HUAWEI ยังคงเดินหน้าทำ Ultrabook ของตัวเองพร้อมกับสานต่อ Ecosystem ของตัวเองไปในตัวแน่นอนว่าเป็นจุดหลักๆที่ทางค่ายนั้นพยายามพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจริงๆ อีกทั้ง HUAWEI เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มุ่งมั่นทำตลาดคอมพิวเตอร์มาอย่างจริงจังและมีความต่อเนื่อง ล่าสุดก็ได้เปิดตัว HUAWEI MateBook 14s แล็ปท็อประดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับดีไซน์และสเปก ล้ำๆเหมือนเช่นเคย มีการ Re-Design ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมหน้าจอ LTPS 90Hz แสดงผลอย่าง Smooth มากๆ แสดงผลคมชัด เหมาะกับทำงาน ดูหนัง เร็วแรงสมราคา มี Windows 10 Home มาให้ พร้อมรองรับอัปเกรดเป็น Windows 11 ครั้งนี้ถือว่ามาสู่ระดับพรีเมียมสุดๆ โดดเด่นในทั้งเรื่องดีไซน์และสเปกการใช้งาน ซึ่งตัวนี้ถือว่าลุยตลาดระดับสูงและคุณภาพแบบสูงชัดเจนกว่ารุ่นก่อนๆ

Huawei Matebook 14S  เปิดตัวมาพร้อมกับจุดเด่นหลักๆเลยคือในเรื่องของการใช้งาน มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel 11th Gen หน้าจอ LTPS 14.2 นิ้ว จอทัชสกรีน ความละเอียด 2.5K รองรับอัตรารีเฟรชภาพได้ถึง 90Hz ให้ภาพที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ขนาดเครื่อง 313.82 มม. x 229.76 มม. x 16.7 มม หนักราว 1.43 กิโลกรัม และมาพร้อมกับหน่วยความจำสูงสุด 16GB (LPDDR4x RAM) แบบ dual-channel และความจุข้อมูลแบบ SSD มากสุดถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่ 60Wh เล่นวิดีโอความละเอียด 1080p ได้ต่อเนื่อง 13 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี HUAWEI SuperCharge 65W ผ่านสายชาร์จ Type-C พร้อมทั้งอัปเกรดในส่วนของการเชื่อมต่อและการถ่ายโอนข้อมูล รวมทั้งระบบเสียง HUAWEI Sound ลำโพงสเตอริโอ x4 + ไมโครโฟน x4 และในรุ่นนี้เราจะได้สเปก intel Core i5-11300H แกนประมวลผล 4 Cores/8 Threads ความเร็วเริ่มต้น 3.10 GHz – 4.40 GHz  และแน่นอนว่าตัวนี้ยังเป็นการ์ดจอ iris Xe แบบ Onboard นะครับบรองรับการใช้งานทั่วไปได้แบบสบายๆ ซึ่งจริงๆจะมีทั้ง i7 และ i5 ให้เลือกใช้งานกัน และเรทราคาต่างๆก็มีความแตกต่างกันด้วยครับ

PRICE 

HUAWEI MateBook 14s วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 40,990 บาท ในสี Space Gray และ Spruce Green โดยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึง 12 พฤศจิกายน 2564 ลูกค้าที่สั่งจองสามารถรับหูฟังไร้สายตัวท็อป HUAWEI FreeBuds Pro มูลค่า 5,499 บาท ไปเลยฟรีๆต้องบอกเลยว่าทำได้น่าสนใจอย่างมาก โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ HUAWEI Online Store, HUAWEI Experience Store

DESIGN

งานออกแบบนั้นเน้นความเรียบง่ายโทนสีเทาสวยงามพร้อมกับฝาหลังวัสดุโลหะอลูมิเนียมทั้งเครื่อง โลโก้ HUAWEI ตรงกลาง แน่นอนว่าดีไซน์อะไรเรียบง่ายสวยงามเลยแหละงานประกอบความรู้สึกในการใช้งานนั้นดูแน่นหนาทีเดียวดีไซน์นั้นไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนๆหรือว่าตระกูล D ของค่ายก่อนหน้านี้มากนักต้องบอกว่าหลายๆส่วนนั้นมีความคล้ายกันเลยทีเดียว ตัวเครื่องวัสดุอะลูมิเนียมขึ้นรูปแบบ Unibody เรื่องขนาดเครื่องก็บางเบา หนักแค่ 1.43 กิโลกรัม บาง 16.7 มม พกพาออกไปใช้งานตามที่ต่างๆ ได้สบาย สำหรับสีที่วางจำหน่ายก็มีทั้ง Space Gray และ Spruce Green แม้งานออกแบบอาจจะไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้ามากนักแต่ก็มีความทันสมัยและกล้องเปลี่ยนตำแหน่ง

หน้าจอนั้นทำได้บางพอสมควรจะเห็นว่าทั้งขอบด้านบน และขอบด้านข้างนั้นมีขนาดใกล้ๆกัน เป็นหน้าจอดีไซน์ FullView Display แบบ LTPS ขนาด 14.2 นิ้ว ดีไซน์ตัวเครื่องรุ่นนี้ยังคงใช้งานหน้าจอแบบ 3:2 ซึ่งหน้าจออัตราส่วนแบบนี้จะค่อนข้างแปลกใหม่และไม่ค่อยเห็นเท่าไรนัก ถ้ามองในตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วไปแต่เมื่อได้ลองใช้งานกันอาจจะมีหลายๆคนนั้นค่อนข้างชอบอัตราส่วนแบบนี้เพราะว่าในแง่ของการใช้งานนั้นจะเต็มตามากขึ้นเวลาเขียนงานหรือว่าทำงานที่ต้องใช้พื้นที่แนวตั้งมากหน่อยนั้นเอง ส่วนขอบหน้าจอนั้นรุ่นนี้ทำได้บางกว่าเดิม และการที่ไม่มีกล้องหน้าทำให้ขอบด้านบนนั้นมีความบางมากขึ้นไปอีก ส่วนบอดี้ฝาหลังนั้นเรียบๆขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดพร้อมกับโลโก้ตรงกลาง ไม่ได้มีลวดลายหรือเส้นสายอะไรพิเศษ แต่เราจะเห็นโลโก้ที่ใหญ่มากกว่าเดิมชัดเจน

ขอบหน้าจอในส่วนขอบข้างๆนั้นจะถือว่าค่อนข้างบาง และทำให้สัดส่วนของตัวเครื่องนั้นมากถึง 90% เลยทีเดียว ในรุ่นนี้ส่วนช่องระบายนั้นจะยิงออกส่วนด้านล่างไม่ได้ยิงขึ้นมาบนขอบหน้าจอ จะทำงานคล้ายกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ ส่วนการระบายแน่นอนว่าไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ถ้ามองในแง่ของระบายจากด้านบนนั้นจะแตกต่างกันอยู่นิดๆ และยังมาพร้อมกับสแกนนิ้วบนปุ่ม Power เช่นเดิมครับทำให้เรื่องของการใช้งานต่างๆนั้นทำได้ดี ส่วนกล้องหน้าย้ายไปตำแหน่งใหม่บนหน้าจอแล้วแน่นอนว่า มุมมองการใช้งานทำได้ดีขึ้น และไม่ต้องมากดปุ่มด้านล่างซึ่งหลายคนไม่ชอบ

ในด้านหลังการออกแบบการวางช่องระบายอากาศความร้อนในด้านหลังแบบแนวยาวพร้อมกับลำโพงซ้ายขวา รวมถึงยางรองเครื่องแนวยาวในด้านหลังที่ยกเครื่องขึ้นมานิดหน่อย และ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในส่วนของช่องระบายข้างหลังนั้นจะเป็นซ้ายขวา ยิงออกมาตรงหลังคีย์บอร์ด และแน่นอนว่าตัวช่องด้านซ้ายนั้นจะใหญ่กว่าเพราะมันเป็นช่องสำหรับพัดลมที่อยู่ฝั่งนี้ และฝั่งขวาเลยเป็นช่องระบายอีกแบบนึง ในด้านหลังเมื่อเราส่องทะลุผ่านช่องเหล็กนั้นจะเป็นตัวพัดลมระบายความร้อนที่เห็นชัดเจนพอสมควรในการดูดลมเข้าไป และเป่าลมร้อนออกทางด้านหลัง ส่วนของตัวไมค์ 4 ตัวจะวางไว้ใต้เครื่องด้านหน้าทั้งหมด สำหรับรับเสียงคนใช้งานแบบเต็มที่เลย ส่วนด้านในเองก็รองรับได้ดี

ข้างในจะมีการออกแบบพัดลมใหม่ การระบายความร้อนได้ดีขึ้นและแน่นอนว่ายิงลมต่างๆทำได้เงียบแต่ระบายได้ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนการอัปเกรดจริงๆนั้นจะได้แค่ SSD M.2 เปลี่ยนแทนของเดิมเท่านั้นรองรับแค่อันเดียว จะไม่สามารถเพิ่มเติมได้อีก รวมถึง RAM 8GB เป็นแบบ Onboard ทั้งหมดทำให้เรื่องการอัปเกรดอาจจะไม่ได้เป็นจุดเด่นเท่าไร

SPEC

  • ขนาดเครื่อง 313.82 มม. x 229.76 มม. x 16.7 มม หนัก 1.43 กิโลกรัม
  • หน้าจอ LTPS 14.2 นิ้ว, ความละเอียด 2.5K (2520 x 1680 พิกเซล) , 213PPI, sRGB 100% color gamut อัตราส่วน 3:2
  • หน้าจอสัมผัสทำ Multi-touch ได้ 10 จุด
  • โปรเซสเซอร์ 11th Gen Intel Core (i7H และ i5H)
  • GPU Intel Iris Xe Graphics
  • แรม 8GB/16GB LPDDR4
  • ความจุ 512GB/1TB (NVMe PCIe SSD)
  • แบตเตอรี่ 60W
  • ติดกล้อง 720p HD
  • มีลำโพง 4 ตัว+ไมโครโฟน 4 ตัว
  • ระบบเซนเซอร์ เซนเซอร์วัดแสง / เซนเซอร์ลายนิ้วมือ / Hall sensor
  • ระบบ Windows 10 Home รองรับอัพเกรดเป็น Windows 11
  • รองรับ WiFi 6 ax, Bluetooth 5.1
  • เชื่อมต่อ USB-A 3.2 x1, Type-C 3.2 Gen1 x2
  • พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม.x 1

PERFORMANCE

ในรุ่นนี้จะใช้งาน โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i5-11300H Processor 1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores/ 8 Threads ) บนสถาปัตยกรรม 10nm Tiger Lake เช่นเดิม และรุ่นนี้จะมาด้วยการ์ดจอในตัว Intel Iris Xe Graphics พร้อมกับใช้งาน RAM 8GB DDR4 on board ส่วนทางด้าน SSD ให้มา 512GB รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย และ รองรับ Windows 11 ได้เช่นกัน ถือว่าเรื่องสเปกรองรับการใช้งานระดับกลางไปสูงได้สบายแต่ RAM อาจจะน้อยไปนิดเทียบกับราคาอาจจะเสียดายเรื่องการ์ดจอแยก แต่ได้เรื่องความบางเบามาแทนนั้นเอง แต่ถือว่า i5 ที่ใส่เข้ามาให้นั้นรองรับการทำงานระดับเริ่มต้น และ ใช้งานระดับกลางได้ดีมาก

PCMARK คะแนนทำได้ 4796 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าเอาเรื่องเนื่องจากใช้งานตัว i5 Gen 11 ทำให้รองรับการ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย และเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจน ทางด้านความร้อนนั้น CPU 75 และ GPU 74 สำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติ ถือว่าเรื่องความร้อนแอบสูงกว่าตัวก่อนหน้าอาจจะด้วยการปรับมาใช้งานตระกูล H

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Time SPY / Firestrike / Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 1+6334คะแนนดี การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้เท่ากับพวก MX เลยครับ และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน Sky Driver นั้นแตะ 1553 ได้เลย และในตัว FIRE STRIKE นั้นทำไปได้ 4078 คะแนน และสำหรับตัว ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 79 และ GPU 78 ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดีมากๆ และประหยัดพลังงาน

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 977 ถือว่าแรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนชัดเจน และทำไปได้  95.59 FPS และในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2366 cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้ 3552 ส่วนเขียนที่ 2799 คะแนน จากทดลองหลายๆรอบ ถือว่าการอ่านเขียนนั้นไวมากและใช้งานได้ดีจริงๆ และ ครั้งนี้ให้มา 512GB ครับ ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไปจะไม่สามารถอัปเกรดอะไรได้นะครับเปลี่ยนได้เท่านั้น

SCREEN

หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14.2 นิ้ว ที่ได้รับการดีไซน์ให้ภาพดูใหญ่ขึ้นไปอีกด้วยสไตล์การออกแบบ HUAWEI FullView Display ขอบจอบางเฉียบ (พื้นที่หน้าจอแสดงผลกินพื้นที่ถึง 90% จากทั้งจอ)  2.5K หรือ 2520 x 1680 พิกเซล รองรับรีเฟรชเรตสูงสุดที่ 90Hz สามารถสลับรีเฟรชเรต FN+R เหลือ 60Hz สามารถแสดงเฉดสีได้ 1.07 พันล้านสี เป็นหน้าจอสัมผัสที่รองรับระบบสัมผัส Multi-touch 10 จุด ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland ในด้านการลดแสงสีฟ้า และใช้เทคโนโลยีการแสดงผลที่ไร้การสั่นไหว และการกระพริบของภาพ และมาตรฐาน sRGB100% ที่รองรับความสว่างสูงสุด 400Nits มากกว่ารุ่น 14 ก่อนหน้าพอสมควรทำให้หน้าจอถือว่าโหดมากขึ้น รวมถึงมีค่า อัตราส่วนความคมชัด 1500:1 เลยทีเดียวถือว่าเป็นหน้าจอที่ทำงานได้แม่นยำ และสู้แสงได้ดีรวมถึงความสวยงามที่มากกว่าเดิม แต่กระจกเงาเองนั้นอาจจะลำบากเวลาเจอแสงสะท้อนอยู่บ้างเหมือนกัน

ในแง่ของคุณภาพในการใช้งานจริงๆนั้นรุ่นนี้ถือว่าให้คุณภาพการใช้งานเป็นที่น่าประทับใจในทั้งเรื่องของการดูภาพต่างๆสีค่อนข้างตรงและมุมมองสมกับเป็น IPS รองรับมุมมองเอียงได้ดีดีรวถมึงมิติของตัวภาพการแสดงเฉดสีเมื่อเทียบกับเรทราคานี้ถือว่าสบายๆและมีความแม่นยำมาก หน้าจอจึงทำออกมาโดดเด่นและรองรับดีจริงๆ รวมถึงความสว่างในการใช้งานจริงก็สามารถสู้แสงได้ดีใช้งานข้างนอกได้สบายแม้จะเป็นกระจกเงาแต่ก็สู้แสงได้ดีเลยทีเดียว

KEYBOARD

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นยังคงดีไซน์อะไรต่างๆที่เราคุ้นเคยกันในรุ่นก่อนหน้า แต่ในตัวรีวิวนั้นจะเป็นเครื่องนอกนะครับส่วนเครื่องในไทยนั้นเป็นภาษาไทยปกติเลย ใช้งานแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง เว้นระยะห่างกันได้ดี มีไฟ Backlit สีขาวมาให้ด้วยครับ ส่วนระยะการกดนั้นถือว่าทำได้ดีระดับนึงในการออกแบบเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องครับ และโทนสีดำนั้นทำให้เห็นค่อนข้างชัดเจนแม้จะเป็นกลางวันกลางคืน ถือว่าเป็นการเลือกสีที่ดีไม่ใช้สีโทนอ่อนแบบตัวอื่น และตัวอักษรตัวปุ่มที่ใหญ่ทำให้ใช้งานค่อนข้างง่ายและกดพิมพ์งานรัวๆได้แบบไม่ติดปัญหาอะไรเลย

ตัวปุ่มอะไรนั้นจัดวางแบบคีย์บอร์ดทั่วไปเลย แต่จะมีปุ่มตรงกลางที่เป็นกล้องเพิ่มแทรกเข้ามานั้นเองชอบที่ตัวปุ่มนั้นมีความใหญ่และมีพื้นที่ในการใช้งานได้ดีแต่เรื่องของระยะของตัวปุ่มเวลากดลงไปนั้นไม่ได้ลึกมากเท่าไร หลายๆคนอาจจะไม่ชิน แต่ถ้ามองเทียบกับพวก Ultrabook ก็จะอยู่ในระดับนี้ทั้งหมด ส่วนวัสดุเป็นแบบด้านสีดำมีพื้นผิวนิดหน่อยไม่ได้เรียบทำให้เวลากดนั้นมีความเกาะกับตัวนิ้วได้ดีครับ ส่วนตัวปุ่มนั้นไม่ได้มีความโค้งเว้าอะไร และที่ชอบคือตัวปุ่ม Power นั้นมีมาให้และรองรับการสแกนนิ้วได้เลยเวลากดลงไปไวและใช้งานได้จริง ไม่ต้องรอนาน

TOUCHPAD

ส่วนในการใช้งานจริงนั้นก็ถือว่าตัว 14 นิ้วขนาดเต็มๆใช้งานได้ดีเลยแหละ รวมถึงความลื่นไหลของตัวทัชแพดนั้นก็ถือว่าทำได้ดีแต่ที่ชอบคือความแน่นเวลากดลงไปนั้นระยะเสียงอะไรรู้สึกถึงความแน่นแข็งแรงของตัวเครื่องพอสมควรเลย และรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้ดีไม่ติดปัญหาอะไร และการพัฒนารุ่นนี้ตัว Huawei Share TAG ก็ใส่เข้ามาให้ตรงทัชแพดเลยครับ สามารถวางมือถือแตะลงไปเพื่อทำการแชร์หน้าจอหรือใช้งานฟีเจอร์ร่วมกันมือถือ Huawei

SPEAKER

ลำโพงในรุ่นนี้นั้นจะเป็นลำโพงคู่วางอยู่ข้างล่างพร้อมกับยิงลงล่างครับซ้ายขวา ตัวลำโพงนั้นให้กำลังขับข้างละ 2W ก็ถือว่ามีความดังพอประมาณระดับนึง เพียงพอต่อการใช้งานอยู่บ้างแต่ถ้าเน้นเรื่องของมิติเสียง ความดังมากๆนั้นยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร แต่ก็พอเล่นเกม ดูหนังอะไรได้อยู่บ้าง กลางๆไม่ได้เด่นและไม่ได้แย่เกินไป แต่จะเน้นเรื่องของความกังวานซ้ายขวา ได้ดี แต่ความแน่น หรือคุณภาพของเสียงนั้นยังไม่ค่อยจะเด่นกว่าตัวอื่นๆเท่าไรนักนั้นเอง

CONNECTOR

ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเป็นตัว USB-C ที่รองรับ PD ในการชาร์จไฟเข้าด้วย 2 ช่องและมีไฟสถานะของตัวชาร์จสีขาวมาให้ ส่วนในตัวรู 3.5มม. ก็ให้มาในฝั่งนี้ และ HDMI ก็ให้มาด้วยถือว่ายังเพียงพอต่อการใช้งาน และ นำเสนองานได้ด้วยไม่ต้องเสียบอะไรเพิ่มเติม และด้วยขนาดของมันก็ถือว่าเทียบกับพอร์ตแล้วยังคงจัดการได้ดีเลยแหละ

ทางด้านช่องเชื่อมต่อนั้นถือว่าเพียงพอในการใช้งาน ในฝั่งขวานั้นจะให้ทางพอร์ตเชื่อมต่อ USB-A  มา  1 ช่อง เท่านั้นที่ให้มานั้นจะเป็น USB-A 3.2 GEN 1 ถือว่าในเรื่องของความเร็วในการใช้งานนั้นถือว่าสบายๆ ในรุ่นนี้ แต่ถ้ามองเทียบกับรุ่น 14 ก่อนหน้าถือว่าน้อยลงกว่าเดิมครับ แต่เราจะได้ USB-C มากกว่าเดิมมาทดแทนกันไปนั้นเอง พร้อมกับรองรับไร้สาน IEEE 802.11a/b/g/n/ac/ax, 160 MHz 2.4 GHz และ 5 GHz และ 2 x 2 MIMO

MOBILE APP 

แน่นอนว่าเราไม่ต้องรอ Windows 11 ตัวนี้สามารถใช้งานแอปบนมือถือได้ด้วยเช่นกันในบางแอปและน่าจะอิงที่มีบน App Gallery นั้นเองMateBook 14s เพื่อเข้าถึงทุกการใช้งานผ่านแอปได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก HUAWEI AppGallery และเตรียมตัวให้พร้อมกับโปรแกรม HUAWEI Mobile App Engine Beta Program ที่กำลังจะมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งตอนนี้ที่ลองก็สามารถใช้งาน Tiktok แบบมือถือได้ทันทีสัมผัสผ่านหน้าจอ หรือว่าเล่นเกมก็ทำได้ครับ

HUAWEI COLLABATAION 

สำหรับฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่สำหรับคนใช้งาน HUAWEI เท่านั้นในการโอนย้ายไฟล์ โอนรูปหรือจะเป็นการยกหน้าจอมือถือขึ้นไปบนคอมเหมาะสำหรับคนที่ใช้ ECOCSYSTEM แบบครบๆเลยครับมันจะคล้ายๆกับ MAC ที่สามารถโอนย้ายไปอะไรง่ายๆกับ iPhone นั้นเองและตอนนี้ทาง Huawei ก็ได้ทำออกมาเช่นกันแต่พัฒนาขึ้นให้กับ Huawei Device ด้วยกันเองทำให้เราไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาก็สามารถใช้งานมือถือบนหน้าจอคอมของเราได้เลย ดูแจ้งเตือนเข้าไลน์หรือจะเป็นการย้ายไฟล์ ลากไปมาได้เลยว่าจะเป็นรูป หรือ วีดีโอไฟล์งานทุกอย่างนั้นสามารถทำได้ทั้งหมด และในรุ่นนี้มีการพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมเข้ามาและซ่อนตัว TAG ไว้ตรงทัชแพดแล้วทำให้เนียนตาและใช้งานสะดวกมากกว่าขอบเครื่องแบบรุ่นเดิม อีกทั้งฟีเจอร์ในการ Video Call Meetime ก็ทำได้ผ่านคอมพิวเตอร์แล้วและสามารถรับสายอะไรและใช้งานลำโพงของตัวคอมพิวเตอร์ หรือ ใช้งานผ่านตัวไมค์คอมพิวเตอร์แทนได้ทันทีเลย

ในการใช้งานนั้นจริงๆถ้ามี Huawei อยู่แล้วแค่เปิด Huawei Share และเอามือถือของเราไปแตะตรงที่มีสัญลักษณ์ Huawei Share บนตัวเครื่องจากนั้นมันจะเด้งขึ้นมาถามว่าจะต่อกับตัว MatePad หรือไม่ และเมื่อเชื่อมต่อเสร็จเราก็สามารถยกมือถือออกไปได้เลยไม่ต้องวางไว้ที่ตรงที่แปะครับ ถือว่าเชื่อมต่อ อะไรได้ง่ายจริงและชอบฟีเจอร์นี้มา และยังรองรับกับมือถือ HUAWEI หลายตัวได้เลย และ Matebook ก็ได้เทคโนโลยีนี้ไปใช้ได้ด้วยถือว่าดีมาก

เป็นฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้จริงและน่าสนใจทำงานร่วมกันได้แบบลื่นไหลมากๆโยนไฟล์ต่างๆ หรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกันสำหรับการทำงานที่อื่นๆหรือว่าจะเป็นการทำหน้าจอที่ 2 ทำให้เรามีหน้าจอเพิ่มอีกอันได้เแบบสบายๆครับ รวมถึงรองรับการโยนไฟล์ระหว่างไฟล์บน Matepad และ Matebook ได้ทันทีเลยไม่ต้องเสียบสายอะไรทั้งนั้นและแท็บเล็ตและแล็ปท็อปสามารถใช้เมาส์และคีย์บอร์ดร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ไฟล์และข้อความสามารถส่งผ่านไปมาระหว่างสองอุปกรณ์ได้ง่ายดายเลยจริงๆ สามารถเปิดใช้งานได้บน PC MANAGER บนคอมพิวเตอร์

  • เมื่อเปิด Mirror Mode หน้าจอแล็ปท็อปของคุณจะถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอแท็บเล็ตที่สามารถพร้อมใช้ในการเขียนได้ทันที ไม่ว่าคุณจะเขียนหรือวาดรูปบนแท็บเล็ตด้วย M-Pencil จะแสดงผลทันทีไปยังหน้าจอแล็ปท็อปของคุณ นี่คือตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานการออกแบบอย่างมืออาชีพ เป็นการทำหน้าจอให้เหมือนกัน สั่งงานได้ทั้งหมดเลยนั้นเองครับ
  • เมื่อเปิด Extend Mode สามารถลาก แอปฯ/หน้าต่าง บนแล็ปท็อปสู่แท็บเล็ตได้ทันที ขณะประชุมหน้าจอหนึ่ง คุณสามารถเช็กไฟล์หรือแก้ไขงานในอีกหน้าจอไปพร้อมกัน ตอบสนองการทำงานอันหลากหลายได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับการต่อจอที่ 2 ในคอมพิวเตอร์ต่างๆ และสามารถโยนไปมาได้ในแอปต่างๆด้วยเช่นกัน

WORKING

สเปกตัวนี้ใช้งาน Intel® Core™ i5-11300H Processor 1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores/ 8 Threads ) บนสถาปัตยกรรม 10nm Tiger Lake และรุ่นนี้จะมาด้วยการ์ดจอในตัว Intel Iris Xe Graphics  ถือว่ารองรับได้สบายในการเรนเดอร์ หรือ ว่าตัดต่อ แต่ถ้า RAM 8GB แบบที่รีวิวอาจจะไม่รองรับหลากหลายได้มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นใช้งานทั่วไปแต่ถ้าระดับโหดๆ RAM 8GB อาจจะน้อยและไม่พอเท่าไรนักครับตัวนี้

LIGHTROOM เองสามารถใช้งานได้ลื่นไหลและ IMPORT EXPORT ภาพได้สบายซึ่งโปรแกรม LIGHTROOM เองนั้นจะประมวลผลหนักๆในช่วงนี้ และในช่วงการแต่งภาพเท่าที่ลองนั้นสามารถทำสีแม้จะมีภาพเยอะๆก็สามารถรองรับได้สบายครับ แต่ด้วย RAM 8 GB เองนั้นอาจจะเน้นทำงานโปรแกรมเดียวมากกว่าซึ่งถ้าทำทีละโปรแกรมก็สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่ถ้าทำงานหนักเปิดหลายๆโปรแกรมพร้อมกันตัวนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไร

งานวิดีโอนั้นในรุ่นนี้ถือว่ารองรับได้อยู่สำหรับตัว CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยว่า 4K 60FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหน ในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 30 นาที ถือว่าความเร็วในการเรนเดอร์นั้นไม่น้อยหน้าตัวอื่นเท่าไรในการใช้งานจริง แต่ก็อย่างว่ามันไม่ได้ออกแบบมาทำตรงๆในสายงานนี้ ถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ส่วนเรื่องของอุณหภูมินั้นจะประมาณ 70 องศา ในการเรนเดอร์ตัวนี้ ส่วนการตัดต่อก็ไม่ได้มีหน่วงแต่ถ้าเปิดหลากหลายโปรแกรมอาจจะแน่นไป

GAMING 

ตัวนี้แม้ว่าจะใช้งาน intel i5 Gen 11 10nm Tiger Lake นั้นถือว่าพัฒนาขึ้นพร้อมกับ IRIS Xe Graphic  Onboard ทำให้ในการเล่นเกมนั้นอาจจะไม่ได้เน้นแต่ตัวเครื่องก็แอบขับได้ดีกว่าที่คิดในหลายๆเกม แต่ความร้อนก็อาจจะมีบ้างเช่นกัน ซึ่งในการทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 90+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 71 องศา และ CPU แตะไป 65 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ และ จากที่ทดสอบนั้นเลยของลองตัว PUBG นั้นได้ FPS 31  ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม และ  APEX เองนั้นก็ไหวตัวนี้ 30 FPS และพัดลมคู่แบบนี้สามารถระบายความร้อนได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเล่นเกมมากนักครับ และการที่ Huawei Matebook 14S ไม่ได้ใส่การ์ดจอแยกมาแบบนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วในการทำงานหรือแม้แต่เล่นเกมแก้ขัดกันไปบ้าง ในการปรับภาพแบบต่ำ เพื่อความลื่นเวลาเล่น

HUAWEI MATEBOOK 14S 

” ทำได้น่าสนใจใน Matebook มีจุดเด่นและ Software จัดว่าพัฒนาขึ้น ! “

ถ้าใครที่ใช้งาน Huawei ในหลายๆ Device ต้องบอกว่าการที่มีครอบคลุมทั้ง มือถือ นาฬิกา หูฟัง Tablet และ Matebook มันคืออะไรที่ลงตัว จากประสบการณ์ใช้งานจริงเลยนั้นเองตัวนี้สามารถลากไฟล์ไปมาได้แบบไร้รอยต่อเลยแหละ มันไว และลื่นไหลคุยกันง่ายและไม่ยุ่งยากแตะโยนได้ทันที และแน่นอนว่ามีอีกหลายๆฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกันผสมกับประสิทธิภาพของ Windows 10 และ Intel ต่างๆมันเลยเป็นการใช้งานที่ลงตัวทันที ไม่ว่าจะเป็น Software Hardware ต่างๆทั้ง 2 ตัวนี้ตอบโจทย์ได้แบบสบาย อีกทั้งในตัว Matebook 14s เองพัฒนาขึ้นมาเยอะมากในแง่ของคุณภาพหน้าจอต่างๆทำให้มันใช้งานแบบจริงจังได้ทันที แต่ถ้าไม่ได้ใช้งาน Huawei อื่นๆแล้วยังน่าเล่นไหมต้องบอกว่ามันเป็น Ultrabook ที่ดีตัวนึงในตลาดสำหรับสายทำงาน พกพา เน้นคุณภาพหน้าจอ และยังสามารถเรนเดอร์งานต่างๆได้ดี ที่สำคัญการพกพาชาร์จแบตอะไรก็ทำได้ง่ายมากรวมถึงพอร์ตก็ค่อนข้างครบ

ข้อดี

  • ดีไซน์ทำได้ดีในเรื่องความบาง เบา วัสดุงานประกอบ
  • ประสิทธิภาพตัวนี้ทำได้ดีถ้าเทียบกับความเบาที่ให้มา
  • หน้าจอคุณภาพสูง 2.5K 60Hz รองรับค่าสีที่ตรงและแม่นยำ
  • ลำโพงเสียงจัดว่าดีและดัง
  • พอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบพร้อมใช้งาน USB-C มากขึ้นกว่ารุ่นก่อน
  • ทัชแพดขนาดใหญ่ รองรับการทำงานได้ดี
  • ระบบ Software ทำงานได้ดี ร่วมกับมือถือ และรองรับแอปได้ดี

ข้อสังเกต 

  • หน้าจอแบบเงาเจอแสงสะท้อนได้ง่าย
  • ดีไซน์เรียบๆยังไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเองเท่าที่ควร
  • ไม่มี Sd Cardreader

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr