรมถือว่าโดดเด่นมากๆตัวนึงและดีกว่ารุ่นอื่นชัดเจนรวมถึงในเจน 5800H ตัวนี้บอกเลยว่าดีขึ้นไปอีกครับยิ่งการใช้งาน 7nm ยิ่งพัฒนาได้ดีกว่าอีกค่ายแบบชัดเจนมากๆทำให้ในการทำงานหลายโปรแกรมถือว่าสบายๆ และ มาพร้อมกับ 8 Cores/16Threads บอกเลยว่าทำงานร่วมกับ RAM 16 GB จัดเต็มให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าช่วยงานทำงานได้ไวขึ้นระดับนึงรวมถึงในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน และ ทดสอบแบบจัดเต็มเช่มเดิมทั้งโปรแกรมตัดต่อแบบ Premire Pro หรือจะขึ้นโมเดลแบบ Sketchup

SKETCH UP 

ขึ้นโมเดลงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดี แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบาย แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 60 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 28 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับ ไวพอสมควรเลยและทำงานได้ดีมากๆจริงๆ

PREMIRE PRO  

แน่นอนว่าสายครีเอเตอร์หลายๆคนก็เอาคอมแบบนี้ไปทำงานกันเยอะครับ เลยขอมาทดสอบ เรนเดอร์ 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 Gen 11 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 10 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 25 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 Gen11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมดถือว่าทำได้ดี ถ้าหากมองเทียบกับ GEN 11 ของอีกฝั่งในสเปกเท่ากันทั้งหมดต้องบอกว่า เรนเดอร์ในรุ่น AMD 5800H ประหยัดเวลาการทำงานได้ถึง 10 นาทีเลยครับ

GAMING

แน่นอนว่ารุ่นเทพแบบนี้ใช้งาน CPU 5800+RTX3070 จับคู่ค่ายแดงเขียว อีกครั้งแต่ที่น่าสนใจและว้าวมากๆคือใช้งานการ์ดจอตระกูล RTX 3070 แล้วในครั้งนี้ทำให้ในเรื่องของการเล่นเกมและใช้งานนั้นสบายๆและภาพที่ได้ออกมาสวยและทำได้ดีรวมถึงใช้งานหน้าจอ 240Hz ได้ค่อนข้างดีและดันได้ถึงถ้าเราไม่ได้ปรับภาพสูงสุดครับ และทั้ง 2 อย่างช่วยกันทำงานได้อย่างดี และในส่วนเรื่องระบายความร้อน Ryzen ยุคใหม่ทำได้ดีและเย็นมากๆจากที่ลองมาหลายๆตัวคือมันเย็นจริงๆนะ ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือ สตรีมเกมก็ทำได้ดีมากทางผมได้ลอง สตรีมและเล่นไปด้วยแบบปรับภาพสุดก็ไม่เจออาการกระตุกอีกทั้งในการ แคปภาพหน้าจอทั้งหมดคือทำขณะที่ สตรีมไปด้วยในบางเกมนะครับเช่น Overwatch และ COD MW  ต้องบอกว่าแม้จะสตรีมหรือไม่สตรีม ตัวเครื่องจัดการได้ดีมากๆและไม่เจอ FPS ตกเลยแม้แต่น้อยคือเปิดปิดไม่ต่างกันเลย ส่วนเรื่องความร้อนที่ลองทำได้ดีมากๆในแง่ของ เวลาเล่นแล้วเอามือวางบนเครื่องมันไม่ร้อนเลยเล่นแบบไม่เปิดแอร์ทุกเกมนะ ส่วนเมื่อวัดในโปรแกรมจะเจอแตะ 90+ ไปด้านในด้านของ CPU เพราะเล่นในสภาพอากาศปกติ ครับถือว่าเลขอาจจะดูสูงแต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงๆไม่ตกเลยนะครับถือว่าสบายมากๆเลย แม้ความร้อนอาจจะมีแตะ 90 แต่ที่บอกไปคือไม่เจออาการหน่วงหรีอค้างแม้จะเล่นยาวๆครับ

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 150-155 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 92  : EPIC 
  • APEX ทำไปได้ FPS 110-115 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 90 : ULTRA 
  • PUBG ทำไปได้ FPS 90-110 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 92  : ULTRA 
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS 111-115 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 90  : ULTRA 

ต้องบอกว่าสายเกมไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับการรัน FPS ปรับภาพสูงสุดยังสามารถดันได้สูงมากๆและลื่นไหล อีกทั้ง แต่ความร้อนรอบนี้ทดสอบแอบมีแตะ 90 อยู่บ่อยๆแต่ไม่เจออาการอะไรครับผม ถือว่าประสิทธิภาพไม่ตก และขับได้เยอะขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ถ้าเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นเอง แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลาง +FHD จะขับได้เกิน 150+ Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป แต่โดยรวมชอบเรื่องของความร้อนที่จัดการได้ดี และแน่นอนว่า CPU ใช้งานแค่ 20-30% เท่านั้นในการเล่นเกมหลายๆเกม แต่ถ้าเทียบการทำงาน CPU 100% ก็จะไม่เจอแตะ 90 เท่าไรครับอาจจะแล้วแต่การใช้งานกันอีกทีนึงเพราะมีหลากหลายปัจจัยในการใช้งาน

ASUS TUF A15 FA506QR-AZ001T

”  ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงหายาก สเปก การใช้งาน ดีไซน์ทำได้ดี รวมถึงราคาด้วยเช่นกัน “

ASUS TUF ในปัจจุบันได้ยกระดับคุณภาพขึ้นมาเรื่อยๆเพราะว่าทางแบรนด์เองก็พยายามลบข้อเสียจากรุ่นก่อนๆที่เจอกัน จนมันลงตัวและน่าใช้งานมากขึ้นแน่นอนว่าทั้งเรื่องของสเปก การใช้งาน กับสิ่งที่ได้มันเหมาะกับคนที่กำลังหาคอมพิวเตอร์ใหม่ ตัวเดียวใช้งานได้ทั้งเล่นเกม ทำงานเรนเดอร์งานและสายทำงานแบบนี้ก็หันมาใช้งานคอมพิวเตอร์สายนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เน้นความคุ้มค่าระดับเริ่มต้นไปเรื่อยๆ และด้วยสเปกที่ให้มา ในงบ 47,000 บาทมีทอนแบบนี้บอกเลยว่าหาได้ยากมากๆ ได้หน้าจอ 240Hz และ สเปกแบบสุดๆจากค่ายแดง ค่ายเขียวในตัวนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ รวมถึงงานออกแบบที่มีความเรียบร้อย หรูหรามากขึ้นเส้นสายอะไรไม่รกเกินไปแบบเจนก่อนๆแล้วทำให้หล้าที่จะพกพาไปไหนได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว แต่แน่นอนว่าด้วยความคุ้ม งานประกอบหรือความแน่นดีกว่าเดิมเยอะมากแต่ถ้าหากไปเทียบกับตระกูล  ROG  หรือตัว F15 เองนั้นต้องบอกว่าแอบมีความแตกต่างกันอยุ่เล็กน้อย แต่ช่องว่างมันใกล้เคียงกันเรื่อยๆเลยครับถือว่าพัฒนาเยอะจริงๆ แต่ก็น่าเสียดายในเรื่อง คีย์บอร์ดยังเป็นโซนเดียวเลยไม่ล้ำเท่าไรนัก

ข้อดี

  • หน้าจอมีความลื่นไหลในการเล่นเกมดีกว่าเดิมพอสมควร
  • หน้าจอคุณภาพสูงขึ้นทำได้ดีขึ้นกว่า A15 รุ่นก่อน สีดีขึ้นในตัว 240Hz
  • งานออกแบบ วัสดุงานประกอบดีขึ้นกว่าเดิม ออกแบบดูดีมากขึ้น
  • ประสิทธิภาพในเรื่องของ RYZEN 7 ทำงานได้ดีไร้ข้อกังขา
  • Ryzen7 +RTX 3070 ทำงานได้ดีเล่นเกม + ทำงานเรนเดอร์
  • RAM 16 GB ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน พร้อมกับ SSD 1TB
  • เทียบความคุ้มค่าต่อราคาและสเปกทำได้ดีสมชื่อ TUF
  • การระบายความร้อนทำได้ดี 3 ทิศทาง ประสิทธิภาพใช้งานได้ดีไม่ตกแม้ทำงานนานๆ
  • เสียงพัดลมทำงานสูงสุดไม่ดังเท่าที่คิด

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ข้างในเหมือนเดิม + คีย์บอร์ดยังเป็นโซนแบบสีเดียวทั้งหมด
  • ลำโพงดีขึ้นแต่ เบสเสียงยังไม่ได้เด่นเท่าไร
  • วัสดุภาพรวม งานประกอบยังไม่แน่นเท่า DASH F15

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr