ในตอนนี้ทุกคนหันมาใช้แท็บแล็ตกันเยอะมาก ๆ ถือว่าเป็นตัวช่วยในการทำงานอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญเลยค่ะ และอาจจะเป็นตัวช่วนในการเรียนออนไลน์ของเด็กนักเรียนและนักศึกษาในสถานการณ์ตอนนี้ ซึ่งตลาดแท็บแล็ตตอนนี้ก็ปล่อยของกันออกมาเป็นว่าเล่น แต่ละค่ายแต่ละรุ่นก็จะมีดีไซน์ สเปก และราคาที่ต่างกันออกไปอย่างมาก ทำให้หลายคนหนักใจในการตัดสินใจซื้อแท็บแล็ตเช่นกัน และ HUAWEI MATEPAD 11 แท็บแล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจาก HUAWEI และ Galaxy Tab S7 จาก SAMSUNG ที่พึ่งเปิดตัวไปนานไม่ได้นี้ ถือเป็นแท็บเล็ตมาแรงในตอนนี้ ซึ่งมาพร้อมกับสเปกที่ครบครัน นอกจากนี้ ก็ยังมี iPad Air 4 (2020 ) จากทาง APPLE ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่น่าจับตามองและน่าสนใจเช่นกันค่ะ ทั้งสามรุ่นถือว่ามาแรงมากจริง ๆ
HUAWEI MATEPAD 11 รองรับการใช้งาน HUAWEI Smart Magnetic Keyboard และ HUAWEI M Pencil ถือว่าตอบโจทย์คนยุคใหม่อย่างมาก ครบครันในเรื่องของการทำงาน อีกทั้งยังมาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็ม ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core / GPU Adreno 650 โดยมี RAM 6GB หน่วยความจำสูงสุด 128GB ความจำภายนอกรองรับ microSDXC ความจุ 256GB และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7250mAh ที่รองรับ Fast Charge ถึง 22.5W รันบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาดหน้าจอ 10.95 นิ้ว ที่ถือว่าใหญ่กำลังดี และการสัมผัสอย่างลื่นไหลด้วย Refresh Rate 120Hz ลำโพง Stereo บนล่างทั้งหมด 4 ตัวจูนโดย Harman และ Kardon ส่วนไมโครโฟนจัดมาให้ถึง 4 ตัว
iPad Air 4 (2020) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน iPad Air 4 ถือว่ามีดีไซน์ใหม่เกือบยกแผง! โดยวัสดุหลักเป็นอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อน ขึ้นมา 4 นิ้วเลยทีเดียว ซึ่ง Apple เผยว่า หน้าจอ iPad Air 4 มีอัตราการสะท้อนเพียง 1.8% เท่านั้นค่ะ และรุ่นนี้จะไม่มี Face ID ในการปลดล็อกหน้าจอ แต่จะใช้เป็น Touch ID ผ่านปุ่มสำหรับเปิด / ปิด เครื่องแทน และใช้ชิปเซ็ต Apple A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปตัวใหม่ขนาด 5 นาโนเมตร ที่แรงขึ้นและประมวลผลดีขึ้น แถมยังประหยัดไฟมากขึ้นอีกด้วย และเร็วกว่า iPad Air รุ่นที่ก่อน ถึง 40% มีหน่วยความจำให้เลือก 2 รุ่น คือ 64GB และ 256GB รองรับ Magic Keyboard และ Apple Pencil รุ่นที่ 2 เหมือนเดิม การเชื่อมต่อ WiFi 6 / Bluetooth 5.2 ที่สำคัญ iPad Air 4 รุ่นนี้ก็เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C ลำโพงเสียงแบบ Stereo และ ไมโครโฟนคู่
Samsung Galaxy Tab S7 มีหน้าจอใหญ่จัดเต็มกว่า 2 ค่ายนั้น โดยมีขนาดหน้าจอถึง 11 นิ้ว ถือว่าใหญ่เต็มตาจริง ๆ มีหน้าจอแสดงผลแบบ PLS LCD ยังใส่ค่ารีเฟรชเรทมาให้สูงถึง 120Hz การสัมผัสลื่นไหลแบบจัดเต็ม มาพร้อมกับลำโพง Surround ทั้งหมด 4 ตัว ที่ได้รับการปรับแต่งเสียงโดย AKG ที่ถือว่าเป็นบริษัทเครื่องเสียงระดับโลก และยังรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos และ ไมโครโฟนมาให้ 2 ตัว อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750G ที่มาพร้อม GPU Adreno 619 โดย RAM 4GB และหน่วยความจำเริ่มต้น 64GB ที่ขยายผ่านการ์ด MicroSD ได้อีก สูงสุด 1TB รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE และ Wi-Fi 5 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,090 mAh ที่รองรับ Fast Charge สูงถึง 45W เลยทีเดียว รันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับ ด้วย OneUI 3.1
DESIGN
แท็บเล็ตทั้งสามรุ่นมีดีไซน์ที่แอบคล้ายกัน แตกต่างกันที่ขนาดของตัวเครื่องและตัวขอบ ซึ่ง Galaxy Tab S7 จะมีน้ำหนักที่หนักสุดคือ 498 กรัม ในขณะที่ MATEPAD 11 เป็นการออกแบบที่เรียบง่าย น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 485 กรัม และ iPad Air น้ำหนัก 458 กรัม ถือว่าเบาสบายสุดและบางเฉียบ 6.1 มิลลิเมตร Galaxy Tab S7 และ Pad Air 4 จะมีดีไซน์เป็นขอบเหลี่ยมเหมือนกันซึ่งต่างจาก MATEPAD 11 ที่เป็นขอบโค้งทำให้เครื่องดูบางเฉียบลง และกรอบหน้าจอยังแข็งแรงด้วยวัสดุแมกนีเซียมอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ช่วยป้องกันหน้าจอได้ดีเลยทีเดียว แต่เรื่องของขอบ ก็ไม่มีผลต่อใช้ทำงาน อยู่ที่ความชอบและสไตล์ของคนใช้ล้วน ๆ Galaxy Tab S7 ดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกจะเป็นโลหะทั้งหมด และที่ด้านหลังเครื่องจะเป็นผิวสัมผัสแบบด้าน
EYE PROTECTION
HUAWEI MatePad 11 มีคุณสมบัติการป้องกันดวงตาที่ครอบคลุมมากกว่า iPad Air 4 (2020) และ Galaxy Tab S7 ซึ่ง MatePad 11 การรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light (โซลูชันฮาร์ดแวร์) ในขณะที่ Galaxy Tab S7 มีการรองรับที่ต่ำ แต่ iPad Air 4 ไม่มีการรับรองเลย และ MatePad 11 ยังรองรับการสั่นไหวหรือการกระพริบ ซึ่ง iPad Air 4 (2020) และ Galaxy Tab S7 ไม่มีการรับรองอะไรเลย แต่ทั้งสามรุ่นนั้นรับรอง Eye Comfort mode หรือเรียกว่า โหมดสบายตา ซึ่งรองรับแสงสีน้ำเงินต่ำ (software solution) เหมือนกัน ดังนั้นทำให้ HUAWEI MatePad 11 มีคุณสมบัติในเรื่องของ EYW PROTECTION มากกว่าทั้งสองรุ่น
AUDIO
HUAWEI MatePad 11 และ Galaxy Tab S7 จะมีลำโพงมาให้สี่ตัวเหมือนกัน แตกต่างกันที่คุณสมบัติของตัวลำโพงนั้นคือ MatePad 11 แบบ Quad-Speaker และระบบเสียง Quad-Channel ได้รับการปรับแต่งเสียงจาก Harman/Kardon และ Galaxy Tab S7 ปรับแต่งเสียงโดย AKG และรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos จัดเต็มด้านความบันเทิงเรื่องเสียงจริง ๆ ส่วน iPad Air 4 จะมีลำโพงสเตอริโอเพียงแค่สองตัวเท่านั้นค่ะ ซึ่ง Galaxy Tab S7 และ iPad Air 4 มีไมโครโฟนคู่ แต่ iPad Air 4 จะรองรับการลดเสียงรบกวนในขณะที่ Galaxy Tab S7 ไม่รองรับ และ MatePad 11 ที่ให้ไมโครโฟนมาถึงสี่ตัวแถมยังมีคุณสมบัติลดเสียงรบกวนและตัดเสียงสะท้อนออกไป
BATTERY
HUAWEI MatePad 11 มีแบตเตอรี่ขนาด 7,250mAh มาพร้อม Frame Rate Adaptation ที่ช่วยให้มีอายุการใช้งานสำหรับการเล่นวิดีโอยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 22.5W ผ่านพอร์ต USB Type-C แถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 2.25AC มาให้ในกล่อง ในขณะที่ Galaxy Tab S7 ความจุแบตเตอรี่ขนาด 8000 mAh รองรับชาร์จไว 45W สามมารถใช้งานในการเล่นวิดีโอได้ 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% และแถมอะแดปเตอร์ AC เพียง 15W มาให้ และ iPad Air 4 ใช้งานได้เพียง 8 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อม อะแดปเตอร์ AC 20W มาให้ในกล่องเช่นกัน
CAMERA
แท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ขนาดใหญ่จึงทำให้การถ่ายภาพทำได้ยากลำบากกว่าสมาร์ตโฟเพราะอาจจะไม่พอดีกับมือเรา แต่แท็บแล็ตทั้งสามตัวนี้ในเรื่องของกล้องหลักอาจจะเราหลงรักในการถ่ายภาพจากแท็บแล็ตขึ้นมาเลยก็ได้ HUAWEI MatePad 11 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 13 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง f/1.8 รองรับระบบออโต้โฟกัส อีกทั้งยังมีแฟลช LED มาช่วยเพิ่มความสว่างให้อีกด้วย ที่สำคัญรองรับฟีเจอร์ Panorama, Burst Shooting, Watermark, Document Correction, Timer, Audio Control, Time-Lapse และสามารถถ่ายวิดีโอในระดับ 4K ในส่วนของ Galaxy Tab S7 มีกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เช่นกัน และกล้อง Ultra Wide 5MP มีแฟลช LED มาให้เช่นเดียวกับ MatePad 11 ค่ะ ในขณะที่ iPad Air 4 มีกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งน้อยกว่าสองรุ่นนั้น รูรับแสงขนาด f/1.8 แต่ไม่มีกล้อง Ultra-wide กับ LiDAR Scanner มาให้เหมือนกับ MatePad 11 แต่สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับโหมด Slow Motion ความละเอียด 1080p พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว ทั้งสามตัวสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดที่ 4K เท่ากันค่ะ
SELFIES
สำหรับกล้องหน้าของทั้งสามตัวถือว่าต่างกันไม่มากนัก โดนในส่วนของ HUAWEI MatePad 11 ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และรองรับฟีเจอร์ Beauty Mode, Selfie Mirroring, Watermark, Audio Control, Time-Lapse สามารถถ่ายวิดีโอในระดับ Full HD 1080p ทางด้านของ Galaxy Tab S7 ก็มีกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เท่ากัน ในขณะที่ iPad Air 4 ยังคงใช้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล เท่าเดิมกับรุ่นก่อน ๆ แต่ได้รับการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนให้มีความคมชัดมากขึ้น พร้อมรองรับฟีเจอร์ เท่ากับ MatePad 11
PRICE
HUAWEI MatePad 11 หน่วยความจำ 6GB + 128 GB รุ่น WiFi สี Matte Grey พร้อม HUAWEI M-Pencil (2nd generation) ที่บรรจุภายในกล่อง ราคา 19,990 บาท สีใหม่อย่าง Isle Blue ราคาเพียง 15,990 บาทเท่านั้น
ส่วนทาง Galaxy Tab S7 Wi-Fi 6GB + 128GB ราคา 22,900 บาท และ Tab S7 LTE 6GB + 128GB ราคา 26,900 บาท และจะมี Keyboard Cover ขายแยกต่างหากในราคา 5,990 บาท
ในขณะที่ iPad Air 4 มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Space Gray Silver Rose Gold Green และ Sky Blue โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น 2 ความจุ ซึ่งมีราคาแตกต่างกัน โดย รุ่น Wi-Fi 64GB ราคา 19,900 บาท Wi-Fi 256GB ราคา 24,900 บาท Wi-Fi + Cellular 64GB ราคา 24,400 บาท และรุ่น Wi-Fi + Cellular 256GB ราคา 29,400 บาท
สำหรับทั้งสามรุ่นนี้ ได้แก่ HUAWEI MATEPAD 11 , iPad Air 4 (2020) และ Galaxy Tab S7 แท็บแล็ตสามตัวท็อป ก็ถือว่าอยู่ในสเปกที่ไม่ต่างกันมาก แต่ก็มีจุดที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป และก็มีข้อเสียในบางเรื่องที่ไม่เหมือนกัน เอาจริง ๆ ในบางสเปกของแต่ละรุ่นก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบ ไลฟ์สไตล์และความจำเป็นในการทำงาน ขึ้นอยู่ว่าสเปกไหนตอบโจทย์ความต้องการของคนใช้มากที่สุด ว่าเน้นไปทางเรื่องไหนมากกว่าเราก็ถูกจะถูกใจในตัวนั้นนั่นเอง