ROG ZEPHYRUS M16 เองนั้นมาพร้อมกับการใช้งานสเปก Intel Core i9-11900H และใช้งานตัว ROG Intelligent Cooling ที่จัดเต็มระบบ Heatpipe จัดเต็มมาให้ถึง 6 เส้น พร้อมกับ พัดลมดีไซน์ใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนพร้อมทำความสะอาดตัวเองได้ที่ทางค่ายพัฒนามาต่อเรื่อง พร้อมกับ Liquidmetal Thermal Grizzly และมาพร้อมกับ การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่ TGP 95W 6GB GDDR6 ที่ติดตั้ง RAM ตัวเครื่องมา 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ส่วนทางด้านหน้าจอใช้งานหน้าจะ พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ความละเอียด 2K WQHD (2560 x 1600 พิกเซล) สัดส่วนหน้าจอ 16:10 ที่กว้างกว่าทั่วไป ใช้งานหน้าจอแบบด้าน พร้อมกับการตอบสนอง 3ms รวมถึงมี Adaptive-Sync ทำให้ภาพเนียนมากขึ้น และ คุณภาพสีที่ตรงแม่นยำมากๆ ผ่านมาตรฐาน DCI-P3 ด้วยเช่นกันครับตัวนี้ และมาพร้อมกับ ระบบเสียงลำโพง 6 ตัวพร้อมกับ ระบบ Dolby Asmos รองรับ Hi-Res และ พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน Thunderbolt 4 และ MicroSD รวมถึง รองรับการสแกนนิ้วตรงปุ่ม Power และ การออกแบบใหม่ที่จะเป็นการยกตัวเครื่อง Ergo Lift และ สามารถกางหน้าจอได้ 180 องศา ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นหน้าจอกางได้กว้างแบบนี้ และมี Windows 10 Home ประกัน 3 ปี On-site Service และ ประกันอุบัติเหตุในปีแรกให้เช่นเดิม
ASUS ROG ZEPHYRUS M16 GU603 : Intel Core i9-11900H NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) : RAM 32GB : SSD 1TB ราคา 64,990 บาท ได้ประกัน ASUS Exclusive Care 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตใน 1 ปีแรก
UNBOX
- ROG ZEPHYRUS M16
- ADAPTOR 240W
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบจากรุ่นก่อนๆเยอะเช่นกันถ้ามองไปรุ่นก่อนๆในตัวซีรีย์ ZEPHYRUS M ก่อนหน้าก็ตาม ทั้งฝาหลัง หน้าจอ รูปทรง หรือแม้แต่การปรับหน้าจอเป็นอัตราส่วนแบบใหม่ที่ 16:10 ทำให้มันมีพื้นที่บนล่างมากขึ้นสำหรับการทำงานต่างๆ แต่การเล่นเกมนั้นยังคงมีหลายๆเกมที่เป็นอัตราส่วนแบบเดิม แต่ที่น่าสนใจเองนั้งคงเป็นการออกแบบฝาหลังที่เล่นกับแสงได้สวยงาม และการออกแบบข้อพับต่างๆที่ทำให้รุ่นนี้สามารถกางได้180 องศา รวมถึงน้ำหนักภาพรวมนั้นแค่ 2 กิโล และมีความบาง 19.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
งานออกแบบทั้งหมดนั้นเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้สวยและเรียบหรู รวมถึงมีการเล่นแสงสีตรงฝาหลังต่างๆสีออกรุ้งๆ ถือว่าโดดเด่น และมาพร้อมกับข้างในที่เป็นวัสดุแบบสัมผัสนิ่มช่วยเรื่องเวลาวางมือหรือรอยนิ้วมือได้ แต่ใช้ไปนานๆไม่แน่ใจว่าจะเป็นคราบมันได้ง่ายกว่าทั่วไปไหมครับ แต่เท่าที่ลองถือว่ามีความพรีเมี่ยมและผิวสัมผัสดีอย่างมาก และเป็นสีดำทั้งหมด ทั้งเครื่อง แต่สำหรับเรื่องแสงสีต่างๆนั้นอาจจะไม่ได้เน้นเท่าไรเพราะว่าฝาหลังไม่มีไฟรวมถึงไฟทางด้านคีย์บอร์ดเองนั้นเป็นแค่ Zone เดียวเท่านั้นไม่ได้มีการไล่สีอะไรเยอะเท่าที่ควร ส่วนความแข็งแรงอะไรนั้นทำได้ดีมาก
หน้าจอมีขนาด 16นิ้วแบบขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้หนีจากเดิม 15.6 นิ้วเท่าไรนัก และอัตราส่วนแบบ 16:10 ทำให้มันกินพื้นที่ขอบจอลงมาขอบล่างด้วยเช่นกัน เพราะว่าในรุ่นก่อนๆเองนั้นจะเหลือขอบล่างได้เยอะแบบชัดเจน แต่รุ่นนี้ขอบล่างนั้นชิดมากๆทำให้ดูเต็มจอมากขึ้นกว่าเดิม และสัดส่วนต่อตัวเครื่องนั้นมากถึง 94% เลยนั้นเอง แต่ยังคงใส่กล้องหน้า ไมค์คู่ อะไรมาให้ครบพร้อมใช้งานไม่ตัดออกไปแล้วครับส่วนทางด้านโลโก้หลังใช้งานแบบยุคใหม่ไว้มุมซ้ายล่าง พร้อมกับเขียนชื่อแบรนด์เต็มและ EST 2016 เช่นเดิม
ฝาหลังเองนั้นค่ายนี้ถือว่าเป็นค่ายที่ใส่ใจในหลายๆรายละเอียดจริงๆมีการเขียน เล่นลวดลายในด้านฝาหลังตรงฐานเครื่องในหลายๆรุ่นมีการออกแบบที่เด่นและสวย แต่ในรุ่น Zephyrus M16 ตัวนี้เรียบๆพร้อมกับเขียน ROG ไว้เล็กน้อยแบบห่างๆ ส่วนยางรองอะไรมีตามความยาวและมีความสูงพอสมควร เราจะเห็นลำโพงด้านขอบหน้า ซึ่งในรุ่นนี้ใส่มาให้ถึง 6 ตัว ทั้งบน และ ล่าง ส่วนฝาหลังฐานนั้นมีการใส่ดีเทลเข้ามาเยอะมากๆเมื่อแกะออกมาเราจะเห็นทั้งแผ่นทองแดงระบายความร้อน การเสริมส่วนพัดลมให้แข็งแรงและช่วยเรื่องทิศทางลม หรือว่าจะเป็น ตรงส่วนแบตก็มีการบุวัสดุที่จะช่วยเรื่องระบายความร้อนต่างๆเข้ามาได้ด้วยเช่นกัน ทำให้มีความแน่นและดูใส่ใจในหลายๆดีเทลมาก
เมื่อมาดูข้างในตัวเครื่องบอกเลยว่าเป็นค่ายที่จัดวางข้างในสวยมากๆค่ายนึงเลย และเรื่องของระบายความร้อนยังคงจัดเต็ม ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels และมี ฮีทไปป์ 6 เส้น พร้อมกันนั้นยังมีการติดตั้ง Liquid Metal จาก Thermal Grizzly และ การอัพเกรดนั้น รองรับ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ได้อีก 1 ช่อง และ ใส่มาให้ 1TB และทางด้าน RAM 16GB เป็นแบบฝังบอร์ดในเครื่องไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ และสามารถใส่ได้เพิ่มเติมอีก 1 แถว (SO-DIM) ใส่มาให้ 16GB อีกหนึ่งแถว รวมเป็น 32GB ซึ่งทำให้มันรองรับได้สูง 48GB เท่านั้นครับ ก็ถือว่าเหลือๆในการใช้งานแล้วไม่ว่าจะเป็น SSD RAM นั้นเพียงพอสบาย
ทางด้านงานออกแบบที่น่าสนใจเรื่องของการระบายความร้อนตัวนี้ดูดเข้าจากข้างล่างและยิงออก ทั้งซ้ายขวา รวมถึงด้านหลังเรียกได้ว่าจัดเต็ม และการออกแบบแบบนี้ ที่เป็น Ergo Lift ทำให้ตัวเครื่องมีพื้นที่การระบายอากาศแบบเต็มที่แม้จะเครื่องบาง และ เล็กก็ตามส่วนตัวยังคงชอบงานออกแบบแบบนี้และเป็นไม่กี่รุ่นที่สามารถกางหน้าจอได้เรียบแบนไปกับโต๊ะ รวมถึงสามารถยกตัวเครื่องขึ้นมาทำมุมได้สูงขนาดนั้นครับ ส่วนข้อต่อต่างๆในการพับยังคงทำได้แข็งแรงแน่นและรองรับองศาการพิมพ์ รวมถึงการเล่นเกมได้แบบไม่มีปัญหา และสบายกว่ารุ่นอื่นๆที่เรียบๆชัดเจน
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i9-11900H Processor 2.5 GHz (24M Cache, up to 4.9 GHz, 8 Cores)
-
NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 Laptop GPU. With ROG Boost up to 1525MHz at 80W (95W with Dynamic Boost) 6GB GDDR6
- หน้าจอ 16 นิ้ว 2K WQXGA (2560 x 1600) 16:10 หน้าจอ anti-glare มาตรฐาน DCI-P3:100% Refresh Rate:165Hz Response Time:3ms IPS-level Pantone Validated สัดส่วน 94%
-
RAM 16GB DDR4 on board + 16GB DDR4-3200 SO-DIMM Max Capacity : 48GB
- 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD รองรับอัพเกรดได้ 1 แถว
-
1x 3.5mm Combo Audio Jack1x HDMI 2.0b1x USB 3.2 Gen 2 Type-A1x USB 3.2 Gen 1 Type-A1x USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery1x RJ45 LAN port1x card reader (microSD)1x Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery
- Backlit Chiclet Keyboard RGB 1 ZONE
- กล้อง WEBCAM 720P HD
- ระบบเสียง Smart Amp Technology , Audio by Dolby Atmos , AI mic noise-canceling , Built-in array microphone , 2x 2W tweeter , 4x 2W woofer with Smart Amp Technology
- Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;
- 90WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
-
240W AC Adapter, Output: 20V DC, 12A, 240W, Input: 100~240C AC 50/60Hz universal
PERFORMANCE
เรื่องของประสิทธิภาพนั้นถือว่าสบายไว้ใจได้ครับ ไม่ว่าจะทำงานโหดแค่ไหนในฝั่ง CPU เองมาพร้อมกับ Intel Core i Gen11 Tiger Lake H45 เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร ตัวเทพ Intel Core i9-11900H ความเร็ว 2.5GHz-4.9 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (24 MB L3 Cache Smart Cache) พร้อมกับ NVIDIA GeForce RTX 3060 6GB DDR6 และ Intel UHD Graphics Xe 750 ส่วนทางด้าน RAM 32GB FFR4 Bus 3200MHz แยกเป็น 16GB X2 และ มาพร้อมกับ SSD M.2 1TB ของ SAMSUNG รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวครับ และมาพร้อมกับ Windows 10 Home สเปกเองนั้นสบายๆในแง่ทำงาน เรนเดอร์
PC MARK. คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าสบายๆเลยแหละ เพราะว่าเป็นตัว i9 เทพสุดๆทำให้คะแนนนั้นพุ่งไป 7357 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปจนถึงตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 Gen 11 ก่อนหน้า ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 7,400 ครับ
3D MARK ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4034 ถือว่าเทพมาก และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 4766 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 82 CPU GPU 77 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 9573 และ FIRE STRIKE ULTRA 5081 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3060 มาพร้อม 6GB DDR6 สเปกการ์ดจอนั้นรองรับได้ดีกว่าเดิม แม้จะไม่ได้รหัส 70 80 แต่ก็เหลือๆสบายแล้ว
CINEBENCH R15 R20 // DISK MARK R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเลยแหละ R15 นั้นทำได้ 2284cb/ 193 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ และดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผม ส่วนทางด้าน R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 อีกด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 5574 เลยครับ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 ที่รุ่นนี้ใช้ SSD 1TB ของ SAMSUNG คุณภาพสูงมากๆเรียกได้ว่าตัวท็อปเลยทีเดียว ส่งผลให้การใช้งานการอ่านเขียนนั้นทำการอ่านเขียนไป สูงมากๆ 7087MB/s และ 5194 MB/s ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่เทพ ตอบโจทย์ในการเล่นเกม ทำงาน และ เหลืออีก 1 ช่องให้อัปเกรดด้วยเช่นกันในตัวนี้
SCREEN
หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 2K และยังได้ 165Hz ถือว่าตอบโจทย์ทั้งเรื่องของคุณภาพ ความลื่นไหล ในการเล่นเกมที่ต้องการ FPS สูงๆหรือแม้แต่ภาพคมชัด อีกทั้งยังได้เรื่องของความแม่นยำของสีสำหรับสายงานทำงาน ครีเอเตอร์ต่างๆด้วยเช่นกันเป็นรุ่นที่ รองรับทั้งการทำงานระดับสูง เล่นเกมระดับสูงได้แบบไม่มีปัญหาเลยทีเดียว ในเรื่องของสเปกตัวนี้นั้น ใช้งานหน้าจอ 16 นิ้วเต็มๆใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมอัตราส่วนแบบใหม่ทำให้ขอบจอด้านล่างนั้นลงไปถึงขอบได้มากขึ้น และใช้งาน พาเนล IPS เกรดสูง ค่าสีตรง sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ความละเอียด 2K WQHD (2560 x 1600 พิกเซล) สัดส่วนหน้าจอ 16:10 ที่กว้างกว่าทั่วไป ใช้งานหน้าจอแบบด้าน พร้อมกับการตอบสนอง 3ms รวมถึงมี Adaptive-Sync ทำให้ภาพเนียนมากขึ้นไม่มีอาการฉีกของภาพ และ คุณภาพสีที่ตรงแม่นยำมากๆ ผ่านมาตรฐาน DCI-P3 และ ได้รับการรับรอง Pantone เช่นเดิม ทำให้เรื่องของโทนสีตรงแม่นยำและทำงานได้ทันที รวมถึงมีความคมชัดและ ตอบสนองได้ไวในการเล่นเกม
มุมมองของหน้าจอแน่นอนว่าเป็นหน้าจอแบบด้านก็ทำให้เรื่องของมุมมองนั้นดีกว่าหน้าจอแบบปกติมากพอสมควร และตัวนี้ได้หน้าจอที่มีคุณภาพสูงอันดับต้นๆของสายเกมมิ่งที่ขายกันในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเน้นเรื่องของความแม่นยำของสีได้ชัดเจน และ เวลาเล่นเกมนั้นรู้สึกชัดเจนว่าภาพค่อนข้างมีมิติกว่าทั่วไปและได้ 165Hz ถือว่าโหดมากๆและได้ความละอียดสูงถึง 2K เลยทีเดียวครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับตัวก่อน M15 4K 60Hz ก็มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ตัวนี้จะตอบโจทย์สายเกมมากกว่าเยอะในความลื่นไหล แต่ยังคงได้สีที่ตรง คุณภาพสูงเข้ามาอยู่ จะไม่สวยคมชัด สีเทพ และบังคงมีความลื่นไหล สำหรับรุ่นนี้ค่อนข้างตอบโจทย์สายทำงาน สายเกมได้แบบลงตัวครับ มุมมองสีไม่เพี้ยนหรือดรอปลงแม้แต่น้อย และยังคงความสวยงามและจะมุมมองอื่นทั้งการตัดต่อ เล่นเกมยังแสดงค่าสีได้ดีกว่าตัวอื่นแบบชัดเจน เป็นหน้าจอที่ทำงานได้ เอามาตัดต่อแต่งภาพได้สบายได้ค่ามาตรฐาน Pantone -DCI-P3
KEYBOARD
ตัวคีย์บอร์ดมาครบทั้งตัวปุ่มเสริมในด้านบน ลูกศรในตำแหน่งที่เรียบและจัดย่อให้มากขึ้น ปุ่มแถบขวาหายไปพร้อมกับ เรียบร้อยมากขึ้น ปุ่ม Print Screen หายไปครับ และ Spacebar เรียบๆตรงๆ รวมถึงยังคงได้ไฟ แบบ RGB ALL ZONE เท่านั้นไม่สามารถปรับสีแยกกันได้ปรับทั้งหมดเท่านั้นครับ ส่วน ในแง่ของตัวปุ่มนั้นการออกแบบเว้นระยะห่างยังคงทำได้ดีความรู้สึกเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ส่วนพวกปุ่มการวางตำแหน่งต่างๆนั้นก็ยังคงคุ้นเคยกันได้อย่างดี การจัดวางปุ่มอะไรใช้งานได้ง่ายและเว้นระยะห่างกำลังดีครับ รวมถึงคีย์ลัดต่างๆ รวมถึงปุ่ม Spacebar ก็มีขนาดกำลังดี และปุ่มเปิดปิดก็แยกออกไปชัดเจน และระดับแตกต่างกันด้วยทำให้ไม่ไปโดนง่ายๆ รวมถึงปุ่มพิเศษทั้ง 4 ปุ่มด้านมุมบนซ้ายของตัวเครื่องก็จัดการได้ดีครับ แต่ที่ชอบมากๆคือการพิมพ์การเล่นเกม เสียงเงียบอย่างมากในการใช้งานจริง และ ระยะการกดนั้นมีความลึกกำลังดีและไวขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆด้วยระยะที่ตื้นขึ้น รวมถึงมีการแทรกลำโพงข้างๆเข้ามาด้วยเช่นกัน และที่น่าสนใจนั้นทางด้านปุ่ม Power เองรองรับการสแกนนิ้วได้ด้วยถือว่าใช้งานได้สะดวก
ซึ่งระยะของปุ่มนั้นลงไประยะที่ 1.7 มิลลิเมตร น้อยกว่าเดิมที่ 1.8 ครับและยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และ สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมือนกับตัว ROG ตัวอื่นๆเลยที่เคยทดสอบมานั้นเอง รวมถึงน้ำหนักการตอบกลับ หรือจะเป็นการวางมือใช้งานนั้นก็ทำได้ค่อนข้างดีและสบาย รวมถึงสามารถมีฟังก์ชันเพิ่มลดเสียง เปิด-ปิดไมค์ และ Gaming Center อยู่ด้านบน ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวก ยิ่งตัวปิดไมค์นั้นทำให้เวลาเล่นเกม หรือ สตรีมเกมนั้นปิดได้ไวในเวลาที่ไม่ได้ต้องการ หรือเวลาคุยนอกเกมเป็นต้นครับแต่เสียดายไฟมากๆเป็นรุ่นนี้กลับเป็นแค่ Zone เดียวเท่านั้นครับยังคงเป็นจุดที่น่าจะเพิ่มได้กว่านี้
TOUCHPAD
บอกเลยว่ารุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงทีชัดมากๆคือตัว Touchpad มีขนาดใหญ่มากขึ้น 20% พร้อมกับรองรับการทำงานนอกสถานที่ได้มากขึ้นแน่นอน รวมถึงเอามาสำหรับสายทำงานได้แบบไม่มีปัญหาในการใช้งานข้างนอกเพราะว่าจริงๆรุ่นก่อนนั้นไม่ได้เน้นอะไรในเรื่องนี้ แต่พอมารุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นแบบชัดเจนมากๆในส่วนนี้ครับไม่มีตัวคลิก ซ้ายขวา รวมๆในการใช้งานตัวปุ่มนั้นรองรับทำได้ดีรวมถึงการสัมผัสหรือการกดคลิกซ้ายขวาต่างๆครับ ใช้งานโทนสีดำทั้งหมดเข้ากับตัวเครื่อง รองรับการทัชได้หลายๆจุดทั้งใช้งานแบบ Multi touch หรือพวก Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 สามนิ้วก็รองรับได้สบายเวลาเลื่อนสลับแอปก็รองรับการทำงานได้ดี และ เลื่อนนิ้วปกติตอบสนองได้ดี ลื่นไม่หนืดนิ้วครับถือว่าเป็น Touchpad ที่กว้างใหญ่และสะใจมากๆ
SPEAKER
ลำโพงครั้งนี้เทพมากขึ้นมาพร้อมกับลำโพง 6 ตัวจัดเต็มรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ รองรับการถอดรหัสเสียง hires ได้สบายๆและรองรับเสียงลำโพงที่มิติอะไรมาดีกว่าเดิมแรงขับมากกว่าเดิม รวมถึงเสียงเบสอะไรนั้นแน่นขึ้นมากๆ ตำแหน่งลำโพงตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ยิงลงข้างล่างทั้งมุมซ้ายและมุมขวา แต่เสริมขอบบนคีย์บอร์ดเข้ามาซ้ายขวา และ วางกัน 2WX2 ตัวจัดเต็ม รวมข้างล่าง 4 ตัวแน่นๆครับเป็น 6 ตัว และแน่นอนว่าตัวเสียงนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างดีเพราะมีตัว SmartAmp เข้ามาด้วย การวางลำโพงแบบนี้ทำให้เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนเวลาเล่นเกมรวมถึงดูหนัง และยังมีเบสที่ทำได้ดีมากๆเสียงแน่นออกมาดี ดีกว่าตัวอื่นๆเลยนะรู้ในส่วนลำโพง
และเสียงภาพรวมนั้นยิงออกมาด้านหน้า ยิงลงข้างล่างทำให้รู้สึกว่ามันสั่นอยู่พอสมควรเลยแหละ พวกเสียงปืน ระเบิดทำให้มันแน่นกว่าเดิม และแน่นอนว่าค่ายนี้เป็นไม่กี่ค่ายที่เน้นเรื่องลำโพงเสียงมาเรื่องๆ รุ่นนี้เสียงรองรับทั้ง Hi-res และ รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos อีกด้วย และเมื่อใช้งานผ่านหูฟังเสียงที่ขับออกมาก็แรงขับดีกว่ารุ่นอื่นแบบชัดเจนและรายละเอียดมาดีมากจริงๆ และ เสียงเบสก็จะเด่นกว่าเดิมมากๆเสียงยังคงเทพไม่ต่างจากเดิมเลยและรุ่นนี้ด้านล่างขับเสียงย่านต่ำ 4 ตัว เป็นคล้ายกับซัฟวูฟเฟอร์แบบรุ่นก่อนๆทำให้ขับเสียงต่ำได้โหดมากๆสำหรับลำโพงนี้
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อเองนั้นรุ่นนี้มาพร้อมกับพอร์ตที่ครบมากๆตัวนึงในตลาดแม้จะได้เครื่องที่บางแบบนี้ก็ตามในด้านขวาก่อนนั้นจะเป็น USB 3.2 Gen 2 Type-A และ พอร์ต Micro-SD สำหรับอ่านข้อมูลรูปภาพจากกล้องต่างๆ และ ช่องระบายความร้อน รวมถึง Kensington Lock มาตรฐาน และ จะเห็นเลยว่ายกตัวเครื่องขึ้นสูงมากๆในตัวนี้ครับ
ส่วนด้านซ้ายเองนั้นจัดเต็มมากๆ ในด้านหน้าซ้ายสุดจะมาพร้อมกับรูหูฟัง 3.5mm Combo Audio Jack และเป็น USB 3.2 Gen 2 Type-C support DisplayPort / power delivery พร้อมกับ 1x Thunderbolt™ 4 support DisplayPort™ / power delivery และ USB 3.2 Gen 2 Type-A และยังคงใส่ RJ45 LAN port แม้จะเครื่องบางแค่นี้ รวมถึง HDMI 2.0b และ พอร์ตเสียบไฟเข้าครับ ถือว่าเป็นรุ่นที่จัดเต็มมากๆสมราคา และ ช่องระบายความร้อนให้ทั้ง 3 มุมเครื่อง ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเองนั้นจะมาพร้อมกับ Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.2 พร้อมใช้งานบน Windows 10 Home นั้นเองสบายๆในการเชื่อมต่อทั้งหมด
ARMOURY CRATE
เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งไฟ AURA Sync เปลี่ยนสีต่างๆที่ทั้งตัวคีย์บอร์ด การเล่น Effect แสงไฟตามเพลงหรือ ปรับความเร็วโทนสีทั้งหลายได้ทั้งหมดเลย หรือจะเป็นการแสดงผลต่างๆหรือซิงค์กับตัวอื่นๆนั้นเอง และพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกัน และตัวนี้นั้นยังมี Mobile Dashboard รองรับกับ Android และ iOS ที่สามารถดูจากมือถือเราได้เลย ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับ ทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU – GPU รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมาก และมี XSplit มาให้ด้วยในตัวเลยแหละ และยังมีแอปอื่นๆที่เราสามารถโหลดได้ ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์ยังสามารถสั่งปิดเปิดปุ่ม Windows, ROG และทัชแพดได้ขณะเล่นเกมด้วยอีกด้วยพวกนี้สามารถตั้งค่าปรับอะไรได้ทั้งหมด และในเรื่องของระบบจะสามารถปรับตั้งค่าได้ว่าทำอะไรยังไงบ้างครับ
WORKING
การทำงานของตัว i9 Gen11 แล้วบอกเลยว่าถ้าสายทำงาน สายเรนเดอร์หรือจะเป็นการตัดต่อ ทำภาพ 3มิติ สร้างบ้าน ขึ้นโมเดล ทำงานหลายโปรแกรม ทั้งการจัดการหลายๆโปรแกรม การรัน การประมวลผลและเห็นชัดมากๆในการ เรนเดอร์โมเดลดีกว่ารุ่นก่อนๆเยอะมาก แน่นอนว่าแม้ว่าเทคโนโลยีอาจจะไม่ได้ใช้งาน 7nm อะไรแต่ตัวนี้มาพร้อมกับ 10nm Tiger Lake ในตัว i9-11900HK Processor (24M Cache, up to 4.90 GHz) 8 Cores 16 Threads พร้อมกับ RTX 3060 6GB และใช้งาน RAM 32GB + 1TB SSD ก็ถือว่าไวมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านเขียน แต่ทดสอบในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน เพราะว่าตัว Cores Threads นั้นจะเท่ากับ 5900HX เลยทีเดียวครับน่าสนใจมากๆในสเปกตัวนี้ครับ
ในการใช้งานพื้นฐานด้วยทั้ง RAM32 GB + i9 11900HK ทำให้การทำงานนั้นลื่นไหล และสามารถเปิดหลากหลายโปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่ต้องห่วงว่าจะหน่วงหรือค้างเลยนั้นเอง สำหรับสายทำงานเหมือนจะใช้งานเป็นเครื่องหลักได้เลยรองรับการเปิด ADOBE รุ่นล่าสุดทั้งหมดได้พร้อมกับ รวมถึงเรนเดอร์ได้ด้วยไม่เจออาการหน่วงหรือค้าง และยังทำเวลาได้ดี อีกทั้งหน้าจอที่สีตรงทำให้เอามาแต่งภาพทำงานได้ทันทีไม่ต้องไปต่อจอนอกเพื่อแต่งภาพอะไรทั้งนั้นครับเรียกได้ว่า ถ้าสายทำงานอาจจะชอบหน้าจอแบบนี้มากกว่าและมีความคมชัด สีตรงมากเลยทีเดียว
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับ แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 90-100 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 30 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงาน บอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับไวกว่าตัว i7 Gen11 ประมาณ 10 นาที
PREMIRE PRO
ทดสอบโดยการเรนเดอร์ในความละเอียดสูง 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนกันนั้นแอบมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 14 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 26 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 GEN11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 23 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน และแม้จะเทียบกับค่ายตัวเองในรหัสใกล้ๆกัน แต่เป็นคนละปีก็ยิ่งแตกต่างกันด้วยนั้นเอง ถือว่าสายทำงานเรนเดอร์หรือว่า ครีเอเตอร์ตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้
GAMING
การเล่นเกมต้องบอกว่ารุ่นนี้สามารถขับหน้าจอ 2K 165Hz ได้แบบไม่มีปัญหาในการเล่นเกมแม้จะปรับภาพสุด ด้วยประสิทธิภาพะของตัว i9 + RTX 3060 6GB DDR6 มาพร้อม RAM 32GB การอ่านเขียน SSD ระดับสูง และ ในการทดสอบที่ลองนั้นในสภาพอากาศที่ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ซึ่งทำให้ได้อุณหภูมิจริงๆในการใช้งานเลยแหละครับสภาพอากาศจริง ซึ่งก็ได้ทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม การระบายความร้อนต่างๆ และการยกตัวของตัวเครื่องทำได้ดี มุมองศาการวางมือ การเล่นเกมสบาย และการระบายความร้อนดี ทำให้เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ และระบบเสียงลำโพงบอกเลยว่าสมกับที่ใส่มาทั้งหมด 6 ตัวสามารถขับเสียงได้แบบมิติมาครบ และ ยังรองรับเสียงเบส ย่านต่ำได้โหดมากๆในการเล่นเกมครั้งนี้และจะเป็นการทดสอบแบบปรับภาพสูงสุด ซึ่งเราได้ทดสอบการ สตรีมเกมลง Facebook Live ไปด้วยพร้อมกัน
กราฟิกระดับสูงสุดเท่าที่เกมรองรับ และ ปรับภาพในขนาด 2K ทั้งหมดในการเล่นนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 79-84 ไม่เกินนี้เลยย้ำว่าไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม+ ทุกเกมครับ โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 85-86 บ้างในบางครั้งครับแต่พัดลมเปิดแรงสูงสุด และไม่ได้เล่นในห้องแอร์นะครับถือว่ารับได้ และ FPS นิ่งไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ถือว่ามีความร้อนบ้างถ้าเล่นต่อเนื่องนานๆและถ้าเล่นให้ห้องแอร์น่าจะลงต่ำกว่านี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 150 Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 101 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 82 : EPIC
- APEX ทำไปได้ FPS 114 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 79 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 107 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 86 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 63 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 84 : ULTRA
- FORZA HORIZON 4 ทำไปได้ FPS 110 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 79 : ULTRA
ถือว่าสายเกมมิ่งนั้นไม่น่ามีปัญหาในการเล่นเกม ภาพสวยคมชัด และ ลื่นไหล ตัวนี้จะได้หน้าจอ คุณภาพสูงมากๆ ทั้งความคมชัด โทนสีตรง มิติของภาพสวยและสู้แสงได้ดี + 165Hz และการที่ใส่ Adaptive Sync เข้ามานั้นจะไม่เกิดอาการภาพฉีกเลยถือว่าดีสำหรับสายเกม เพราะถ้าไม่มีนั้นจะเจอง่ายมากเวลาเล่นเกมแล้วหันหน้าไปมาทำให้มีภาพเฉือน และรุ่นนี้ยังได้เรื่องภาพที่สวยและได้ DLSS Resizable bar ที่พัฒนาขึ้น ดึงประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เล่นเกมได้เต็มระบบประสิทธิภาพทั้ง ความลื่นไหล การซิงค์ของภาพ และแน่นอนว่าความคมชัดและสีที่มีมิติมาครบ
ASUS ROG ZEPHYRUS M16
” ZEPHYRUS ยังคงโดดเด่น พกพาได้ง่าย สเปกจัดเต็ม หน้าจอ ลำโพง ถือว่าสุด ! “
ROG ยังคงโดดเด่น ทั้งในแง่ของการออกแบบ คุณภาพ เป็นค่ายที่สัมผัสลองใช้งานแล้วรู้สึกเลยว่า ใส่ใจทั้งงานออกแบบข้างในเมนบอร์ด หรือ ดีไซน์ด้านนอกต่างๆเห็นการพัฒนา โดดเด่นขัดเจนถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนๆ อีกทั้งในตระกูล ZEPHYRUS ยังคงทำได้บาง 19.9 มม. และหนัก 1.9 กก. ในสเปกที่ใส่ทั้ง i9 11900H พร้อมกับการ์ดจอ RTX 3060 เต็มๆ และที่ประทับใจที่สุดคงเป็นหนัาจอ 16 นิ้วที่ใช้อัตราส่วนแปลกตากว่าเดิม ทำให้ขอบล่างนั้นเต็มมากขึ้น และ อัดแน่นทั้ง คุณภาพ และ RefreshRate คุณภาพนั้น รองรับ ความคมชัด 2K พร้อมกับ หน้าจอแบบด้าน และ สีตรง sRGB100% และ มาตรฐาน DCI-P3 และ Pantone Validated เช่นกัน ทำให้สายตัดต่อ ทำงานแต่งภาพ มีพื้นที่ ทำงานมากกขึ้นในแนวตั้ง และ สีสันตรงมากๆตัวนึงในตลาด Gaming ส่วนสำหรับสาย Gaming รองรับ ความถี่สูงมากๆ 165Hz และยังได้ Adaptive Sync และ DLSS จาก RTX จัดเต็ม ทำให้มันลงตัวในทุกๆด้านของจริงทั้ง ลำโพง 6 ตัว รองรับ ATMOS + SUBWOOFER รวมถึง การพกพา ประสิทธิภาพ การทำงานเล่นเกมครบ ลงตัวทั้งหมดใน ZEPHYRUS M16 ตัวล่าสุดจากทาง ASUS ROG ZEPHYRUS รุ่นนี้
ข้อดี
- หน้าจอถือว่าโดดเด่นอย่างมาก พร้อมทั้ง ความคมชัด รายละเอียด และโทนสีที่ตรง sRGB 100%
- หน้าจอ 2K รองรับ 165Hz และ Adaptive Sync ตอบโจทย์สายเกม
- ระบายความร้อนทำได้ดี ในบอดี้ที่เล็ก บางแบบนี้ พัดลมไม่ได้ดังมากเกินไปด้วยเช่นกัน
- การยกตัวเครื่อง Ergo Lift โดดเด่นและใช้งานได้จริง
- ประสิทธิภาพ i9 +RTX 3060 รองรับการทำงาน เล่นเกมขับภาพลื่นไหลได้สบาย
- ระบบเสียงทำได้ดีและเด่นมากๆตัวนึงในตลาด 6 ลำโพง + Dolby Asmos รองรับ Hi-Res หูฟัง
- รองรับชาร์จไว 50% ใน 30 นาที และ มาตรฐาน PD USB-C
- มีกล้อง Webcam และ ไมค์มาให้พร้อมใช้งาน
- มาพร้อม สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power ทำได้ดีและเนียน
- พอร์ตเชื่อมต่อครบ และ พร้อมใช้งานทั้ง Thunderbolt 4 / HDMI / RJ45
- ประกันทำได้ดี ASUS Exclusive Care ประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service
- มีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต
- คีย์บอร์ดได้ไฟ RGB 1 ZONE เท่านั้น
- บอดี้แบบด้านเคลือบผิวผัสนิ่มอาจจะมีผลระยะยาวในการใช้งานนานๆ
- RAM 16 GB เป็นแบบ OnBoard ในตัว รองรับการอัปเกรดได้ 1 แถวเท่านั้น
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr