vivo ได้เปิดตัว X70 Series ได้ไม่นานในตลาดเมืองจีน และ แน่นอนว่าในไทยเองก็ลุยตลาดแบบทันทีครับสำหรับรุ่นเทพของค่ายในซีรีย์ X ที่มาพร้อมกับรุ่น X70 และ X70 Pro ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่หลายๆคนให้ความสนใจโดยเฉพาะคนที่รักการถ่ายรูปต่างๆ เพราะว่ารุ่นนี้ได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเรื่องร่วมกับทาง ZEISS ที่จะเน้นไปทางกล้องจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปวิวหรือแม้แต่ถ่าย Portrait ซึ่งมีทั้งการช่วยในเรื่อง Hardware ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบหน้าเลนส์ และ Software ที่จะทำให้การเบลอฉากหลังนั้นเนียนและสวยโดยอิงจากเลนส์จริงๆด้วยเช่นกันครับ และแน่นอนว่าสเปกส่วนอื่นๆนั้นก็พัฒนาขึ้นทั้งการชาร์จ 44W รวมถึง หน้าตาระบบ UI ต่างๆพัฒนาใหม่ขึ้นด้วย
vivo X70 Pro 5G ใช้ชิบประมวลผล Dimensity 1200 ของ MediaTek ARM G77 MC9 / ชิบประมวลผล Exynos 1080 5nm มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G78 มาพร้อมกับ RAM 12 GB LPDDR4X และ STORAGE 256 GB (UFS 3.1) จัดเต็ม พร้อมกับ หน้าจอ AMOLED ขอบโค้งขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080พิกเซล) Full HD+, 19.8:9, รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz ทางด้านของกล้อง vivo ได้จับมือกับ Zeiss ในการพัฒนา มีกล้องหลังจำนวน 4 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 50MP + กล้อง ultra-wide 12MP + กล้อง telephoto + กล้อง 8MP ที่ซูมแบบ optical ได้ 5x และแน่นอนว่ามีฟีเจอร์การถ่ายเยอะมากๆ และที่โดดเด่น การถ่าย Portrait ลูกเล่นเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ไม่ว่าจะเป็น Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar และเอฟเฟกต์เลนส์ Zeiss กล้องหน้า 32MP (f/2.45) มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ X70 Pro รองรับชาร์จเร็ว 44W และมีความจุ 4,500mAh ถือว่าพัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า รวมถึงฝาหลังการออกแบบเลนส์กล้องใหม่ถือว่าสวยลงตัว
vivo X70 5G ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Mediatek Dimensity 1200 พร้อม GPU Mali-G77 MC9MC4 RAM (LPDDR4x) 8GB / 12GB และ STORAGE (UFS 3.1) 128GB / 256GB หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2376 x 1080) ขนาด 6.56 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี HDR10+ รีเฟรชเรท 120Hz มีกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักเซนเซอร์ IMX766V ความละเอียด 40MP (f/1.89) + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2) และกล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ที่ซูมแบบ Optical 2x พร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ 32MP (f/2.45) X70 5G ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยคุณภาพกล้อง Gimbal แบบ Ultra-Sensing และอัลกอริธึมขั้นสูง ให้ได้ภาพวิดีโอที่สว่างและชัดเจนในสภาพแวดล้อมกลางคืนที่มืด พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4400 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 44W อีกทั้งยังได้รับการรับรอง SGS Eye Care Display และ SGS Seamless เปิดโลกทัศน์ใหม่ เพลิดเพลินกับการใช้หน้าจอแสดงผลที่ชัดเจนและสบายตา
PRICE
- VIVO X70 PRO 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 27,999 บาท ในความจุ 256GB RAM 12GB
- VIVO X70 5G เปิดตัวมาพร้อมกับ ราคา 21,999 บาท ในความจุ 128GB RAM 8GB
UNBOX
ตัวกล่องยังคงมีความสวยพรีเมี่ยมและออกแบบได้ดีครับเมื่อเปิดเข้ามาข้างในจะเห็นการเขียนชื่อรุ่นพร้อมระบบกันสั่นให้เข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเครื่องวางสวยๆอยู่ด้านในเป็นกล่องที่สวยงามและใส่ใจมากๆตัวนึงในคู่แข่งด้วยกันส่วนอุปกรณ์เองนั้นให้มาครบๆทั้ง หูฟัง ตัวแปลง ที่ชาร์จ และ สายครบพร้อมใช้งานรวมถึงตัวเคสใสแบบพลาสติกแข็ง
- ตัวเครื่อง vivo X70Pro 5G
- เคสใสแข็ง vivo X70Pro 5G
- ที่ชาร์จ USB-A รองรับชาร์จไว 44W
- สาย USB-C
- หูฟัง IN-EAR 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
ที่ชาร์จนั้นยังคงให้มาพร้อมกับชาร์จไว vivo Flashcharge ที่ 44W ครับแน่นอนว่าเหลือๆในการใช้งานทั่วไปแล้ว พร้อมกับหัวแบบ USB-A ส่วนทางด้านหูฟังเองนั้นเป็นแบบ IN-EAR พรีเมี่ยมพร้อมกับสายแบบ 3.5 มม. รวมถึงให้ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ แม้จะตัดรูหูฟังไปแต่ก็ให้อุปกรณ์มาครบๆเลยแหละ ส่วนเคสนั้นเป็นแบบนิ่มแล้ว TPU บอกเลยว่าปกป้องได้ดีกว่าแบบแข็งในรุ่น X60 Pro พอสมควรครับและเรียบๆเน้นใช้งานได้ดีมาก
DESIGN
งานออกแบบเรียบหรู พัฒนาต่อยอดจากเดิมได้ดีพร้อมกับเลนส์ขนาดใหญ่และแน่นอนว่ามีโลโก้ ZEISS โดดเด่นเข้ามาให้มุมซ้ายบนของเครื่อง ทั้งนี้สีต่างๆมีการออกแบบใหม่ทั้งหมดจะมาพร้อมกับ สีดำ Cosmic Black ที่สื่อถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาล และเป็นวัสดุคล้ายกับหนังดุดันสวยงาม และ สีที่รีวิว Aurora Dawn คล้ายกับ แสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงเวลารุ่งอรุณ ซึ่งในรุ่นนี้ถือว่ามีความบางแค่ 8.08 และ หนัก 184 กรัมเท่านั้น และยังได้หน้าจอขอบโค้งเต็มตาแน่นอนว่าสวยและทำให้การจับถือนั้นถนัดมือและดูภาพเต็มตามากกว่าจอปกติ แต่สำหรับใครอาจจะไม่ถนัดจอโค้งก็มีตัวเลือก X70 อีกรุ่นที่หน้าจอจะไม่โค้งเท่าก็ถือว่าจัดเข้ามาให้ทั้ง 2 รุ่นสำหรับการขายในประเทศไทยด้วย
หน้าจอขนาด 6.56 นิ้ว ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ที่มี Refresh Rate 120 Hz, Touch Sampling Rate ที่ 240Hz รองรับสีสันแบบ HDR10+ ในความละเอียด FHD+ ครับ รวมถึงการออกแบบขอบหน้าจอกระจกแบบ 3D โค้งลงเยอะในด้านข้างทั้ง 2 สวยงามและพรีเมี่ยม และ ใช้งาน E5 AMOLED ที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ
ขอบด้านล่างยังคงเป็นการควบคุมมาตรฐานที่สามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้รวมถึงขอบข้างๆโค้งลงไปทำให้ขอบบางขั้นเต็มตามากกว่าเดิม ส่วนขอบล่างก็ทำพื้นที่ได้ดีครับ สวยงามและเนียนไปกับหน้าจอได้กำลังสวยเลยแหละ
ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่าบางมากๆบางกว่าขอบล่าง แต่ยังใส่ทั้งลำโพง เซนเซอร์ และกล้องหน้ามาให้ครบๆส่วนนี้และกล้องหน้าให้มามากถึง 32MP ในขนาดเล็ก แต่คุณภาพไม่ธรรมดาเลยแหละครับ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยว
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นเลยว่าฝาหลัง และหน้าจอโค้งเข้าหากันแบบสมมาตรทั้งหมดทำให้การจับถือนั้นมีการโค้งรับมือได้ดี แต่ก็มีข้อเสียในการระวังหรือการจับถืออาจจะโดนขอบจอได้ง่ายขึ้นนั้นเอง มาพร้อมกับปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่รองรับการใช้งานได้สบายๆมีการเปลี่ยนเซาะร่องเล็กน้อยในปุ่มเปิดปิดให้จับได้แตกต่างกัน
ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นเรียบๆไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรครับเราจะเห็นแค่ ขีดเสาสัญญาณเท่านั้นและการโค้งลงมาของฝาหลัง และกระจกหน้าจอ ส่วนกล้องหลังนั้นนูนกำลังดีไม่ได้เด่นมากนักและปกป้องได้กำลังดีไม่เกะกะมากเกินไป
ขอบฐานด้านบนนั้นจะมีการใส่วัสดุสีเงาคล้ายกับฝาหลังเข้ามาพร้อมกับรูไมค์ตัดเสียง และ ตรงกลางเครื่องเขียนว่า PROFESSIONAL PHOTOGRAPHY ด้วยนะถือว่าแปลกตาดีเหมือนกันครับ มีลูกเล่นเล็กๆน้อยในส่วนขอบบนนี้
ฐานเครื่องเราจะเห็นลำโพงหลักพร้อมกับ เส้นเสาสัญญาณเพราะว่าตัวขอบนั้นเป็นอลูมิเนียมทั้งหมดแข็งแรงขึ้นรูปสวยงามมีการเว้าเล็กน้อยให้มีมิติครับ ส่วนรู USB-C เป็น 2.0 พร้อมกับรูไมค์หลัก และ ถาดซิมแบบ Dual SIM
ฝาหลังมีการใช้งานแบบด้านและเล่นพื้นผิวแบบใหม่สวยงามแถมยังใช้งานสี Aurora Dawn แสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงเวลารุ่งอรุณ ซึ่งในไทยเองนั้นจะมี 2 โทนเข้มกับสีที่รีวิวซึ่งแตกต่างกันแล้วแต่ความชอบรวมถึงวัสดุฝาหลังก็จะแตกต่างกันด้วยเช่นกัน จุดเปลี่ยนถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนจะเป็นเรื่องของกล้องและจำนวนกล้องรวมถึงการออกแบบการจัดวางต่างๆเช่นกัน และใช้งานเทคโนโลยี fluorite AG ใหม่ ให้รูปลักษณ์ที่สวยงามรวมถึงความรู้สึกถือใช้งานได้สะดวกสบายและไม่เกิดรอยนิ้วมือและแน่นอนว่ายังคงความพรีเมี่ยมเวลาจับถือได้เป็นอย่างดี และการออกแบบขอบโค้งในด้านหลังทำให้ตัวเครื่องถือได้ง่ายกว่าเดิม แต่สีสันเวลาโดนแสงจะออกไปทางสดใสเหมือนกัน
กล้องหลังเป็นจุดที่โดดเด่นมากที่สุดหลังจากที่รุ่นก่อนหน้าไม่ได้มีเลนส์เทเลใส่เข้ามา แต่รุ่นนี้มีการปรับปรุงให้ครบมากกว่าเดิม และใช้งานกล้องตัวหลัก 50MP (f/1.75) ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX766V, OIS, เลนส์ Zeiss optics, เคลือบ Zeiss T*ช่วยลดการเกิดแสงสะท้อน หรือแสงแฟลร์ ซึ่งเรามักจะเห็นกันได้เวลาถ่ายแสงหลอดไฟนั้นเองครับ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีชิพประมวลผลภาพ V1 ในตัวที่ขายทั่วโลกนะครับ ส่วนตัวที่ 2 จะเป็นกล้อง ultra-wide กว้าง 116 องศา 12MP (f/2.2), OIS และ กล้อง portrait ขนาด 50มม. 12MP (f/1.98) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX663 รวมถึงตัวเลนส์เทเล กล้อง periscope 5X 8MP (f/3.4), มาพร้อม Laser autofocus ครบจัดเต็ม และยังพัฒนาฟีเจอร์การถ่ายเยอะแยะมากทั้ง Real-Time Extreme Night Vision , Pro Cinematic Mode และการถ่าย Portrait ลูกเล่นเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ไม่ว่าจะเป็น Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar และเอฟเฟกต์เลนส์ Zeiss สุดคลาสสิกอื่น ๆ ทำให้ตัวกล้องโดดเด่นกว่าคู่แข่งอีกทั้งสกินโทนต่างๆทำได้ดีอย่างมาก
SPEC
- หน้าจอ AMOLED E5 ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080พิกเซล) Full HD+, 19.8:9, รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิบประมวลผล MediaTek Dimensity 1200 6nm มาพร้อมการ์ดจอ ARM G77 MC9 / ชิบประมวลผล Exynos 1080 5nm มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G78
- RAM LPDDR4X 8GB + storage (UFS 3.1) 128GB,256GB / RAM LPDDR4X 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB / 512GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย Funtouch OS 12
- ซิมคู่
- กล้องหลังของ X70 Pro
- กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.75) ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX766V, OIS, เลนส์ Zeiss optics, เคลือบ Zeiss T*, ไม่มีชิพ V1 ในตัวที่ขายทั่วโลก*
- กล้อง ultra-wide กว้าง 116 องศา 12MP (f/2.2), OIS
- กล้อง portrait ขนาด 50มม. 12MP (f/1.98) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX663
- กล้อง periscope 5X 8MP (f/3.4), มาพร้อม Laser autofocus
- กล้องหน้า 32MP (f/2.45)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- ช่องเสียบหูฟัง USB Type-C, CS43131 AMP (เฉพาะในรุ่น X70 Pro)
- ขนาดตัวเครื่อง X70 Pro : 158.30×73.21×7.99มม.; น้ำหนัก: 185 กรัม
- รองรับเครือข่าย 5G SA/ NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS, NFC
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,450mAh (X70 Pro) ที่รองรับชาร์จเร็ว 44W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน MTK DIMENSITY 1200 5G รอบรับการใช้งาน 5G มาพร้อมกับ Storage UFS 3.1 ในความจุ 256GB จัดเต็มด้วย RAM 12GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 1916 MB/s – เขียนไปได้ที่ 1295MB/s เยอะกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่วน DRM L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 693898 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 884 /2838 คะแนน คะแนนภาพรวมนั้นดีขึ้นแน่นอนและใช้งานลื่นไหลเล่นเกมได้ดีกว่าเดิมแบบรู้สึกได้จริงๆ และการเขียนที่ไวขึ้นส่งผลการทำงานต่างๆในตัวเครื่องได้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ บนพื้นฐานระบบ Funtouch OS 12
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 12 บนตัว Android 11 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบน แน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 11 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 11 นั้นเองครับ
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ
StorageUFS 3.1 ให้มาที่ 256GB จะว่างให้ใช้งาน 240 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM 12 GB +4GB นั้นใช้งานไป 4.84 GB ถือว่าเหลือสมควรเลยตัวระบบของมันและมีระบบดึงความจุเครื่อง มาเป็น RAM พิเศษได้อีก 4GB ครับ และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเองครับเป็นมาตรฐานรุ่นนี้
อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ หน้าตาสแกนใบหน้า การปลดล็อก การปิดหน้าจอ และอีกมากมาย
ทางด้านหน้าจอตัวนี้สามารถปรับใช้งาน Always On Display ได้รวมถึงเปลี่ยนหน้าตาอะไรได้ด้วยถือว่าสวยงาม และ มาพร้อมกับหน้าจอแบบ 120Hz ทำให้การใช้งานนั้นมีความลื่นไหล และติดนิ้วมากขึ้นและมีความสวยสู้แสงได้สบายเลยทีเดียว และสามารถปรับได้ทั้งโหมดกลางคืน ตั้งค่าให้มันปรับเองในเรื่อง Hz อีกมากมายคล้ายกับรุ่นก่อน
มาพร้อมกับ Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอ รวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 11
SCREEN
หน้าจอตัวนี้ถือว่ามีความพิเศษไม่ใช่แค่มี 120Hz แต่ได้รับการรับรอง SGS Eye Care Display และ SGS Seamless ทำให้รองรับการใช้งานแม้จะเจอแสงกลางแจ้งก็รองรับได้สบายรวมถึงได้มาตรฐาน HDR10+ ด้วยเช่นกันครับมาพร้อมกับสเปก หน้าจอ E5 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท 120Hz , HDR10+ ใช้งาน Gorilla Glass 6 ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่อง สามารถปรับได้จาก 60Hz กับ 120Hz ด้วยเช่นกัน ส่วนการสู้แสงนั้นรองรับได้ 1300Nits ครับในความสว่างสูงสุด และรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอพร้อมใช้ ถือว่าเป็นจอที่ดีนะดับนึงและความลื่นไหลติดนิ้วนั้นยังคงทำได้ดีในการเล่นเกมต่างๆ และน่าจะเป็นหน้าจอที่ดีมากๆตัวนึงในตลาดประเทศไทยตอนนี้ของทางค่ายทั้ง ความลื่นไหลความคมชัดและงานออกแบบสวย
สำหรับในมุมมองในด้านอื่นๆนั้นก็ถือว่ายังทำได้ดีอยู่เหมือนกันครับทั้งในแง่ของการใช้งานทั่วไปและในการดูหนังต่างๆมุมมองรองรับได้สบายๆ ตัวหน้าจอนั้นมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วนิดหน่อยครับ และหน้าจอที่ลองนั้นสู้แสงได้กำลังดีและมีสีสันสวยงามครับ ไม่มีอาการดรอปของสีหรือภาพเท่าไรครับ และยังรองรับได้สบายในการวางดูหนังหรือหรี่แสงเพิ่มแสงสุดได้ ใช้งานมืดๆและกลางคืนได้ไม่สว่างจ้าเกินไป และการสัมผัสหน้าจอนั้นทำได้ไวและติดนิ้วพอสมควร ไม่เจออาการเอ๋อหรือไปโดนง่ายๆครับแม้จะถือใช้งานเพราะเค้าคิดเรื่องการป้องกันมาแล้วในส่วนของขอบหน้าจอทำให้เราสามารถจับได้แบบไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหน้าจอและเลื่อนเองอะไรแบบนั้นเลยครับ เป็นหน้าจอที่สวยมากๆ
FINGERPRINT
รุ่นนี้ได้ใช้งานสแกนนิ้วบนหน้าจอสานต่อจากรุ่นก่อนๆครับ และ รองรับการทำงานได้ค่อนข้างไวเหมือนกับหลายๆรุ่นของทาง vivo เลยสามารถเปลี่ยน Effect เวลาสแกนได้ด้วย ถือว่าเป็นค่ายแรกๆที่ใช้งานเทคโนโลยีนี้ครับ เลยทำให้เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องของการทำงานและความไวในการทำงานนั้นทำได้ดีมากๆ และสามารถเพิ่มหลายๆนิ้วได้ปกติ ตำแหน่งการใช้งานอยู่ในตำแหน่งกำลังดีครับไม่ได้ สูงหรือต่ำเกินไป แม้จะติดฟิล์มก็สามารถใช้งานได้สบายๆรวมถึงการสแกนใบหน้าก็รองรับการใช้งานเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน ทำได้ไวไม่ต่างกับรุ่นพี่หรือว่าตัวอื่นๆในค่ายเลยครับ
SOUND
ไม่มีรู 3.5 มม. มาให้แล้วและทางด้านรูปทรงนั้นจะเป็นหูฟังแบบเดียวกับรุ่นเรือธงปีก่อนๆหรือแม้แต่ตัว X60 Pro นั้นเอง แน่นอนว่าเรื่องของเสียงนั้นไม่แน่ใจว่าในสเปกนั้นจะเป็น HI-RES รองรับเป็น DAC ตัวไหนนะครับเพราะว่าจริงๆค่ายนี้เคยเน้นเรื่องเสียงมากๆมาก่อน แต่หลังๆไม่เห็นบอกสเปกในส่วนนี้เท่าไรนัก แต่ถ้าให้เดาเสียงที่ให้มาเหมือนกับตัว X50 Pro ครับไม่ได้หนีกันมากนัก เสียงในตัวนี้ถ้าฟังจากตัวเครื่องนั้นกำลังขับอะไรนั้นถือเด่นมาก เสียงกำลังดี โทนเสียงยังคงเน้นในเรื่องของรายละเอียดเด่นกว่านิดหน่อยและ เสียงเบสมาแบบน้อยๆครับ ไม่ได้เยอะอะไรมาก เสียงผ่านตัวแปลง 3.5 มม. นั้นยังคงมีความใกล้เคียงกับรุ่น X60 Pro แบบเสียบตรงๆไม่ได้ต่างกันเท่าไรในรุ่นนี้
ทางด้านหูฟังนั้นดีไซน์สวยงามและดูดี และที่ชอบมากๆคือเรื่องของน้ำหนักที่เบามาก เบาจริงๆครับและใส่สบายและเล็กมาก ถือว่าเป็นทรงหูฟังที่ทำออกมาได้ดีและใส่สบายอีกรุ่นแต่เรื่องของเสียงนั้นธรรมดาครับเสียงจะออกเบสมานิดหน่อยนุ่มๆ เสียงแหลมมากำลังดีชัดเจนแต่ไม่บาดหูครับ แต่เวทีเสียงอะไรก็ทั่วไปไม่ได้เด่นครับใช้งานแก้ขัดได้ มีไมค์พร้อมปุ่มกดมาให้ในตัวหูฟัง แค่เสียดายว่าตัดรู 3.5มม.ออกไปแล้วครับ แต่หูฟังที่ให้มายังเป็น 3.5มม.อยู่นะ
GPS
MTK เราคงไม่ต้องมีข้อกังขาในเรื่องการนำทางการจับสัญญาณอะไร เพราะว่าทางค่ายเองก็ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งในการทดสอบใช้งานจริง และผ่านแอปนั้นทำได้ประทับใจอยู่เหมือนกัน โดยทดสอบในที่ร่มหรือใต้ทางด่วนพวกนี้ เจอทั้งหมด 64 ดวง และ จับได้ 37 ดวง ส่วนที่โล่ง บนรถ กลางแจ้งทำได้ 51 ดวง จากทั้งหมด 54 ดวง ครับถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยแหละ และเทียบกับรุ่น X60 Pro จุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีเทียบกับเรือธงรุ่นอื่นๆได้สบายๆ และจับได้นิ่งมากๆด้วยนะแอดทดสอบช่วงฝนตกก็ได้ตามภาพเลยครับ เป็นอีกรุ่นที่ใช้งานนำทางได้ดีมากๆเลย
BATTERY
เรื่องแบตเองนั้นอัพขึ้นในเรื่อง 4,450mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 44W ซึ่งเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นชัดเจนเทียบกับรุ่นก่อนหน้าในตัว X60 Pro 5G ทั้งเรื่องของความจุที่เพิ่มขึ้น และ การชาร์จไวที่มากกว่าเดิมเป็นจุดที่สำคัญและส่งผลชัดเจนทำให้เรื่องของการชาร์จก็ไวขึ้นและแบตอยู่ได้ทั้งวันมากกว่าเดิมครับ 10-100% เท่าที่ทดสอบด้วยเลยว่าใช้งานเวลาการชาร์จได้ 1 ชั่วโมงเป๊ะๆ ครับแม้ความจุมากกว่าเดิมแต่ทำได้ไวไม่ต่างกัน และ ในส่วนการใช้งานนั้นทั้งวัน 12 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 6 ชั่วโมง ใช้งานหนักมาก แบตเหลือ 10% ครับ ถือว่าใช้งานทั้งวันได้แบบสบายๆมีเล่นเกม ดูหนังยาวๆครับและเปิดใช้งานทั่วไปถือว่าตอบโจทย์สำหรับสายใช้งานทั่วไป เล่นเกมได้ดีมากและชาร์จเข้าไวกว่าเดิม
GAMING
ในแง่ของการเล่นเกมแน่นอนว่าด้วยพลังของ MTK Dimensity 1200 5G ตัวนี้รองรับได้สบายและทางค่ายเองมีการใส่มอเตอร์การสั่น 4D เข้ามาเสริมทำให้เรื่องของการเล่นเกมทำได้ดีมากๆ และ ทำงานร่วมกับหน้าจอ 120Hz ได้ดีในหลายๆเกมที่รองรับ ส่วนเรื่องของความร้อนต่างๆจัดการได้ดีเพราะว่า MTK เองเรื่องความร้อนไม่ค่อยเจอปัญหาเท่าไรนักครับ แต่ด้วยการออกแบบขอบหน้าจอโค้งอาจจะทำให้เรื่องของการจับขอบต่างๆเวลาเล่นยากนิดๆ
CAMERA
การเคลือบ Zeiss T* คือช่วยให้กล้องลดการเกิด Ghosting และ Stray light ในเวลากลางคืน
ZEISS PORTRAIT STYLE
ซึ่งในรุ่นนี้มรีการเพิ่ม Effect เลนส์เข้ามาจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะมีแค่ Biotar เท่านั้นแน่นอนว่ารุ่นก่อนหน้าก็ทำได้ดีแล้ว ทั้งในเรื่องละลายหลังและลูกเล่นต่างๆ แต่ครั้งนี้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเพราะว่าไปิืงเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ซึ่งเป็นชื่อเรียกในแต่ละซีรีย์ที่สาวกกล้อง หรือ คนที่เคยเล่นกล้องฟิลม์มาก่อนก็น่าจะพอทราบ และรู้เลยว่าใน 4 ตัวนี้มีเอกลักษณ์ที่เด่นมากๆทั้ง Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar นั้นเอง ซึ่งจะมีการเบลอ หรือว่าความโค้งของโบเก้แตกต่างกันไปรวมถึง รูปทรงของ Bokeh บอกเลยว่าทำออกมาได้ดีและแตกต่างกันทั้ง 4 แบบ
SELFIE
กล้องหน้าให้มาที่ความละเอียดจัดเต็มเช่นเดิมและอาจจะเป็นตัวเดียวกับรุ่นก่อนเพราะว่าสเปกนั้นเหมือนกันทั้งหมด และต้องบอกว่าเป็นกล้องหน้าที่เทพมากๆตัวนึงในค่ายนี้ ทำให้รุ่นนี้ใส่กล้องหน้า 32MP (f/2.45) กล้องหน้ารุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าคุณภาพดีมากๆ สกินโทนสวย มุมกว้างกำลังดี คุณภาพกล้องทั้งภาพนิ่งวีดีโอจัดว่าดี ใครที่ชอบเซลฟี่บอกเลยว่าคุณต้องหลงรักมือถือรุ่นนี้อย่างเเน่นอน ถ่ายภาพเซลฟี่พอร์ตเทรตละลายหลัง โหมด Beauty มีให้ปรับเเต่งใช่งานเยอะ มีสติกเกอร์ AR เเละยังมีในส่วนของ Night Potrait มาให้อีกด้วย แต่วีดีโอยังคงได้ FHD 30 เหมือนเดิม ซึ่งถ้ามองภาพรวมกล้องหน้าทำได้ดีอยู่แล้วในรุ่นก่อน จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจาก X60 Pro 5G
VIDEO GIMBAL 3.0
กล้องหลักของ vivo X70 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีการกันสั่นที่อัปเกรดขึ้นไปอีกขั้น Gimbal Stabilization ..0 และรูรับแสงที่กว้างขึ้น ในฟีเจอร์ Gimbal Stabilization 3.0 จะช่วยป้องกันการถ่ายภาพสั่นไหวแบบ5แกน VIS 5-Axis Ultra Stable Video ป้องกันภาพสั่นไหวของวิดีโอครอบคลุมมุมมองที่กว้างขึ้น + เซ็นเซอร์ Sony IMX766V ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะพร้อมความไวแสงที่โดดเด่น บวกกับความเสถียรภาพด้วย Gimbal Stabilization 3.0 ของ vivo ช่วยให้คุณโฟกัสได้รวดเร็วและแม่นยำเพื่อภาพที่คมชัดแม้ในเวลากลางคืนด้วยครับ
PRO CINEMATIC MODE
รองรับการถ่ายวิดีโอภาพภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมด้วยอัตราส่วนกว้างยาว 2.35: 1 ทำให้ได้มุมมองแบบการถ่ายหนังสั้น และสามารถปรับอะไรได้หลากหลายกว่าและง่ายกว่าโหมดปกติ รวมถึงมีการปรับกันสั่นได้เช่นเดิมและรองรับเลนส์ 3 ระยะได้ด้วย ภาพละลายหลังได้ และการถ่ายวีดีโอรุ่นนี้จะมีการปรับได้ การซูมเสียง และการติดตามทิศทางเสียงด้วยการตั้งค่าไมโครโฟนสามตัวใน X70 Pro และในขณะเดียวกันยังมีซอฟต์แวร์ช่วยลดเสียงรบกวน เสียงลม ในขณะบันทึกวิดีโอ เพื่อให้ได้เสียงของผู้พูดชัดเจนยิ่งขึ้นถือว่าโหดมากๆครับ ในเรื่องวีดีโอตัวนี้ และฟีเจอร์พัฒนาขึ้นกว่าเดิม
VIVO X70 PRO 5G
” vivo ร่วมมือกับ ZEISS โดดเด่นขึ้น สเปกลงตัว Portrait ถือว่าโหดที่สุด “
ยังคงแนะนำใครหลายๆคนที่ชอบการถ่ายภาพไม่ว่าจะเป็นการถ่าย Selfies หรือแม้แต่ Portrait ซึ่งค่าย vivo เองชื่อเสียงเรื่องนี้ทำได้ดีมากนานมากๆและยิ่งมีการพัฒนาร่วมกับ ZEISS ด้วยเช่นกันทำให้มันยกระดับการถ่ายภาพด้วยมือถือขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงการพัฒนาเลนส์กล้อง การพัฒนา Software บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่กล้องทำได้ดีที่สุดเท่าที่ vivo ในไทยเคยเอาเข้ามา ทุกๆอย่างจัดเต็มและทำได้น่าสนใจ รวมถึงหน้าจอ 120Hz ขอบโค้งสวยงามและหน้าตาระบบ Funtouch OS 12 แอบเสียดายว่ายังคงไม่มี Origin OS ในตัวขายทั่วโลกครับ แต่ก็ถือว่าพัฒนามาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และสำหรับแบตก็ทำได้ดี ความจุมากกว่าเดิม ชาร์จไวขึ้น ลบข้อเสียจากรุ่นก่อนได้ทั้งหมด ขาดเพียงแต่ลำโพงคู่เท่านั้น ซึ่งถ้าใครเน้นเสียง อาจจะน่าเสียดายในจุดนี้แต่ถ้ารับได้มันจะเป็นมือถือที่ลงตัวที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยครับ
ข้อดี
- งานออกแบบสวย พรีเมี่ยม บาง เบา
- มาพร้อม MTK DIMENSITY 1200 5G
- กล้องหลังโหดขึ้นกว่าเดิม พร้อม เลนส์ Periscope เทเลใส่มาให้แล้ว
- กล้องพัฒนาร่วมกับ ZEISS Co-Engineered
- ZEISS T*Coating ช่วยลดการสะท้อนของแสงได้ดี
- ฟีเจอร์การถ่าย ZEISS ทั้ง 4 แบบทำได้โดดเด่น
- กล้องหลัง PORTRAIT ได้ดีขึ้น และ สวยขึ้น สกินโทนดี
- แบตชาร์จไว 44W ใช้งานได้ดี ไวขึ้น ความจุ มากขึ้นกว่าเดิม
- กล้องหน้าทำได้ดี ทั้งความเนียน และ ฟีเจอร์
ข้อสังเกต
- ยังคงเป็นลำโพงเดียว
- ไม่มีชิพ V1 ในตัว Global
- หน้าจอไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr